วันที่ 3 ของทริปใบไม้เปลี่ยนสีที่ Kansai ตามแพลนแล้ววันนี้ต้งใจจะไป Universal Studios Japan แต่ตื่นมาตอนเช้า ฝนตก เลยต้องเปลี่ยนแพลนเล็กน้อย เป็นการเดินเที่ยวช้อปปิ้งอยู่ในเมืองโอซาก้าแทน
ช่วงสายๆ นั่งรถไฟฟ้าจาก สถานี Namba ไปลงที่สถานี Shinsaibashi ทางออก 3 เพื่อมาหาร้านของ Issey Miyake ออกมาจากสถานี งงทางเล็กน้อยถึงปานกลาง เลยถามทางคนญี่ปุ่นที่ทำงานแถวๆ นั้น เป็นผู้ชาย ใจดี พาเดินมาส่งถึงร้าน แต่ร้านยังไม่เปิด ฝนก็ตก ตรงข้ามมีร้าน 7-11 เลยเข้าไปหาอะไรทานสักหน่อย ซื้อร่มออกมาคนละคัน ระหว่างรอร้านเปิด เดินออกมาชมทิวแปะก๊วย 970 ต้น ที่ปลูกเรียงรายสองข้างถนน Midosuji ถนนสายนี้เป็นที่ตั้งของที่ว่าการเมือง ธนาคาร และบริษัท ห้างร้าน หลายแห่ง
นั่งทานกาแฟร้านริมถนน Midosuji สักพัก เดินกลับไปที่ร้าน Issey Miyake อีกครั้ง น้องที่ไปด้วยไปเข้าคิวรอเวลาเปิดร้าน พอถึงเวลาเปิดร้านเข้าไปในร้าน ปรากฏว่า ร้านนี้ไม่กระเป๋า Bao Bao ขาย แห้วกันไปตามระเบียบ
ก็เลยเดินกันมาซื้อเสื้อที่ร้าน COMME des GARCONS
ได้เสื้อกันมาแล้ว ก็เดินไปตามถนน Midosuji มาทางถนน Nagahori Dori
เข้ามาที่ถนน Shopping ชื่อดังแห่งหนึ่งของเมือง Osaka คือ ถนน Shinsaibashi
แวะทานอาหารร้านนี้กันครับ ทริปนี้ ไม่เน้นกินนะครับ ถ้าหิว เห็นอะไรใกล้ๆ พอกินได้ ก็กินหมดครับ
ถนน Shinsaibashi อีกฟากหนึ่ง ซึ่งจะเชื่อมไปถึงสะพานเอบิซุ และย่าน Dotonburi
อิ่มแล้ว มาเดิน Shopping ของเล่น ที่ Nipponbashi Den Den Town นั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Shinsaibashi มาลงที่สถานี Ebisucho ออกทางออก 1A หรือ 1B (Nipponbashi Den Den Town เป็นศูนย์รวมร้านค้าจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองโอซาก้า รวมถึงร้านขายของเล่น เกม ฟิกเกอร์ ไปจนถึงเมดคาเฟ่) บรรยากาศที่ Nipponbashi Den Den Town ค่อนข้างจะเงียบ ไม่คึกคักเหมือนที่อื่น อาจจะเนื่องจากว่าเป็นโซนเฉพาะ
Super Kids Land เป็นร้านของเล่น และงานอดิเรกทุกแบบ หลายอย่างมาก ที่น่าสนใจจะเป็นโมเดลรถไฟ
ข้างๆ ร้าน Super Kids Land น่าสนใจมาก ร้าน Creation of a Dream and Spirit
หลงเข้ามาร้านนี้ เป็นร้านขายฟิกเกอร์ มีหลากหลายแบบ เยอะมากก เห็นแล้วก็อยากได้ไปหมด วิธีการซื้อของที่ร้านนี้ ทางร้านจะมีใบให้จดเลขรายการฟิกเกอร์ที่สนใจ ใส่จำนวนแล้วนำไปยื่นที่ Counter จ่ายเงิน พนักงานจะเดินมาไขกุญแจที่ตู้แล้วจึงหยิบออกมาให้ครับ
สุดท้ายก็สอยมา 2 ตัว เป็น Kamen Rider Double ทั้งคู่
ร้าน Herogangu เป็นร้านขายฟิกเกอร์เหมือนกัน ร้านนี้วิธีการซื้อปกติ ของจะอยู่ภายในตู้ อยากได้ตัวไหนชี้ได้เลยครับ พนักงานจะหยิบออกมาให้
จากร้านนี้ก็ได้มาอีก 2 ตัว จาก Kamen Rider Gaim
หลังจากช้อปปิ้งของเล่นกันแล้ว ก็นั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Ebisucho มาลงที่สถานี Umeda สถานีนี้จะเป็นชุมทางของรถไฟใต้ดินของบริษัท Hankyu และ Hanshin มีทางเชื่อม สามารถเดินถึงกันได้ ที่สถานีนี้ จะมีแหล่งช้อปปิ้ง ให้เดินกันทั้งใต้ดิน และบนดิน
ห้าง HEP Five เปิดเวลา 11.00-21.00 น. (HEP ย่อมาจาก Hankyu Entertainment Park) มีทั้งหมด 9 ชั้น
HEP FIVE Ferris Wheel ทางขึ้นชิงช้าจะอยู่ที่ชั้น 7 เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. ค่าใช้จ่าย 500 เยน แต่สำหรับ Osaka Amazing Pass ไม่เสียค่าใช้จ่าย
วิวเมืองโอซาก้า จาก HEP FIVE Ferris Wheel
หลังจากชมวิวเมืองโอซาก้าแล้ว ก็ลงมาเพื่อหาทางไป Umeda Sky Building ขาไปหาทางที่เดินจากไป HEP FIVE ไม่ถูก เลยนั่ง Taxi จาก HEP FIVE ไป Umeda Sky Building แทน แต่จริงๆ สามารถเดินไปได้ไม่ไกลมาก ด้านล่างตึก ช่วงที่ไปมีการออกร้านต่างๆ มีต้นคริสมาสต์ ประดับไฟอย่างสวยงาม
Umeda Sky Building สร้างเสร็จเมื่อปี 1993 เป็นตึกแฝดความสูง 173 เมตร มีบันไดเลื่อนเชื่อมจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่ง ส่วนจุดชมวิว Floating Garden Observatory จะอยู่ที่ชั้น 40 เป็นจุดชมวิวที่ไม่มีกระจก หรืออะไรมาขวางกั้น เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00-22.30 น. ค่าใช้จ่าย 800 เยน แต่สำหรับ Osaka Amazing Pass ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ขึ้นลิฟต์ไปชั้นที่ 40 ที่ชั้นนี้จะมีให้เขียนคำอธิษฐานใส่ดาวกระดาษ แล้วนำไปผูกไว้
จุดชมวิวในร่ม
จุดชมวิวชั้นดาดฟ้า ชมวิวเมืองโอซาก้า แบบไม่มีกระจกกั้นครับ
ร้านขายของฝาก ที่ Umeda Sky Building
ลงมาชั้นใต้ดินของ Umeda Sky Building จะเป็น Takimi-Koji Gourmet Street ร้านอาหารในบรรยากาศเก่าๆ เปิดให้บริการ 11.30-21.30 น.
เลือกทานกันร้านนี้ครับ
ยากิโซบะห่อไข่
ข้าวผัดกิมจิ
โอะโคะโนะมิยะกิ
ขากลับเดินทางใต้ดิน (Underpass) ซึ่งเป็นทางข้ามทางรถไฟมาทาง JR Osaka ผ่านห้าง Grand Front Osaka ส่วนตึกฝั่งใต้
ทางด้านขวาจะเป็น สถานี JR Osaka
ห้าง Yodobashi-Umeda อยู่เยื้องกับสถานี JR Osaka เป็นห้างที่ขายสินค้าปลีกจำพวกอิเล็กทรอนิกส์ ชั้นบนสุดมีร้านอาหารที่สามารถมองเห็นวิวตัวเมืองอีกด้วย เปิดให้บริการ 9.30-22.00 น.
หลังจากได้นาฬิกาจาก Yodobashi มา 2 เรือน ก็ขึ้นไปชม การประดับไฟ LED ที่ ชั้น 5 JR Osaka Station
ด้านหน้าของสถานี JR Osaka จะเป็นห้าง Lucua
เดินกลับไปยังสถานี Umeda แล้วนั่งรถไฟฟ้ามายัง Namba Walk แหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารใต้ดินสถานี Namba เปิดเวลา 10.00-22.00 น. ตอนกลับมาเริ่มปิดกันบ้างแล้ว
ผ่านถนนคนเดิน Ebisu Bashi-Suji มีร้านค้าต่างๆ มากมาย แต่คืนนี้ ไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่
กลับมาเก็บของที่โรงแรม ออกมาเดินเล่นแถว Dotonburi ใกล้ๆ โรงแรม ทะโกะยะกิ ร้านนี้คนต่อคิวยาวทุกวันเลย
บรรยากาศยามค่ำคืนย่าน Dotonburi ยังคึกคักอยู่มาก
บริเวณสะพานเอบิซุ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาชมป้ายไฟกูลิโกะ บริเวณนี้จะคึกคักมากเป็นพิเศษ
ตรอกเล็ก ตรอกน้อย บริเวณถนนคนเดิน Ebisu Bashi-Suji ส่วนใหญ่จะเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร
ตรอก Hozenji Koisan บริเวณถนนคนเดิน Ebisu Bashi-Suji สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารญี่ปุ่นแบบคลาสสิก บรรยากาศสวยงาม
จากถนนคนเดิน Ebisu Bashi-Suji เดินข้ามถนน ผ่านถนนคนเดิน Ebisu Bashi-Suj อีกฝั่ง เพื่อไปชมการประดับไฟ LED ที่ Namba Parks เนื่องจากเป็นเวลาดึกมากแล้ว ร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดบริการกันแล้ว
การประดับไฟ LED Illuminations Namba Parks ที่ Namba Parks
เดินขึ้นไปทางนี้ ไปตามทางเรื่อยๆ มืดๆ แล้ว ก็จะมีหลงๆ กันบ้างเล็กน้อย
ชมแสงสีเสร็จแล้ว เดินลงมาเพื่อกลับโรงแรม แม้กระทั้งทางเดินที่มีการซ่อมแซม ก็ยังมีการประดับไฟอย่างสวยงาม
Nankai Namba Station ที่ๆมาซื้อ Osaka Amazing Pass ในวันแรก
Dotonburi อีกฟากฝั่งถนนหนึ่ง
ห้าง Namba HIPS เปิดเวลา 10.00-23.00 น. ห้างนี้จะเปิดไฟสลับกันไปเรื่อยๆ
Dotonburi ฝั่งเดียวกับโรงแรม
Dotonburi และถนนคนเดิน Ebisu Bashi-Suji
ร้าน Kinryu Ramen ร้านราเมนที่เปิดขายตลอด 24 ชม. ราคาไม่แพง
แวะมาทานราเมนร้านนี้ ก่อนกลับโรงแรมที่พักครับ
ตู้เกมแถวๆ Dotonburi ที่โอซาก้า ตู้เกมแบบนี้จะเยอะมาก
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมครับ ตอนหน้า วันที่ 4 ของทริปใบไม้เปลี่ยนสีที่คันไซ ยังอยู่ในเมืองโอซาก้า แต่เป็นการพาไปชม Universal Studios Japan ครับ