ในการ ยื่นวีซ่า เพื่อเดินทางไปต่างประเทศนั้น เอกสารเกี่ยวกับการเงินเป็นหนึ่งในเอกสารสำคัญที่จำเป็นต่อการพิจารณาออกวีซ่าของสถานทูตของแต่ละประเทศ โดยทางสถานทูตจะมีหลักพิจารณาที่คล้ายกัน แต่อาจจะต่างกันที่รายละเอียดเล็กน้อย ซึ่งหลักๆ แล้วทางสถานทูตจะพิจารณาว่า สถานะทางการเงินของผู้เดินทางนั้นเพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางหรือไม่? เดินทางไปถึงแล้วจะมีปัญหาเรื่องการใช้เงินมั้ย? รวมถึงเวลากลับมาใช้ชีวิตประจำวันแล้วเงินจะพอใช้มั้ย? ซึ่งเอกสารการเงินก็คือ รายงานการเดินบัญชี (Statement) ของเรานั่นเอง และวันนี้ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล จะมาพูดถึง ประเภทของ บัญชีเงินฝาก ขอวีซ่า ว่ามีแบบไหนบ้างที่จะใช้ยื่นวีซ่าได้แบบไม่มีปัญหา รวมถึงสรุปให้ว่าจะใช้บัญชีแบบไหนยื่นวีซ่าดีที่สุด…?
ประเภทของบัญชีธนาคาร
1. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ (Savings Account) หลายคนคงคุ้นเคยกับบัญชีประเภทนี้ และเป็น บัญชีเงินฝาก ขอวีซ่า ที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ ซึ่งบัญชีออมทรัพย์เหมาะสำหรับการออมเงินในระยะสั้น, การเก็บเงินเผื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉิน, ถอนเงินเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งบัญชีประเภทนี้มักกำหนดเงินฝากขั้นต่ำไว้ไม่สูง และอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ
2. บัญชีเงินฝากประจำ (Fixed Deposit Account) เป็นบัญชีที่มีกำหนดระยะเวลาการฝาก-ถอนที่แน่นอน เช่น 1 ปี, 3 ปี หรือ 5 ปี เป็นต้น มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ บัญชีนี้เหมาะสำหรับเก็บเงินเตรียมเกษียณ ผู้ที่มีเงินแต่ยังไม่ต้องการใช้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (เงินเย็น) หรือต้องการออมเงินระยะยาวและหวังผลตอบแทนในรูปแบบอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์
แต่บัญชีเงินฝากประจำนั้นจะมีเงื่อนไขการฝากเงินที่ไม่เหมือนบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เช่น ถ้าเราถอนเงินก่อนที่ระยะเวลาที่เรากำหนดก็อาจได้รับดอกเบี้ยน้อยกว่าอัตราที่สถาบันการเงินประกาศไว้ หรือธนาคารบางแห่งจะกำหนดให้ผู้ฝากเงินในบัญชีเงินฝากประจำเปิดบัญชีออมทรัพย์ด้วย เพื่อที่ธนาคารจะโอนดอกเบี้ยเข้าไปในบัญชีออมทรัพย์อัตโนมัติเมื่อครบกำหนดการจ่ายดอกเบี้ย หรืออาจโอนเงินต้นเข้าไปด้วยเมื่อครบกำหนดระยะเวลา
3. บัญชีเงินฝากประจำรายเดือนแบบปลอดภาษี เป็นบัญชีเงินฝากประจำที่ได้รับการยกเว้นภาษี แต่ต้องฝากเงินทุกๆ เดือนเป็นจำนวนเท่ากันตลอดอายุสัญญา ซึ่งระยะเวลาอาจกำหนดไว้แตกต่างกันในแต่ละธนาคาร เช่น 24 เดือน หรือ 36 เดือน และมักกำหนดจำนวนเงินฝากขั้นต่ำไว้ ไม่ต่ำกว่า 500 – 1,000 บาท ดังนั้นคนที่อยากเปิดบัญชีเงินฝากประเภทนี้ควรมีรายได้ประจำ และสามารถนำเงินเข้าบัญชีได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแต่ละคนมีสิทธิเปิดบัญชีเงินฝากประเภทนี้ได้เพียงคนละ 1 บัญชีเท่านั้น ถ้าขาดการฝากเกินกว่าจำนวนครั้งที่กำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ไม่เกิน 2 ครั้ง ก็จะไม่ได้รับดอกเบี้ยตามที่ธนาคารประกาศ
4. บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน หรือ บัญชีเงินฝากเดินสะพัด (Current Account) เป็นบัญชีที่มีไว้สำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินโดยเฉพาะ เหมือนเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการเงินของบริษัทหรือร้านค้า เพราะสามารถใช้เช็คในการเบิกจ่ายเงินได้ ซึ่งบัญชีเงินฝากกระแสรายวันจะไม่มีดอกเบี้ย และสามารถขอใช้วงเงินเบิกเกินบัญชี (overdraft) หรือที่เรียกว่า เงิน O/D ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในกรณีเงินขาดบัญชีและช่วยลดปัญหาเช็คเด้งได้ โดยต้องเสียดอกเบี้ยเฉพาะเงินส่วนที่เบิกเกินบัญชีตามระยะเวลาที่เบิกเกินบัญชีนั่นเอง
สรุปการใช้บัญชีเงินฝากเพื่อขอวีซ่า
และนี่ก็คือประเภทพื้นฐานของ บัญชีเงินฝาก ขอวีซ่า ที่สามารถนำไปใช้ยื่นได้ ซึ่งจากบัญชีเงินฝากหลายประเภทนี้ **พี่เห็ดขอแนะนำว่าควรใช้ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ในการยื่นประกอบการขอวีซ่า** เพราะเป็นบัญชีที่มีสภาพคล่องค่อนข้างสูง ฝาก-ถอนง่าย รวดเร็ว และถูกต้อง อย่างในกรณีที่เราเกิดเหตุฉุกเฉินเวลาที่เราอยู่ต่างประเทศ แล้วเราต้องการที่จะใช้เงินในส่วนนี้อย่างเร่งด่วน เราก็สามารถถอนเงินออกมาใช้จ่ายได้ทันที ทางสถานทูตส่วนใหญ่จะพิจารณาจากบัญชีประเภทนี้เป็นหลักก่อนเสมอ
แต่ไม่ใช่ว่าเงินฝากประเภทอื่นจะไม่สามารถใช้ประกอบการยื่นวีซ่าได้ ทุกบัญชีสามารถยื่นประกอบกับเงินฝากแบบออมทรัพย์ได้ แต่การพิจารณาก็จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสถานทูตเท่านั้น เหตุผลก็คือ บัญชีประเภทอื่นๆ อาจมีสภาพที่ไม่ค่อยคล่องตัวมากนัก การถอนเงินอาจต้องใช้เวลาหรือสามารถก่อให้เกิดปัญหาได้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้วีซ่าผ่านโดยง่าย หรือเวลายื่นวีซ่าไม่อยากให้เอกสารมีปัญหา แนะนำว่าให้ใช้บัญชีเงินฝากแบบออมทรัพย์ยื่นให้ทางสถานทูตพิจารณาจะดีที่สุด