Mushroom Travel

Backpack Macau – Hong Kong “รวมเทคนิคฉบับคนโง่ Eng ก็เที่ยวได้”

Backpack Macau – Hong Kong “รวมเทคนิคฉบับคนโง่ Eng ก็เที่ยวได้”

รีวิวนี้ผมจะไม่เขียนการดำเนินชีวิตนะครับ มันยืดยาวเกินไปแล้วมันก็ไม่มีอะไรมาก (แต่สนุก) ผมจะมาเน้นเหมือนสรุปใจความสั้นๆ ให้คนที่สนใจอ่านปุ๊บก็สามารถไปได้ทันที เปิดแค่รีวิวนี้ก็บินเดี่ยวเที่ยว มาเก๊า – ฮ่องกง กันได้แบบฟูล Destination กันเลยทีเดียว ต้องเข้าใจก่อนว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับการเที่ยวไกลๆ ถูกควบคุมด้วยค่าเดินทางเป็นหลัก ทริปนี้ผมจองตั๋วบินกับ Air Asia ข้ามปีเลยทีเดียว ได้ราคาไปกลับ 3,600 บาท เลยประหยัดไปเย๊อะะ!

—- Episode 1 Macau —–

แนะนำมาเก๊าคร่าวๆ นิดหนึ่งนะครับ มาเก๊าจะมี 2 ฝั่ง คือ ฝั่งมาเก๊า และฝั่ง Taipa เปิด Google maps ก็จะเห็นได้ทันทีครับ โดยเวลาเที่ยวก็แนะนำให้เก็บเป็นกลุ่มๆ ไปครับ ฝั่งมาเก๊าก็เก็บเป็นชุดหนึ่ง ฝั่ง Taipa ก็เก็บไปชุดหนึ่ง โดยฝั่ง Taipa จุดที่ดังๆ ก็จะมีพวก Venetian, Studio City, City of Dream และ Galaxy Macau ซึ่งเดินไปได้หมด แต่ไกลนิดหนึ่ง (ไม่มาก) และฝั่ง Macau ก็จะมี Macau Tower, Temple de A-M, Grand Lisboa, Fortaleza do monte Fort, Ruin of St.Paul’s, St.Dominic’s Church, Senado Square และก็ Rua da Felicidade

การวางแผนเที่ยวว่าจะไปกลุ่มไหนก่อน วันไหนดี ง่ายมากครับ ดูจากการเดินทางของคุณเป็นหลักเลยครับ โดยวัดจากการเดินทางเข้าและออกมาเก๊าดังนี้ครับ

การเดินทางในมาเก๊า เปิด Google Maps แล้วโหลด Macau map offline ไว้เลยครับ ชีวิตจะง่ายทุกอย่างและในรีวิวผมจะอิงจาก Google map ด้วย

Internet ต้องบอกว่ามาเก๊านั้นเล็กมาก และซิมที่ใช้ได้ทั้งมาเก๊าและฮ่องกงก็มีนะ แต่ไม่แนะนำครับ อดทนต่อ Wi-Fi เอาดีกว่า ร้านอาหารก็มี Wi-Fi ฟรี เยอะมากๆ

การสื่อสาร คนส่วนใหญ่จะเฉยๆ นิ่งๆ ไม่ค่อยเป็นมิตรครับ เวลาสื่อสารก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ ออกจะเป็นส่วนน้อยด้วยซ้ำ (20%) และอีก 20%-30% ก็พองูๆ ปลาๆ เหมือนเราแหละครับ เวลาจะถามแนะนำให้ยิงคำถามสั้นๆ ไม่ต้องยาว เพราะถึงเราจะถามถูกประโยค เขาก็งงอยู่ดี – -”

เงิน ที่มาเก๊าใช้ธนบัตรและเงินฮ่องกงได้เลยครับ แต่ที่ฮ่องกงใช้เงินมาเก๊าไม่ได้นะ โปรดระวัง

ที่พัก ที่มาเก๊าผมพักที่ “Hou Kong Hotel” พิกัดปักหมุดใน Google ปุ๊บขึ้นปั๊บ แนะนำเลยครับ แต่ราคาจะแพงนิดหนึ่ง ผมพักที่นี่ 1 คืน ได้ราคามาประมาณ 2,900 บาท แต่พิกัดจะอยู่ใกล้กับแหล่งเที่ยวดังๆ ของมาเก๊าเกือบทุกจุดครับ เดินทางง่าย ผมจองผ่าน Booking.com ซึ่งเว็บนี้เขาแค่เอาบัตรล็อกการจอง ยังไม่ตัดเงินจริง สามารถไปจ่ายหน้า Counter ตอนเช็คอินได้ครับ ดังนั้นไม่ต้องตกใจ หากกด Reserve ไปแล้ว แต่เงินไม่ตัด ฮ่าๆ

ของกิน ฝั่งมาเก๊า 7-11 ที่คุ้นเคยหายากมาก แทบจะเรียกว่าตัดมันออกไปได้เลย แต่กลับเห็น ทาร์ตไข่ เต็มไปหมด อร่อยด้วยนะ ส่วนใหญ่อันละ 9$ (ประมาณ 40 บาท) แต่เพื่อนบอกว่าเจ้าดังจะอยู่ที่ Venetian แต่การเที่ยวในมาเก๊าไม่ต้องซีเรียสเรื่องกิน เพราะแหล่งช้อปปิ้งที่เราต้องไปอยู่แล้วอย่าง Senado Square จะมีของกินฟรีเยอะมาก อิ่มเลยแหละงานนี้ 555+ ส่วนร้านข้าวก็มีมากมายหลากหลาย ส่วนใหญ่มี Free-WiFi ทั้งนั้นครับ

Main of Episode 1 :: The Adventure in Macau

มาถึงการเดินทางของผมในมาเก๊า ผมจะเขียนสั้นๆ ไม่เน้นเล่าเรื่องนะครับ เพื่อนๆ ที่สนใจจะได้อ่านแล้วจัดทริป หรือบันทึกไกด์ของตัวเองได้ง่ายๆ ผมจะเริ่มต้นจาก ท่าเรือมาเก๊า Macau Ferry Terminal ฝั่งมาเก๊านะครับ จากจุดนี้ผมจะไปที่พักก่อน คือที่ “Hou Kong Hotel” ซึ่งอยู่ตรงกลางของมาเก๊าพอดีเลย โดยจาก ท่าเรือมาเก๊า ผมเลือกนั่งรถ Hotel Bus ของ “Grand Lisboa” เพื่อไปที่ Casino แล้วเดินเท้าไปยังที่พักระยะทางประมาณ 700 เมตร ตรงนี้ไม่ยากครับ ไม่ต้องกลัวหลงเลย รถของคาสิโน Grand Lisboa จะมาส่งชั้นใต้ดิน แต่ถ้าเกิดไปนั่งรถของโรงแรม Grand Lisboa จะไปส่งฝั่ง Hotel ให้เดินเข้าไปใน Hotel แล้วมองหาชั้นใต้ดิน เดินต่อมาฝั่ง Casinoได้เหมือนกัน จากนั้นก็เดินเท้าเข้าโรงแรมจ้า

Hou Kong Hotel ค่าใช้จ่ายตอน Check-in โดนไป 2,900 บาท สำหรับ 3 คน แต่คุ้มค่ามากครับเพราะว่าห้องสบาย ตอนแรกกะจองมาแบบชิคๆ ลำบากๆ แต่ประหยัด ดันได้ห้องสบายซะงั้น พอเก็บข้าวของเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันเลยครับ อย่างที่บอกว่าโรงแรมใกล้กับจุดเที่ยวฝั่ง Macau ดังนั้นจากที่พักผมสามารถเดินไปได้หมด โดยผมจะเรียงลำดับการเดินดังนี้ Rua da Felicidade –> Senado Square –> St. Dominic’s Church –> Ruins of St. Paul’s –> Fortaleza do monte –> Grand Lisboa (ตอนค่ำเพื่อเก็บภาพยามค่ำคืนครับ)

Rua da Felicidade คือถนนที่มีประตูสีแดงและตกแต่งด้วยอะไรที่สีแดงๆ เป็นระยะทางสั้นๆ แต่ก็แนวดีครับ แวะมาถ่ายรูปได้เพราะอยู่ใกล้ๆ กัน เก็บภาพมาฝากกันสักนิด (มีแต่รูปคนขอโทษด้วยนะครับ) แล้วก็เดินออกจากซอย ขยับมาใกล้ๆ ก็จะเป็น Senado Square ครับ

Senado Square ที่นี่เหมือนตลาดเปิดท้าย หรือถนนคนเดินแบบสวยๆ มีการจัดของเป็นระเบียบแต่คนเป็นล้าน จุด Landmark ดังๆ ของมาเก๊าจะอยู่บริเวณนี้ซะเกิน 50% ช่วงที่มาเหมือนมีจัดงานอะไรสักอย่างคล้ายๆ โคมไฟด้วย

เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับโบถส์ St. Dominic’s Church อันสวยงามครับ

และนี่ก็คือ Ruins of St. Paul’s ที่เที่ยวยอดฮิตของมาเก๊าครับ คนเยอะมากๆ ถ้าอยากเก็บภาพสวยๆ แนะนำให้รอจนถึงค่ำๆ ภาพจะสวยและคนจะน้อยลง ถ้าเป็นช่วงเย็น อย่าหวังเลยครับ บริเวณก่อนทางขึ้น มีของชิมฟรีเพียบ! หมูแผ่นหวานอร่อยด้วย ผมนี่เดินวนอยู่หลายรอบเชียว 555+

Fortaleza do monte ที่นี่แนะนำให้ขึ้นมาก่อนพระอาทิตย์ตกดินนะครับ เพราะจะมีมุมสวยๆ ให้นั่งถ่ายภาพได้ เสร็จแล้วเดินออกมาผ่าน Ruins of St. Paul’s อีกรอบ ภาพบริเวณนี้ส่วนตัวชอบมากครับแสงสวย

เป้าหมายต่อไปที่จะไปคือ Grand Lisboa เขาว่ากันว่าแสงกลางคืนบริเวณนั้นสวยนักแล เราต้องไปส่องครับ จิ้ม Google map แล้วเดินเลยจ้า เก็บภาพระหว่างเดินกลับมาด้วย และก็เช่นเคย ของกินเพียบ

ผ่านโบสถ์ St. Dominic’s Church ช่วงกลางคืน เหมือนเค้ามีงานอะไรกัน แต่ไม่ได้เข้าไปนะ คนเยอะม๊ากกก

Hello “Casino Grand Lisboa” ไม่ต้องอะไรมากเอาภาพไปชม (เดินมาจาก Senado Square ประมาณ 500 เมตร)

วันต่อมาจะไปที่ Temple de A-M กันครับ โดยจะเริ่มต้นด้วยถนนเส้นซ้ายสุดของมาเก๊าตาม Google map (เพราะผมไปจากเส้นนี้) เดินไปก็ได้ครับ ใกล้ป้ายไหนเดินไปป้ายนั้น หรือถ้าฟิตจะเดินก็ได้ ถ้าอยู่ฝั่งมาเก๊า ตรงไหนก็เดินได้ เกาะมันเล็กๆ เอง บนถนนเส้นนี้(ตรงไหนก็ได้) มองหารถ Public Bus ที่วิ่งไป “Barra” มันน่าจะผ่านทุกคันครับ แต่ผมนั่งด้วย 11 , 26 ก็ผ่านครับ แต่เราดูที่ป้ายก็ได้ครับว่ามีสายไหนผ่านบ้าง ถ้าผ่านมันจะเขียนเลยว่า “Temple De A-M”

จุดบูชาค่อนข้างเยอะนะครับ และต้องเดินขึ้นบันไดไปสูงพอสมควร

Macau Tower จากวัดอาม่าเรานั่งรถ Public Bus สาย 18,26 ให้ดูค่าโดยสารให้ดีนะครับ และเตรียมแบงค์หรือเหรียญไว้ให้พอ เพราะจะไม่ทอนเงิน บางสายจะวิ่ง 5$ (ประมาณ 20 บาท) บางสาย 3$ (ประมาณ 13 บาท) ผมไม่ได้ซื้อบัตรขึ้น Macau Tower นะครับดังนั้นเลยแค่เดินเล่นรอบๆ

Studio City ที่ Macau Tower จะมีรถ Hotel Bus มาที่ Studio City เราจะมาสู่แหล่ง คาสิโนและโรงแรมดังๆ ฝั่ง Taipa กันครับ ถ้านั่งของอะไรก็ลงของอันนั้นเลยครับ มันไม่ค่อยมีอะไรนะพวกโรงแรมที่ Build-in Casino เช่นพวก City of Dream, Cotai, Studio City อย่างมากก็เป็นแนวห้างและมีคาสิโน เดินเล่นอิ่มก็เดินไป Venetian แหล่งชื่อดังกัน ที่นั่นมี ทาร์ตไข่รออยู่ครับ

Venetian จาก Studio City เดินมานะครับ เจอป้ายก็เลี้ยวโลด คาสิโนที่นี่เล่นได้นะครับ แต่ห้ามถ่ายรูป เป้าหมายหลักของเราคือการกินทาร์ตไข่ร้านดังกับถ่ายรูปสถานที่จำลองเมืองเวเนเซียน

มาดู ทาร์ตไข่แสนอร่อยกัน ชิ้นละ 10$ (ประมาณ 40 บาท) นะครับ ไม่แพง อร่อย คนจะเยอะหน่อยนะ ทั้งนี้จาก Venetian สามารถไปได้ทั้ง

—— Episode 2 Hong Kong ——

มาแนะนำสิ่งที่ควรจะรู้ในฮ่องกงกันก่อนนะครับ ฮ่องกงเป็นเกาะ แต่เวลาเที่ยวฮ่องกง จะไปเกี่ยวพันกับสองผืนแผ่นดินหลักๆ โดยแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือ Kowloon และ Hongkong ผมจะจับสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปเข้ากับสถานที่ของ Hong Kong ก่อน จะได้มองภาพกันง่ายๆ ครับ

วันแรก จะไปบริเวณเกาะลันเตาก่อนครับ ผมจะไป City Gate (ฝากกระเป๋าได้), Nong ping 360& ไหว้พระใหญ่วัดโปลี, แวะ Disneyland เพื่อถ่ายรูป, Symphony of Lights ตอน 2 ทุ่มบริเวณริมน้ำเกาลูน และ Lady Market

วันที่สองจะไปบริเวณ เกาลูน + ฝั่งฮ่องกงครับ Wong tai sin temple (วัดด้ายแดง), Chekung Temple (วัดกังหัน), นั่งรถรางไป Causeway bay, แวะ Time Square แล้วต่อรถไป Repulse Bay & ไหว้เจ้าแม่กวนอิม, The Park Island จาก Central Ferry Pier 2, Tsing ma Bridge และ The Peak & Terrace428

ปลั๊กสามขากับสายพ่วง เตรียมไปก็ดี ปลั๊กแปลงสามขา น่าจะขอยืมโรงแรมได้ แต่ตัวพ่วงนี่เอาไปเผื่อดีกว่า เพราะว่าถ้าไปหลายคนได้ใช้ได้พร้อมๆ กัน

Octopus Card หัวใจการใช้จ่ายในฮ่องกง บัตรนี้เป็นประมาณบัตร Rabbit บ้านเรา ใช้ได้เฉพาะในฮ่องกง มาเก๊าไม่เกี่ยว ใช้จ่ายค่าเดินทางได้หมด เรือเฟอร์รี่ เรือข้ามฝาก รถราง รถเมล์ 7-11 ร้านค้า รถไฟฟ้าใต้ดิน ครอบจักรวาลเลย ควรจะพกติดตัวให้แบบหยิบใช้ได้ง่ายๆ เลยด้วย

เงิน สำหรับฝั่งฮ่องกงนั้น ไม่สามารถนำเงิน Macau มาจ่ายได้นะครับ ให้ยัดเงินทิ้งไว้ในบัตร Octopus จำนวนหนึ่ง เผื่อๆ ไว้ เพราะมันแลกคืนและเติมได้ง่ายๆ มองหาตู้ Add Value นั่นแหละครับ ตามสถานีรถไฟฟ้ามีทุกสถานี หากออกจากประเทศที่มาเก๊า (สนามบินมาเก๊า) อย่าลืมแลก Octopus Card คืนตอนจะนั่งเรือไปมาเก๊า และตอนออกจากฮ่องกง ให้ใช้เหรียญหรือเติมใส่ Octopus Card ให้หมด เพราะที่ไทยแลกไม่ได้

การเดินทาง

Internet มี i-sim ที่ดังๆ ที่สนามบิน แต่ผมก็ไม่ค่อยเห็นนะ ผมแนะนำซื้อ Sim ที่ 7-11 สาขาไหนก็ได้แค่ 1 อันก็พอแล้วแชร์ไวไฟกันครับ ประหยัดกว่าเยอะ เน็ตเร็วด้วย เพียงพอนะผมใช้สองวันเต็ม 3 คน ใช้ซิมเดียวครับ

การสื่อสาร เหมือนที่มาเก๊าเลย คนส่วนใหญ่เฉยๆ นิ่งๆ ไม่ค่อยเป็นมิตรนะครับ เวลาสื่อสารภาษาอังกฤษก็มีคนที่พูดไม่ได้บ้าง แต่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ก็มีการใช้ภาษาอังกฤษกันเป็นประจำก็มี

ที่พัก ผมได้ที่ icon Inn จองผ่าน Agoda ครับ สำหรับเว็บนี้จะตัดเงินเลยนะครับ ราคาถูกสำหรับ 3 คน 2 คืน ตกคนละ 500-600 ต่อคนต่อคืน ส่วนตัวพอใจนะ ราคาไม่แพง ห้องแคบมากแต่สะอาดและสบายครับ ตึกดูเก่าๆ แขกเยอะ แต่ไม่อันตรายนะครับ มี WIFI Free ด้วยครับ

ของกิน มี 7-11 หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาเหมือนบ้านเรา และมีร้านดังๆ มากมาย ลองไปหาดูได้ แต่แนะนำให้ลองพวก โจ๊ก+ปาท่องโก๋ร้านดัง หรือพวกข้าวเนื้อห่านดูครับ 555+

บัตรที่ควรจะสั่งไปก่อนจากไทย

  1. บัตร Standard Cabin 2 Round คือ ไปกลับกระเช้าธรรมดา (พื้นไม่ใส)
  2. บัตร Mixed Cabin คือมีเที่ยวหนึ่ง Crystal Cabin และเที่ยวหนึ่ง Standard Cabin แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนจะขึ้นว่าจะเอารอบไหนแบบไหน
  3. บัตร Crystal Cabin 2 Round คือไปกลับแบบคริสตัลหมด ส่วนตัวแนะนำแบบ Mixed นะครับ ส่วนจะเอาขาไหนแบบไหนนั้นแล้วแต่เราเลย แจ้งพนักงานเค้าตอนลงทะเบียนก่อนขึ้นครับ

Disneyland 2 พันกว่าบาทกับ 1 วันคุ้มไหม การแสดงสวยงาม ของเล่นออกแนวเด็ก ไม่ได้แนวหวาดเสียวโหดร้ายสำหรับผู้ใหญ่ มีของเล่น และมุมถ่ายรูปสวยเยอะ สรุป ถ้ามีเวลาสักสามวัน แนะนำให้เข้าไปสักวันครับ แล้วใช้เวลา1 วันในนั้นยันค่ำเลยครับ (การแสดงกลางคืนสวยงาม) ถ้ามีเวลาสองวัน แนะนำให้เที่ยวดีกว่า แล้วแวะถ่ายรูป (แบบผม) เอา 1 วันไปดูสิ่งอื่นๆ ในฮ่องกงดีกว่าครับ

ถ้าลืมของไว้ที่โรงแรมทำยังไง (อยู่ฮ่องกงลืมไว้มาเก๊า อยู่มาเก๊าลืมไว้ฮ่องกง)

ช่วงเวลาแนะนำในการมาเที่ยว มาช่วงมกราคม แบบผมน่าจะโอเคสุดนะ อากาศเย็นสบายดีครับ ประมาณ 13-19 องศา มาเที่ยวแบบนี้ต้องเดินเยอะ อย่างเวลาขึ้นรถไฟหรือเดินไปที่เที่ยว ถ้าอากาศเย็นหน่อยก็เดินได้สบายครับ

Main of Episode 2 :: The Adventure in Hong Kong

First Day in Hong Kong เรามาเริ่มเต้นกันที่ สถานีรถไฟฟ้า Tsim Sha Tsui ครับ

Nong Ping 360 & ไหว้พระวัดโปลี ปางพระประทานพรใหญ่สุดในโลก

เราจะเดินทางไปที่สถานีใต้ดิน Tung Chung ดูแผนที่ง่ายๆ อยู่ที่สายสีส้ม ถ้าเราอยู่ Tsim sha Tsui เรานั่งไปทาง Tsuen wan แล้วลงสถานี Lai King แล้วต่อสายสีส้มไป Tung Chung ครับ เวลาอ่านอาจจะงง แต่ไปถึงแล้วเลือดนักเดินทางจะพุ่งพล่านออกมา เราจะไปได้เอง 555+

ได้เวลาขึ้นกระเช้าครับ ขาไปผมนั่ง Crystal พื้นเป็นกระจกใส เสียวมาก มองไกลๆ เห็นสนามบินฮ่องกงด้วย

เมื่อถึงแล้วเราจะมองเห็นพระองค์ใหญ่ๆ ทางเดินไปจะเป็นเหมือนหมู่บ้าน ประกอบด้วยร้านอาหารและมุมถ่ายรูปสวยๆ ** แนะนำร้าน Honey moon Dessert นะครับ อ่านมาหลายรีวิวว่าอร่อยนักแล.. เลยแวะชิม ได้ของกินมาตามรูป พายเค้ก สีเขียว = ทุเรียน , สีเหลือง = มะม่วง , น้ำมะม่วง <— ของดังล้วนๆ ครับ แนะนำเลย ราคาแพงหน่อยแต่ควรลอง

บริเวณทางขึ้นพระองค์ขวามือจะมีเหมือนด่านเก็บเงินนะครับ เราเดินขึ้นไปได้เลยนะ ไม่ต้องไปถาม เพราะถ้าไปคุยเขาจะให้จ่ายเงินครับ คือทุกวันนี้ยังงงว่าที่ให้จ่ายคืออะไร แต่เพื่อนบอกว่าสำหรับเข้าไปบริเวณห้องใต้องค์พระครับ

อิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับครับ ระหว่างทางเดินกลับมีจุดถ่ายรูปเยอะแยะเลย

Disney Land แบบไม่ได้เข้า หลังจากกลับจาก Nong ping ก็แวะเข้า City Gate เดินดูของเล่นๆ แล้วหยิบของจาก Locker ชั้นใต้ดิน แล้วก็เดินกลับเข้ารถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อเดินทางต่อ เป้าหมายต่อไป คือ Disney Land จ้า การเดินทาง :: จาก Tung Chung –> Sunny Bay แล้วเปลี่ยนสายไปนั่งสีชมพู –> Disneyland

รถไฟฟ้าใต้ดินตกแต่งฟรุ้งฟริ้งด้วยมิกกี้เมาท์ นั่งไม่นานก็ถึงครับ รถไฟบ้านเขาเร็วมาก

ผมเก็บภาพมาไม่มากนะครับ เพราะมุมมันไม่เยอะ ไม่ได้เข้าไปข้างในเพราะมีที่ที่จะไปอีกเยอะ

Icon inn โดยปกติเราจะเวลาที่ Nong Ping + Disney Land ประมาณ 4 ชั่วโมงกว่านะครับ (รวมนั่งกระเช้าไปกลับ) หลังจากออกจาก Disney Land ผมตัดสินใจนั่งรถไฟฟ้ายาวๆ ไปกลับมาที่ Tsim Sha Tsui คาดว่าทุกคนคงชำนาญทางกันแล้ว จากสีชมพู กลับมา Sunny Bay แล้วนั่งสีส้มมาที่ Lai King แล้วจาก Lai King นั่งมา Tsim Sha Tsui เลยครับ มองหาป้ายทางออก “Chunking Mansion” ก็ไปตามนั้น ไม่งั้นเปิด Google Maps ก็ได้ ง่ายฝุดๆ

Symphony of Lights @ 20.00PM – 20.15PM เวลาฮ่องกง วันแรกผมใช้เวลากับนองปิง, City Gate ค่อนข้างเยอะ เลยกลับมาถึงที่พัก 4 โมงเย็น เก็บของเสร็จพักแป๊บนึงแล้วเดินออกมาหาพื้นที่ดู Symphony of Lights ครับเพราะว่าคนเยอะต้องมาเดิน Survey พื้นที่ตากอากาศเย็นๆ ไปครับ เมืองเขาสวยเดินเพลินๆ พิกัดจะอยู่ใกล้ท่าเรือข้ามฝาก และท่าเรือไปมาเก๊าฝั่งเกาลูนครับ หรือเสิร์ชใน Google maps ว่า “Symphony of Lights” ก็เจอครับ คนมาตั้งกล้องถ่ายรูปเพียบครับ เสร็จแล้วก็เดินทางไป Lady Market ต่อ แต่ถ้าขยันอยากเดินไปดู Avenue of Star ก็ได้นะครับไม่ไกลมากประมาณ 300-400 เมตร

Lady Market สุดยอดแหล่งช้อปปิ้ง มีพวกร้าน Bonjour, Sasa เยอะมาก สาขาจะติดๆ กัน จาก “Symphony of Lights” กลับมาขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไปลง Mongkok (2-3 สถานี อยู่เส้นสีแดงเดียวกัน) พวกเครื่องสำอางจะถูกนะครับ หาได้ย่านนี้ยาวๆ ไปเลย บัตรเครดิตรูดได้นะ ไม่ Charge เพิ่ม

Second Day in Hong Kong

วันที่สองผมจะไปเยอะหน่อยนะครับ โดยจะเดินทางตามนี้ Wong tai sin temple (วัดด้ายแดง) –> Chekung Temple (วัดกังหัน) –> นั่งรถรางไป Causeway bay –> TimeSqure –> Repulse Bay & ไหว้เจ้าแม่กวนอิม –> Park Island –> Tsing ma Bridge –> The Peak & Terrace428

แวะกินโจ๊กชิคๆ ที่ Hung Lee @ Tsim Sha Tsui ร้านนี้ฟังไทยออก มีเมนูภาษาไทยด้วย ความอร่อยถือว่าดีครับ ปาท่องโก๋ใหญ่มาก และค่าเสียหายค่อนข้างสูง ผมกินตกคนละ 280 บาท แต่จัดเต็ม

Wong Tai sin Temple วัดด้ายแดง นั่งรถไฟฟ้าเหนื่อยหน่อยล่ะวันนี้ จาก Tsim sha tsui นั่งยาวๆ ไป เปลี่ยนหลายสาย มาลงสถานี Wong tai sin สายสีเขียวครับก็ถึงครับ วิธีการไหว้ไม่ยาก บริเวณด้านหน้าวัดจะมีร้านค้าร้านหนึ่งชื่อร้านเขียนด้วยภาษาไทย เข้าไปถามเขาได้ หรือไม่ก็เดินตามๆ คนข้างในไปครับ คนเยอะมาก ไหว้ไปประมาณ 3-4 จุด

จุดยอดฮิตผูกด้ายแดง!!! ใครไม่รู้วิธีการไหว้จะเสิร์ช Google เตรียมไว้ก็ได้นะครับ มาทั้งทีจะได้ทำถูกต้อง ผมนี่ผูกแน่นมาก  บริเวณด้านหลังจะมีสวนให้เข้าไปเดินได้ (เคยอ่านเขาบอกเสียเงิน) แต่พวกผมเดินเข้าไปฟรีแบบงงๆ 555+ แนะนำให้เข้านะครับ สวย

Chekung Temple (วัดกังหัน) กลับมาลงรถไฟฟ้าใต้ดิน แล้วนั่งไปลงสถานี Che Kung Temple ต้องเปลี่ยนหลายเส้นหน่อยนะครับ มีเหนื่อยบ้าง สู้ๆ ครับสายเลือดนักเดินทางมันแรง ออกจากสถานีแล้วเดินไกลนิดหนึ่ง ที่นี่มีขายจี้กังหันนำโชคด้วยนะครับ แต่เป็น Version Original อันหนึ่งประมาณ 40 กว่าเหรียญ หรือประมาณ 180 บาท) และวันที่จะใส่ก็มีกำหนดด้วยนะ เกิดวันอะไรใส่วันไหน ลองหาข้อมูลดูครับ

นั่งรถราง!! ไป Causeway Bay เพื่อเก็บประสบการณ์รถราง จากวัดกังหันพยายามทำเวลาให้ดีนะครับ เพราะจริงๆ กินโจ๊กวัดด้ายแดง วัดกังหัน ใช้เวลาไม่นานครับ จากวัดกังหันนั่ง MTR กลับมาที่ Central ฝั่ง Hong kong ครับ (สายสีแดง) มันจะมาสิ้นสุดที่ Central เลย เสร็จแล้วเดินออกมาถนนเส้น Charter Road (เส้นที่ใต้ดินวิ่งมาแหละ) จะเจอรถราง หาสายที่นั่งไป Causeway bay ได้ (มันจะเขียนหน้ารถ) ในกรณีขี้เกียจนั่งรถราง เราสามารถหารถไป “Repulse Bay & ไหว้เจ้าแม่กวนอิม” โดยนั่งรถสาย 6, 6A, 6X ไปครับ แต่ถ้ามีเวลาแนะนำเก็บรถรางด้วยก็ดีนะครับ จะได้ครบบรรยากาศ

Time Square — Tung Lung หลังจากลงรถราง ก็เดินเที่ยว Time Square จนพอใจ ให้มองหาซอยนี้นะครับ Tung Lung เราจะพบรถคันนี้ กระโดดขึ้นเลย ค่าโดยสารก็ติ๊ดเอา พอคนเต็มรถก็ออก

Repulse Bay & ไหว้พระเจ้าแม่กวนอิม นั่งรถเขียวกระป๋องมาพักหนึ่ง ลอดอุโมงค์ยาวๆ มา เราจะโผล่อีกฝั่งของ ฮ่องกง (ทางใต้) และพบบริเวณชายหาด ปอดชิ้นโตของคนที่นี่ครับ เวลาจะลงสังเกตตึกที่มีเจาะช่องสี่เหลี่ยมนี้นะครับ ทะเลที่นี่เราจะคิดถึงทะเลบ้านเรา เพราะทะเลเขาจะเฉยๆ แต่สะอาดมาก

เดินมาทางซ้ายของหาด (หันหน้าให้ทะเล) เราจะพบจุดสักการะเจ้าแม่กวนอิมกับมุมถ่ายรูปสวยๆ ครับ

ตรงนี้เขามาโยนเหรียญให้เข้าปากปลากัน โยนตามๆ ไปจ้า ขากลับก็เดินกลับมาเข้าถนนเส้นเดิมกลับตอนลงรถ จะจุดไหนก็ได้นะ เพราะมันมีหลายป้ายรถเมล์ จะกลับมาที่เดิม หรือเดินลัดจากจุดนั้นขึ้นบนถนนก็ได้ แล้วนั่งรถสาย “6 , 6X , 6A” หรือสายไหนก็ได้กลับ Central กัน ลงบริเวณใกล้ๆ สถานีรถไฟฟ้า Central นะครับ ** ถ้าได้นั่งรถสองชั้นแนะนำ ชั้นบน ถ้าแถวหน้าสุดว่างรีบไปนั่งเลยครับ ผมโชคดีได้นั่ง เหมือนนั่งรถไฟเหาะเลย เพราะทางค่อนข้างเสียว ขึ้นเขาติดทะเล

Yak Lok ห่านดินกินหญ้า ห่านฟ้ากินยุง จากบริเวณ สถานีรถใต้ดิน Central ไปไม่ไกลนะครับ แนะนำให้ลอง Goose ครับ แต่อาหารมันจะรสจืดกว่าบ้านนิดนึง

Park Island ผมไปเวลาประมาณ 4 โมงเย็น ที่นี่ค่อนข้างภูมิใจนำเสนอมาก เพราะว่าปกติคนไม่ค่อยไปกัน ตอนแรกผมก็เฉยๆ จนเพื่อนที่ไปฮ่องกงบอกว่า นั่งรถไปสนามบินแล้วเห็นสะพานแขวนสวยมาก ผมเลยหาข้อมูล พบว่ามันคือที่นี่ คือสะพานชื่อว่า Tsing ma Bridge การเดินทาง จาก Central นะครับเดินมาขึ้นเรือที่ Central Pier 2 ** แนะนำช่วงเย็นนะครับ จะได้เก็บภาพทั้งตอนกลางวันและกลางคืนของสะพาน ภายในท่าเรือก็จะคล้ายๆ กับของ Ferry แต่เล็กกว่าหน่อยครับ จะใช้เวลาเดินทางไม่นานนะครับ ประมาณ 30 นาทีก็ถึง

บริเวณเกาะมีที่เที่ยวเยอะนะครับ ถ้ามาเร็วก็มาเดินเล่นได้ มีสวนสาธารณะ และพิพิธภัณฑ์เรือ Noah ด้วย (เสียค่าเข้า) แต่ผมไม่ได้ไปเพราะมาเน้นเก็บภาพสะพาน บนเกาะจะมีแผนที่ให้ถ่ายด้วย และเหมือนจะมีคอนโด 2 ตึก มี 7-11 ทุกอย่างดู Slow Life บนเกาะนี้ ถ้าเรามีคอนโดที่นี่คงสบายเลยล่ะ

เดินมาถึงจุด Landmark ที่สะพานครับ มืดไปนิด ถ้าใครมีโอกาสไป ตอนกลางคืนถ้าจะถ่ายรูปตัวเอง เอาไฟแฟลชของมือถือยิงไปที่นายแบบ แล้วเอาอีกเครื่องตั้งขาตั้งกล้อง (ให้นิ่ง) แล้วถ่ายก็ได้นะครับ ของผมลืมยิงแฟลชหน้าตัวเองเลยมืดไปหน่อย เมื่อพอใจแล้วกลับมาจุดลงเรือ เพื่อขึ้นเรือกลับ Central เพื่อเดินทางไป The Peak ต่อครับ

The Peak & Terrace 428 จากท่าเรือเดินมาถนน Chanter Road แล้วนั่ง Taxi ครับตกที่ 25$ (ประมาณ 100 บาท) Landmark ดังของฮ่องกงกับการนั่ง Tram ขึ้นยอดเขาหลังเมืองฮ่องกงเพื่อชมความสวย ภาพอาจจะไม่สวยนะครับ ลมเย็นและแรง ถ่ายรูปยากมากๆ เลยครับ จุดนี้ซื้อ Voucher มาจากไทยหรือไม่ก็ไม่ต่างมาก แต่ถ้าซื้อน่าจะได้ราคาถูกกว่า คนเยอะมาก ตอนขึ้นแนะนำให้พยายามนั่งฝั่งซ้ายนะครับ รถจะมี 2 ขบวน สองตู้ (4 ประตู) ใกล้ประตูไว้จะดี เข้าไปแล้วจะได้เลือกที่นั่งแจ่มๆ ได้ ตอนขึ้นจะถ่ายยากมากครับ รถจะขับแล้วลมจะเย็นมาก คนก็แน่น ข้างบนจะคล้ายห้าง เดินตามเขาไป Sky Terrace 428 จะอยู่บนสุด

ถึงแล๊นนนน หนาวมาก ลมแรง มีจุดให้เขียนชื่อเขียนข้อความแล้วผูกไว้กับป้ายด้วยครับ

ลงมาแล้วต่อรถสายไหนก็ได้ (ดูป้ายที่ลง Central ได้) แต่ของผมไปท่าเรือแทน เพราะจะนั่งเรือข้ามฟาก (จริงๆ คือนั่งเลยป้ายรถใต้ดินครับ)

จบแล้วครับกับทริปเที่ยวมาเก๊าและฮ่องกงของเรา มาปิดท้ายกันหน่อย รีวิวนี้อาจจะดูหลวมๆ เพราะเที่ยวยาว การเดินทางก็ซ้ำๆ รีวิวเขียนขึ้นมาเพื่อให้คนที่อยากไป เข้ามาหาข้อมูลง่ายๆ เพราะหลายๆ รีวิวเขา ไม่ได้ List หัวข้อที่จะไปไว้ให้เห็น ต้องมานั่งอ่านแล้วแกะเอง

การจองตั๋วเครื่อง แนะนำ ฮ่องกง – มาเก๊า หรือมาเก๊า – ฮ่องกง จะได้จัดทริปเที่ยวง่าย แต่ถ้าเกิดเป็น ฮ่องกง – ฮ่องกง แล้วอยากไปมาเก๊าก็ได้ แต่ออกเช้าตรู่มาขึ้นเรือไปมาเก๊าให้ทันก็พอ แนะนำนอน มาเก๊า 1 คืนพอครับ มาเก๊าเที่ยววันเดียวก็หมด หรือจะวันครึ่งก็ว่าไปครับ เน้นฝั่งมาเก๊าก่อน แล้วบ่ายแก่ๆ ค่อยไปฝั่ง Taipa แล้วนั่งเรือกลับจาก Taipa –> Hong Kong ส่วนถ้ามาเก๊า – มาเก๊า แนะนำลงเครื่องเที่ยวฝั่งมาเก๊า นอน 1 คืน แล้วเช้าตรู่ไปฮ่องกง นอนฮ่องกง 2 คืน แล้ววันกลับค่อยมาเที่ยวมาเก๊าฝั่ง Taipa แล้วไปขึ้นเครื่องกลับ

ค่าใช้จ่าย Rate เงิน 1 $ = 4.69 บาท

รวมค่าเที่ยวทั้งหมด 3 คน = 11,653 + 5,888.3 + 6,020 = 23,561.3 บาท ค่าเครื่องบินคนละ 3,600 บาท (ไปกลับ) = 10,800 บาท เป็นค่าใช้จ่ายสุทธิต่อคน = ( 23,561.3 + 10,800) /3 = คนละ 11,453.3 บาท

และนี่ก็คือรีวิวเที่ยวมาเก๊า-ฮ่องแบบฉบับคนเที่ยวเองแบบง่ายๆ ครับ ใครสนใจลองดูได้เลย ทริปเที่ยวสองประเทศแบบเดินทางสะดวก ออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ จากการท่องเที่ยวกันครับ


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————

Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์ฮ่องกง ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
CustomerService@Mushroomtravel.com
Line id : @mushroomtravel

Backpack Macau – Hong Kong “รวมเทคนิคฉบับคนโง่ Eng ก็เที่ยวได้” was last modified: February 8th, 2023 by Editor.Mushroom Travel
Exit mobile version