@MushroomTravel
ดอกไอริส หรือดอกอายาเมะ เป็นดอกไม้กลีบบอบบางที่มักจะมาพร้อมกับสายฝนพรำในช่วงซัมเมอร์ของญี่ปุ่น ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า เมื่อไรก็ตามที่ไอริสเริ่มผลิดอกบาน นั่นก็เป็นนิมิตหมายว่า “เรื่องดีๆ กำลังจะมา” ดังเช่นไอริสที่นำสายฝนแรกของปีมาสู่ผืนดินนั่นเอง
เพราะฉะนั้นในช่วงฤดูนี้ แม้ว่าฝนจะตกพรำๆ แทบทุกวัน แต่คนญี่ปุ่นเขาก็ไม่หวั่น ต่างพากันแบกร่มหอบเสื้อกันฝนลายน่ารักๆ แล้วเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปชมสวนไอริส ก่อนที่ดอกไม้เหล่านี้จะร่วงโรยเสียก่อนค่ะ โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมสวนไอริสญี่ปุ่น ก็คือตั้งแต่เดือน พฤษภาคม – กรกฎาคม โดยขึ้นอยู่กับภูมิภาคนั้นๆ ด้วย
Horikiri Iris Garden
สวน Horikiri Iris Garden ถือเป็นหนึ่งในสวนไอริสชั้นแนวหน้าในประเทศญี่ปุ่นค่ะ เนื่องจากทุกๆ ปีที่นี่จะถูกใช้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานเทศกาลฤดูร้อนที่สำคัญและโดดเด่นที่สุด นั่นก็คืองาน Katsushika Shobu Matsuri ซึ่งจะเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ภายในสวนที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงโตเกียวแห่งนี้ ล้วนเต็มไปด้วยไอริสญี่ปุ่นกว่า 6,000 ดอก จากทั้งหมด 200 สายพันธุ์ เนื่องจากพื้นที่ภายในสวนนั้นเต็มไปด้วยแอ่งน้ำที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของไอริสนั่นเอง โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาชมไอริสได้ฟรี โดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียค่าผ่านประตูแต่ประการใดค่ะ
Mizumoto Park
สวนแบบมีแหล่งน้ำอันกว้างใหญ่แห่งนี้คือหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมไอริสญี่ปุ่นในกรุงโตเกียวนอกจาก Horikiri Iris Garden ค่ะ นอกจากนี้มันยังเป็นสถานที่สำหรับการจัดงานเทศกาล Katsushika Shobu Matsuri ด้วยเช่นเดียวกัน โดยที่นี่มีไอริสญี่ปุ่นให้ชมประมาณ 80 สายพันธุ์จากจำนวน 14,000 ดอก นอกจากนี้ภายในสวนยังเต็มไปด้วยสถานที่น่ารักๆ สำหรับการถ่ายรูปและเดินเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเดินเดี่ยวหรือเดินเป็นคู่ก็ไม่เหงา แถมยังโรแมนติกมากๆ ด้วย ส่วนการเดินทางนั้นก็ไม่ยากค่ะ หากเดินทางมาด้วยรถไฟ จากสถานี Kanamachi, JR Joban Line ให้ขึ้นรถบัสสาย Keisei มุ่งหน้าสู่ Togasakisoshajou 10 นาที แล้วลงที่ป้าย Mizumoto-koen จากนั้นเดินต่อไปอีก 7 นาทีก็ถึงแล้ว ส่วนวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีรถชัตเติลบัสให้บริการจากสถานี Kanamachi ด้วยค่ะ
Hondoji Temple Irish Garden
Hondoji เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นด้วยความสวยงามของสวนไฮเดรนเยียและใบไม้สีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่หากคุณต้องการมาชมไอริส ในสวนนี้ก็มีเช่นเดียวกัน โดยจะขึ้นอยู่ในถานที่พิเศษอย่างเช่น ตามบ่อน้ำที่ดอกไอริสจะขึ้นคลุมไปทั้งหมดเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นการมาชมดอกไม้ที่วัดแห่งนี้ในช่วงเดือนมิถุนายน จึงเรียกได้ว่าคุ้มสุดๆ เพราะยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองต่อเลยทีเดียว นั่นก็คือได้ทั้งชมดอกไฮเดรนเยียที่สวยงาม และยังได้ชมไอริสญี่ปุ่นมากถึง 5,000 ดอก ท่ามกลางฉากหลังของเจย์ดี 5 ชั้นอันคลาสสิก โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 500 เยนในการเข้าชมเท่านั้นเอง
Yokosuka Iris Garden
หากใครต้องการตื่นตาตื่นใจไปกับสวนไอริสขนาดใหญ่ในจังหวัดคานากาวะ ต้องไปที่นี่เลยค่ะ Yokosuka Iris Garden จุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการมาชมไอริสญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ด้วยสวนที่เต็มไปด้วยไอดริสถึง 412 สายพันธุ์ จากทั้งหมด 140,000 ดอก ซึ่งทั้งหมดจะบานพร้อมกันในช่วงเดือนมิถุนายน หลังจากที่หมดฤดูกาลของวิสเทอเรียไปในช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคม โดยต้องเสียค่าผ่านประตูในการเข้าชมจำนวน 310 เยน
Meiji Jingu Iris Garden
สวนไอริสแห่งศาลเจ้าเมจิ คือหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในช่วงซัมเมอร์กลางกรุงโตเกียว เพราะนอกจากจะได้ชมไอริสสีขาวและสีม่วงประมาณ 1,500 ดอก 150 ชนิดในช่วงเดือนมิถุนายนแล้ว ตลอดทั้งปีศาลเจ้าแห่งนี้ยังต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของทุกปี ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากมักจะนิยมเดินทางมายังศาลเจ้าเมจิเพื่อขอพรแห่งการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดี ทั้งนี้การเดินทางมาศาลเจ้านั้นก็แสนจะง่ายดาย คือจากสถานีฮาราจูกุ หรือจากสถานีโตเกียวเมโทร Jingumae ก็เดินมาที่นี่ได้อย่างสบายๆ โดยที่เหงื่อยังไม่ทันตกเสียด้วยซ้ำ
Suigo Sawara Aquatic Botanical Garden
แม้ว่าสวนแห่งนี้จะอยู่ห่างจากโตเกียวพอสมควร (90 นาทีสำหรับการเดินทางโดยรถไฟ และต่อรสบัสอีก 20-25 นาทีเพื่อมายังสวน) แต่ที่นี่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครก็ยอมจ่ายเพื่อให้ได้มาเยี่ยมชมสวนไอริสสีเหลือง และไอริสสายพันธุ์หูกระต่าย (Kakitsubata) ที่มีชื่อเสียง เนื่องมาจากเป็นแหล่งเพาะปลูกอริส 2 สายพันธุ์นี้ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย โดยจำนวนมากถึง 1.5 ล้านดอกเลยล่ะค่ะ ซึ่งมันจะพากันบานสะพรั่งในช่วงต้นเดือนเมษายนจนถึงเดือนมิถุนายนของทุกปี นอกจากนั้นภายในสวนยังมีดอกไม้อื่นๆ ให้ได้ชมกันอีก อย่างเช่นดอกบัวหลากหลายสายพันธุ์ เป็นต้น
Dazaifu Tenmangu Shrine Iris Garden
ศาลเจ้าเทนมานกุ แห่งเมืองดาไซฟุ ถูกมองว่าเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในจังหวัดฟุกุโอกะค่ะ ด้วยชื่อเสียงของจุดการเป็นจุดชมดอกพลัมหรือดอกบ๊วยที่สวยงาม จากต้นพลัมที่มีมากถึง 6,000 ต้น ซึ่งจะบานในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนมีนาคม นอกจากนั้นในช่วงฤดูมรสุมอย่างช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ที่นี่ยังกลายเป็นจุดชมไอริสญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน ทั้งนี้ผู้ที่จะมาเยือนศาลเจ้านั้นสามารถมาได้อย่างสะดวกสบายจากสถานีรถไฟ Dazaifu Stationให้เดินออกไปทางตะวันออกประมาณ 5 นาที ก็ถึงศาลเจ้าแล้วค่ะ นอกจากนั้นในระหว่างทางเดินยังมีร้านค้าเรียงรายให้คุณได้เพลิดเพลินกันอีกด้วย
Koishikawa Korakuen Iris Garden
แม้จะเป็นสวนขนาดเล็กๆ เพียง 70,000 ตารางเมตร แต่ที่นี่ก็มีชื่อเสียงไม่แพ้ใครค่ะ สวนของตระกูล โทกุกาวะแห่งนี้เป็นสวนในสมัยเอโดะในกรุงโตเกียว ที่โดดเด่นด้วยสระน้ำกลางสวนและเนินเขาที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นรับลมเย็นๆ ในช่วงหน้าร้อนยิ่งนัก นอกจากนั้นที่นี่ยังประกอบไปด้วยไม้ดอกที่หลากหลาย ซึ่งจะทยอยกันบานในทุกช่วงฤดูกาล อย่างเช่นดอกบ๊วย ดอกซากุระ ดอกวิสทีเรีย รวมถึงดอกไม้หน้าฝนที่สวยงามอย่างไอริสขาวและสีม่วงอ่อนที่จะกระจุกตัวอยู่รอบๆ สระน้ำมีหินก้อนใหญ่รายรอบ
Ota Shrine Iris Garden
สวนไอริสแห่งศาลเจ้า Ota คือสมบัติทางธรรมชาติแห่งชาติที่ใครๆ ต่างก็ให้การยอมรับ นอกจากนั้นมันยังเป็นหนึ่งจุดสำหรับการชมไอริสที่ดีที่สุดในเกียวโต ที่นักท่องเที่ยวมักจะหลั่งไหลมาเยือนในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมเป็นประจำทุกปี โดยไอริสของที่นี่จะแตกต่างจากที่อื่นเพราะมันจะบานอยู่ในบ่อ และส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ที่มีดอกสีม่วงเข้มค่ะ ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการจะเข้าไปชมไอริสภายในศาลเจ้า ต้องบริจาคเงินให้กับศาลเจ้า Ota เสียก่อน ในราคาประมาณ 200-300 เยน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.kyuhoshi.com