[ Winter in Japan ] ” รั ก น ะ อา คิ ตะ “
เดินทางวันที่ 25 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ 2560 ชื่อตอนได้แรงบันดาลใจมาจาก ซีรี่ย์ที่พี่อู๋เล่นเพื่อโปรโมทจังหวัด อา คิ ตะ ในซีรี่ย์เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีสวยมากมายครับ รับชมได้จากเพจนี้เลยครับ Fb/akitajapanfan/
ทริปนี้เริ่มจากที่เพื่อนๆอยาก มาญี่ปุ่น เลยมาคิดว่าจะไปไหนกันดี อย่างแรกเลยหาตั๋วเครื่องบินก่อน ช่วงนี้ใช้บริการ NokScoot ประจำ ข้อดีคือ มีโปรศุกร์จัดใหญ่ มีศุกร์เว้นศุกร์กันเลยทีเดียว ไม่ต้องจองล่วงหน้านานมากเหมือน AirAsiaX เครื่องก็ลำใหญ่ ใหม่ด้วย ข้อเสีย ก็อย่างที่รู้กัน มีข่าวคราวไม่ดีมาบ้างเป็นระยะ แต่ราคามันถูกมากจริงๆ หลังจากกดดูเล่นๆอยู่หลายครั้ง เลยตัดสินใจจอง
ตอนจองผมจอง ScootBiz นะครับ ข้อดีของมันคือได้ขึ้นเครื่อง-ลงเครื่องก่อน มีแถวเช็คอินแยกพิเศษ โหลดกระเป๋าได้ 30 กก. เบาะที่นั่งกว้าง เลือกที่นั่งได้ ซึ่งถ้าคุณเลือกได้คุณควรจะเลือกนะครับ วิวมันดีงามญี่ปุ่นประเทศมากๆๆ จัดแถวที่นั่งแบบ 2-3-2 มีรูปลั๊กให้ 1 จุด เลือกอาหารพรีเมี่ยมได้ (มีข้าวมันไก่กับเสต๊กปลาอะไรสักอย่างให้เลือกครับ) ผมบิน ScootBiz 2 ครั้ง สังเกตว่าตอนจองราคาโปร จะเลือกอาหารพรีเมี่ยมได้ขาเดียวเท่านั้น อีกขานึงจะขึ้นว่าสินค้าหมดทุกครั้ง
วันที่ที่เลือกกันอิงกับราคาตัวเป็นหลัก เลยออกมาเป็นวันตามนั้น หลังจากได้วันที่แล้วก็มาดูว่าจะไปไหนกันดี อ่านรีวิวสิครับส่วนใหญ่ก็จาก pantip นี่ละ อ่านแล้วอ่านอีก อ่านวนไปครับ อ่านวนมาอีกรอบ 555 ได้โจทย์เพิ่มจากเพื่อนว่าอยากแช่ออนเซ็นกลางหิมะ งานยากละ หาไปหามา หามาหาไป จากที่แพลนว่าจะไป Kawaguchiko Nikko พวกเราเลยเลือกไปเที่ยวแถบ Tohoku กันเลย
พอได้ที่ที่จะไปแล้วก็ต้องมาเลือก pass กันครับ อย่างที่เรารู้ๆกัน ค่าเดินทางในญี่ปุ่นแพงมากๆๆๆๆๆ จะเดินทางยังไงให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยลงก็คงต้องซื้อ pass ทริปนี้ไป Tohoku พวกเราเลยเลือกใช้ JR East pas (Tohoku area) ราคาซื้อนอกประเทศญี่ปุ่น 19,000 เยน ใช้ได้ 5 วัน แบบไม่ต่อเนื่องภายใน 14 วัน
พอผม search หาข้อมูล Tohoku บ่อยๆ หน้า feed โฆษณาใน Facebook ที่ใช้ประจำจะมีเพจเกี่ยวกับ Tohoku ที่ลงโฆษณากับ FB ขึ้นมาให้ดูอยู่เรื่อยๆ ผมมองว่าเป็นข้อดีนะ ทำให้เราได้ข้อมูลหลากหลายมากขึ้น 1 ในนั้น ทำให้ผมได้โปรที่ถูกมากมาอันนึง เดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง โปรนี้ยังซื้อได้ถึง 31 มีนาคมนะครับ ใครซื้อ pass แล้ว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง มันคุ้มที่สุดๆๆๆๆ (ถ้าอยากรู้ตอนนี้เข้าไปดูได้ที่นี่เลยครับ www.tohoku-buffet.com
หลังจากเตรีมตัวเรียบร้อยวางแผนทุกอย่างครบ ก็ต้องจองโรงแรมอีก โดยทริปนี้แพลนจะเที่ยว Tohoku 4 วัน กลับมาเที่ยว Nikko 1 วัน และเข้าโตเกียว 1 วัน เราเลยเลือกพักที่ Sendai 4 คืนแรก คืนที่ 5 พักที่ Yunishigawa onsen และ 2 คืนสุดท้ายพักในโตเกียว
เวลาจองโรงแรมเราก็เลือกจากราคาที่รับได้และใกล้สถานีรถไฟฟ้าเป็นหลัก หลังจากได้โรงแรมที่ต้องการแล้ว ผมจะเข้าไปเช็คราคาจากเว็บหลักๆอย่าง expedia.com booking.com agoda.com หรือ search ชื่อโรงแรมใน google เลยก็ได้ครับ มันจะขึ้นราคาคร่าวๆของแต่ละเอเจ้นท์มาให้ เราก็เลือกจองกับอันที่ถูกที่สุดที่น่าเชื่อถือ ส่วนลดของแต่ละเว็บแต่ละบัตรก็ไม่เหมือนกัน ก่อนจองก็ลองเสริชหาส่วนลดด้วยจะได้ถูกลงไปอีกครับ หลังจากจองทุกอย่างครบแล้วก็ออกเดินทางกันเลยครับ
วันเดินทาง Nokscoot ก็ทำกับเราได้ ดีเลย์ไป 4 ชั่วโมง จริงๆทำใจตั้งแต่เช้าแล้วว่าอาจจะดีเลย์ เพราะทราบจากในกลุ่มคนเที่ยวญี่ปุ่นว่า เครื่องจากนาริตะที่จะบินกลับไทยมีปัญหา ขานั้นรู้สึกดีเลย์ไป 15 ชั่วโมงมั้งครับ ขาไปของเราเลยดีเลย์ไปด้วย 4 ชั่วโมง จากเวลาเดิมคือ 00.30-8.00 เป็นออกตอน 04.40-12.10 ทำให้ แพลนเที่ยววันแรกเสียไปเลย ตอนแรกที่แพลนคือไปถึงแลก pass ไปเก็บของที่ sendai แล้วนั่งรถไฟไป oishida ไป Ginzan onsen ทันเปิดไฟตอนค่ำพอดี พอเครื่องดีเลย์ Ginzan onsen เลยอดไปโดยปริยาย เนื่องจากเครื่องดีเลย์เกิน เราเลยได้คูปองกินแมคฯ ในสนามบิน พร้อมหนังสือที่บอกว่าจะส่ง code ส่วนลด 50 SGD มาเพื่อใช้ในการจองตั๋วครั้งต่อไปมาให้ อย่างที่บอกครับผมจอง ScootBiz ราคาตอนจองไป-กลับ 14,136 บาท (ไม่รวมประกันการเดินทาง) เราเลือกนั่งฝั่งซ้ายเพราะตอนเช้าถ้าฟ้าใสจะเห็นภูเขาไฟฟูจิครับ ที่นั่งก็ดีงามตามราคา นั่งสบาย หลับได้จนเกือบถึงญี่ปุ่นเลย แต่เบาะนั่งปรับเอนนอนได้น้อยไปหน่อยนะครับ ไหนๆจะทำให้เป็น Biz แล้วก็น่าจะปรับให้นอนได้เยอะอีกนิด
ขา มาญี่ปุ่น ให้เลือกนั่งริมหน้าต่างฝั่งซ้ายมือนะครับ ถ้าฟ้าใสโชคดีเราจะมองเห็นฟูจิจากบนเครื่องด้วย
เรามาถึงนาริตะเกือบเที่ยงมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย ข้อดีของ Biz คือคุณได้ลงจากเครื่องก่อนครับ แต่ไม่ใช่กลุ่มแรกที่ได้ลงนะครับ คนที่นั่งโซนเงียบที่อยู่ด้านหลัง Biz ได้ลงก่อนอีก พอลงแล้วเรารีบไปต่อคิว ผ่าน ตม.แบบรวดเร็วมาก สงสัยคนอื่นที่มาตรงเวลาเค้าเข้าเมืองกันไปหมดแล้ว 555 ตรงรับกระเป๋านี่ละครับ ที่ถึงแม้เราจะจอง Biz มา แต่กระเป๋าเรามาช้ามาก ช้าจนคิดว่า เค้าเอากระเป๋าเราลงหลังใครๆเลยรึเปล่า น่าจะปรับปรุงให้กระเป๋า Biz ออกมาก่อนนะครับ
หลังจากได้กระเป๋าผ่านศุลกากรพอเป็นพิธี ตั้งแต่ผมมาเที่ยวญี่ปุ่นไม่เคยโดนเปิดกระเป๋าเลย แต่บางคนก็โดนนะครับ ยังไงก็ลองศึกษาข้อมูลของที่ห้ามเอาเข้า มาญี่ปุ่น ไปด้วยก็จะดีครับ
พอผ่านด่านนี้มาได้เราจะเข้าไปในสนามบินละครับ ก่อนอื่นเลยสำหรับคนที่ต้องแลกพาส อย่าเพิ่งเข้าห้องน้ำ จงมองไปทางซ้าย จะเห็นบันไดเลื่อนเพื่อลงไปขึ้นรถไฟ รีบลงไปทางนั้น ลงบันไดเลื่อนไปจนสุด มองไปทางขวา ออกไปทางนั้นแล้วมองทางซ้ายอีกที คุณจะพบทางหนีไฟ ไม่ใช่!!! คุณจะพบ JR East travel service center ครับ นั่นแหละๆๆ รีบไปต่อคิวเลย คนอื่นเค้าก็จะแลกเหมือนเราแหละครับ ยิ่งไปต่อช้ายิ่งเสียเวลานาน ล่าสุดผมเห็นมีเคาเตอร์บริการประมาณ 10 เคาเตอร์นะครับ ซึ่งเยอะมากๆ แต่นักท่องเที่ยวเยอะกว่า บางคนรอเป็นชั่วโมงก็มี
หลังจากแลกพาสแล้วก็จอง NEX เข้าเมืองพร้อมจอง Shinkansen จาก Tokyo ไปที่ Sendai ไว้เลยครับ เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาไปจองอีกครั้ง จาก Tokyo station เรานั่ง Shinkansen Hayabusa ขบวนที่เร็วที่สุดในญี่ปุ่น ดีงามจริงๆ ไม่นานแป๊บเดียวก็ถึง sendai ละ เหรออออออออออ
เตียงนอนคือนุ่มกำลังดี นอนสบาย หมอนไม่สูงไป ผ้าห่มก็อุ่นสบาย มีฮีทเตอร์ในห้องครับ ห้องอาบน้ำมีแชมพู ครีมนวดผม สบู่เหลว แปรงสีฟัน ที่โกนหวด หวีแบบใช้แล้วทิ้ง ไดร์เป่าผม เรียกว่ามีทุกอย่างครบจริงๆ เราไม่ต้องพกอะไรเลย เค้ามีให้หมด ที่ชอบโรงแรมญี่ปุ่นอีกอย่างคือเค้าจะมีสเปรย์ดับกลิ่นไว้สำหรับฉีดเสื้อผ้า รองเท้าให้ด้วย ทำให้ไม่มีกลิ่นเหม็นอับในห้องเลยครับ
ห้องอาบน้ำรวมที่ชั้น 2 ก็ดีงาม เหมาะกับคนไทยมากๆๆ เพราะน้ำเป็นสีน้ำนม แช่แล้วไม่เขินครับ สีน้ำเงินเป็นฝั่งผู้ชาย สีแดงๆส้มๆเป็นฝั่งผู้หญิงซึ่งต้องใช้การ์ดอีกใบในการเปิดประตูนะครับ
ถัดไปข้างในจะเป็นบ่อสำหรับแช่ตัว อย่างที่บอกครับ น้ำจะสีขาวไม่ใส เวลาแช่ไม่เขิน แต่น้ำร้อนมากๆๆ ทนแช่ได้แป๊บเดียวเอง ไม่ไหวครับ โรงแรมมีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ไมโครเวฟ ตู้กดน้ำไว้บริการที่ชั้น 2 ด้วยครับ
เรียกได้ว่าทุกอย่างคือดีงามมากๆๆ ที่สำคัญอีกอย่างนึง วันแรกผมไปเที่ยวกลับมาทำคีย์การ์ดเข้าห้องหาย โรงแรมทำใบใหม่ให้ ไม่คิดค่าเสียหายด้วย เลิฟที่สุดตรงนี้ละครับ 555 จบวันแรกแบบไม่ได้เที่ยวไหนเลย ได้แต่เดินเล่นแถวสถานี sendai แล้วก็กลับมาหลับเลย
วันที่ 2 วันนี้เราจะไป Nyuto onsen กันครับ
เราออกเดินทางจาก sendai ด้วย shinkansen เหมือนเดิมแต่วันนี้เรานั่ง Komachi ไปกันครับ ตรงนี้ต้องไป reserved seat นะครับ ทุกตู้เป็น reserved ทั้งหมด ที่ต้องไปจองที่อีกอย่างคือขบวนนี้พ่วงไปกับ Hayabusa ถ้าไม่จองที่ขึ้นผิดคันนี่ยาวไปถึง Shin-Hakodate เลยนะครับ โดยเราเดินผ่านเข้าไปในสถานี sendai ก่อน แล้วเดินไปทาง shinkansen จะมีเคาท์เตอร์ให้จองที่นั่งอยู่ตรงทางที่จะไปขึ้น shinkansen ครับ
ของเราคันสีแดงครับไป อา คิ ตะ สีเขียวนั่นจะขึ้นไปถึง Shin hakodate เลย
ขบวน Komachi ของเราจะไปแยกกับ Hayabusa ที่สถานี Morioka โดยชบวนเราจะแยกไปทางซ้ายไปจังหวัด อา คิ ตะ ที่ที่มีออนเซ็นในฝันของเราอยู่นั่นเอง
วันนี้เราออกแต่เช้ามาก พระอาทิตย์มาขึ้นตอนเราอยู่บนรถไฟแล้ว
วิ่งขึ้นเหนือไปเรื่อยๆก็เห็นหิมะมากขึ้นเรื่อยๆครับ
การมาที่ Nyuto Onsen เราต้องลงที่ Tazawako station แล้วนั่ง Bus เข้าไปที่ Nyuto onset อีกทีครับ จาก sendai ถึง tazawako ใช้เวลา 111 นาที ถ้าทำได้ให้เลือกรอบเช้าสุดคือ 6.40 น. นะครับ จะทำให้เราไปถึง nyuto onsen ตอนที่คนยังน้อยมากๆได้
มาถึง tazawako station แล้ว หิมะขาวโพลนต่างกับที่ sendai มากๆๆครับ
มาถึง Tazawako station แล้ว ให้มองหา tourist information นะครับ อยู่ด้านขวามือตรงทางที่เราเดินเข้ามาจากชานชาลาครับ เข้าไปติดต่อเค้าก่อน บอกว่าเราจะไป Tsurunoyu onsen เค้าจะช่วยเช็คเวลารถให้ พร้อมทั้งโทรคอนเฟิร์มกับทางโรงแรมด้วยว่าจะมีลูกค้าไปใช้บริการ
การไปที่ tsurunoyu onsen เราต้องนั่ง bus ไปลงที่ Arupa Komakusa แล้วต่อมินิบัสของโรงแรมเข้าไปอีกประมาณ 20 นาทีนะครับ โดยส่วนใหญ่มินิบัสของโรงแรมจะออกมาส่งแขกอยู่แล้ว เค้าจะมาถึงก่อนรอบรถขากลับที่จะไป Tazawako station นิดหน่อย แต่เพื่อความชัวร์ ให้เจ้าหน้าที่ที่ tourist information เช็คให้ก็ดีนะครับ
ตารางรถ bus ตามนี้เลยครับ update สุดๆ จริงๆก็เหมือนกับกระทู้ก่อนละครับ เวลาเดียวกันเป๊ะเลย ถ้าเรามาตั้งแต่เช้าจะทันรอบ 8.45 น. ให้ขึ้นรอบนี้นะครับ แล้วไปรอ minibus ที่จะมาถึง arupa komakusa ตอน 9.40 น. ครับ
เดินออกจากสถานีไปขึ้นบัสที่ bus stop No.1 ครับ
เรามาถึง Arupa Komakusa เลยเวลาไปนิดนึงแต่ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะ เพราะรถ minibus จะมาที่นี่ประมาณ 9.40 น. ระหว่างที่มามีหิมะตกปรอยๆ ไม่หนักมาก เรียกว่าอากาศเป็นใจสุดๆ และทั้งคันตอนที่มาถึงสถานีนี้มีพวกเราแค่ 4 คนเท่านั้นครับ
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นหิมะหนาๆนุ่มๆเยอะขนาดนี้ ตื่นตาตื่นใจมากๆครับ
ถ่ายรูปเล่นกันแป๊บเดียว minibus ก็มาถึง น้ำแข็งเกาะหน้ารถมาเลยครับ
Minibus จะพาเราไปที่ Tsuru no Yu Yamanoyado ก่อนนะครับ แล้วค่อยพาไปที่ Tsuru no Yu onsen เรามาถึง onsen ประมาณ 10 โมงนิดๆ เป็นเวลาที่ onsen เปิดให้คนที่ไม่ได้พักใช้บริการพอดี เวลาคือ 10.00-15.00 น.
ที่เปลี่ยน(ถอด)เสื้อผ้าที่ถึงก่อนเป็นของผู้ชาย ส่วนของผู้หญิงต้องเดินเข้าไปอีกนิดครับ
ทางลงของผู้ช้ายจะมีบ่อในร่มเล็กๆให้แช่ก่อน หรือเอาไว้ล้างตัวก็ไม่รู้นะครับ เพราะตรงนี้ไม่มีที่ให้อาบน้ำล้างตัวก่อนลง แต่เห็นคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ถอดเสื้อผ้าแล้วก็ลงแช่ในบ่อเลย
มีที่ให้วางเสื้อผ้า ของใช้ มีตู้ลอคเกอร์หยอดเหรียญเล็กๆสำหรับเก็บของมีค่าให้ด้วยนะครับ แต่ผมไม่ได้ใช้ ของก็ไม่หายนะครับ
บ่อในร่มน้ำจะค่อนข้างร้อนถึงร้อนมากๆๆๆ แช่กลางแจ้งเถอะครับ คือฟินมาก หิมะตกปรอยๆ แช่ออนเซนอุ่นๆ น้ำมันกำลังดีเลย ไม่ร้อนเหมือนออนเซนที่เคยแช่ หรือเพราะหิมะตกก็ไม่รู้นะครับ รู้แต่ว่าไม่อยากขึ้นจากน้ำเลย ฟินสุดๆๆๆ
ทางเล็กด้านซ้ายมือที่ดูลึกลับนั่นคือทางลงของผู้หญิงครับ ตอนผมแช่ไปสักพักมีผู้หญิงลงมาด้วยนะครับ
บ่อของผู้หญิงจะค่อนข้างเล็กกว่า ตอนที่ไปถึงเพื่อนบอกว่าข้างในไม่มีคนเลย ควรเลือกมาวันธรรมดาตั้งแต่เช้าคนจะน้อยครับ
หลังจากฟินกับออนเซนท่ามกลางหิมะตกปรอยๆแล้ว เรานั่งรถ minibus กลับมาที่ Arupa komakusa เพื่อรอบัสกลับไปที่ทะเลสาบ คราวนี้เราไม่กลับไปที่สถานีนะครับ เพราะเราจะไปนั่งรถเล่นรอบทะเลสาบกัน ผมไม่ได้เชครอบมินิบัสขากลับมาให้นะครับ ถ้าจะแพลนเรื่องเวลาดูรอบโดยอิงเวลาบัสขากลับที่ Arupa komakusa ได้เลย มินิบัสจะออกจากออนเซนเพื่อไปถึงป้ายนั้นก่อนบัสขากลับจะมาเล็กน้อยครับ
มารอรถบัสตรงนี้ครับ
เราออกจาก Tsuru no YU กลับมาที่ป้าย Arupa komakusa กันอีกครั้งเพื่อมาขึ้นรถให้ทันรอบ 12.09 น. จากตรงนี้เราจะนั่งรถต่อเข้าไปที่ Nyuto onsen ด้านในก็ได้ แต่พวกเราแพลนออกไปเที่ยวรอบทะเสาบ tazawa กันครับ โดยจะใช้บริการ Tazawako circular bus ดูเวลาตามนี้เลยครับ
Tazawako circular bus จะวิ่งวนรอบทะเลสาบ เริ่มจาก tazawako station วิ่งวนรอบทะเลสาบ โดยจะจอดให้ลงไปเดินเล่นที่ Katajiri ตรงจุดที่มีรูปปั้น tatsuko สีทองอยู่ 20 นาที และตรง Gozanoishi Jinja ที่มีศาลเจ้าอยู่ 10 นาที แล้วค่อยวนกลับมาที่ tazawako station 1 รอบใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม.ครับ
เราไม่ได้ขึ้นที่ต้นทาง แต่มาดักขึ้นตรง Tazawako kokan (Lake shore) แทน เพราะมันใกล้กว่าที่จะย้อนกลับไปที่สถานี ทำให้เรามีเวลากินข้าวและถ่ายรูปเล่นกันอีกนิดก่อนที่รถบัสเที่ยวถัดไปจะมาตอน 13.37 น.
เราเลือกกินร้านที่อยู่ตรงป้ายรถแหละครับ ขีเกียจไปไหนไกล
ราคาไม่แพงมากแถมรสชาติดีด้วยครับ วิวก็งามสุดๆ
กินจนหมดเลย หมูนุ่มนิ่ม อร่อยมากครับ ราคาประมาณ 9xx เยนครับ
กินข้าวเสร็จก็ออกไปเดินเล่นตรงทะเสาบกันสักพักรถก็มาตามเวลาเป๊ะครับ
รออีกแป๊บนึงรถก็วนมาจอดที่ป้ายของเรา ได้เวลาแล้วก็นั่งรถกันเลยครับ วันนี้วันธรรมดาคนไม่มาก มีที่นั่งเหลือๆ วิ่งไปสักพักก็จอดที่ป้าย Katajiri คนขับก็จะบอกให้เราลงได้แล้วเอาป้ายเวลาที่รถจะออกมาติดไว้ด้านหน้า ถ้ามาไม่ทันรถไม่รอนะครับ
ตอนเช้าฟ้ายังครึ้มหิมะตก พอออกมาที่ทะเลสาบฟ้าใสเลย เรียกว่าโชคดีสุดๆ
ตรงป้ายนี้จะมีรูปปั้นผู้หญิงสีทองเป็นตำนานของ Tatsuko โดยตำนานเล่าว่าใครอยากมีความงามเป็นอมตะให้ดื่มน้ำในทะเลสาบ 3 อึก แต่ tatsuko โลภมาก ดื่มเกิน 3 อึก จึงถูกเทพเจ้าสาบให้เป็นมังกรเฝ้าอยู่ที่ทะเลสาบตลอดไป
ตำนานยังเล่าอีกว่าต่อมามีเจ้าชายชื่อ Hachirotaro ได้มาตกปลาที่ทะเลสาบ พอได้ปลาจึงเอาไปกิน แต่ปลาตัวนั้นมีพิษทำให้เจ้าชายกระหายน้ำอย่างมาก จนดื่มน้ำในทะเลสาบติดกันถึง 33 วันโดยไม่หยุด ก็เลยโดนสาบให้กลายเป็นมังกรไปอีกตัว และได้พบรักกับ tatsuko ที่เป็นมังกรอยู่ก่อน ความรักของมังกรทั้ง 2 ตัวทำให้ทะเสาบอุ่นขึ้นจนไม่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาวเลย จริงๆคือ tazawako เป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น มันลึกมากจนน้ำไม่เป็นน้ำแข็งครับ
ใกล้ๆกันมีศาลเจ้าเล็กๆอยู่ด้วยครับ
หลังจากถ่ายรูปตรงนี้แล้ว เราก็ไปต่อที่ป้ายถัดไป Gozanoishi Jinja ป้ายนี้มีเวลาแค่ 10 นาทีนะครับ ลงไปถ่ายรูปแป็บเดียวหมดเวลาแล้ว
ตรงนี้มีเสาโทโรอิริมทะเสาบ ยิ่งตอนมีหิมะคลุมนี่สวยสุดๆ ห้ามพลาดเลยครับ
บนสถานี Tazawako มีพิพิธภัณฑ์ของซีรีส์เกาหลีเรื่อง IRIS จัดแสดงไว้ เนื่องจากเขามาใช่เมืองนี้เป็นโลเคชั่น (ผมไม่รู้จักเรื่องนี้เลยขึ้นไปดูพอเป็นพิธีครับ)
Kakunodate นั่ง shinhansen ต่อไปอีกแค่ราว 15 นาทีก็ถึง จากตัวสถานีสามารถเดินเที่ยวเล่นไปจนถึงย่านที่เป็ยชุมชนซามูไรเก่าได้ ช่วงที่สวยที่สุดน่าจะเป็นช่วงซากุระนะครับ ดูจากซากุระพันธุ์ย้อย และก็ต้นซากุระที่ปลูกเรียงรายริมแม่น้ำแล้ว ห้ามพลาดเด็ดขาด พีคแน่ๆครับ
เรามาถึงที่นี่ก็ 4 โมงเย็นแล้ว เดินหลงไปหลงมาอีกหน่อยกว่าจะถึงชุมชนซามูไรฟ้าก็มืด อะไรๆก็ปิดหมดแล้ว มีโอกาสได้เข้าไปชมบ้านซามูไรตะกูลที่เก่าแก่ที่สุดแต่หลังเดียวเท่านั้น
จากนั้นก็ออกมากินข้าวตรงร้านอาหารใกล้ post office มา อา คิ ตะ ก็ต้องกินอาหารที่ขึ้นชื่อของ อา คิ ตะ สิครับ ก็คือ “คิริทัมโปะ” ข้าวที่เอามาทุบๆบดๆ นำมาปั้นเสียบไม้ปิ้งไฟ ก่อนจะเอามาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายอย่าง ที่เรากินเป็นหม้อไฟนาเบะที่น้ำซุปทำมาจาก “ไก่ฮิไน” ไก่แบรนเนมของ Akita เค้าด้วยละครับ อร่อยเข้ากันเลยครับ
ดูวิธีทำ “Kiritanpo” ได้จาก VDO นีเลยครับ
จบวันที่ 2 ไปแบบพลังหมดกันเลยทีเดียว ตอนที่ 2 จะพาไปดู snow monster ที่ sumikawa snow park ที่พวกเราซื้อทัวร์มาในราคาแค่คนละ 690 บาท และเกือบจะได้ไปล่องเรือที่ geibikei gorge พาไปเที่ยว Iwate snow festival ที่เป็น preopening มากๆๆๆ
ปล. Iwate snow festival จัดถึงแค่ 12 กุมภาพันธ์นะครับ วันพีคคือวันที่ 12 ที่จัดงานอยู่ที่ Koiwai farm วิธีเดินทางจาก Morioka station นั่ง bus ไปก็ได้ (ไมได้เชครอบบัสมาครับ) หรือนั่งรถไฟไปลงที่ Koiwai station 11 นาที แล้วนั่งแทกซี่ต่อไปอีกประมาณ 10 นาที ค่าแทกซี่ 1800 เยนครับ (ขอเบอร์เรียกแทกซี่ได้จากนายสถานีนะครับ)
www.iwateyukimatsuri.com
ขอบคุณรีวิวน่ารักๆจาก คุณ Dr.Kwind
Guest สุดพิเศษ จาก pantip ที่มามอบประสบการณ์จัดเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย แปะๆๆ !!
ระดับความน่าไป : ✩✩✩✩✩