@MushroomTravel
สาวคนไหนบ้างล่ะ ที่จะไม่ชอบอัญมณีสวยๆงามๆ ยิ่งเป็นอัญมณีเกี่ยวกับกาลเวลาด้วยแล้ว ยิ่งเพิ่มความโรแมนติกเข้าไปอีก ว่าแล้วเราไปชมแหล่งผลิต “อำพัน” ที่ใหญ่ท่สุดในญี่ปุ่นกันดีกว่า
อำพันหรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าโคฮาคุ (kohaku) เป็นอัญมณีที่มีจุดกำเนิดแตกต่างจากอัญมณีอื่นๆ ที่เป็นหินแร่ เพราะอำพันเกิดขึ้นจากการแข็งตัวของยางไม้ที่ผ่านระยะเวลายาวนานจนเกิดการแข็งตัวขึ้นนั่นเอง เชื่อกันว่ากว่าจะมาเป็นอำพันได้นั้น บางชิ้นผ่านกาลเวลามาเป็นร้อยล้านปีเลยทีเดียวล่ะ
บทความนี้จะพาไปเยือนขุมสมบัติที่ผู้ชื่นชอบอัญมณีชิ้นนี้ไม่ควรพลาดถ้าได้มาถึงญี่ปุ่น นั่นก็คือ The Kuji Amber Museum หรือพิพิธภัณฑ์อำพันเมืองคุจินั่นเอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองคุจิ จังหวัดอิวาเตะ ภูมิภาคโทโฮกุ ประเทศญี่ปุ่น โดยป็นพิพิธภัณฑ์ อำพัน ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
อาจจะเป็นเพราะเมืองคุจิ เป็นเมืองที่มีต้นไม้อยู่หนาแน่น ซึ่งแต่ละต้นก็ล้วนแล้วแต่มีอายุยาวนานทั้งนั้น จึงไม่น่าแปลกสักนิดที่เมืองนี้เป็นแหล่งที่ค้นพบอำพันได้มากที่สุดในญี่ปุ่น ถึงขั้นที่มีคำกล่าวที่ว่า ถ้าพูดถึงอำพันต้องเป็นอำพันคุจิเลยเชียวแหละ (เหมือนที่เคยได้ยินว่าทับทิมดีต้อง ทับทิมสยาม ไข่มุกดีต้องอันดามันประมาณนั้นนั่นแหละ) จากการสำรวจพบว่าอำพันที่พบในเมืองคิจิ ที่เก่าแก่ที่สุดนั้น มีอายุแปดถึงเก้าสิบปีที่แล้ว (หูวววว ใช่ยุคเดียวกับยุคไดโนเสาร์มั้ยเนี่ย!?)
ส่วนสาเหตุที่เรียกอำพันว่าเป็นอัญมณีแห่งกาลเวลานั้นก็เพราะว่า ยางต้นไม้ที่เป็นต้นกำเนิดของอำพันเนี่ย มันทำจากการสตาฟว์ หรือหยุดช่วงเวลาของบรรดาแมลงที่บังเอิญ (ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายเหมือนกัน) อยู่ในจุดที่ยางไม้หยดลงไปแบบพอดิบพอดี จนเกิดเป็นอำพันสีเหลืองใสที่มีแมลงอยู่ภายใน โดยที่แมลงที่ถูกกักไว้ในอำพันนี้สามารถคงสภาพเดิมไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยนและไม่ถูกย่อยสลายไป เช่นเดียวกับในสภาวะปกติทำให้มันสามารถผ่านกาลเวลามาเป็นร้อยล้านปีได้แบบไม่บุบสลายเลยนั่นเอง
เคยมีการค้นพบแมลงที่อยู่กันเป็นคู่ในก้อนอำพันด้วย ถ้ามองในอีกแง่ก็อาจจะเรียกได้ว่าอำพันเป็นอัญมณีแห่งรักนิรันดร์ก็อาจจะไม่เกินจริงไปนัก (ถึงไม่ใช่อมตะแต่ก็อยู่คู่กันมาเป็นร้อยล้านปีล่ะนะ) และแมลงที่เราไม่เคยได้พบเห็นในยุคปัจจุบันกว่าพันชนิดนั่นถูกส่งผ่านเป็นความรู้มายังคนรุ่นเราได้ด้วยการหยุดช่วงเวลาของอำพันนี่แหละ หลายคนอาจจะบอกว่าผลึกอัญมณีที่มีแมลงอยู่ข้างในดูน่ากลัวจะตาย แต่บอกได้เลยว่าก้อนอำพันที่ไม่มีแมลงอยู่นั้นก็สวยงามใสสดไม่แพ้อัญมณีอื่นๆเลยแหละ แถมตัวอำพันเองจริงมีหลายสีด้วยนะแต่ส่วนมากที่คุ้นตากันจะป็นสีเหลืองไล่ไปจนถึงสีน้ำตาลอมแดงนั่นแหละ
ส่วนใครที่อยู่สายลงไม้ลงมือ ชอบการปฏิบัติมากกว่าจดจ่อกับข้อมูลหรือทฤษฎีต่างๆ ก็ไม่ต้องกังวลว่ามาที่มิเซียมคุจิแห่งนี้แล้วจะเบื่อ เพราะนอกจากส่วนการจัดแสดงที่ให้ความรู้แล้ว ที่นี่ยังมีส่วนของกิจกรรมให้ได้ลองเป็นนักล่าสมบัติกันอีกด้วย (จริงออกแล้วกึ่งๆ นักธรรมชาติวิทยากับนักธรณีวิทยาน่ะนะ) เพราะว่าที่นี่จะมีพื้นที่ที่ให้เด็กๆ (จริงๆผู้ใหญ่เขาก็ไม่ห้ามนะ) ได้ลองไปขุด ไปหามาเพื่อนำมาทำเป็นของขวัญ ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วยล่ะ โดยมีขั้นตอนคือขุดหาจนเจออำพันแล้วนำไปเลือกว่าจะทำเป็นสร้อย เป็นเครื่องราง ตามแต่ที่อยากได้กันไปเลย โดนสนนราคาไม่แพงเลย สำหรับการขุดหานัั้น เด็กมัธยมหรือบุคคลทั่วไปจะเสียค่าใช้จ่ายที่ 1,200 เยน มัธยมต้น 800 เยน และเด็กกว่านั้น 50 เยนเท่านั้น!! และมีค่าใช้จ่ายในการนำมาทำเป็นเครื่องรางเครื่องประดับที่ 1,050 เยน
นอกจากนั้นยังมี “หินดวงอาทิตย์” ก้อนโตจัดแสดงอยู่ด้วย และแน่นอนว่าที่นี่คือ ญี่ปุ่น เขาไม่จัดสร้างมิวเซียมกันเล่นๆ แน่ๆ เพราะเขาคิดไปถึงการทำห้องที่จำลองโลกในอำพันออกมาด้วย โดยในห้อง จะมีสีส้มเหลืองที่ล้อกับแสงภายนอก รวมถึงมีกลิ่นที่สกัดให้ใกล้เคียงกับยางสนมากที่สุดจนรู้ซึ้งถึงคำว่าสูดกลิ่นธรรมชาติได้เต็มปอดเลยล่ะ #แอบคิดไปว่าหรือจริงๆเขาจะอยากให้เราเข้าใจโลกของพวกแมลงที่อยู่ภายในอำพันนะ..แต่ก็ไม่เถียงเลยสักนิดว่าโลกสีเหลืองสะท้อนแสงนี่มีเสน่ห์เหลือล้นเลยล่ะ
ใครที่อยากลองไปเยือนมิวเซียมคุจิ นี่ล่ะก็สามารถไปได้ในเวลา 9.00 – 16.30 น.นะจ๊ะ (เค้าปิด 17.00น. แต่เปิดให้เข้าเลทสุด 16.30 น.จ้ะ) และสำหรับค่าเข้าชมแบ่งเป็นเด็กม.ปลายหรือแก่กว่านั้น (อย่างเราๆ) ก็อยู่ที่ 500 เยน และเด็กกว่านั้นที่ 200 เยนเท่านั้น ใครที่ชอบความงามตามแบบธรรมชาติและความโรแมนติกเหนือกาลเวลาแล้วล่ะก็ เราแนะนำที่นี่นะ เชื่อว่าคุณต้องตกหลุมรักไม่ต่างจากเราแน่นอนล่ะ 🙂
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
www.visit-kuji.jp/en/spot/
www.kuji.co.jp