9-17 เมษายน 2559
ครั้งแรกของเราสำหรับการเดินทางไปเกาหลี และเป็นการเดินทางคนเดียวด้วย รู้สึกกลัวนิดหน่อย แต่โชคดีที่พอจะมีเพื่อนในเกาหลีบ้าง เพื่อนสาวเพียงคนเดียวที่รู้จักกันมาเกือบ 8 ปี เพราะดันไปชอบนักร้องวงเดียวกัน เลยทำให้คุยกันยาวมาจนถึงทุกวันนี้ เพื่อน D (นามสมมุติ) เป็นคนดังในโลกออนไลน์ เพราะงานอดิเรกของเธอคือตามถ่ายรูปศิลปินวงโปรด (ของพวกเรา) แล้วโพสต์ขึ้นหน้าเว็บเพจส่วนตัว เลยทำให้มีผู้คนติดตามเธอมากมาย
สำหรับเราที่เพิ่งได้พบตัวจริงของ D หากไม่นับจากรูปถ่าย และ Video Call เธอน่ารักไม่แตกต่างจากในรูปถ่าย ที่สำคัญยังใจดีมาก เพราะนอกจากจะให้เราไปพักที่บ้านโดยไม่ต้องเสียเงินเช่าโรงแรมแล้ว D ยังพาเราไปเที่ยวตั้งหลายที่ แถมยังสอนอะไรเราอีกหลายๆ อย่างเกี่ยวกับคนเกาหลีด้วย ซึ่งบางเรื่องเราว่าหลายๆ คนก็น่าจะรู้กันอยู่แล้ว แต่บางเรื่องก็อาจจะไม่รู้ ซึ่งอันนี้ก็รวมทั้งตัวเราด้วย
16 ค่านิยมของ คนเกาหลี ที่ต่างชาติควร (รับ) รู้
1. เรื่องแรกก่อนเดินเข้าไปในบ้าน ค่านิยมหรือธรรมเนียมอันนี้ก็คล้ายๆ กับบ้านเรานั่นแหละค่ะ คือควรถอดรองเท้าเสียก่อน แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องเดินเท้าเปล่าๆ หรอกนะคะ เพราะที่เกาหลีถ้ามีผู้สูงอายุหรืออายุมากกว่าเราอยู่ด้วย การเปลือยเท้าต่อหน้าจะถือว่าไม่มีมารยาทและไม่สุภาพค่ะ ดังนั้นก็ควรจะสวมถุงเท้าหรือถุงน่องเอาไว้จะดีกว่า
2. ตอนแรกที่เห็นคนเกาหลีใช้นิ้วกลางโด่เด่สไลด์หน้าจอโทรศัพท์ หรือจับนู่นแตะนี่ก็ตกใจเหมือนกัน เพราะเราจะเคยชินตามธรรมเนียมของฝรั่งว่ามันไม่สุภาพใช่ไหมคะ แต่ D บอกกับเราว่า สำหรับคนเกาหลีเรื่องนี้มันปกติมากๆ เพราะพวกเขาแค่ใช้นิ้วกลางเพราะเห็นว่ามันเป็นนิ้วที่ยาวที่สุดและสะดวกที่สุดสำหรับการสไลด์หรือกดปุ่มโทรศัพท์เท่านั้น
3. ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษกันค่ะ คือคนเกาหลีที่พอจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้นี่น้อยมากๆ เลย แม้แต่หนุ่มสาวสมัยใหม่ยังพูดไม่คอยจะได้เลย แต่โชคดีของเราที่ D ค่อนข้างเก่งภาษาอังกฤษพอสมควร อันนี้เหตุผลที่ D บอกก็เพราะสมาชิกในวงนักร้อง (ที่พวกเราชอบ) มีคนต่างชาติอยู่ด้วย เลยต้องฝึกภาษาเอาไว้สื่อสารกับแฟนต่างชาตินั่นเอง
4. รถไฟใต้ดินในกรุงโซลเป็นสายใหญ่ บางครั้งเลยค่อนข้างช้าค่ะ ซึ่งอันนี้จะมีปัญหาในช่วงดึก เพราะรถไฟจะทำงานถึงแค่ตอนเที่ยงคืน ดังนั้นพอช่วงห้าทุ่มนี่ต้องลุ้นแล้วค่ะว่ารถไฟจะมาถึงกี่โมง แล้วจะถึงจุดหมายปลายทางของเราทันเวลาพอดีไหม แต่จากประสบการณ์ที่เจอ พอถึงเที่ยงคืนปุ๊บ รถไฟยังไปไม่ถึงสถานีปลายทางเขาก็จอดแล้วค่ะ คือปิดทำการแล้ว ส่วนผู้โดยสารจะไปต่อยังไง อันนี้ก็เรื่องของคุณแล้ว ดังนั้นตัวช่วยของเราก็คือต้องต่อแท็กซี่ค่ะ
5. เรื่องนี้ถ้าเป็นในโซลจะไม่มีปัญหาค่ะ แต่ถ้าออกไปนอกเมืองนี่ ถ้าเราแต่งตัวแบบใส่กระโปรงสั้น ใส่สายเดี่ยวหรือเสื้อแขนกุดเมื่อไหร่ จะกลายเป็นเป้าสายตาทันทีค่ะ ดังนั้นหากต้องออกไปนอกกรุงโซลควรแต่งตัวให้สุภาพเสียหน่อย จะสบายใจและมีความสุขมากกว่าค่ะ
6. ผู้ชายเกาหลีก็คล้ายๆ กับผู้ชายไทยนั่นแหละค่ะ คือเวลาออกเดท พวกเขาก็จะเป็นคนจ่ายทั้งหมด แต่ก็มีผู้ชายบางคนเหมือนกันต้องที่ต้องการให้ผู้หญิงหารครึ่งนับตั้งแต่ครั้งแรกที่ออกเดท หรือขอให้ผู้หญิงจ่ายทั้งหมดก็มีเหมือนกันค่ะ
7. ย่านฮงแดและอิแทวอนเป็นสองแหล่งที่ผีเสื้อราตรีชาวต่างชาติมักนิยมไปเยือนมากที่สุด เนื่องจากพวกเขาคิดว่าที่นี่แหละที่จะให้ประสบการณ์ไนท์ไลฟ์ในแบบเวอร์ชั่นเกาหลีอย่างแท้จริง ที่สำคัญทั้งสองย่าน เครื่องดื่มและอาหารยังมีราคาไม่แพงมากนัก เต็มไปด้วยนักศึกษา จึงเหมาะสำหรับการฝึกภาษาเกาหลีเป็นที่สุด
8. ประเทศเกาหลีถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบขนส่งโดยสารทั้งรถไฟและรถประจำทางค่อนข้างดีค่ะ ดังนั้นเราจึงสามารถเดินทางออกไปเที่ยวนอกกรุงโซลได้สบายๆ ภายใน 1 วัน ซึ่งคนเกาหลีส่วนใหญ่เวลาจะต้องเดินทางในแบบนี้เขาก็มักจะจองตั๋วเอาไว้ก่อนค่ะ ส่วนคนต่างชาติ หากใครสนใจก็สามารถทำได้ด้วยการเดินทางไปยังสถานีรถไฟที่ให้จองตั๋วก่อนวันเวลาได้ จากนั้นก็สามารถจองผ่านเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติได้เลยค่ะ
9. บอกเลยว่าใครที่เป็นคอ K-Pop มาเกาหลีแล้วคุณจะฟินแน่นอน เพราะไม่ว่าจะไปไหนมาไหน โดยเฉพาะในย่านที่เต็มไปด้วยวัยรุ่น เราก็จะได้ยินหรือได้เห็นอะไรๆ ที่เกี่ยวข้องกับ K-Pop อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลง โปสเตอร์หรือสแตนดี้โฆษณาสินค้า เป็นต้น
10. เวลาที่เรานั่งรถโดยสาร หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่ากว่าครึ่งของที่นั่งด้านหน้าเขาจะสงวนไว้สำหรับคนชรา ผู้พิการ หรือหญิงตั้งครรภ์ค่ะ ดังนั้นหากเราไม่ได้อยู่ในข่าย 3 อย่างนี้ก็เดินไปนั่งด้านหลังจะดีกว่า เพราะไม่อย่างนั้นหากไม่ถูกมองเป็นตาเดียว ก็อาจจะโดนเหล่าอาจุมม่าต่อว่าได้นะ
11. ความลำบากอย่างหนึ่งของชาวต่างชาติในเกาหลีก็คงจะเป็นเรื่องของคนขับรถแท็กซี่นี่แหละค่ะ เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมากๆ หรือบางคนก็ไม่ได้เลย คือไม่ใช่แค่เพียงพูดไม่ได้เท่านั้นนะคะ แต่ประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆ เขาก็แปลไม่ออกเหมือนกัน อันนี้ไม่ใช่การดูถูกค่ะ แต่เพราะเจอกับตัวเองแล้ว ดังนั้นหากต้องไปไหนมาไหนโดยรถแท็กซี่ ถ้ามีนามบัตรหรือกระดาษที่มีจุดหมายปลายทางเป็นภาษาเกาหลีเขียนเอาไว้ จะสะดวกทั้งสำหรับเราและคนขับมากกว่าค่ะ
12. เวลาที่เราช้อปปิ้ง กฎง่ายๆ ที่ควรจำไว้หากต้องการต่อรองราคาก็คือ หากมีป้ายราคาติดไว้อย่างแน่ชัดแล้ว อันนี้จะเป็นราคาที่เขาห้ามต่อค่ะ แต่หากไม่ได้ติดป้ายเอาไว้ ก็หมายความว่า เขา (แม่ค้า/พ่อค้า) เปิดโอกาสให้เราต่อรองราคาสินค้าได้อย่างเต็มที่ ส่วนสุดท้ายแล้ว เราจะได้ราคาที่ถูกลงเท่าไหร่ อันนี้ก็แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคนแล้วล่ะค่ะ
13. คนเกาหลีค่อนข้างจะถือเรื่องอาวุโสเป็นหลักค่ะ เรียกง่ายๆ ว่าวัยวุฒิของที่นั่นอาจจะสำคัญกว่าเรื่องของคุณวุฒิด้วยซ้ำ ดังนั้นจะค่อนข้างชินตาที่เราจะเห็นคนที่มีตำแหน่งใหญ่โต บางครั้งก็ให้ความเคารพคนที่ตำแหน่งต่ำกว่า (แต่มีอายุมากกว่า) เพราะฉะนั้นบางครั้งที่เราถูกถามอายุ นั่นก็ไม่ใช่การดูถูกดูแคลนอะไรหรอกนะคะ เพียงแต่เขาจะได้รู้ว่าควรปฏิบัติตัวกับเรายังไงแค่นั้นเอง
14. แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการเที่ยวหรือช้อปปิ้งในวันจันทร์ค่ะ เพราะโดยส่วนใหญ่ร้านค้าหรือสถานที่ท่องเที่ยวเขาจะปิดให้บริการ เนื่องจากคนเกาหลีเชื่อว่าวันจันทร์เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับการใช้เวลากับวันหยุดนั่นเอง เพราะฉะนั้นวันที่เหมาะกับการออกไปเดินชิลล์มากที่สุดนั้นก็คือวันอาทิตย์ค่ะ (ตรงข้ามกับบ้านเราเลยเนอะ)
15. ประเทศเกาหลีค่อนข้างมีทัศนคติที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับการรีไซเคิลค่ะ ดังนั้นถังขยะที่บ้านเขาจะมีการแยกถังกันอย่างชัดเจน อย่างพลาสติก ขยะเปียก เป็นต้น ดังนั้นก่อนจะทิ้งขยะควรสังเกตป้ายที่ติดอยู่เสียก่อนนะคะ ว่าคุณทิ้งได้ถูกถังแล้ว
16. โซจูขวดแก้วสีเขียวที่ขายในร้านสะดวกซื้อรสแรงมากกกกกค่ะขอบอก ดังนั้นสำหรับสาวไทยที่ค่อนข้างคออ่อน จะมากระดกขวดเอาอย่างสาวเกาหลีต้องระวังเอาไว้ค่ะ เพราะคุณอาจเมาล้มเค้เก้อยู่ตรงนั้นทันทีก็เป็นได้ (เราเจอกับตัวเองแล้ว) แต่เพื่อน D แนะนำว่าลองเอาไปผสมโยเกิร์ตรสชาติจะนุ่มและกินง่ายขึ้นค่ะ อันนี้ใครเคยลองแล้วช่วยบอกหน่อยนะคะว่าจริงหรือไม่
และทั้งหมดนี้ก็เป็นค่านิยมเล็กๆ น้อยๆ ของชาวเกาหลีที่ D ได้บอกกล่าวกับเรา รวมถึงจากประสบการณ์ตรงที่เจอะเจอมาด้วยตัวเอง หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ (บ้าง) สำหรับใครก็ตามที่กำลังมีแผนจะเดินทางไปเยือนเกาหลีเป็นครั้งแรก (เหมือนเรา) นะคะ