28 วัน ฉายเดี่ยวตะลุยจาก คุนหมิง ประเทศจีน ไปสิ้นสุดที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ประเทศรัสเซีย ตอนที่ 2
เช้าวันต่อมา วันนี้โปรแกรมของผมคือไปเที่ยวทะเลสาบเตียนฉือ ภูเขาซีซาน และตอนค่ำจะนั่งรถไฟไปเมืองหนานหนิงครับ ขั้นแรกก็เชคเอ้าท์ออกจากโฮสเทล สามารถฝากกระเป๋าไว้ได้นะครับ สำหรับวิธีไปทะเลสาบเตียนฉือคือนั่งรถเมล์จากป้ายฝั่งตรงข้ามโฮสเทลนะครับ ให้ข้ามถนนเยื้องไปฝั่งซ้ายและขึ้นรถเมล์สาย 73 ไปลงสะพานพุทธ ไม่ใช่! ไปทะเลสาบเตียนฉือครับ เป็นป้ายสุดท้ายพอดีครับ
สิ่งที่ผมเห็นก็คือสีเขียวครับ เขียวล้วนๆ เหมือนน้ำฝรั่งยังไงยังงั้น มองไปสุดลูกหูลูกตาก็ยังเขียวอยู่ครับ นกนางนวลบินกันให้ว่อนไปหมด
มี Nike Outlet ด้วยนะครับ แท้ปลอมไม่ทราบจริงๆ ครับ
หลังจากนี้ผมตั้งใจจะไปเขาซีซานครับ สต๊าฟโฮสเทลบอกให้นั่งรถเมล์สาย 94 ต่อไปจนสุดสาย แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นครับพอนั่งไปสุดสายกลายเป็นเห็นพื้นที่ก่อสร้างเรียงรายกันเต็มไปหมด สุดท้ายผมต้องนั่งกลับโฮสเทลครับ หาเขาซีซานไม่เจอ T.T ใครไปมาบอกผมด้วยนะครับว่าตกลงต้องลงตรงไหน หรือผมนั่งไปผิดฝั่งก็ไม่ทราบได้จริงๆ ครับ สุดท้ายกลับมานั่งรอเวลาที่โฮสเทลจนกระทั่งประมาณ 4 โมงก็นั่งรถเมล์ออกไปสถานีรถไฟ รอเวลา17:20 เพื่อขึ้นรถไฟสาย K484 คุนหมิง – 5:49 หนานหนิง
หนานหนิง จริงๆ แล้วเมืองนี้ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเลยครับ ผมหาที่พักใน Hostelworld ก็ขึ้นมาแค่ที่เดียว ที่ผมแวะมาเมืองนี้มี 2 เหตุผลครับ
- ผมจะต้องนั่งไปปักกิ่งเป็นที่สุดท้ายในเมืองจีน ถ้ายิงตรงจากคุนหมิงไปเลยจะใช้เวลากว่า 40 ชม.ครับ ซึ่งนานเกิน
- คราวที่แล้วผมมาเที่ยวเมืองจีน ผมรู้จักคนคนนึงที่บ้านเกิดอยู่กุ้ยหลิน เธอชื่อเหลียว จาง ฉี แต่มาเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ที่หนานหนิงครับ ก่อนมาผมถามเค้าว่าพอจะมีเวลาพาผมเที่ยวมั้ย ถ้าผมแวะหนานหนิงสัก 2 วัน และเธอตอบตกลงครับ
ผมไม่สามารถให้รายละเอียดการเที่ยวที่เมืองนี้ได้เลยครับ มาถึงที่นี่ตอนเกือบๆ 7 โมงครับ รถไฟดีเลย์ไปประมาณ 1 ชม. ออกมาก็เจอสาวน้อยอยู่บนมอเตอร์ไซค์ทำหน้าบูดรอรับผมครับ เธอบอกว่าตื่นตั้งแต่ตี 5 มารอผม รวมๆ แล้วก็ร่วม 2 ชม.ครับ ผมก็ไม่รู้จะขอโทษยังไงเลยโทษทางการรถไฟจีนครับง่ายดี หลังจากทักทายกัน เธอก็พาผมไปที่พักครับ ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดีแต่ผมว่าคำว่า อพาทเม้นท์น่าจะใกล้เคียงกับที่นี่ที่สุดครับ เป็นห้องเดี่ยวครับเสียค่าที่พักไป 50 หยวน
ที่แรกวันนี้ที่เราจะไปกันนั้นก็คือเมืองเก่า Yangmei ครับนั่งรถออกจากหนานหนิงมาประมาณ 1ชม. ที่น่าเศร้าใจคือที่แห่งนี้กำลังรีโนเวทใหม่อยู่ครับ ฝุ่นเยอะและอากาศก็ร้อนมากๆ เดินเล่นได้สักพักหนึ่งก็กลับ อย่างที่ผมบอกครับเมืองหนานหนิงไม่ได้โด่งดังในเรื่องการท่องเที่ยวนัก ผมไม่ค่อยประทับที่นี่สักเท่าไหร่ครับ แต่มันทดแทนกันได้จากการที่มีใครสักคนมาอยู่ข้างๆ ครับ ทำให้วันนี้ผมรู้สึกดีไปทั้งวัน ^^
กลับมาถึงหนานหนิงครับ แวะไปเอามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มหาลัยเธอครับ ผ่านสนามบาสในมหาลัย คนโคตะระเยอะเลย
เธอพาผมไปกลางใจเมือง และถนนคนเดิน Chaoyang ซึ่งเป็นถนนที่มีคนจีนล้วนๆ ไม่เห็นนักท่องเที่ยวเลยสักคน มีห้าง ร้านเสื้อผ้า รองเท้า อาหารซีฟู้ด อาหารท้องถิ่น เยอะแยะเต็มไปหมด ผมชอบที่นี่มากได้เห็นความเป็นอยู่ อาหาร ทุกๆ อย่างของคนพื้นที่จริงๆ หลังจากเดินเล่นทานข้าวเป็นที่เรียบร้อย เธอก็พาผมมาส่งที่ที่พักผมครับ
เช้านี้ผมตื่นมาประมาณ 9 โมงครับ วันนี้ผมต้องไปขึ้นรถไฟไปปักกิ่งขบวน Z6 เวลา 11 โมงตรงและจะถึงปักกิ่งเวลา 9:55 ในวันรุ่งขึ้นครับ สำหรับเช้านี้เธอมารับผมจากที่พักเวลา 10 โมงเช้าครับ มีฝนตกพรำๆ เล็กน้อย เธอพาไปกินข้าวเช้าที่ร้านบะหมี่กุ้ยหลินครับ รสชาติดีกว่าบะหมี่ทั่วๆ ไปที่เคยกินในจีน เสียดายครับไม่ได้ถ่ายรูปมา เสร็จแล้วเธอก็ไปส่งผมที่สถานีรถไฟครับ ไม่อยากจากกันเล้ยยยยย T^T ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เจอกันอีกมั้ย
มาปักกิ่งครั้งนี้ผมตั้งใจจะไปแค่ไม่กี่ที่ครับอาทิ สวนสัตว์ปักกิ่ง สนามกีฬาโอลิมปิก 798 Art Street เพราะปีที่แล้วที่ผมมา ผมไปกำแพงเมืองจีน พระราชวังต้องห้าม หอฟ้าเทียนถาน พระราชวังฤดูร้อน ไปแล้วครับ คราวนี้เลยทำโปรแกรมแบบสบายๆ หน่อย โฮสเทลที่ผมจองมาคือ Feel Inn Hostel ครับ วิธีเดินทางมาจากสถานีรถไฟก็คือ นั่งมาลงที่สถานี Wangfujing ไม่ต้องกลัวนะครับภายในสถานีมีบอกเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด หลังจากนั้นออกประตู C2 ครับ ( ประตู C มีทางออก 4 ฝั่ง ) จะเจอโรงแรมปักกิ่งใหญ่ตระหง่านอยู่ข้างหน้าและจากนั้นก็เดินตามรูปได้เลยครับ ระยะทาง 1 กิโลเมตร
สำหรับโฮสเทล Feel Inn ผมว่าค่อนข้างดีทีเดียวครับ สต๊าฟพูดภาษาอังกฤษได้ ภายในดูสะอาดและมีร้านบาร์เล็กๆให้บริการ มีน้ำร้อนฟรีตลอด 24 ชม. ในห้อง Dorm 6 เตียงมีห้องน้ำในตัว ราคาคืนละเพียง 40 หยวน ทำเลดีมากครับเดินไปแป๊บเดียวก็ถึงถนน Wangfujing แล้ว
กลับมาที่แรกที่ผมจะไปต่อครับ คือสวนสัตว์ปักกิ่งนั่นเอง อยากไปตั้งแต่คราวที่แล้วแล้วครับ แต่เวลาไม่พอ การเดินทางก็ง่ายมากครับ นั่งรถไฟใต้ดินมาที่สถานี Beijing Zoo ได้เลยครับ ผมขอไม่อธิบายนะครับว่านั่งมากี่ป้ายเปลี่ยนสถานีป้ายไหนเพราะมันไม่ยากครับ ออกประตู Aครับ หันหน้าไปหาถนนใหญ่แล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปเลยครับ
สวนสัตว์ที่นี่ใหญ่และสัตว์เยอะมากครับ ค่าเข้าราคานักศึกษา 5 หยวนครับ ถ้าจะดูแพนด้าด้วยต้องไปซื้อตั๋วด้านในนะครับ ราคาผมจำไม่ได้แล้วแต่ไม่แพงครับ
จากนั้นก็ไปเข้า Aquarium ต่อครับ ผมได้ราคานักศึกษามาที่ 70 หยวนครับ ไฟ้ว์กันอยู่นานครับ เค้าไม่เชื่อว่าผมยังเรียนอยู่ เป็นการไฟ้ว์ที่โคตรงงครับ พูดรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะไม่รู้ครับ สุดท้ายเค้าก็เชื่อครับว่าผมยังเป็นนักศึกษาอยู่
ผมรู้สึกไม่เสียดายเงินที่เข้ามาเลยก็เพราะได้มาเห็นเจ้าพวกนี้แหละครับ
เดินดูสวนสัตว์เสร็จท้องฟ้าก็เริ่มมืดครับ โปรแกรมต่อมาคือไปสนามกีฬาโอลิมปิกครับ นั่งรถไฟใต้ดินขึ้นที่สถานี Olympic Sport Center (สาย 8) ได้เลยครับ
หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟกลับ Feel Inn Hostel ที่พักครับ และผมได้ไปเดินเล่นต่อที่ถนนหวางฟูจิง โดยเดินเลาะไปทางถนนดองอันเมิน ผมบังเอิญเดินไปเจอถนนที่ขาย Street food กันเป็นแถบยาวๆ ผมไม่แน่ใจว่าเค้าขายตลอดหรือขายเป็นเทศกาลนะครับ มีให้กินกันเป็น สิบๆ ร้าน ราคาก็มาตรฐานครับ 50 – 100 บาท ผมเคยไปอ่านเจอในไหนก็ไม่รู้ครับว่า The best food is street food เลยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีครับ ได้มีโอกาสมากิน street food แท้ๆ ที่ปักกิ่ง
จากนั้นก็เดินไปตามถนน Wang Fu Jing
แต่เดี๋ยวก่อนครับ ! ผมไม่ได้โชคดีที่เจอ Street food อย่างที่คิดนะครับ ผมจัดเฟรนช์ฟรายและไก่ที่คล้ายๆ ไก่ป๊อบมา ตกดึกคืนนั้นผมท้องเสียอย่างหนักเลยครับ เรียกได้ว่าโคตรซวย และลามไปยันอีกวันครับ สรุปคือคืนวันนั้นและอีกวันหลังจากที่ผมกินอาหารที่นี่ไป ผมได้แต่นอนซมอยู่ในโฮสเทลอย่างเดียวเลยครับ ทำให้อดไป 798 ART STREET อย่างที่ตั้งใจไว้
เช้าวันต่อมา วันนี้ผมจะต้องขึ้นรถไฟสาย K3 ไปอูลานบาตอร์เวลา 11:20 ครับ อาการท้องเสียดีขึ้นแล้ว จะไปถึงโน่นตอน 14:20 ครับ ระยะเวลาเดินทาง 26 ชั่วโมงพอดีครับ จัดการนัดแนะเพื่อนให้มารอรับที่สถานีรถไฟอูลานบาตอร์เรียบร้อย ขั้นแรกก็นั่งรถไฟใต้ดินไปสถานี Beijing Railway Station (สาย2) กันก่อนครับ ออก Exit C
คูปองอาหารครับ มีมื้อเที่ยงและมื้อเย็น (มีเฉพาะในจีนเท่านั้นครับ พอออกจากจีนปุ๊บต้องหากินเอาเอง)
ตู้เสบียงครับดูดีใช้ได้
..กับ….อาหารที่ได้รับเลยครับ 55 ผักผัดน้ำมัน กับ ผักผัดไก่ผัดน้ำมันครับ
ชมวิวดีกว่าครับ ^^
บนรถไฟผมเจอเพื่อนร่วมห้องชาวจีน 1 คนครับ เธอให้ผมเรียกชื่อภาษาอังกฤษของเธอว่า อีริก้า เธอเป็นคนเซี่ยงไฮ้ครับ แต่มุมมองและการใช้ชีวิตของเธอค่อนข้างแตกต่างจากคนจีนทั่วๆ ไป เธออายุ 22 เท่าผมครับ ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาตรีที่เซี่ยงไฮ้ครับ มีเวลาก็ชอบออกมาเที่ยวเอง เวลาคุยกันนี่เหมือนคุยกับเพื่อนที่สนิทกันเลยครับเพราะเคมีมันตรงมันโดนกันหมด เป้าหมายชีวิตอะไรที่วางๆ ไว้กลายมาเป็นเรื่องคุยให้เวลากว่า 26 ชั่วโมงบนรถไฟของผมไม่น่าเบื่อเลยครับ แต่เธอโหดกว่าผมครับ นั่งยาวๆ ไปถึงมอสโควนู้นเลย ใช้เวลา 6 วัน ผมและเธอดวงดีกันมากครับที่ได้มาเจอกัน บนโบกี้ผมมีห้องนอนประมาณ 10 ห้อง มีคนในโบกี้รวมกันแล้ว 3 คนเท่านั้นครับ
อาหารมื้อเย็นเราครับ อร่อยกว่ามื้อกลางวันเยอะเลยครับ
พอถึงด่าน Erlian ระหว่างจีนและมองโกเลียรถไฟก็จอดครับ เพื่อเปลี่ยนหัวรถจักรและเปลี่ยนขนาดล้อรถไฟครับ พร้อมทั้งให้เขียนใบเข้า-ออกประเทศ ใบคัสตอม เยอะแยะไปหมด
ไม่ได้อีริก้านี่ผมตายแน่นอนครับ มีใบนึงจีนล้วนๆ ไม่มีภาษาอื่นผสมเลย
กระผมหลับไปตอนไหนจำไม่ได้ครับ รู้แต่ตื่นขึ้นมาแล้วตกใจ เฮ้ย ! หิมะเมื่อวานมันไปไหนหมดแล้ว กลายเป็นสีหญ้าตายไกลสุดลูกหูลูกตาเฉยเลย
เวลาประมาณ 13:50 ครับ เหลือเวลาอีก 30 นาทีจะถึงอูลานบาตอร์ แต่วิวนอกหน้าต่างยังเป็นแบบนี้อยู่เลย! ผมเลยได้ทีคุยข่มกับอิริก้าครับว่า สงสัยจะเหมือนรถไฟบ้านไอ ดีเลย์ได้ทุกเที่ยว ทุกวัน
สักพักรถไฟมาถึงตรงเวลาเป๊ะๆ ผมก็เพิ่งมารู้ว่ามองโกลเลียเป็นประเทศใหญ่ที่มีประชากรอยู่น้อยมากๆ พื้นที่เขตเมืองเลยน้อยตามไปด้วย
คนที่นี่จะเรียกเมืองตัวเองว่ายูบีนะครับ ต่อจากนี้ผมขอเรียกอูลานบาตอร์ว่ายูบีเลยนะครับ สั้นดี และสำหรับใครที่อยากรู้ว่าเมืองนี้มันเที่ยวยังไง มีขนส่งสาธารณะไปสถานที่ท่องเที่ยวอย่างไรบ้าง คุณก็คงต้องอยากรู้ต่อไป เพราะผมไม่รู้อะไรเลยครับ ผมจะมาพักที่เมืองนี้ 3 วันโดยจะอยู่แต่ในตัวเมืองอย่างเดียวไม่ออกไปนอนเกอ (กระโจม) ด้านนอกตัวเมืองเลย เพราะเมืองนี้ผมมีคนรู้จักครับ เฮ ! มันเป็นเพื่อนผมสมัยผมเรียนที่สถาบันการบินพลเรือนครับ เป็นคนมองโกเลียแท้ๆ มาเรียนอยู่ข้างขนส่งบ้านเรา แต่เรียนไม่จบครับไม่ทราบด้วยว่าเพราะอะไร ผมไม่กล้าถาม ผมถามมันว่าอยากได้อะไรจากไทยไหม มันบอกมี 2 อย่างครับ 1. เหล้าBlend285 2. ผัดซีอิ๊วครับ เลือกของดีๆ ทั้งนั้นครับ ผมไม่ขนมาให้สักอย่างเลย
พอมาถึงพวกก็มารอหน้ารางรถไฟเลยครับ ดีใจมากๆ ตอนได้เจอคนรู้จัก ก่อนจะไปบ้านเขานั้นผมก็ซื้อตั๋วรถไฟจากยูบีไปเอียร์คุสก่อนครับ ซื้อในอาคารข้างๆ สถานีรถไฟได้เลยครับ ขบวน 263N ออกวันที่ 14/11 เวลา 20.25 ถึง เอียร์คุส 16/11 2.00
จากนั้นเขาก็พาผมไปร้านอาหารกิจการของครอบครัวเขาครับ หลังจากนั้นก็ให้เพื่อนผมอีกคนนึงขับรถพาผมไปเที่ยวที่อนุสาวรีย์เจงกิสข่าน เพราะเพื่อนคนนี้ต้องช่วยงานที่ร้านครับ ผมลืมบอกไปว่าวันที่ผมมาถึงเป็นวันเกิดเจงกิสข่านพอดี เพื่อนผมเลยว่างพาผมไปทัวร์ครับ
สวยและใหญ่มากครับ เห็นมาแต่ไกลเลย อารมณ์ประมาณช้าง 3 เศียรบ้านเรา แต่นี่เค้าสร้างจากโลหะครับ ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยทีเดียว
ตกดึกก็ตามระเบียบครับ เพื่อนฝูงเจอกัน ความมันต้องบังเกิดครับ คนที่นี่เค้านิยมกินวอดก้ากันครับ มีเป็นสิบๆ ยี่ห้อให้เลือกสรร
ที่ยูบีนี่ความเท่ของเมืองเค้าก็คือ ใครก็ตามที่มีรถเก๋งสามารถทำอาชีพเสริมเป็นแท็กซี่ได้ทุกคนครับ เวลาเราจะขึ้นแท็กซี่ก็แค่โบกมือไปตรงถนนเท่านั้นครับ ไม่ต้องรอรถแท็กซี่จริงๆ มาก็จะมีคนหยุดรถไปส่งเราครับ เค้าคิดค่าบริการต่อ 1 กิโลเมตรประมาณ 15 บาทเท่านั้นครับ มีอีกเรื่องครับ เรื่องเลขทะเบียนรถ ผมจำไม่ได้ว่าตัวหน้าหรือตัวหลังสุด ถ้าสมมุติมันเป็นเลข 7 ทุกวันที่ 7, 17, 27 ของแต่ละเดือนจะเป็นวันห้ามขับรถของคันนั้นๆ ครับ เป็นนโยบายลดยานพาหนะบนท้องถนน เพราะที่นี่ไม่มีรถไฟใต้ดินหรือบนดินให้บริการเลยครับ
วันต่อมาเพื่อนผมไม่ได้ไปเรียนเพราะตื่นสายครับ เราเลยนั่งรอกินอาหารที่แฟนเพื่อนผมทำ (ผมโชคดีมากๆ ครับ แฟนเพื่อนผมทำอาหารท้องถิ่นมองโกเลียอร่อยมาก) พอสักบ่าย 2 ก็มากันที่จัตุรัสซุกบาทอร์ครับ
หลังจากเดินเล่นกันเสร็จก็ไปหาเพื่อนของเพื่อนผมครับ พาขับรถไปอนุสาวรีย์มองโกเลีย – รัสเซีย
จากนั้นเพื่อนผมก็ไม่รู้จะพาไปไหนต่อครับ เขาบอกว่าในยูบีสถานที่เที่ยวมันน้อย มันมีช้อยส์ให้ผมเลือก 3 ข้อครับ 1. เมา 2. เล่นดอทเอ 3. กลับบ้าน ผมไม่อยากเลือกเมาครับเพราะเมื่อคืนก็เพิ่งเต็มที่ไป และวันสุดท้ายก็จากต้องมีอีกกันแน่ๆ ผมเลยเลือกไปเล่นดอทเอครับ
วันต่อมาเราก็ตื่นสายจนตะวันเลยหัวไปนานแล้วครับ วันนี้ผมต้องไปขึ้นรถไฟไปเอียร์คุสแล้วครับเวลา 20:25 โดยจะถึงเวลา 7 โมงเช้าของอีก 2 วันข้างหน้าครับ ผมเลือกมาวัด Gandan Monastery ด้านในมีองค์เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่มาก
พอออกมาก็เจอเสาผีเป็นคล้ายต้นไม้ที่ตายแล้ว แล้วเค้าตัดเป็นซุงครับ เพื่อนผมบอกว่าให้จับแล้วส่องดูตามรู เดิน 3 รอบ ขณะเดินให้อธิษฐานไปด้วย จริงๆ ผมก็ไม่ได้เชื่อนะครับ แต่มันคะยั้นคะยอให้ทำเหลือเกิน เลยทำครับ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่ผมมีรูปคู่กับแฟนเพื่อนครับ คนอะไรน่ารัก ยิ้มเก่ง นิสัยดี ทำอาหารอร่อย ผมล่ะอิจฉาเพื่อนผมซะจริงๆ ละตอนนี้เธอท้องได้ 3 เดือนครับ เธอชวนให้ผมมางานแต่งเธอตอนเดือนเมษายน 2016 ครับ ซึ่งผมก็บอกว่าเดี๋ยวดูอีกทีแต่ในใจนี่ผมคงไม่มาไปอีกหลายปีเลยครับ ทริปหน้าจะไปที่อื่นบ้าง
จากนั้นก็กลับเข้าบ้านครับ เพื่อนผมแพลนให้ว่าไปดื่มกันก่อนจาก มันก็พาผมไปบาร์แถวบ้าน ซึ่งก่อนหน้าไปร้านมันชวนผมเล่นบาสแถวบ้านสักเกม 2 เกมครับ เล่นบาสตอนอากาศ -15 นี่มันช่างเหนื่อยสิ้นดีครับ หายใจจะไม่ทันแถมพวกเล่นกันโคตรแรงเลยครับ ชนแย่งกันอย่างกะเล่นมวยปล้ำ หลังจากนั้นมันก็พาผมไปเจอเพื่อนมันที่นัดไว้ครับซึ่งก็ดูสนใจการเดินทางของผมมาก ตอนแรกเราก็คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องครับต้องอาศัยเพื่อนผมเป็นล่ามให้ พอเวลาเริ่มผ่านไปฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ทำงานครับ คุยกันเข้าใจกันมากขึ้น พอเวลาถึง 1 ทุ่มต้องแยกย้ายกันแล้วครับ มีเพื่อนอีกคนมารับจากบาร์กลับบ้านไปเอากระเป๋า และไปส่งที่สถานีรถไฟครับ สุดยอดมากครับการมีเพื่อนนี่มันดีจริงๆ เลย
3 วันในยูบีผ่านไปไวเหมือนโกหกครับ แป๊บเดียวผมก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตตัวคนเดียวอีกแล้ว ทั้งยังมีรถไฟสายทราน-ไซบีเรีย 3 วัน 4 คืนรออยู่ จะดีจะแย่ยังไงเดี๋ยวกลับมารีวิวให้อ่านครับ ขอบคุณมากๆ นะครับที่ติดตาม