Mushroom Travel

Autumn in Kansai Day 2 – Osaka

วันที่ 2 ของทริปใบไม้เปลี่ยนสีที่ Kansai วันนี้จะพาชมพาเที่ยวกันในเมือง โอซาก้า ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งในการเดินทางครั้งนี้

โอซาก้า เป็นเมืองที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากโตเกียว เป็นเมืองศูนย์กลางการค้า และอุตสาหกรรมของภูมิภาคคันไซ
โอซาก้า ได้ชื่อว่าเป็น “ครัวของประเทศ” เพราะเป็นศูนย์กลางการค้าทั้ง ข้าว ผัก ผลไม้ และอาหารทะเล ของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยเอะโดะ
โอซาก้า เป็นเมืองที่ให้กำเนิดบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นหลายบริษัท เช่น พานาโซนิค มิตซูบิชิ ไดฮัทสุ และขนมหวาน กูลิโกะ

วันที่ 2 และ 3 แพลนไว้แล้วว่าจะใช้ Osaka Amazing Pass แบบ 2 วัน ราคา 3000 เยน เพื่อท่องเที่ยวภายในเมืองโอซาก้า

ก่อนที่เราจะออกเดินทางท่องเที่ยวภายในเมืองโอซาก้า เราก็ต้องออกไปหาซื้อ Osaka Amazing Pass กันเสียก่อน สถานที่ขาย Osaka Amazing Pass ที่ใกล้โรงแรมที่พักมากที่สุด ก็จะเป็น General Information Center (ศูนย์บริการท่องเที่ยวสถานี) อยู่ที่ชั้น 1 ภายในสถานีรถไฟ Nankai Namba

เนื่องจาก Osaka Amazing Pass จะขายให้เฉพาะนักท่องเที่ยวเท่านั้น การไปซื้อเราก็ต้องยื่น Passport ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบด้วย เจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายให้ฟังว่าช่วงที่เราซื้อที่ไหนที่ไปได้บ้าง มีที่ไหนปิดบ้าง เพื่อจะได้วางแผนการเดินทางได้ถูก เพราะสถานที่ที่ไปแต่ละแห่งอาจจะเปิดปิดไม่เหมือนกัน ฟังอธิบายเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะให้ บัตร Osaka Amazing Pass พร้อม Guide Book มา 1 เล่ม

ใน Guide Book จะมีคำแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่เราสามารถเข้าได้ฟรี หรือได้รับส่วนลด โดยส่วนลดจะต้องใช้ร่วมกับคูปอง TOKU x 2 ที่อยู่ภายใน Guide Book เล่มนี้

ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่าง Osaka Amazing Pass แบบ 1 วัน และ 2 วัน หลักๆ ก็คือ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.osaka-info.jp/osp/en/index.html และ https://www.osaka-info.jp/osp/en/pdf/guide.pdf

ระหว่างทางเดินไปซื้อ Osaka Amazing Pass ริมถนน Sennichimae Dori จะมีจุดสำหรับจอดรถจักรยานแบบเสียเงินอยู่ตลอดแนวถนน มีที่ล็อกให้เรียบร้อย

หลังจากได้ Osaka Amazing Pass มาแล้ว เดินกลับมาผ่านย่าน Dotonbori ที่คุ้นเคย ผ่านร้านขายทะโกะยะกิ เป็นอาหารประจำเมืองโอซาก้าที่นิยมกันอย่างมาก ดูได้จากแต่ละร้านจะมีคนเข้าคิวรอซื้อยาวมากก

คลอง Dotonburi ช่วงเช้าๆ คนยังไม่เยอะมากเท่าไหร่

จุดแรกของวันนี้ คือ Tombori River Cruise จะใช้เวลานั่งเรือชมคลอง Dotonbori ประมาณ 20 นาที เรือจะออกทุกๆครึ่งชั่วโมง วันธรรมดาเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 13.00-21.00 น. วันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุด เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. ค่าใช้จ่าย 900 เยน แต่สำหรับ Osaka Amazing Pass ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยนำ Osaka Amazing Pass ไปแลกตั๋วสำหรับใช้บริการได้ที่ Ticket Counter ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับร้านของฝากดองกี้
ร้าน Ichiran Ramen ร้านราเมนชื่อดัง จะอยู่ใกล้กับร้านของฝากดองกี้

จุดที่รอขึ้นเรือจะอยู่บริเวณหน้าร้านของฝากดองกี้

ขึ้นเรือชมคลอง Dotonburi กันครับ ใช้เวลาไม่นานประมาณ 20 นาที

เรือจะวน 1 รอบ แล้วกลับมาจอดที่จุดเดิมที่ขึ้นเรือ เพื่อรอรับนักท่องเที่ยวรอบถัดไป โดยส่วนตัวแล้วก็ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ถ้ามีเวลาว่างๆ ก็ลองดูก็ไม่เสียหายครับ ส่วน Dotonburi ไม่แน่ใจว่าควรจะเรียกแม่น้ำหรือคลองดี สภาพน่าจะเป็นคลอง แต่ในแผนที่บางอันใช้คำว่าแม่น้ำ
สะพานเอบิซุ จะเห็นร้านปูยักษ์เจ้าดังแห่งย่าน Dotonburi อยู่เชิงสะพาน

ร้านขาย Okonomiyaki ร้านนี้คิวยาวทั้งกลางคืนและกลางวันเลย ท่าทางจะอร่อย ใครได้ไปลองแล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ

มาชม ป้ายไฟกูลิโกะ ในช่วงเช้ากันบ้าง

เดินผ่านป้ายไฟกูลิโกะ ขึ้นสะพานเดิน แล้วเดินไปทางซ้าย ทางไปสถานี Namba

แวะทาน ราเมนที่ร้าน Kinryu Ramen ร้านนี้จะอยู่ริมถนน Mido-suji แต่ก็ยังอยู่ในโซน Dotonburi รสชาติโอเคราคาไม่แพง วิธีการสั่งก็ต้องไปซื้อตั๋ว เลือกเมนูอาหารจากตู้ด้านข้างครับ แล้วนำมาให้พนักงาน วิธีการกิน ก็ยืนกินตรงนั้นแหละครับ ไม่มีที่นั่งให้

ทานอิ่มแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ ที่หมายต่อไป คือย่าน Shinsekai นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี Namba ไปลงที่สถานี Dobutsuen-mae ทางออก 1 หรือ จะลงสถานี Ebisucho ทางออก 3 ก็ได้

บริเวณทางขึ้นหอคอย Tsutenkaku

Tsutenkaku Tower เปิด 9.00-21.00 น. ค่าใช้จ่าย 700 เยน แต่สำหรับ Osaka Amazing Pass ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยนำ Osaka Amazing Pass ไปแลกตั๋วสำหรับใช้บริการได้ที่ Ticket Counter ที่ชั้น 2 แล้วรอต่อคิวเพื่อขึ้นลิฟต์ไปชั้น 5

ชั้น 2 – ร้านค้า, จันจันทาวน์, พิพิธภัณฑ์คินนิคุมัน เคาน์เตอร์ขายตั๋ว ที่ขึ้นลิฟต์ชมวิว
ชั้น 3 – นิทรรศการภาพสามมิติ รูปเก่าๆ ของย่าน Shinseiakai ร้านกูลิโกะ
ชั้น 4 – จุดชมวิว
ชั้น 5 – จุดชมวิว และวิหารบิลิเก็น (Billiken) เทพเจ้าแห่งโชคลาภ

เนื่องจากวันที่ไปคนเยอะมาก ทางเจ้าหน้าที่ก็ให้เดินวนๆ รอบๆ ชั้น 2 ก่อนจะขึ้นลิฟต์
ซุ้มหมุนแคปซูลของเล่น บริเวณ ชั้น 2

ร้านจันจันทาวน์ บริเวณ ชั้น 2

หน้ากากคินนิคุแมน บริเวณ ชั้น 2

จนในที่สุดก็ได้ขึ้นลิฟต์มาชั้น 5 ซึ่งเป็นจุดชมวิว และวิหารบิลิเก็น (Billiken) เทพเจ้าแห่งโชคลาภ โดยเทพเจ้าแห่งโชคลาภ จะมีทั้งหมด 8 องค์
บิลิเก็น (Billiken) ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าได้ลูบเท้าแล้วผู้ลูบจะโชคดีมีสุข

วิวเมืองโอซาก้า จากจุดชมวิวชั้น 5 หอคอย Tsutenkaku

ขาลง เดินลงบันได มาที่ชั้น 3 จะเป็นส่วนที่เป็น นิทรรศการภาพสามมิติ รูปเก่าๆ ของย่าน Shinseiakai และร้านกูลิโกะ

ร้านกูลิโกะ

บริเวณด้านหน้า หอคอย Tsutenkaku

เดินกลับไปทางเดิม ไปทางโซน Shinsekai Kouen Hondori อาหารขึ้นชื่อของย่านนี้ คือ Kushi-Katsu (ผักและเนื้อสัตว์ชุบแป้งทอดจิ้มซอสหวานสูตรเฉพาะ)

ร้าน Kushikatsu, Doteyaki Ichiban

พ้นโซน Shinsekai Kouen Hondori ก็จะถึงตรอก Jan-jan Yokocho ถนนคนเดินเส้นเล็กๆ เต็มไปด้วยร้านอาหารทั้งสองข้างทาง

กลับมาขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานีเดิมคือ สถานี Dobutsuen-mae เท่าที่สังเกตสถานีรถไฟในเมืองโอซาก้าจะดูเก่าๆ สักหน่อย แต่ก็ดูสะอาดครับ

จาก สถานี Dobutsuen-mae นั่งต่อไปยังสถานี Chuo Tanimachi 4-Chome เพื่อไปยังปราสาทโอซาก้า ใช้ทางออก 1-B ขึ้นมาจะเจอร้าน 7-11 เดินไปตามถนน Hommachi Dori ผ่าน Hotel The Lutheran ตรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนเจอแยก หัวมุมถนนตรงแยกจะเป็น Osaka Prefectural Police ข้ามถนนมาก็บริเวณที่ตั้งของปราสาทโอซาก้าแล้วครับ

ทางเข้าปราสาทโอซาก้า บริเวณ Otemon Gate

เดินตามทางมาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณ Sakuramon Gate ใบไม้เหลืองแดงกำลังสวยครับ

เยื้องๆ กับ Sakuramon Gate จะเป็น ศาลเจ้าโฮโกกุ (Hokoku-Jinja Shrine) สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ไดเมียวเจ้าของปราสาท Toyotomi Hideyoshi

เดินผ่าน Sakuramon Gate เข้าไปก็จะเป็นส่วนของที่ตั้งปราสาทโอซาก้า

ด้านขวามือ จะเป็น Restaurant & Café

ปราสาทโอซาก้า ภายในปราสาทจะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการสร้างปราสาทโอซาก้า รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ โดยจะเน้นที่ประวัติของปราสาทโอซาก้า เป็นหลัก และประวัติบุคคลสำคัญ อย่าง โทโยมิ ฮิเดโยชิ ผู้รวมแผ่นดินญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่น เปิดให้เข้าชม 9.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 600 เยน แต่สำหรับ Osaka Amazing Pass ไม่เสียค่าใช้จ่าย

คูน้ำด้านข้างปราสาทโอซาก้า

ลานตรงข้ามปราสาทโอซาก้าจะเป็นร้านค้า ร้านขายขนม ร้านขายของที่ระลึก

ด้านหน้าปราสาทโอซาก้า วันนี้มีร้านขายของนินจา คนขายก็แต่งชุดนินจาด้วย

Expo’70 Time Capsule ด้านหน้าปราสาทโอซาก้า

ขากลับเดินผ่านสวนนิชิโนมารุ (Nishinomaru Garden) เปิดให้เข้าชม 9.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 200 เยน แต่สำหรับ Osaka Amazing Pass ไม่เสียค่าใช้จ่าย

บริเวณ Otemon Gate

Osaka Museum of History, สถานีโทรทัศน์ NHK และก็ตึกสำนักงานตำรวจแห่งเมืองโอซาก้า

จากปราสาทโอซาก้า ที่เที่ยวสุดท้ายของวันนี้ จะพาไปเที่ยวแถว Bay Area โดยนั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Osakako ใช้ทางออก 1 เดินตรงไปประมาณ 2 ไฟแดง ก็จะถึง Tempozan Market Place ติดๆ กันจะเป็น Tempozan Giant Ferris Wheel

Tempozan Giant Ferris Wheel เปิด 10.00-22.00 น. ค่าใช้จ่าย 800 เยน แต่สำหรับ Osaka Amazing Pass ไม่เสียค่าใช้จ่าย
วิวจากด้านบนกระเช้า Tempozan Giant Ferris Wheel

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Kaiyukan)

นั่งชมวิวจากบนกระเช้าแล้ว ลงมาหาของกินที่ Naniwa Kuishimbo Yokocho (Tempozan Market Place ชั้น 2 เข้าทางประตู Tempozan Giant Ferris Wheel จะใกล้สุด) เป็นโซนร้านอาหารเก่าแก่ในบรรยากาศแบบย้อนยุค

บรรยากาศร้านอาหารภายใน Naniwa Kuishimbo Yokocho

อิ่มแล้ว เดินดูร้านค้าของฝาก ร้านค้าขนมภายใน Tempozan Market Place

เดินทะลุ Tempozan Market Place มายัง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Kaiyukan)

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Kaiyukan) เปิด 10.00-20.00 น. ค่าใช้จ่าย 2300 เยน สำหรับ Osaka Amazing Pass ได้รับส่วนลด 100 เยน โดยใช้ร่วมกับคูปอง TOKU x 2

Tempozan Market Place

ขากลับก็นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี Osakako มาลงที่สถานี Namba เข้าไปเก็บของบางอย่างที่โรงแรม แล้วก็ออกมาเดินเล่นแถว Dotonburi ใกล้ๆ โรงแรม

Pablo ร้านขนมชื่อดัง แถวๆ Dotonburi ใกล้ๆ กับทางเข้า ถนนสาย Shinsaibashi-Suji

ได้ซื้อขนมมาลองทาน 2 ชิ้น

ความเห็นส่วนตัว คิดว่าเลี่ยนไปครับ อาจจะแย้งกับคนอื่นน่ะ คิดว่าที่เลี่ยนไปเพราะขนาดแต่ละชิ้น ชิ้นใหญ่มาก น่าจะทำขนาดเล็กๆ กว่านี้หน่อย ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมครับ ตอนหน้าวันที่ 3 ของทริปใบไม้เปลี่ยนสีที่คันไซ ยังอยู่ในเมืองโอซาก้าครับ

Autumn in Kansai Day 2 – Osaka was last modified: May 25th, 2022 by Editor.Mushroom Travel
Exit mobile version