เที่ยวญี่ปุ่น แลนด์มาร์กในฝันของใครหลาย ๆ คนที่อยากจะเดินทางไปท่องเที่ยว แต่ก่อนที่เราจะเดินทางไปนั้น เราก็ต้องมาเก็บข้อมูลกันซักนิดว่าที่ญี่ปุ่นมีสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร โรงแรม รวมไปถึงของฝากของที่ระลึก มีอะไรบ้างที่น่าสนใจ วันนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล จึงขอหยิบเรื่อง เหล้าญี่ปุ่น ของฝาก ยอดฮิตสำหรับนักดื่ม มาแนะนำ ใครที่ไปเที่ยวแล้วอยากจะหาซื้อติดไม้ติดมือกลับมา หรือจะซื้อเป็นของฝากก็ได้เช่นกัน
สาเก คืออะไร ?
สาเก หรือ ไวน์ข้าว อย่างที่เราเรียกกัน ตามจริงแล้วในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า “นิฮงชู” เป็นเหล้าที่หมักโดยใช้หัวเชื้อโคจิ (หรือข้าวมอลต์) น้ำ และข้าว เป็นส่วนผสมหลักเพื่อเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำตาล แล้วนำไปหมักกับยีสต์ จนเกิดเป็น สาเก เหล้า มีระดับแอลกอฮอล์ประมาณ 10-20% กรรมวิธีการหมักจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละชุมชน จนได้รสชาติที่มีความเปรี้ยว ความอร่อย และกลายเป็นสินค้า OTOP ประจำแต่ละท้องถิ่น แนะนำสำหรับสายดื่มเลยว่า ถ้าได้ไปเที่ยวที่เมืองไหนในญี่ปุ่น ก็อย่าลืมลิ้มลองสาเกของเมืองนั้น ๆ ด้วยนะคะ ซึ่งวิธีการดื่มสาเกนั้นสามารถดื่มได้ทั้งแบบอุณหภูมิปกติ แบบร้อน และแบบเย็น จะนิยมดื่มแบบเพียว ๆ มากกว่า และก่อนที่จะไปทำการเลือกซื้อสาเกกัน เรามาทำความรู้จักกับประเภทโดยทั่วไปของสาเกกันก่อนนะคะ
ประเภทของสาเก
– เซชุ (สาเกบริสุทธิ์) เป็นส่วนผสมหลักที่นำไปผสมกับสาเกอื่น ๆ มีทั้งแบบหวานและแบบดราย (ดราย ในวงการสาเกหมายถึง รสชาติที่เข้มข้นและบาดคอ) ผ่านการหมัก กรอง ฆ่าเชื้อ และนำไปเจือจางจนใส จนได้รสชาติอันกลมกล่อม หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายแอลกอฮอล์ของญี่ปุ่น
– ฮงโจโซ เป็นสาเกเซชุที่นำมากลั่นอย่างละเอียด และเน้นไปที่รสชาติเป็นหลัก อัตราการสีข้าว 70% หรือต่ำกว่า
– กินโจ สาเกระดับพรีเมียม มีกลิ่นผลไม้เพิ่มความหอม อัตราการสีข้าวอยู่ที่ 60%
– ไดกินโจ เป็น The best ของวงการสาเก อัตราการสีข้าวอยู่ที่ 50% มีกลิ่นหอม รสชาติละมุน ใครชอบดื่มต้องลอง รวมถึงหาซื้อ เหล้าญี่ปุ่น ของฝาก ชนิดนี้ติดไม้ติดมือกลับมา
Tips : อัตราการสีข้าว คือข้าวที่ถูกนำมาใช้ทำสาเก เช่น อัตราการสี 70% หมายถึงอย่างน้อย 30% ของเปลือกข้าวถูกสีออกไป เหลืออีก 70% ไว้สำหรับนำไปทำสาเก เหล้านั่นเอง
– จุนไม ทำขึ้นโดยปราศจากส่าเหล้า หรือเรียกอีกอย่างว่า สาเกข้าวบริสุทธิ์ ไม่มีการปรุงแต่งใด ๆ เพราะมีเพียงแค่ข้าว น้ำ หัวเชื้อโคจิ และยีสต์ มีรสชาติไม่หวาน
– นามะซาเกะ มีรสชาติของผลไม้ซ่อนอยู่ ดื่มเข้าไปแล้วจะให้ความสดชื่น แต่จะเป็นสาเกที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ ไม่ผ่านความร้อนที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ใช้ในการหมัก จึงทำให้เสียง่าย จึงควรเก็บไว้ในที่เย็น สาเกชนิดนี้ พี่เห็ดแนะนำให้สำหรับใครที่เริ่มดื่มสาเก เพราะเป็นประเภทที่ดื่มง่ายที่สุด
– เกนชุ เป็น สาเก เหล้า ที่ไม่ได้ผ่านการเติมน้ำสำหรับเจือจาง ปริมาณแอลกอฮอล์จะอยู่ที่ประมาณ 18 – 20% พี่เห็ดขอบอกเลยว่าจะเหมาะสำหรับผู้ที่คอแข็งนะคะ และสาเกชนิดนี้สามารถดื่มกับน้ำแข็งได้ด้วย
– สาเกสีขาวขุ่น เป็นสาเกที่ไม่ผ่านการกรอง สีก็ออกขาวขุ่น มีความหวาน จึงมักจะเห็นเศษข้าวเล็ก ๆ ที่ใช้ในการหมักหลงเหลืออยู่ใต้ขวด
– สาเก เหล้า ประเภทอื่น ๆ เช่น โคชุ เป็นสาเกที่ผ่านการหมักอย่างยาวนาน, คิโมโตะ สาเกที่บดด้วยมือ และ ฮิยาโอโรชิ สาเกประจำฤดูกาลใบไม้ร่วง เป็นต้น
คู่มือการเลือกซื้อสาเก
รู้จักประเภทของสาเกมากันคร่าว ๆ แล้ว ต่อไปพี่เห็ดจะพาไปศึกษา วิธีการเลือกซื้อ เหล้าญี่ปุ่น ของฝาก แน่นอนว่าสิ่งที่เพื่อน ๆ จะเจอก็คือ ภาษาที่อยู่บนขวดของสาเก เป็นภาษาคันจิของญี่ปุ่น ทำให้ยากต่อการอ่านและแปล ก่อนอื่นพี่เห็ดแนะนำให้เพื่อน ๆ ศึกษาชื่อและหน้าตาบนฉลากของสาเกที่ต้องการซื้อไปคร่าว ๆ เพื่อที่เห็นแล้วจะได้สะดุดตา ง่าย และช่วยจำได้ ว่าเป็นชนิดที่เราต้องการหรือไม่ พี่เห็ดขอสรุปข้อสำคัญและข้อสังเกตง่าย ๆ มาให้ ตามนี้ค่ะ
- ชื่อของสาเกที่ต้องการ
- อัตราการขัดสีข้าว จะปรากฏบนฉลากแสดงเป็น % เช่น 50% 60% 70% ที่นิยมจะมีเพียงเท่านี้
- ชนิดหรือประเภทของสาเก
- อายุของผลิตภัณฑ์ ไม่ควรเกิน 1 ปี
- ปริมาณแอลกอฮอล์ควรอยู่ระหว่าง 14 – 20%
- ปริมาณของสาเก ปกติจะมีจำหน่ายเพียง 3 ขนาด คือ ขนาด 1,800 มล. ขนาด 720 มล. และขนาด 300 มล.
- สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการชิมสาเก หรือต้องการซื้อสาเกญี่ปุ่นตามท้องถิ่นที่เป็นแบบดั้งเดิมจริง ๆ ต้องศึกษาที่ตั้งของโรงกลั่นมาด้วย
Tips : การวัดค่าของสาเก (Sake Meter Value หรือ SMV) เป็นการบอกถึงความหวาน หรือ ความเผ็ดในคอ (บาดคอ) ของสาเกตัวนั้น ๆ ยิ่งค่าวัดของสาเกชนิดไหนเป็นลบจะยิ่งมีรสชาติหวาน ชนิดไหนเป็นบวกก็จะมีเผ็ดในคอมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งปกติค่าวัดสาเกจะอยู่ที่ -5 ถึง +5
Top 9 สาเก เหล้าญี่ปุ่น ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าต้องลอง
ไม่ว่าจะหาเป็นของฝาก หรืออยากลิ้มลองด้วยตนเอง เรามาดู 9 สาเก เหล้าญี่ปุ่น ที่พี่เห็ดแนะนำ คัดสรรมาให้สายดื่ม แต่ละชนิดจะมีจุดเด่นและน่าสนใจอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ
1. Nakano BC – KOZUE
เหล้าญี่ปุ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นสาเกระดับต้น ๆ เพิ่มกลิ่นของเปลือกส้มแมนดาริน เหมาะสำหรับผู้ที่หัดดื่ม นอกจากนี้ยังมีรสชาติของซันโซ (พริกไทยญี่ปุ่นของเมืองวาคายามะ) ทำให้รู้สึกรสชาติที่คงค้างอยู่ในลำคอ สามารถนำมาเป็นของฝาก หรือของขวัญได้
แหล่งผลิต : วาคายามะ (Wakayama)
ประเภทสาเก : จุนไม
ราคาเยน-บาท : ขนาด 700 ml. 3,500 เยน เงินไทยประมาณ 1,100 บาท
2. Asahi Shuzo – Senshin
หนึ่งในสาเกที่ดีที่สุด ด้วยกระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถัน ใช้เวลาถึง 72 ชั่วโมง อัตราการขัดข้าวจนละเอียด 28% ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม ค่อนข้างบาดคอ เหมาะกับเป็น เหล้าญี่ปุ่น ของฝาก
แหล่งผลิต : นีงาตะ (Niigata)
ค่าของสาเก (SMV) : +2
ประเภทสาเก : จุนไม ไดกินโจ
ราคาเยน-บาท : ขนาด 720 ml. 5,200 เยน เงินไทยประมาณ 1,600 บาท
3. Asahi Shuzo – Kubota 1-9-2-0 Junmai Daiginjo
คุโบตะ 1920 ผลิตโดยโรงกลั่นสุราอาซาฮี ที่ก่อตั้งในปี 1920 สาเกชนิดนี้ มีรสชาติชั้นเยี่ยม หวานซ่อนเปรี้ยว เพียงได้ชิมรสและกลิ่น ก็จะกระจายไปทั่วปาก กลิ่นหอมหวานอ่อน ๆ
แหล่งผลิต : นีงาตะ (Niigata)
ค่าของสาเก (SMV) : ±0
ประเภทสาเก : จุนไม ไดกินโจ
ราคาเยน-บาท : ขนาด 720 ml. 5,100 เยน เงินไทยประมาณ 1,550 บาท
4. Miya Shuzo – Shimehari – Junmai Ginjyo Yamada Nishiki
เป็นสาเกที่ใช้พันธุ์ข้าวอันมีชื่อเสียงอย่าง Yamada Nishiki มากลั่น มีรสชาติหวานบาดคอเล็กน้อย มีระดับแอลกอฮอล์ 16% พร้อมกลิ่นหอมเบา ๆ เหมาะกับการดื่มแบบอุ่นหรือเย็นได้
แหล่งผลิต : นีงาตะ (Niigata)
ค่าของสาเก (SMV) : ±0
ประเภทสาเก : จุนไม
ราคาเยน-บาท : ขนาด 720 ml. 1,770 เยน เงินไทยประมาณ 550 บาท
5. Kikuhime – Kukurihime
สาเกที่มีอายุ 10 ปี การจำหน่ายจึงมีข้อจำกัด สายสะสมควรมี เพราะยิ่งเก็บไว้นาน จะให้รสชาติความอร่อยเพิ่มขึ้น เป็นสาเกที่มีระดับแอลกอฮอล์ 17-18%
แหล่งผลิต : อิชิกาวะ (Ishikawa)
ประเภทสาเก : จุนไม
ราคาเยน-บาท : ขนาด 720 ml. 23,900 เยน เงินไทยประมาณ 7,300 บาท
6. Hakkaisan – Awa
Hakkaisan เป็นโรงหมักที่ผลิต สาเก เหล้าญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของญี่ปุ่น สำหรับที่นี่ พี่เห็ดแนะนำ Awa เป็นสาเกแบบใหม่ ที่มีกระบวนการหมักในขวดตามธรรมชาติ สาเกที่ได้จึงมีความใสประกายแวววาว รสชาติกลมกล่อมหอมแบบอ่อนโยน เหมาะกับทานคู่กับมื้อค่ำเป็นอย่างมาก
แหล่งผลิต : นีงาตะ (Niigata)
ค่าของสาเก (SMV) : -5
ประเภทสาเก : จุนไม ไดกินโจ
ราคาเยน-บาท : ขนาด 720 ml. 3,195 เยน เงินไทยประมาณ 970 บาท
7. Zaku – Miyabi-no-Tomo Nakadori Junmai Daiginjo
เป็นเหล้าสาเก ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดมิเอะ เป็นสาเกระดับรางวัลพรีเมียม ในปี 2018 ราคาสบายกระเป๋า แถมรสชาติมีกลิ่นหอมรัลจวญ
แหล่งผลิต : มิเอะ (Mie)
ค่าของสาเก (SMV) : -1
ประเภทสาเก : จุนไม ไดกินโจ
ราคาเยน-บาท : ขนาด 720 ml. 2,350 เยน เงินไทยประมาณ 720 บาท
8. Suishin – Kyukyoku no Suishin Daiginjo
ซุยชิน โรงงานกลั่นสาเกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดฮิโรชิม่า ที่ใช้น้ำจากภูเขาทาคาโนะมากลั่น มีความนุ่มเป็นพิเศษ เพิ่มรสชาติที่ละมุน สดชื่น ผสมกับความหวานที่ลงตัว จึงได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในไวน์ข้าวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น มีระดับแอลกอฮอล์อยู่ที่ 17%
แหล่งผลิต : ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
ค่าของสาเก (SMV) : +3
ประเภทสาเก : ไดกินโจ
ราคาเยน-บาท : ขนาด 720 ml. 5,000 เยน เงินไทยประมาณ 1,520 บาท พร้อมกล่องไม้อันสวยหรู
9. Tsutsumi Shuzo – Gokujo Tsutsumi
สายเพียว ๆ พี่เห็ดขอแนะนำ สาเก Tsutsumi Shuzo ชนิดนี้ ที่ผ่านกระบวนการหมักและบ่มในถัง เพื่อรสชาตินุ่มนวลเหนือชั้นราวกับวิสกี้ชั้นดีเลยทีเดียว เหมาะมากกับการนำกลับมาเพื่อเฉลิมฉลองกับเพื่อนหรือครอบครัว
แหล่งผลิต : คิวชู (Kyushu)
ประเภทสาเก : ไดกินโจ
ราคาเยน-บาท : ขนาด 720 ml. 10,000 เยน เงินไทยประมาณ 3,050 บาท
จากที่พี่เห็ดได้แนะนำ สาเก เหล้าญี่ปุ่น ไป 9 ชนิดนั้น พี่เห็ดขอสรุปแหล่งซื้อสำคัญให้เพื่อน ๆ ได้ไปเลือกซื้อเลือกหากันง่าย ๆ สามารถสอบถามตามแต่ละชนิดที่เพื่อน ๆ ต้องการได้ที่ สนามบินนาริตะ ของญี่ปุ่น โดยแบ่งเป็น 2 Terminal ดังนี้
Terminal 1:
-Fa-So-La TAX FREE KAGURA
-Fa-So-La TAX FREE AKIHABARA
-Fa-So-La SOUVENIR
-Fa-So-La TAX FREE ASAKUSA ANNEX
-Fa-So-La SOUVENIR KOTOBUKI
-Fa-So-La GIFT SHOP
-Fa-So-La SKY SHOP
Terminal 2:
-Fa-So-La TAXFREE AKIHABARA
-Fa-So-La SOUVENIR
เหล้าญี่ปุ่น ของฝาก แต่ละชนิดที่กล่าวมา มีกรรมวิธีการผลิต และรสชาติที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ในการเลือกซื้อเลือกหากลับมา หรือต้องการเป็นของฝาก ของที่ระลึก ควรศึกษาวิธีการซื้อ และนำกลับมาให้ถูกต้องตามหลักของการนำสินค้าเข้ามาด้วยนะคะ และสิ่งสำคัญคือ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นแอลกอฮอล์เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 20 บริบูรณ์ขึ้นไปเท่านั้นค่ะ