Guest ของ มัชรูมทราเวล วันนี้ ยังคงเป็นเรื่องราวของชายหนุ่ม ที่เค้ามักจะบอกกับใครๆ ว่าโงอิ้ง (ภาษาอังกฤษ) แต่ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวได้แบบสบายๆ หลังจากตอนที่แล้ว ที่เค้าพาเราเตรียมตัว Backpack สำหรับการเดินทางไปเที่ยว 7 เมือง 2 ประเทศ โดยไม่ต้องนั่งเครื่องบิน และนี่ก็เป็นพาร์ทสุดท้ายของการเดินทางแล้วล่ะค่ะ
Backpack โดยไม่นั่งเครื่อง 7 เมือง 2 ประเทศ Malay/Singapore ตอนที่ 3
๐Day 7 Wood land @Singapore
รถทัวร์ล้อหมุนกับใจต๋อมๆ รถวิ่งผ่าน ตม. มาเลเซียมาที่ด่าน Woodland ทางเข้าสิงคโปร์ จริงๆ มันไม่ได้น่ากลัวหรอกครับ ลำดับขั้นตอนปกติทุกอย่างแต่แนะนำให้นำกระเป๋าลงจากรถ พกติดตัวให้หมดครับ (บังคับเลยละกันไม่แนะนำ 555) ขั้นตอนการผ่าน ตม. ที่นี่ก็ปกติ แต่ผมติดตอนจะประทับตราครับ เพราะผมมาคนเดียว ผมก็ยืนรออยู่ตรงด่าน ผ่านนานมากครับ รอคนพาขึ้นห้องเย็น .. ประมาณ 20นาที รถทัวร์ที่เรานั่งมาก็คงไม่รอแน่นอน..
ห้องข้างบนขึ้นไปก็นั่งรอ เค้าจะเรียกเข้าห้องไปนั่งคุยครับ คำถามก็จะเดิมๆ คำถามส่วนใหญ่ฟังง่ายไม่ยากครับเดี๋ยวจะสรุปให้ฟัง หลังจากผ่านในห้องมาแล้ว ออกมานั่งรออีกรอบ ก็จะมีคนสองถึงสามคนเรียกไปคุยอีกรอบ คำถามก็เหมือนเดิมแต่จะละเอียดมากขึ้นครับ มีให้เปิดกระเป๋ารื้อออกมาจนหมดด้วยด้วยครับ หลังจากผ่าน ก็กลับมานั่งรอ พอเสร็จเค้าจะเรียกชื่อและพาเรากลับลงมา รับพาสปอร์ตก็เป็นอันเสร็จสิ้นครับ
รวมสิ่งที่ต้องรู้ครับ
1. คุณมากี่คน กลับวันไหน พักที่ไหน กลับกับสายการบินอะไร ไฟท์ไหน คุณมาทำอะไร ทั้งหมดนี้เค้าจะเรียกดูหลักฐานครับ แนะนำให้ปริ้นท์มาแสดงให้หมด ถ้าไม่ได้ปริ้นท์ เปิดในโทรศัพท์มือถือให้ดูก็ได้ (อย่าลืมว่าถ้ามาจากมาเลเซียจะไม่มีสัญญาณ ให้โหลดเป็น Offline ทิ้งไว้ด้วย)
2. ขอดูมือถือ ปลดล็อก แล้วยื่นให้เค้าครับ เค้าก็ไม่ได้ดูไรมากครับ ดูแอพลิเคชั่น เปิดอัลบั้มรูปแล้วดูคร่าวๆ ก็เป็นอันเสร็จครับ
3. ขอทราบจำนวนเงินทั้งหมดที่เราพกมาครับ ทุกสกุลเงิน แค่หยิบให้เค้าดูให้หมดครับ
4. เปิดกระเป๋า อันนี้รื้อของออกมาแค่ให้เค้าเห็นว่ามีอะไรบ้างก็พอครับ ไม่ต้องหยิบหมด
5. พูดคุยทั่วไปครับ เช่น คุณมาทำอะไร ชอบเที่ยวหรอ ทำไมมาคนเดียว ชอบเที่ยวคนเดียวเหรอ ชอบถ่ายรูปหรอ คุณจะไปถ่ายที่ไหน คุณมาจาก ที่ไหน แล้วจะมาอยู่กี่วัน ประมาณนี้ครับ คำถามจะวนอยู่แค่นี้เป็นส่วนใหญ่ครับ และพนักงานของทางสิงคโปร์สุภาพและยิ้มแย้มครับ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับ
ผมถามเค้าว่ามีการสอบสวนทุกคนที่เดินทางคนเดียวหรอ เค้าบอกว่าสุ่มครับ 555+
Singapore…
ประมาณบ่าย 2 โมงกว่า หลังจากได้รับพาสปอร์ต รถทัวร์ของเราก็คงไม่รอ ให้เราออกมาตรงทางออกแล้วเดินลงไปข้างล่างครับ จะมีจุดรถเมล์ประจำทางมาจอด ตรงนี้จะมีหลายสายมากๆ อินเตอร์เน็ตก็ไม่มี ผมเหมือนอยู่จุดแรงโน้มถ่วงไปไหนไม่ถูก คนก็เยอะมากครับ ป้ายรถเค้าก็จะเขียนแค่ว่า ex1 ,ex2 หรือเป็นหมายเลขสายรถ ผมมองดูรถอยู่ซักพักครับ เห็นรถคันนึงเขียนว่า MRT ผมก็ไม่ลังเลที่จะกระโดดขึ้นรถเลย ค่ารถ 1$ ครับ แต่ผมไม่มีเศษ เลยใส่ 2$ ไปแบบไม่มีทางเลือก จริงๆ เราสามารถจ่ายเป็นเงินมาเลเซียได้เช่นกันนะครับแต่บอกเค้านิดนึงครับ ตรงจุดนี้จริงๆ มี MRT นะครับเดินไปได้ข้อมูลตามภาพครับ ไม่ต้องนั่งรถเมล์ก็ได้ พอถึง MRT ทุกอย่างก็สบายครับ (สายรถไฟฟ้าแนบไว้ตอนต้น)
เมื่อถึง MRT สิ่งแรกที่ผมหาคือซิมการ์ดเพื่อทำให้สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ครับ หลังจากนั้นก็คือหาซื้อ Tourist Pass หรือบัตรเดินทางสาธารณะสำหรับนักท่องเที่ยวที่บอกไว้ตอนต้น ถ้ามาเครื่องบินทุกอย่างจะง่ายครับ แต่ถ้ามาจากมาเลย์ คุณต้องหาซื้อที่สถานนีรถไฟฟ้าแต่มันไม่ได้มีทุกสถานีครับ มีแค่บางสถานีเท่านั้นและเปิดต่างเวลากัน ผมซื้อได้ที่ China Town ครับ ถ้าไม่ชัวร์สอบถาม Ticket Counterก็ได้ ว่าต้องการซื้อบัตร Tourist Pass สามารถซื้อได้ที่ไหน เค้าก็จะแนะนำให้ครับ
ผมตัดสินใจเข้าที่พักก่อนเพราะมาถึงช่วงเย็น เข้าไปเก็บของ ยิ้มทักทายเพื่อนใหม่ใน Dorm นอนพักร่าง พอตอนเย็นก็ตัดสินใจออกไป Marina Bay เพื่อถ่ายภาพครับ ส่วนใหญ่ผมเดินทางด้วยสายสีฟ้า ลงที่ Bay Front นะครับ ถ้าจะไปรอบๆ Marina Bay
๐The Night of Marina Bay :: Day 7
ผมขึ้นที่ Bayfront และเดินย้อนไปทาง Garden by the bay สวนต้นไม้ยักษ์ที่ถูกสร้างด้วยฝีมือมนุษย์ (รึเปล่า) ผมไม่ได้เข้าไปข้างในสำหรับวันแรก แต่ยืนอยู่ตรงชั้นลอยที่เชื่อมกับตึก Marina bay sand แล้วถ่ายรูปออกไปครับ
เสร็จแล้วผมเดินเข้าทาง Marina Bay Sand จากด้านหลัง เพื่อออกไปที่ลานน้ำพุตรงจุดที่มีการแสดง Wonder Full Light ภาพด้านล่างถ่ายจาก Sky walk เดินจาก Garden by the bay ครับโดยทางขึ้นเป็นบันไดเลื่อน การเดินทางนี้จะทำให้เราเดินไปดูการแสดงที่ Marina Bay เร็วที่สุดครับ
เวลาในการแสดงโชว์ Wonder Full – Light & Water Spectacular
วันอาทิตย์ – พฤหัสบดี : 20:00 น., 21:30 น.
วันศุกร์, เสาร์ : 20:00 น., 21:30 น., 23:00 น.
เดินตามทางจะทะลุตึก โรงแรมเรือ (Marina Bay Sand) ออกมาที่ลานข้างนอกครับ
๐ Helix Bridge of Marina Bay..
ปกติแล้วคนที่มาเที่ยว Singapore เค้าจะเลือกอยู่ฝั่ง Marina Bay Sand 1 คืน เพื่อดูการแสดงฉายภาพจากน้ำพุ แล้วไปอยู่ฝั่ง Merlion 1 คืน เพื่อรับชมการฉายไฟจากตึก Marina Bay Sand ครับ แต่ของผมเลือกชมการแสดงจาก Helix Bridge 1 คืน และดูการฉายไฟของตึก Marina Bay Sand จากฝั่ง Merlion อีก 1 คืน เป็นสองคืนสุขสันต์ ดังนั้นผมจะไม่มีภาพการแสดงน้ำพุครับ เดินขึ้นไปจากปาก Marina Bay จะเจอสะพานที่เค้าว่ากันว่า สร้างโดยออกแบบจาก DNA มนุษย์ครับ ชื่อว่า Helix Bridge ครับ จากจุดนี้สามารถมองเห็นสิ่งสวยๆ งามๆ เพียบเลย 555+ ต้องมากลางคืนนะครับ ถึงจะสวยงาม
ผมยืนรอจนมีการแสดงที่เวลา 9.30 น. ครับ ก็จะได้วิวสวยๆ แนวนี้มาครับ แต่จะไม่ได้ดูการแสดงที่น้ำพุ
จบการผจญภัยในค่ำคืนแรก การท่องเที่ยวในสิงคโปร์ หากเป็นรอบๆ Marina Bay ค่อนข้างจะต้องเดินหน่อยนะครับ 555+ กลับห้องนอน
๐Day8 Singapore
ผมตื่นตอนตอน 7 โมงเช้า (6 โมงเช้าไทย) เพื่อไปเดินเล่นรอบๆ Marina Bay ครับ ลงที่เดิมครับ Bay Front เพราะว่าที่พักของผมสะดวกที่จะเดินทางไป Bay Front ครับ อากาศตอนเช้าในช่วงที่ผมไปไม่เย็นไม่ร้อนครับ แต่เดินๆ แล้วเหงื่อก็ออกเหมือนกัน ผมเดินวนทั้งอ่าว 1 รอบ แล้วกลับมาลงรถไฟฟ้าที่เดิมเพื่อนอนต่อ 555+
แรกพบสบตา Merlion ครับ ผมไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมคนต้องเห่อมาถ่ายรูปกับสิงโตพ่นน้ำที่นี่
๐ Fort Canning Park …
การเดินทางไปที่นี่ผมขอ Ref. จากรีวิวของคุณ Komushiru นะครับ pantip.com/topic/34886451 เขียนอธิบายทางไปได้อย่างชัดเจนมากๆ จริงๆ ที่นี่ไม่มีอะไรเลย แต่ผมไปก็เจอกลุ่มคนไทยมาถ่ายรูปกันแล้วมันสวย คือที่นี่มีแต่คนไทยมานะครับ 555+
๐ China Town & Sri Mariamman Temple & Buddha Tooth Relic Temple
อยู่ใกล้กับที่พักย่าน China Town ผมมีเวลาก็ออกไปเดินเล่นครับ ตัวโซน China Town เหมือนโซนตลาดช้อปปิ้งบ้านเรา แต่ขายสินค้าจีนๆ หน่อยครับ ส่วนวัดก็สวยงามดีครับ แต่คนเยอะมาก ผมเดินวนๆ แล้วก็กลับ เก็บภาพมานิดนึง
๐ข้าวมันไก่เจ้าดัง
คนเข้าแถวเยอะมาก หาพิกัดก็ชื่อตามป้ายเลยครับ แต่อาจจะต้องมีเวลา 1-2 ชั่วโมงเพื่อจะกินมัน – -” เท่าที่ผมไปยืนดมและชิมๆ ดู รสชาติไม่ได้ต่างจากข้าวมันไก่ไทยมากครับ แค่น้ำที่ราดมารสชาติมันอร่อยดี (เหมือนซีอิ๊วหวาน)
๐Marina Barrage
หลังจากอ้อร้อมาทั้งวันช่วงเย็นผมตัดสินใจ ไปถ่ายแสงเย็นที่ Marina Barrage ครับ โดยการเดินทางไปที่นี่ จำเป็นต้องนั่งรถเมล์ไปครับ หรือจะเดินไปก็ได้ครับ เดินผ่านไปทาง Garden by the bay หากจะไปโดยรถเมล์การเดินทางไม่ยากเพียงแต่ข้อมูลใน Pantip เก่าๆ ไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากถนนมีการปรับใหม่ครับทำให้ต้องหาจุดขึ้นรถใหม่ แต่ไม่ยากเดี๋ยวผมจะปักจุดขึ้นรถเมล์ไว้ให้ จุดขึ้นรถตามภาพด้านล่างนะครับ MRT Bayfront เลย แต่จำเลขทางออกไม่ได้ 555+ จุดสีฟ้านะครับจุดรอรถ สายรถผมจำเลขไม่ได้จริงๆ แต่จะมีป้ายเขียนไว้อยู่ครับ หาเลย “Marina Barrage”
ถ้าคุณมาที่นี่จะพบคำตอบว่าทำไมประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่น่าอยู่ Marrina Barrage เป็นจุดที่อยู่ติดทะเล ลมจะพัดแรงตลอดเวลา มองออกไปทางขวาจะเป็นทะเลที่มีชายหาดให้เดินเล่น มองไปทางซ้ายจะเป็นมุม Marina Bay ยอดนิยมครับ ตอนเย็นจะมีคนมานั่งเป็นครอบครัวแคมปิ้งฟรุ้งฟริ้งกันเพียบ ชอบมากๆ เลยบรรยากาศแบบนี้
ผมยืนรอแสงให้มืดค่ำ ภาวนาให้ฝนไม่ตกครับ เพื่อเก็บภาพแสงเย็นที่นี่
ผมเจอคนสิงคโปร์คนนึงมาตั้งกล้อง เลยถามเค้าว่ามาถ่ายภาพมุมนี้เลย เค้าเลยบอกผมว่า วันนี้ประมาณ 2 ทุ่มจะมีการยิงพลุครับ ผมเลยอ้าวเหรอ ยืนรอเล่นดูเลยแล้วกันเผื่อจะได้เห็นอะไรสวยๆ แต่พอถ่ายเสร็จ ผมต้องรีบเก็บของดิ่งตรงกลับไป Marina Bay ฝั่ง Merlion ภายใน 1 ชั่วโมง!! 55+
๐ Wonderfull Light From merlion side…
พอผมถ่ายที่ Marina Barrage เสร็จสิ้นเวลาประมาณ 20.15 น. ผมต้องเดินทางไปที่ Merlion ให้ทันก่อน 21.30 น. ครับเพื่อไปดูการแสดงให้ทัน โดยผมใช้การเดินและลัดเลาะผ่านเส้นทาง Garden by the bay ครับแวะถ่ายภาพมานิดนึง 555+
ผมเร่งฝีเท้าเดินทะลุ Garden by the bay ด้วยเส้นทางเดิมผ่าน Marina Bay Sand แล้วเดินวนรอบมาที่ Merlion ทันเวลาพอดีครับ
ถ่ายอยู่มุมเดียวเลยครับ ต้องไปดูด้วยตาตัวเอง มีเสียงและแสง
หลังจากเสร็จกิจที่นี่ผมก็กลับห้องนอน เพราะว่าแถวบริเวณ Merlion คนเยอะมากครับ ตอนแรกคิดว่าจะไปเดินถ่ายรูปเล่นแต่คนเยอะจนหามุมถ่ายรูปไม่ได้เลยครับ มากันแบบฟรุ้งฟริ้งเป็นคู่ๆ อากาศเย็นฝนตก ผมก็หนาวขึ้นมาทันที 555+
๐Day9 Singapore Last day in Trip
วันนี้ผมตื่นเช้ามาเดินวนรอบ Marina Bay อีกรอบ แต่ตื่นเช้ากว่าเดิมครับหวังจะเก็บแสงเช้า แต่สุดผิดหวัง เนื่องจากไม่ได้ดูแลกล้องให้ดีเกิดไอน้ำหน้าเลนส์ตลอดช่วง 15 นาทีที่มาถึง พออาการหาย แสงก็สว่างซะแล้วครับ น้ำตาไหลพราก 555+ ไว้มาแก้มือ
ภาพสวยๆ มากมายรอบๆ อ่าว Marina bay ช่วงเช้า แต่ช่วงเดือนที่ผมมา อาจจะเป็นช่วงหน้าฝนอากาศไม่ค่อยจะเป็นใจเท่าไหร่ ตอนเช้าฟ้าจะใสอยู่ได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้น เมฆดำก็จะขยับเข้ามาปกคลุม
๐Fountain of Wealth
ใจจริงผมอยากมาที่นี่ช่วงค่ำมากกว่า แต่ดัน Manage เวลาไม่ได้ครับเลยต้องมาวันสุดท้ายช่วงกลางวันแทน การเดินทางไม่ยากครับ นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Esplanade CC3 แล้วเดินผ่านทางเดิน City Link Mall ที่ใต้ดิน จะมีป้ายชี้ไป Fountain of Wealthครับ ห้างไฮโซมากๆ 55+
มีเวลาเปิดให้เข้าด้วยครับ ถ้านอกเวลา น้ำพุจะเปิดปกติแล้วประตูจะปิดเข้าไม่ได้ครับ เวลาจะเป็นดังนี้ครับ 9.00-12.00 น, 14.00-18.00 น, 19.00-19.50 น, 21.30-22.00 น. ครับ
๐ Clarke Quay
ที่นี่เหมาะกับการนั่งจิบเบียร์ ดื่มเหล้ายามค่ำคืนมากๆ แต่ผมไม่มีเวลาเลยแวะมาช่วงกลางวัน การเดินทางก็รถไฟฟ้าเลยครับ ลงตามชื่อสถานที่เลยตรงกับชื่อสถานี ผมเดินวนสองสามรอบแวะเก็บภาพทั่วๆ ไปมาฝากครับ
บรรยากาศเหมือนแหล่งช้อปปิ้ง Outdoor ทั่วๆ ไปในตอนกลางวัน แต่ถ้ากลางคืนล่ะก็… เหล้าเบียร์ชิคๆ เพียบ บรรยากาศดีริมน้ำ
หลังจากเสร็จจากที่นี่ ผมก็เก็บของไปสนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่องเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดครับ – -” ประเทศไทย โดยปกติแล้วหากเรา Check-Out เราจะยังสามารถฝากกระเป๋าไว้ได้นะครับ เที่ยวเสร็จค่อยกลับไปเอาที่ที่พักของผม Beary Best Hostel ผมชอบมากๆ เลยครับ แนะนำๆ
———– End of Main Episode การเดินทาง… ———-
———– รวมเด็ดเกร็ดย่านน้ำ และสิ่งที่อยากจะบอกเล่าเก้าสิบ … ———-
๐ของกินในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย ผมไม่ได้ระบุไว้ แนะนำให้ List ร้านที่อยากจะไป (ถ้ามี )ซึ่งข้อมูลก็มีคนแนะนำเยอะม๊าก หากเรา List ไว้จะได้ลงแพลนได้ครับ ว่ามันใกล้แหล่งใดและควรจะแวะตอนไหนเพื่อความสะดวก ส่วนนี้ทำไม่ยากครับ คิดว่าเพื่อนทำกันได้อยู่แล้ว ผมมองว่าแต่ละคนอาจจะชอบไม่เหมือนกันเลยไม่ได้บอกว่ากินอะไร ส่วนผมก็จะมีแซมๆ ร้านดังบ้าง แต่มื้อเย็นส่วนใหญ่จะเน้นสะดวกครับ
๐ เรื่องของ Universal ที่สิงคโปร์ (ความคิดเห็นส่วนตัว) หากเราเดินทางเพื่อไปเที่ยวสิงคโปร์ และมีเวลาเหลือ หรือมีความชอบที่จะเข้าก็น่าสนใจครับ แต่หากเป็นคนสายเดินทาง เวลาไม่มาก ผมอยากให้ลองมองที่เที่ยวอื่นๆ ที่มันยังมีสิ่งดีๆให้เราไปพิชิตก่อนที่จะเอา 1 วัน กับเงิน 1 ก้อนเพื่อไปเที่ยวที่ Universal ครับ 555+ แต่ถ้าวันเยอะก็โอเค
๐ว่าด้วยเรื่องของน้ำดื่ม ผมแนะนำให้มองดูในที่พักก่อนครับ ว่ามีให้เติมมั้ย ถ้าเป็น Hostel 50% จะมีให้เติมครับ แต่ถ้าไม่มีก็จะมีขายซึ่งราคาถ้าเทียบกับข้างนอกแล้วเกือบ 100% ราคาถูกกว่า
๐Hostel
– 80% ของที่ไปพักมีอาหารเช้าเป็นบุฟเฟ่ต์ครับ และทุกที่มีขนมปังปิ้ง ทาเนยกับเนยถั่วครับ ซึ่งอร่อยมาก ==
– พกแม่กุญแจ (กับลูก) ไปด้วย เพราะการนอน Hostel เค้าจะมี Locker ให้แต่ไม่มีที่ล็อกให้
– เวลานอน เอากระเป๋าสำคัญไว้ข้างหมอน หรือใส่ไว้ใน Locker ก็ดีครับ แต่ของผมเอาเป้ที่ใส่ของสำคัญไว้เตียงด้านใน
๐ Airport ถ้าต้องรอขึ้นเครื่องนานที่สนามบิน มีที่เติมน้ำดื่ม ทั้งร้อนและเย็นนะครับ เค้าล้อเล่น ที่นี่มีไวไฟฟรีด้วยครับ ควรศึกษาคำศัพท์เฉพาะมานิดนึงด้วยนะครับ พวกกระเป๋าชิ้นนี้โหลดกระเป๋า หรือเอาขึ้นเครื่อง ทำนองนี้ครับ
๐ Tourist Pass ค่าใช้จ่ายในสิงคโปร์ หากเราหาซื้อเจ้านี่ได้ไว ก็จะประหยัดงบไปเยอะ ของผมปิดบ้าง ไม่มีที่สถานีนี้บ้าง เสียไปเยอะครับกว่าจะเจอ
๐อยากจะบอก
1. ฝรั่งสายเที่ยวส่วนใหญ่ที่เราเจอ ชื่นชมประเทศไทย เวลาบอกว่ามาจากไทย ส่วนใหญ่จะตาเป็นประกายแล้วพูดถึงสิ่งดีๆ ที่เมืองไทยให้เราฟัง
2. ฝรั่งที่เที่ยวโซนเอเชีย เราว่าส่วนใหญ่อยากไปประเทศไทย ที่เราเจอมีเยอะมาก ที่เพิ่งมาประเทศไทย หรือกำลังจะบินมาประเทศไทย
3. แปลกมากที่เรารู้สึกสบายใจ “เวลาพูดภาษาอังกฤษกับฝรั่งหลายคนโดย ไม่มีคนไทยฟังอยู่” มากกว่า “การพูดกับฝรั่งที่มีคนไทยฟังอยู่ด้วย”
4. เราย้ายเมืองทุกวัน ย้ายที่พักแทบจะทุกคืน เจอผู้คนหน้าใหม่ในทุกวัน ตื่นเต้นเสมอ เวลาเปิดประตูห้องพัก แล้วมีชาวต่างชาติหันมามอง
5. แต่ถ้าคุณคล่องภาษาอังกฤษ คุณจะได้เพื่อนโคตรเยอะ เพราะชาวต่างชาติที่ชอบเที่ยวส่วนใหญ่เปิดตัวเอง และอยากพูดคุยกับเพื่อนใหม่
6. เราเอ่ยคำว่า “ขอโทษนะ สำหรับทักษะภาษาอังกฤษที่ไม่ดีของฉัน” บ่อยมาก แต่ทุกครั้งกลับได้รอยยิ้มและเสียงขำเบาๆกลับมา พร้อมบอกอย่างเฮฮาว่า “เฮ้ย ไม่เป็นไรสบายมาก”
7. บางวันเวลาเจอเรื่องแย่ๆ แม่มก็แย่รัวๆ เลย แย่ที่ 1 แย่ที่ 2 แย่ที่ 3 แล้วก็แย่ที่ 4 แต่จงมุ่งมั่นทำสิ่งที่วางแผนไว้ให้สำเร็จ เช่น ยังไงก็ต้องเที่ยวที่นี่ให้ได้ หรือต้องทำในสิ่งที่วางแผนไว้ให้ได้
8. วันแรกเราใบ้มาก เรากลัวที่จะสปีก ฝรั่งนอนโฮสส่วนใหญ่ก็พูดมากอยู่แล้ว แต่สามวันหลังสุด เราหน้าด้านมาก แต่กลับสนุกซะงั้น คือก็คุยรู้เรื่องนะ ถ้าพูดสิ่งใดแล้วเค้างง ก็แค่เรียบเรียงคำใหม่ดีๆ เดี๋ยวก็ฟังออก
9. เห็นคนไทยแล้วอบอุ่น – -.
10. ได้อะไรเยอะ ถ้าเราไปกับเพื่อน เราจะใช้เวลาเกือบทั้งหมดกับเพื่อนของเรา แต่ถ้าไปคนเดียว เราจะใช้เวลาเกือบทั้งหมด กับทุกคนรอบๆ ตัวเรา
———– สรุปค่าใช้จ่าย ———-
1. ที่พัก 1 คืนที่ ปีนัง = 260 บาทไทย
2. ที่พัก 1 คืนที่ KL = 600 บาทไทย
3. ที่พัก 1 คืนที่ Meleka = 633 บาท
4. ที่พัก 2 คืนที่ Cameron = 600 บาท (ราคาประมาณ)
5. ค่าเดินทาง ตั๋วบินสิงคโปร์-ไทย = 1,100 บาท
6. รถไฟบัตเตอร์เวิธ = 1,200 บาท
รวมค่าใช้จ่ายที่จ่ายก่อนเดินทาง = 4,400 บาท (จ่ายไปก่อนเดินทาง)
ค่าใช้จ่ายในมาเลเซีย
7. รถทัวร์ Penang –> Cameron = 43 RM
8. รถทัวร์ CH to KL = 35RM (ถ้าจองผ่านเว็บรู้สึกจะถูกกว่า 320 บาท น่าจะคิดตามเรทเงิน)
9. รถทัวร์ KL –> Malacca = 13.5 RM
10. รถทัวร์ Malacca –> Singapore = 27RM
11. ค่าซิมอินเตอร์เน็ต = 20RM
12. ค่าทัวร์ที่ Cameron ตีไป 50RM ครับ เผื่อๆ
รวมค่าใช้จ่ายหลักที่มาเลเซีย = 188.5 RM ตีเป็นเงินไทย 1,700บาท โดยประมาณ
ค่าใช้จ่ายในสิงคโปร์
12. ค่าอินเตอร์เน็ต = 8$
13. Tourist Pass = 16$ (+Deposit 10$ = 26)
14. ที่พัก 2 คืนที่สิงคโปร์ Beary Best Hostel 2 คืน SGD 64.60 (+Deposit 15$ = 79.6)
รวมค่าใช้จ่ายหลักที่สิงคโปร์ = 88.6$ ตีเป็นเงินไทย 2,215 บาท โดยประมาณ
** รวมค่าใช้จ่าย 8,800 บาท เฉพาะค่าใช้จ่ายหลัก
สรุป!! รวมค่าใช้จ่ายที่จ่ายก่อนเดินทาง = 4,400 บาท เงินที่ผมแลกไป ผมแลกไปมาเลเซีย 5,500บาท (สำหรับจ่ายอย่างเดียว ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่พักที่จ่ายไปก่อนแล้ว) ผมแลกไปสิงคโปร์ 4,500บาท (รวมค่าที่พัก 64.6$ 2 คืนที่ต้องไปจ่ายตอน Check-in) เงินที่เหลือกลับมา 500 บาท ครับ 5555+
รวมเงินที่จ่ายไป 13,900บาท
** ถ้าไปสองคนจะประหยัดไปเยอะครับ แล้วผมกินเยอะด้วย เปลืองกับน้ำและของกินใน 7-11 เยอะมาก555+
ประสบการณ์มาเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย แปะๆๆ !!
ระดับความสนุก: ✩✩✩✩✩
เครดิต: www.facebook.com/bearalone
บทความแนะนำ ที่เกี่ยวข้อง
ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Likeและติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/