หากใครได้ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวในภูมิภาคโทโฮกุที่มัชรูมทราเวลได้นำเสนอมาตั้งแต่เริ่มต้น ก็อาจจะคุ้นๆ กับชื่อวัดชูซอนจิอยู่ไม่น้อย เพราะผู้เขียนได้เคยเอ่ยถึงไปบ้างแล้วในบทความเรื่อง “ฮิราอิซูมิ มรดกโลกล้ำค่าแห่งภูมิภาคโทโฮกุ” ซึ่งความสำคัญของวัดชูซอนจินั้น คือเป็นวัดที่ถูกเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้เป็น 1 ในมรดกโลกที่สำคัญแห่งภูมิภาคโทโฮกุ และที่นี่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและเป็นจุดเริ่มต้นของการเที่ยวเมืองฮิราอิซูมิที่ดีที่สุดอีกด้วย
เกริ่นมาเสียขนาดนี้ แน่นอนค่ะว่าวันนี้ผู้เขียนจะพาคุณไปสำรวจวัดชูซอนจิทุกซอกทุกมุมกัน
วัดชูซอนจิ ..มรดกโลกน่าสนใจในอิวาเตะ
จากเส้นทางที่เต็มไปด้วยป่าทึบที่เต็มไปด้วยเสียงจักจั่นเรไรที่ร้องระงมลั่นป่า สู่เส้นทางการเดินขึ้นเขาที่ค่อยๆ ลาดชันขึ้นเรื่อยๆ ภาพที่มองเห็นก็คืออาคารของวัดชูซอนจิ วัดในศาสนาพุทธนิกายเทนไดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มเงาของภูเขาคันซาน ซึ่งวัดแห่งนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 850 โดยเอนอิน พระสงฆ์ระดับสูงของภูเขาฮิเออิ และมีผู้ดำเนินการก่อสร้างทั้งหมดคือ คิโยฮิระ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งตระกูลโอชู ฟูจิวาระนั่นเอง
ทั้งนี้ในประวัติศาสตร์ของวัดได้ระบุว่า สาเหตุที่คิโยฮาระได้สร้างชูซอนจิขึ้นก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในสงคราม 9 ปีและสงคราม 3 ปี ซึ่งได้เกิดขึ้นในภูมิภาคโทโฮคุช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 11 ไม่ว่าจะทางฝั่งพันธมิตรหรือฝั่งทางศัตรูก็ตาม โดยแรกเริ่มที่ก่อสร้างนั้นภายในวัดมีอาคารและเจดีย์มากกว่า 40 หลัง และมีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ที่นี่มากกว่า 300 รูป จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 อาคารและเจดีย์นับหลายสิบหลังก็ถูกทำลายลงไปอย่างราบคาบ จนกระทั่งเหลือเท่าที่เห็นดังปัจจุบันเท่านั้น
จุดท่องเที่ยวสำคัญภายในวัด
ทางลาดสึกิมิซากะ
ทางลาดสึกิมิซากะหรือเรียกอีกอย่างว่า “เนินชมจันทร์” เป็นเส้นทางที่มีระยะความยาว 800 เมตรซึ่งทอดยาวขึ้นไปยังวิหารทองคำที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ความโดดเด่นของทางลาดสึกิมิซากะที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบก็คือ ตลอดสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้น Cryptomeria ขนาดใหญ่อายุหลายพันปีที่ปลูกโดยตระกูลเดเตะ มาตั้งแต่ในสมัยเอโดะ (1603-1868) นั่นเอง
วิหารใหญ่ฮอนโดะ
วิหารใหญ่ฮอนโดะเป็นวิหารเก่าแก่ที่ยังเหลืออยู่เพียงหลังเดียวของวัด ซึ่งเป็นที่เทศนาธรรมและประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา นอกจากนั้นความสำคัญอีกอย่างของวิหารหลังนี้ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากก็คือ วิหารแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปเก่าแก่ 3 องค์ ซึ่งมีความสูงถึง 4.8 เมตร ที่สร้างจากไม้แต่ถูกปิดทองจนเหลืองอร่ามสวยงาม
วิหารทองคำคอนจิคิโดะ
วิหารทองคำคอนจิคิโดะตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งทอดยาวเป็นระยะทาง 130 เมตรจากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก โดยวิหารทองคำแห่งนี้ถูกสร้างโดยคำสั่งของโอชูฟูจิวาระในปี 1124 โดยสร้างจากไม้และปกคลุมด้วยใบไม้สีทองสวยงามทั้งด้านในและด้านนอก ซึ่งจุดประสงค์ของการสร้างวิหารทองคำแห่งนี้ก็เพื่ออุทิศให้อะมิดะ ไนยาอิ หรือพระพุทธรูปที่มีแสงไม่สิ้นสุด ภายใต้พระพุทธรูปนั้นมีร่างของเจ้าเมืองคนแรกคือคิโยฮิระถูกฝังอยู่ ด้านซ้ายเป็นร่างของลูกชายชื่อโมโตฮิระและด้านขวาเป็นร่างของบุตรชายของโมโตฮิระที่ชื่อฮิเดฮิระ ทั้งนี้วิหารทองคำคอนจิคิโดะมีชื่อเสียงว่ามีส่วนที่คล้ายกับศาลาทองคินคะคุจิของเมืองเกียวโต เพราะเป็นอาคารที่หุ้มด้วยทองเหมือนกัน เพียงแต่วิหารทองคำแห่งนี้จะถูกเก็บรักษาไว้ในห้องโถงขนาดใหญ่ และปัจจุบันที่นี่ได้มีการบูรณะใหม่ ตัวอาคารจึงไม่ได้มีสีทองเหมือนชื่ออีก
หอเก็บสมบัติซันโกโสะ
ซันโกโสะเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บสมบัติของตระกูลฟุจิวาระ ผู้ปกครองเมืองฮิราอิสุมิ รวมถึงสมบัติของชาติและมรดกที่เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญมากกว่า 3,000 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป พระสูตรที่ปักตกแต่งด้วยทองและเงินอันล้ำค่า และสัมภาระที่ฝังศพของขุนนางโอชูฟูจิวาระ โดยที่นี่ได้ถูกเปิดเผยขึ้นในปี 2000
หอพระสูตร
หอพระสูตรงเป็นอาคารหลังสุดท้ายที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับวิหารทองคำคอนจิคิโดะ ซึ่งที่นี่ยังคงมีลักษณะเหมือนเดิมม่มีกาเปลี่ยนแปลงแต่ประการใดนับตั้งแต่สร้างเสร็จ และถึงแม้ว่าจะไม่สง่างามเท่ากับคอนจิโคโดะ แต่ก็เต็มไปด้วยความเก่าแก่และประวัติศาสตร์อันยาวนาน ภายในหอพระสูตรนักท่องเที่ยวได้จะได้ชมฝาครอบวัดซึ่งใช้ในการครอบวิหารทองคำ และ Old Cover Temple ที่สร้างในปี 1288 รวมทั้งหินที่มีบทประพันธ์ของ มัตสึโอะ บาโช
คันซานเทย์
จากฝั่งเหนือของหอพระสูตรขึ้นไปยังยอดเขาคันซานจะมีร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ชื่อว่าคันซานเทย์ตั้งอยู่ ซึ่งที่นี่ไม่ใช่แค่เพียงร้านอาหารที่เอาไว้กินดับความหิวกระหายเท่านั้น แต่มันยังได้ชื่อว่าเป็นที่พักผ่อนชั้นยอดสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวทางฝั่งตะวันออกของเมืองฮิราอิซุมิที่สวยงามจนแทบสะกดลมหายใจ รวมถึงหากโชคดีมาในวันที่อากาศแจ่มใส ศาลเจ้าฮาคุซันซึ่งกล่าวกันว่าเป็นอาคารหลังแรกที่ถูกสร้างขึ้นในบริเวณนี้อีกด้วย
ละครเวทีญี่ปุ่นโบราณโนกากุ
หากนักท่องเที่ยวชาวไทยได้มีโอกาสมาเที่ยววัดชูซอนจิในช่วงเทศกาลฟูจิวาระตอนฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคม และ 1-3 พฤศจิกายนของทุกปี ก็จะโชคดีได้ชมการแสดงละครโนบนเวทีที่ตั้งอยู่กลางลานวัด โดยละครโนเป็นศิลปะการละครแขนงหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ที่เปลี่ยนยกพื้นแบบโบราณของญี่ปุ่นให้กลายเป็นเวทีละคร โดยผู้แสดงในเครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่นจะใส่หน้ากากแล้วร่ายรำไปพร้อมกับดนตรีและบทขับร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของละครโน
สำหรับผู้ที่ต้องการมาเที่ยววัดชูซอนจินั้นไม่ยากเลย ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 25 นาที หรือเช่าจักรยานปั่นมาจากสถานี JR Hiraizumi เพียง 15 นาทีเท่านั้น โดยระยะทางจากสถานีรถไฟมาถึงวัดนั้นมีระยะทางเพียง 1.6 กิโลเมตร ทั้งนี้ตั้งวันที่ 4 พศจิกายนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เวลาเปิดทำการของวัดจะสั้นลง 30 นาที โดยเสียค่าเข้าชมในราคาผู้ใหญ่ 800 เยน นักเรียนมัธยมปลาย 500 เยน นักเรียนมัธยมต้น 300 เยน และนักเรียนประถม 200 เยน