เห็นเรทค่าเงินเยนแล้วอดใจไม่ได้ที่จะอยากไป ช้อปปิ้ง ญี่ปุ่น เพราะช่วงนี้ค่าเงินเยนอ่อนตัว เรียกว่าเป็นโอกาสทองของเหล่านักช้อปที่ต้องรีบกอบโกย ได้ซื้อของในราคาที่ถูกลง แถมยังมีแบรนด์ต่างๆ น่าซื้อในญี่ปุ่นที่ราคาถูกกว่าเมืองไทยอีกเยอะแยะ สำหรับใครที่ใช้แบรนด์ไหนอยู่ และอยากซื้อในราคาที่ถูกกว่า หรือกำลังวางแผนจะไป ทัวร์ญี่ปุ่น แต่ก็ยังไม่รู้ว่าไป ญี่ปุ่น ซื้ออะไรดี พี่เห็ด มัชรูมทราเวล รวบรวม 15 แบรนด์ หลากหลายหมวด ซื้อที่ญี่ปุ่น ถูกกว่าเมืองไทย มาให้แล้ว ไม่ว่าจะซื้อใช้เองก็โดนใจ หรือซื้อฝากคนใกล้ตัวก็แฮปปี้ รับรองว่าถูกใจทั้งคนให้และคนรับอย่างแน่นอน ไปดูกันเลย…!!
1. รองเท้า On
ถ้าพูดถึงรองเท้าที่ใส่สบาย นาทีนี้ก็คงไม่มีแบรนด์ไหนฮอตฮิตเท่ากับ On แล้วค่ะ โดยเขาจะมีให้เลือกหลายรุ่น หลายซีรีส์ แต่รุ่นที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ และขายดีเป็นเทน้ำเทท่าก็คือรุ่น ON Cloud 5 เพราะมีน้ำหนักเบา ใส่สบายเหมือนเหยียบเมฆ สามารถซัปพอร์ตเท้าได้ดี ใครที่จะซื้อพี่เห็ดแนะนำว่าให้ไปลองเลือก ลองใส่ด้วยตัวเองดีกว่า เพราะแต่ละรุ่นเขาก็มีฟังก์ชันที่แตกต่างกันไป มีทั้งรุ่นที่เหมาะสำหรับใช้เดิน, ใส่ในชีวิตประจำวัน, ออกกำลังกาย, วิ่งระยะไกล, เดินทางท่องเที่ยว เป็นต้น ถ้าซื้อที่ญี่ปุ่นราคาจะถูกกว่าที่ไทย สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปอย่าง ABC Mart, Atmos, Alpen เป็นต้น
2. สินค้าจาก Sanrio
ต่อด้วยสารพัดของกุ๊กกิ๊กเอาใจสาวก Sanrio กันบ้าง กับสินค้าลายการ์ตูนลิขสิทธิ์สุดน่ารักที่มีให้เลือกช้อปหลากหลายคาแรคเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น Hello Kitty, Pompompurin, Little Twin Stars, My Melody, Kuromi, KeroKeroKeroppi, Bad Badtz-Maru และอีกมากมาย มีสินค้าทั้งของกระจุกระจิก เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องเขียน และของใช้ในชีวิตประจำวัน โดยสามารถหาซื้อได้ที่ Sanrio Gift Gate, Sanrio Puroland, Pompompurin Cafe, Cinnamoroll Cafe รวมถึงร้านค้าทั่วไปอย่าง Don Quijote, Loft หรือจะเป็นร้าน 100 เยน อย่าง Daiso ก็มีให้ช้อปเช่นกัน แต่สินค้าอาจจะไม่ได้เยอะเท่ากับที่ช็อปของซานริโอ้ ซื้อที่ญี่ปุ่นจะราคาถูกกว่า และมีลายให้เลือกหลากหลายกว่า แต่สินค้าบางอย่างก็มีราคาใกล้เคียงกัน และจะมีบ้างร้านที่เป็น Tax Free ได้เป็นราคาปลอดภาษีอีก ยังไงพี่เห็ดแนะนำว่าก่อนซื้อให้เช็กให้ดี จะได้ช้อปได้อย่างสบายใจและคุ้มค่าที่สุด
3. วิตามิน DHC
มาต่อกันที่เรื่องรักสวยรักงาม ใครที่ชอบดูแลตัวเอง ดูแลผิวหน้า หรือบำรุงร่างกาย ต้องห้ามพลาด วิตามิน DHC แบรนด์วิตามินตัวท็อปของญี่ปุ่นที่หลายคนรู้จักกันดี แน่นอนว่าซื้อที่ญี่ปุ่นถูกกว่าบ้านเรา แถมยังมีให้เลือกหลายหลากสูตรมากๆ ทั้งสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย ลดสิว บำรุงสายตา บำรุงผม และอื่นๆ อีกมากมาย อยากเสริมวิตามินส่วนไหนก็จัดไปฝากคนที่เรารักได้เลย หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วญี่ปุ่น
4. สกินแคร์ Hada Labo
ยังคงอยู่กันต่อกับเรื่องบำรุงผิว ถ้ามาญี่ปุ่นแต่ไม่ซื้อ Hada Labo น้ำตบที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตบอันดับ 1 ในญี่ปุ่น 12 ปีซ้อนกลับบ้านไปสักชิ้นก็เหมือนว่ามาไม่ถึงที่นี่ เพราะแบรนด์นี้ฮิตมากทั้งในญี่ปุ่นและในบ้านเรา ช่วยในเรื่องการบำรุงผิวให้เนียนนุ่มเต่งตึง ที่สำคัญราคาไม่แพง ถูกกว่าที่ไทยประมาณ 2 เท่าเลยแหละ ของดีราคาถูกนั้นมีอยู่จริง หาซื้อได้ง่ายสุดๆ ตามร้านขายยา หรือร้านสะดวกซื้อต่างๆ เหมาะสำหรับซื้อไปใช้เองหรือซื้อไปฝากก็ดีงามไม่แพ้กัน
5. Shiseido
ตัวอยู่ญี่ปุ่น แต่จะไม่ให้พูดถึงแบรนด์นี้ไม่ได้ Shiseido แบรนด์เครื่องสำอางและสกินแคร์เบอร์ต้นๆ ในวงการที่คนไทยนิยมใช้ แบรนด์ใหญ่ราคาค่อนข้างสูง แพ็กเกจเน้นความหรูหรา ซื้อที่ญี่ปุ่นก็ยังถูกกว่าไทย แถมยังมีแบรนด์ย่อยในเครืออีกหลายแบรนด์เช่นกัน อย่าง Anessa ครีมกันแดดยี่ห้อดังที่คนไทยรู้จักกันดี เห็นราคาแล้วอยากเหมา เพราะราคาขายถูกกว่าที่ไทยเกือบครึ่ง ใครที่ใช้แบรนด์นี้อยู่แล้วบอกเลยว่าคุ้มสุดๆ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา แหล่งช้อปปิ้งต่างๆ หรือในสนามบินจ้า
6. มาส์กข้าว Keana Nadeshiko Rice Mask
อีกหนึ่งของฝากยอดนิยมที่ต้องซื้อกลับก็คือ มาส์กข้าว Keana Nadeshiko Rice Mask แผ่นมาสก์หน้าขายดีจากญี่ปุ่น ผลิตจากสารสกัดข้าวญี่ปุ่นแท้ 100% อุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินต่างๆ แผ่นมาส์กหนา ผสมเซรั่มแบบชุ่มๆ ช่วยบำรุงผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใส มีหลากหลายสูตรให้เลือกใช้ แถมราคาไม่แพงประมาณหลักร้อยเยน ซื้อกลับได้ง่าย พกพาสะดวก ใครมีเพื่อนเยอะซื้อแพ็กใหญ่ไปฝากเลย คุ้มแน่นอน
7. Kanebo
สำหรับสาวๆ ที่กำลังมองหาเครื่องสำอาง สกินแคร์ และลังเลว่ามา ญี่ปุ่น ซื้ออะไรดี พี่เห็ดขอแนะนำ Kanebo อีกหนึ่งแบรนด์ดังของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องงานผิว ใส่ใจในทุกกระบวนการผลิต พร้อมด้วยดีไซน์ของแพ็กเกจที่มีความหรูหรา มีให้เลือกใช้ทั้งสกินแคร์ และเครื่องสำอางหลากหลายประเภท ทั้งเจลล้างหน้า, แป้งผสมรองพื้น, ครีมบำรุงรอบดวงตา, เซรั่ม, ลิปสติก และอื่นๆ อีกมากมาย ใครที่เล็งสินค้าชิ้นไหนไว้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้า ร้านขายยาทั่วไป หรือซื้อในสนามบินก็สะดวกสุดๆ
8. Play Comme Des Gracon
อีกหนึ่งแบรนด์เสื้อผ้าญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลกกับ Play Comme Des Gracon แค่เห็นสัญลักษณ์ลายหัวใจดวงใหญ่พร้อมลูกกะตาสองดวงก็รู้แล้วว่าคือแบรนด์นี้ ผลงานแต่ละชิ้นล้วนมีเอกลักษณ์สุดๆ ใครที่กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่นเตรียมช้อปกลับมาได้เลย เพราะราคาถูกกว่าที่ไทยมาก โดยเฉพาะรุ่นเก่าๆ ยิ่งถ้าไปช่วงที่มีโปรโมชั่นลดราคา บอกได้เลยว่าหอบกลับบ้านมาแทบไม่ไหว มีขายในห้างสรรพสินค้าย่านชินจุกุ, กินซ่า, ชิบูย่า และโอโมเตะซันโด วัยรุ่นสายแฟที่อยากดูดี ดูเท่มีสไตล์ ไม่ควรพลาด
9. Bao Bao Issey Miyake
สาวๆ หลายคนอาจรู้จักแบรนด์กระเป๋าสัญชาติญี่ปุ่น Bao Bao Issey Miyake แบรนด์นี้เป็นอย่างดี ดีไซน์สุดเก๋ล้ำสมัยด้วยลายคล้ายกระเบื้อง แค่เห็นก็สะดุดตา มีทรงให้เลือกหลายหลาย ทั้งแบบสะพายไหล่ สะพายข้าง และคลัทช์ อีกทั้งคุณภาพของกระเป๋ายังมีความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา สะพายไปไหนก็ชิค ทำให้ได้รับความนิยมจากสาวน้อยสาวใหญ่ทั่วเอเชีย ในส่วนของราคาถ้าซื้อจากญี่ปุ่นก็จะถูกกว่าไทยหลายเท่าเลย หาซื้อได้ที่ย่านชินจุกุ, กินซ่า และสนามบิน เห็นอย่างนี้แล้วสาวขาช้อปจะอดใจกันได้ไหวยังไง
10. ABC-Mart
เป็นที่รู้กันดีว่าญี่ปุ่นกับรองเท้าผ้าใบเป็นของคู่กัน เชื่อว่าถ้าหลับตาแล้วนึกถึงร้านรองเท้า แว้บแรกที่ทุกคนนึก ถึงคงหนีไม่พ้น ABC-Mart ร้านชื่อดังที่รวมรองเท้าแฟชั่นและรองเท้ากีฬาหลากหลายแบรนด์เข้าไว้ด้วยกัน ใครไม่อยากเสียเวลาเข้าหลายๆ ร้าน ต้องมาที่นี่เลย เพราะเข้าร้านเดียวจบ มีสาขาอยู่แทบทุกแหล่งท่องเที่ยว รองเท้าแบรนด์ดังๆ ไม่ว่าจะเป็น Onitsuka Tiger, ASICS, Adidas, Nike หรือ New Balance บอกได้เลยว่าราคาถูกกว่าที่ไทยค่อนข้างมาก แถมมีแบบหรือมีสีให้เลือกเยอะกว่า ที่สำคัญรุ่นไหนที่ว่าหายากๆ ในไทย จะ Limited Edition ขนาดไหนก็จะเจอได้ที่ญี่ปุ่น โปรโมชั่นก็ขยันจัดกันเหลือเกิน บอกเลยว่าสาวก Sneaker คุ้มเกินคุ้ม
11. Daiso
ถ้าถามว่าไป ญี่ปุ่น ซื้ออะไรดี อยากได้ของฝากของใช้จุกจิกราคาเบาๆ พี่เห็ดจะพาไปช้อปปิ้งที่ Daiso ต้นตำหรับร้าน 100 เยน ที่ใหญ่ที่สุดและมีสาขามากที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีมากกว่า 3,000 สาขา ทั้งยังเป็นร้านที่คนไทยคุ้นเคยมากที่สุดเช่นกัน เพราะมีสาขาในไทยเยอะมาก เป็นร้านขายสินค้าจิปาถะ มีทุกหมวดหมู่ ตั้งแต่ของกิน เครื่องเขียน ของเล่น ของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยง ลามไปยันของตกแต่งบ้าน รวมทั้งเครื่องสำอางในราคา 100 เยน คำนวนเป็นเงินไทยแล้วไม่ถึง 30 บาท แต่ที่ไทยขายกันที่ 60 บาท ต่างกันมากกว่าครึ่ง ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสุดๆ สำหรับซื้อเป็นของฝากให้คนจำนวนมากในงบประมาณจำกัด
12. Yodobashi Camera
ขอยกระดับมาสู่ของที่ใหญ่มากขึ้นไปอีกด้วยการไปเดิน Yodobashi Camera ร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ, กล้องถ่ายรูป, นาฬิกา, เครื่องเสียง, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องเล่นเกมส์ หรือเครื่องเล่นต่างๆ รวมถึงของเล่น, โมเดล และอื่นๆ อีกเพียบ ราคาอยู่ในเรทที่เอื้อมถึง รับรองว่าใครที่หลงเข้าไป อาจจะเดินวนเวียนหาทางออกไม่เจออยู่สักสองสามชั่วโมง ระวังเดินเพลินกระเป๋าฟีบแน่นอน
13. คุกกี้ Shiroi Koibito
มาดูของฝากแบบอร่อยๆ กันบ้างกับ Shiroi Koibito คุกกี้สอดไส้ไวท์ช็อกโกแลตที่มีชื่อเสียงจากเมืองฮอกไกโด รสชาติอร่อย กรอบนอกนุ่มใน เนื้อคุกกี้ผสมผสานกับเนื้อช็อกโกแลตได้อย่างลงตัว เหมาะกับซื้อไปฝากครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน เพราะแพ็กเกจสวยจึ้ง มีทั้งแบบกล่องเล็กและใหญ่ หาซื้อได้ตามร้านขายของฝาก หรือสนามบิน เรียกว่าเป็นขนมที่ทุกคนต้องซื้อกลับจริงๆ เพราะราคาถูกกว่าที่ไทยมากกก ใครได้ชิมต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยแสงออกปาก
14. ชาเขียว Itoen
ถ้าใครอยากสัมผัสบรรยากาศแบบญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ก็ต้องซื้อเครื่องดื่มทั้งแบบสำเร็จและแบบชงอย่าง ชาเขียว Itoen แบรนด์ชาเขียวยอดฮิตของญี่ปุ่น ที่มีสินค้าเกี่ยวกับชาเขียวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ใบชาเขียว หรือผงชาเขียวแบบที่สามารถชงกับน้ำเย็นได้ ใช้ใบชาที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น 100% ละลายเร็ว ไม่จับตัวเป็นก้อน ไม่แต่งกลิ่นและรส ทำให้หอมกลิ่นชาสุดๆ ดื่มง่ายคล่องคอ ซึ่งคนไทยมักจะซื้อกลับไปฝากเพื่อนๆ เพราะราคาไม่แพง จับต้องง่าย อยู่ที่ประมาณ 100 – 200 เยน แถมยังพกใส่กระเป๋าสะดวกอีกต่างหาก หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ และร้านขายของฝากทั่วไปเลยค่ะ
15. Muji
ปิดท้ายด้วยแบรนด์ไลฟ์สไตล์ญี่ปุ่น กับ Muji ร้านค้าที่เป็นแหล่งรวมของสินค้าคุณภาพ มีความเรียบง่ายมินิมอล มีให้เลือกใช้สารพัดอย่าง สารพัดไอเดียจะสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเขียน, กระเป๋า, ร่ม, แก้ว, เครื่องสำอาง, เฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ขนมขบเคี้ยว หรือแม้แต่จักรยาน ก็มีครบทุกไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิต ส่วนราคานั้นอาจจะไม่ต่างกับที่ไทยมาก แต่ก็มีสินค้าแปลกๆ เจ๋งๆ หลายชิ้นที่ไม่มีขายในไทยเยอะเลย เหมาะสำหรับคนชอบอะไรกระจุกกระจิก เห็นแล้วอดใจซื้อไม่ได้ หรือจะซื้อมาฝากเพื่อนๆ รับรองว่าถูกใจชัวร์
อย่าช้อปเพลินจนลืมขอคืนภาษี Tax Refund
แน่นอนว่าอย่าช้อปปิ้งเพลินจนลืมขอคืนภาษี ซึ่งสินค้าที่จำหน่ายในญี่ปุ่นนั้นจะมีการบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อยู่ที่ 10% สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราสามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้ โดยสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ กลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง หรือยา แต่ต้องซื้อสินค้าตั้งแต่ 5,000 เยนขึ้นไป ซื้อจากร้านเดียวกัน และอีกกลุ่มที่เป็นพวกเครื่องแต่งกาย กล้องถ่ายรูป เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ ต้องซื้อสินค้าตั้งแต่ 10,000 เยนขึ้นไป ซื้อจากร้านเดียวกัน หลายๆ ร้านแค่ซื้อถึงยอดก็สามารถจ่ายในราคาไม่รวมภาษีได้เลย ไม่ต้องไปทำเรื่องคืนเป็นเงินสด ก่อนจ่ายเงินแค่แจ้งกับพนักงานว่าต้องการ Tax Refund และใช้พาสปอร์ตเล่มเดียว ฉะนั้นก่อนจะไป ช้อปปิ้ง ญี่ปุ่น ร้านไหนควรเช็กก่อนว่าร้านนั้นติดป้าย Tax Refund หรือ Tax-Free หรือเปล่า จะได้มีเงินเหลือติดกระเป๋าไปช้อปต่อแบบคุ้มๆ
มาถึงตรงนี้ถ้าใครยังคิดไม่ออกว่ามา ญี่ปุ่น ซื้ออะไรดี ก็พอจะได้ลิสต์ของน่าซื้อที่ราคาถูกกว่าไทยกันแล้ว บอกเลยว่าแค่เดินเที่ยวแต่ละย่าน ช้อปปิ้ง ญี่ปุ่น ก็หัวใจสั่นไหว ใจละลายไปกับของน่ารักๆ ระหว่างทางแล้ว อย่าลืมเตรียมเงินในกระเป๋าไปช้อปให้พร้อม แต่ก็อย่าเผลอตัวช้อปเพลินจนไม่มีเงินติดตัวกลับบ้านนะคะ