@MushroomTravel
ครั้งนี้มัชรูมทราเวลได้รับเกียรติจาก Guest สุดพิเศษ ที่จะพาเรา เที่ยวฉงชิ่ง อีกหนึ่งเมืองน่าเที่ยวของเมืองจีนที่เต็มไปด้วยที่เที่ยวน่าสนใจมากมาย ไปชมรีวิวกันค่ะว่าจะน่าเที่ยวขนาดไหน
AUTUMN CHONGQING 2018 … ไหนใครยังไม่รู้จักฉงชิ่ง
เวลามีคนถามว่าชอบไปเที่ยวประเทศไหนมากที่สุด…. เราก็จะเงียบไปสักพักนึก แล้วมีตัวเลือกในหัวโผล่ขึ้นมามากมาย เพราะแต่ละประเทศก็มีจุดประทับใจที่ไม่เหมือนกัน แต่พอมีคนถามว่าไปประเทศไหนแล้วมันส์ที่สุด…. ก็จะตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า… “จีน” นอกจากจะได้เห็นธรรมชาติอันยิ่งใหญ่อลังการมากมาย แบบดิบๆ ในงบประมาณไม่มากแล้ว ยังมักจะได้เจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จากทั้งตัวเอง และคนจีนอีกมากมาย ทักษะการเอาตัวรอดแบบหน้างานนี่เรียกได้ว่าพัฒนาจนพุ่งทะลุเพดานแล้ว ซึ่งรอบที่ 5 กับการ เที่ยวจีน ก็ยังคงมีเรื่องราวสุดประทับใจแบบแปลกๆ ให้กลับมาคุยกับเพื่อนได้แบบไม่ลืมเลือนอีกเช่นเดียวกัน
รอบนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก ฉงชิ่ง ให้มากขึ้นกันนะคะ เมืองที่ทุกคนอาจจะคุ้นตามาบ้าง จากภาพโปสเตอร์โฆษณาต่างๆ แต่อาจจะยังไม่รู้จักดีพอว่าแล้วในฉงชิ่งจริงๆ มีอะไรน่าสนใจบ้าง แล้วคุณจะรู้ว่ามา เที่ยวฉงชิ่ง เนี่ย เที่ยวได้ทุกแบบทุกสไตล์เล้ย Let’s goooooo
แผนการเดินทาง
Day 1- Chilling City Day : เจียฟางเป่ย
Day 2- Lifestyle Day : ตลาดโบราน Ciqikou –สวนอี้หลง-testbed2-หงหยาตง
Day 3- Religious Day : ผาหินแกะสลักต้าจู๋
Day 4- Natural Day : อู่หลง
Day 5- Lifestyle Day : People Square-3 georges dam museum
งบประมาณ 5 วัน 4 คืน 14,000 บาท (แบบไม่รวมตั๋วเครื่องบินและวีซ่า = 9,000บาท)
Day 1- Chilling City Day
ถนนคนเดินเจียฟางเป่ย
เที่ยวฉงชิ่ง วันแรก เป็นวันเดินชิวค่ะ เพราะทุกคนเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ก็เดินอยู่ตรงกลางเมืองนั้นแหละค่ะ บ้านเมืองของเค้าเจริญมาก ฉงชิ่งถือได้ว่าเป็น 1 ใน 4 มหานครของจีนเลยนะคะ มีแสงสีเสียง คนพลุกพล่านเต็มไปหมด โชคดีที่โรงแรมอยู่ตรงเจียฟางเป่ยข้างๆ ถนนคนเดิน ก็เลยออกมาเดินเล่นจนถึงดึกๆ ได้เลย
ห้างร้านของเค้า ก็จะมีความเจริญ คล้ายๆ กับเมืองใหญ่ๆ ทั่วไป มีห้างสรรพสินค้า หรือ ร้านค้าแบรนด์เนมมากมายค่ะ แต่ราคาไม่ถูกกว่าไทยนะคะ จะเห็นว่าที่นี่ตกกลางคืนแล้วจะคึกคักมาก ผู้คนจะออกมาเดิน แสงสีเสียงจัดเต็ม ขัดกับภาพเมืองตอนกลางวันมาก ที่จะดูซึมๆ
สิ่งที่ต้องทำเวลามาที่ฉงชิ่งคือการกินอาหาร street food ของเค้าค่ะ มีอาหารให้เลือกทานเยอะแยะเต็มไปหมด กินเป็นข้าวเย็นแทนได้เลย แต่ว่าไม่รับประกันความถูกปากของคนไทย เพราะที่นี่จะเน้นเค็มๆ เผ็ดๆ ค่ะ โดยเฉพาะหมาล่า ถ้าได้มาต้องลองนะคะ มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบน้ำ แบบผง เค้าสามารถคิดค้นอาหารแปลกๆ แล้วใส่หมาล่าเข้าไปได้เยอะแยะเลยค่ะ เดินเพลินเลยสนุกดี มีทั้งของหวาน ของคาว คนที่มา เที่ยวจีน ที่นี่ แนะนำให้หาที่พักแถวย่านเจียฟางเป่ยค่ะ รับรองไม่อดตาย คึกคักทั้งคืน อิอิ
อันนี้เป็นความบังเอิญพอดีที่ คืนก่อนไปเห็นคนแชร์ข่าวเรื่องร้านหนังสือนี้ในเฟซบุค แล้วบอกแค่ว่าอยู่ในห้างสรรพสินค้ากลางเมือง เดินไปเดินมาแถวนั้นเจอไปดีเลยค่ะ น่ารักดี อยู่ในห้าง Park 108 นะคะ
Day 2- Lifestyle Day : ตลาดโบราน Ciqikou –สวนอี้หลง-tastebed2-หงหยาตง
ตลาดโบราน Ciqikou
เที่ยวฉงชิ่ง วันนี้ขอยกให้เป็นวัน Lifestyle Day ค่ะ เพราะ เราจะท่องเที่ยวแบบไปซึมซับวัฒนธรรมคนจีนเค้าในหลายๆ แบบกัน เริ่มต้น ด้วยตลาดโบราณ และความมวลมหาประชาชนของชาวจีน ณ ที่แห่งนี้กัน
ต้องเรียกได้ว่า คนจีนด้วยกันเองก็มาเที่ยวกันเยอะมาก ทัวร์ลงมากมาย คนเยอะสุดๆ มองไปข้างหน้าแล้วท้อมากไม่รู้จะเดินต่อไปยังไง 55555 ตลาดแห่งนี้ใหญ่มากค่ะ เราใช้เวลาอยู่ครึ่งวันเต็มๆ เดินวนๆ หาของกินเล่น ถ่ายรูปตึกเก่าๆ ซึมซับบรรยากาศ ติดที่ว่าคนเยอะไปหน่อย ไม่งั้นก็จะถือว่าเป็นการเดินเล่นที่ชิวมาก ส่วนการมาที่นี่นั้น ง่ายมากค่ะ มีรถไฟฟ้ามาถึงที่นี่เลย จากตัวเมืองฉงชิ่ง ต้องขอบอกว่า ระบบรถไฟฟ้าของที่นี่ครอบคลุมและราคาถูกมาก สามารถนั่งรถไฟฟ้าไปได้ไกลๆ มากในราคาแค่ 6 หยวน
อันนี้เป็นตัวอย่างขนมที่ติดใจ ได้รับการรีวิวจากหลายที่ว่าต้องมาลอง แต่เราว่าคล้ายๆ โมจิของญี่ปุ่น ร้านนี้จะมีการโชว์ทุบแป้งอยู่ด้านหน้าร้านค่ะ ขอบอกว่าคนเยอะมาก ส่วนร้านตรงข้ามร้านนี้จะเป็น เนื้อย่างโรยหมาล่าเสียบไม้ อร่อยมากเช่นเดียวกัน ไม้เดียวลิ้นชาแน่นอน
ทางเดินเป็นบันไดไล่ระดับ สวยมากค่ะ แต่คนก็เยอะมากเช่นเดียวกัน
ไม่ได้มีแค่ร้านของกินนะคะ ร้านขายของที่ระลึกน่ารักๆ ก็มีเต็มไปหมดเช่นเดียวกัน คนที่ชอบสะสมโปสการ์ด หรือแม่เหล็ก คงจะชอบร้านแบบนี้มากแน่ๆ
สวนอี้หลง
เสร็จแล้วเราก็นั่งรถไฟฟ้ามาที่สวนอี้หลงค่ะ ถึงเลยเช่นเดียวกัน มาดูวิวเมืองฉงชิ่งจากมุมสูง เมืองนี้ตอนกลางวันดูน่าเบื่อค่ะ เป็นเมืองแห่งสายหมอก ไม่ค่อยมีแสงแดด บ่ายสอง ก็เหมือนหกโมงเย็นได้ ดูทึมๆ เศร้าๆ ตลอดเวลา รูปแบบสถาปัตยกรรมก็ซ้ำๆ สีโมโนโทน เอาเป็นว่าเรารู้สึกง่วงตลอดเวลาเลยตอนกลางวัน แต่พอตอนกลางคืนเท่านั้นแหละ เมืองนี้เหมือนกลายเป็นอีกเมืองไปเลย…
Testbed 2
สำหรับคำถามที่ว่า วัยรุ่นที่นี่เค้ามาเที่ยวที่ไหนกัน ก็คงเป็นที่นี่เลยค่ะ Testbed 2 Creative Space เดินออกมาจากสวนอี้หลงจะมีป้ายบอกทางนะคะ ก็เดินตามมาเรื่อยๆ ประมาณ 1 กิโล ก็จะมาถึงที่นี่ แหล่งรวมไลฟ์สไตล์สำหรับวัยรุ่น ที่เค้าดัดแปลงมาจากโรงงานเก่า ที่นี่ก็จะมีร้านค้า คาเฟ่ชิคๆ มากมาย ให้วัยรุ่นไปถ่ายรูป จริงๆ ถือได้ว่าเป็น public space ที่ดีเลยค่ะ แต่ราคาของกินต่างๆ ก็จะแพงกว่าที่อื่นประมาณนึงนะคะ
พื้นที่ค่อนข้างใหญ่ค่ะ สามารถเดินทะลุไปเชื่อมตึกนู้นตึกนี้ได้ หรือจะลัดเลาะไปดูวิวแม่น้ำบริเวณด้านหลังก็ได้ บรรยากาศคนไม่พลุกพล่านมาก เหมือนที่ตลาดโบราณ แล้วก็ช่วงวัยของคนมาเดินต่างกันแบบเห็นได้ชัด
ขากลับ จะมี shuttle bus ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้านะคะ แต่ว่าคนละ 3 หยวน เรามากัน 4 คน เลยตัดสินใจนั่งแท็กซี่ (ค่าเสียหาย 10 หยวน) คุ้มกว่าค่ะ
หงหยาตง
นั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีใกล้ๆ หงหยาตงค่ะ แล้วก็เดินต่อเอา วิวกลางคืนของเมืองนี้อย่างที่บอกว่าต่างจากตอนกลางวันลิบลับค่ะ ตึกจากที่ดูทึมๆ กลายเป็นจอฉายภาพ ที่เชื่อมกันหลายๆ ตึก แล้วฉายภาพต่อกัน
แล้วเราก็เดินมาเรื่อยๆ จนถึงหงหยาตง ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไรก็จะยิ่งเห็นคนเยอะมากขึ้นเท่านั้น ทัวร์ลงแบบมหาศาลค่ะ แต่ว่าสวยและอลังการสมคำร่ำลืมจริงๆ ที่นี่เป็นเหมือน community mall นะคะ มีประมาณ 11 ชั้นค่ะ โดยที่สร้างไล่ระดับตามภูมิประเทศของเมืองฉงชิ่ง เมืองนี้เป็นเมืองที่เล่นระดับเยอะมาก เป็นเรื่องปกติที่เราจะเห็นถนนซ้อนกันไปมา หรือรถไฟฟ้าวิ่งทะลุตึกเข้าไปเลย หงหยาตงก็เช่นเดียวกันค่ะ สามารถเข้าได้ทั้งถนนด้านล่างที่ติดแม่น้ำ และถนนด้านบนที่ชั้น 11 ซึ่งเดินไปยังเจียฟางเป่ยได้ ภายในนี้ก็มีทั้งร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านของฝากมากมาย เราก็กินข้าวเย็นกันที่นี่เหมือนกัน
อันนี้เป็นร้านที่บรรยากาศดีมากในหงหยาตงค่ะ นั่งฟังเพลงชิวๆ ชมบรรยากาศแม่น้ำ เรียกได้ว่า เที่ยวฉงชิ่ง ตอนกลางคืนโรแมนติกมาก ถ้าไม่ติดว่ามีทัวร์จีนมาตะโกนอยู่ข้างๆ ร้านตลอดเวลา
ขากลับที่พักก็เดินผ่าน Landmark อีกที่นึงในย่านนี้ค่ะ เป็น Art gallery รูปแบบสถาปัตยกรรมแปลกตา ยิ่งใส่ lighting เข้ามาก็ยิ่งดูเด่น
Day 3- Religious Day : ผาหินแกะสลักต้าจู๋
ผาหินแกะสลักต้าจู๋
เราใช้การเหมารถมาที่นี่ค่ะ เพราะมากัน 4 คน คิดว่าคุ้มกว่านั่งใต้ดิน ต่อรถไฟ ต่อรถแท็กซี่ เลยลงมาเดินๆ วนแถวหน้าโรงแรมก็จะมี agency ขายทัวร์เข้ามาถาม เลยให้เค้าช่วยหาให้ สรุปต่อมาได้ในราคา 700 หยวน (ซึ่งมารู้ทีหลังว่าแพงมาก เพราะคนขับเอา 200 หยวนให้นายหน้าต่อหน้าต่อตา) แต่ว่าสำหรับพวกเราถือว่าเป็นราคาที่รับได้ ก็เลยโอเคค่ะ เลยตามเลย
พอมาถึงวัดคือ ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง แย่ล่ะ ผิดแผน ลืมบอกคนขับให้แวะร้านกินข้าวให้ ระหว่างที่ยืนงงๆ กันอยู่หน้าวัดก็มีคุณป้าเข้ามาถามว่าหิวมั้ย ไปกินข้าวมั้ย…. ในใจตอนนั้นคิดว่า นั่นไง หลอกแน่ๆ แต่เท้าก็เดินตามเค้าไป เพราะหิวข้าว 55555 เหมือนรู้เค้าหลอกแต่เต็มใจให้หลอก แล้วคุณป้าพาก็พวกเราเดินออกนอกเขตวัดมายังถนนเล็กๆ ข้างวัด เดินมาสักพักเริ่มชักหวั่นใจเพราะไม่ถึงสักที แต่ในใจก็คิดว่ามีกัน 4 คน เราสู้ได้แน่นอน แต่ผิดคาดค่ะ คุณป้าพามาร้านอาหารจริงๆ เป็นภัตตาคารตั้งอยู่ริมผา มีความงงๆ แต่บรรยากาศดีมาก เป็นบทเรียนที่ดีบอกกับตัวเองว่า บางทีอะไรที่ไม่คาดคิดก็อาจพาให้เรามาเจอกับอะไรใหม่ๆ เหมือนกัน
กินเสร็จแล้วก็นั่งรถกอล์ฟไฟฟ้าเข้ามายังบริเวณตัววัดค่ะ จากที่ดูในภาพรีวิว เที่ยวฉงชิ่ง ตอนแรกๆ ดูไม่อลังการนะคะ แต่ว่าของจริงอลังการมาก แกะสลักได้ละเมียด เห็นรายละเอียดชัดเจน แล้วงอกมาจากหินธรรมชาติจริงๆ ประทับใจมากค่ะ
เจอทัวร์ฝรั่งมาบ้างค่ะที่นี่ ได้ยินเค้าชมกันใหญ่เลยว่าที่นี่สวยงดงาม สะท้อนวัฒนธรรมจีนได้ดีมาก ทัวร์ลงเยอะเลยทีเดียว
อีกอย่างนึงที่รู้สึกประทับใจตลอดเวลามาที่นี่คือ บรรยากาศที่เงียบสงบค่ะ ถึงแม้ว่าคนจะมาเยอะ และทัวร์จีนก็ลงกันอย่างมากมาย แต่ไกด์ทุกคนจะพูดใส่ไมค์ตัวเอง แบบ wireless ให้ลูกทัวร์ใส่หูฟังฟัง ไม่มีการมาตะโกนอธิบายๆ แบบทัวร์จีนทั่วๆ ไปที่เราเห็นกัน ทำให้เห็นว่าเมื่อมีกฏเกณฑ์ และความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ พวกเค้าก็พร้อมทำตามค่ะ ทำให้การเดินชมรูปแกะสลักต่างๆ ไม่น่าเบื่อเลย
มาที่นี่ก็หมดไปแล้วหนึ่งวันเต็มๆ ได้เวลานั่งรถกลับค่ะ พอดีคุยกับคนขับรถถูกคอ เลยใช้บริการพรุ่งนี้ต่ออีกหนึ่งวัน
พอกลับมาแถวที่พัก เพื่อนๆ ก็เรียกร้องอยากลองกินหม้อไฟต้นตำรับของฉงชิ่งค่ะ เป็น signature ของที่นี่เลยนะคะ (จริงๆ รูปแบบดั้งเดิมคือ แบบ 9 ช่อง แต่น้ำจะเป็นหมาล่าเผ็ดๆ ทั้งหมด เราเลยเลือกแบบ 2 ช่องแทน) ร้านค้าเชียร์แขกเข้ากันตลอดเวลา เลือกไม่ถูกเลยว่าร้านไหน ก็เลยเลือกร้านที่คนเยอะๆ บรรยากาศดูทันสมัย ส่วนเมนูก็สั่งง่ายมากค่ะ เค้ามีเป็นรูปๆ มาให้ติ๊กๆ เราก็ติ๊กๆ ไป ส่วนรสชาติก็ถือว่าอร่อยเลย เราเน้นสั่งเนื้อสไลด์ เรียกได้ว่าอร่อยจนเพื่อนๆ ขอกิน 2 คืนติดกัน
Day 4-Natural Day : อู่หลง
อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์
ในที่สุด highlight ของทริป เที่ยวฉงชิ่ง ที่รอคอยก็มาถึง เราเลือกเหมารถกับคนขับคนเดิมมาที่นี่นะคะ (850 หยวน/คัน) พอมาถึงที่อุทยานก็ซื้อตั๋วเข้าแล้วนั่งรถบัสมาลงจุดที่มีบับเบิ้ลบีตัวใหญ่สีเหลือง เพื่อต่อคิวลงลิฟต์แก้วค่ะ แถวอาจจะยาวหน่อย แต่ว่าคุ้มค่ะ เพราะถ้าลงทางนี้ทางจะบังคับให้เดินลงบันได แล้วสามารถถ่ายรูปโรงเตี๊ยมจากมุมสูงแบบในโปสเตอร์ได้เลย ในรูปทั้งหมดอาจจะดูไม่ใหญ่ แต่ของจริงต้องเรียกได้ว่าอลังการมาก ตั้งแต่ก่อนเดินลง ใหญ่จนไม่รู้จะถ่ายรูปยังไงให้เก็บภาพบรรยากาศให้ได้ครบเหมือนที่ตาเห็นจริงๆ
ภาพบรรยากาศในโรงเตี๊ยมของจริง
พอเดินต่อจากโรงเตี๊ยมเพื่อไปยังทางออก ก็จะเห็นอีกหนึ่งโพรงค่ะ พร้อมหุ่นยนต์ transformer ที่มาถ่ายทำที่นี่อีกหนึ่งตัว
ธรรมชาติอลังการมากจริงๆ ค่ะ เขียวครื้มดูสงบร่มรื่น สำหรับคนที่เคยไปอุทยานแห่งชาติอื่นๆ ของจีนมา คงจะทราบว่าอลังการคืออลังการมากจริงๆ แต่อาจจะให้อารมณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ คำนิยามของที่นี่ก็คงจะเป็น ความสุขุม นุ่มลึกมั้งคะ
เหมือนได้มาเดินทางพักผ่อน ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ เดินไปเรื่อยๆ ก็จะถึงทางออกนะคะ แวะซิ้อตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งถัดไป นั่นก็คือ น้ำตกบุปผาสวรรค์ค่ะ แล้วก็ขึ้นรถบัสของอุทยานไปยังน้ำตกบุปผาสวรรค์เลยค่ะ
น้ำตกบุปผาสวรรค์
ตอนนี้เราพาตัวมาอีกที่แล้วค่ะ นั่นก็คือน้ำตกบุปผาสวรรค์นั่นเอง เดินตามกันมาเรื่อยๆ ไม่หลงแน่นอน เพราะที่นี่เส้นทางไปแบบ one way ไม่มีเดินย้อน จริงๆโดยส่วนตัวคิดว่า ระบบจัดการในการอุทยานแห่งชาติของเค้าทำไว้ดีมากเลยนะคะ
โดยส่วนตัวรู้สึกว่าชอบที่นี่มากกว่าที่ที่แล้วค่ะ ที่นี่มันดูชุ่มชื้น ลึกลับกว่า ธรรมชาติดูสดใหม่มากๆ มีเส้นทางไต่ระดับไปมา ดูแล้วก็รู้สึกทึ่งว่าเค้ามาทำทางได้ยังไงในช่องเขาแคบๆ แบบนี้
สวยและใหญ่มากจริงๆ
ถึงแล้วน้ำตกพระเอกของเรา สูงมาก และน้ำแรงดีจริงๆ เราต้องเดินลอดใต้น้ำตกเพื่อไปยังทางออกนะคะ เปียกกันแบบถ้วนหน้าเลย
มาที่นี่แล้วรู้สึกว่า มนุษย์เราตัวเล็กมาก เมื่อเปรียบเทียบกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ เป็นความรู้สึกที่ชอบทุกครั้งเวลาเราออกเดินทางไปเจอสถานที่ใหม่ๆ ค่ะ
มองกลับไปเห็นฉากหลังเป็นน้ำตกที่ไหลลงมาอย่างแรง สวยมากจริงๆ ค่ะ
สิ้นสุดทางออกแล้วค่ะ จะมีรถบัสของอุทยานรออยู่ที่ทางออกเพื่อพาเราไปส่งที่ tourist center หน้าอุทยาน ต้องขอบอกลาวันเที่ยวแบบธรรมชาติไปเพียงเท่านี้
Day5-Lifestyle Day : People Square- 3 Georges Dam Museum
วันนี้เป็นวันเดินชิว เที่ยวฉงชิ่ง วันสุดท้ายค่ะ เพราะต้องบินกลับวันนี้แล้ว พวกเราเลยเลือกจะไปที่ people square โดยนั่งรถไฟใต้ดินถึงเลย ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นลานคนเมืองอย่างแท้จริง มีประชาชนมากมายออกมาทำกิจกรรมกันจริงๆ ทั้งเดินเล่น เต้นรำ มีทุกแบบเลย แค่มานั่งมองคนทำกิจกรรมกัน ก็เพลินแล้วค่ะ
อีกที่ที่ขาดไม่ได้เลยคือ 3 Georges Dam Museum ซึ่งอยู่ตรง people square เลย ใครมีเวลาว่างขอแนะนำให้เข้าไปดูนะคะ เข้าฟรี มี exhibition ให้ชม แต่ highlight คือ ชั้นแรกสุด ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างเขื่อน เดินชมเสร็จแล้ว อย่าลืมแวะร้านขายของที่ระลึกด้านหน้าพิพิธภัณฑ์นะคะ ของน่ารักๆ เต็มไปหมดขนาดปกติเราไม่ค่อยซื้ออะไรแบบนี้ ยังติดไม้ติดมือกลับมาหลายอย่างเลย
ขอบอกลาทริปนี้ไปด้วยภาพกิจกรรมที่ลานคนเมืองแห่งนี้นะคะ หวังว่าทริปนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนอยากไป เที่ยวจีน กันบ้างนะคะ โดยเฉพาะ “ฉงชิ่ง” เมืองซึ่งมีที่ท่องเที่ยวมากมายหลากหลายสไตล์ สายเมืองก็เก๋ สายบุญก็มา สายธรรมชาติก็โดน สายกินก็มี ชอบแบบไหนมาได้หมดเลยค่ะ สวยงามอลังการ อยู่บนงบที่จัดการได้ ส่วนเรานี่ติดใจสุดๆ ไปแล้ว เตรียมตัวหาเมืองถัดไปในจีนรอเลยค่ะ
ขอบคุณ Guest สุดพิเศษ คุณ missthunder สังกัด Pantip จากกระทู้ [CR] AUTUMN CHONGQING 2018 … ไหนใครยังไม่รู้จักฉงชิ่ง ที่มารีวิว เที่ยวฉงชิ่ง กับสถานที่สวยงามอลังการ ดูแล้วสร้างแรงบันดาลใจให้อยากไป เที่ยวจีน ได้จริงๆ ค่ะ ได้รับเสียงปรบมือจากเราไปเลย!!
ระดับความน่าไป : ✩✩✩✩✩