ความสุขในระดับเวิลด์คลาส
คงเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อย ถ้าหากว่าวันหนึ่งเราได้มีโอกาสให้รางวัลกับตัวเอง ครอบครัว รวมทั้งคนรู้ใจ ด้วยการชวนกันไปใช้ชีวิตเยี่ยงมหาเศรษฐีบนเรือสำราญที่คล้ายกับโรงแรมลอยน้ำขนาดยักษ์ดูสักครั้ง ถึงแม้ว่าชั่วชีวิตนี้เราอาจจะไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าเหมือนกับบิล เกตส์ หรือมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก จนสามารถจับจองเป็นเจ้าของเรือลำใหญ่ เพื่อใช้เป็นพาหนะในการเดินทางท่องเที่ยวไปในมหาสมุทรที่กว้างไกลรอบๆ โลกได้ก็ตาม
วันนี้ “มัชรูมทราเวล” ขอเอาใจผู้ที่กำลังมองหาการเดินทางท่องเที่ยวและการพักผ่อนรูปแบบใหม่ในระดับเวิลด์คลาสบนเรือสำราญสุดหรู ที่มาพร้อมกับการบริการประหนึ่งคุณคือเจ้าของเรือตัวจริงเสียงจริงในราคาสบายกระเป๋า โดยเราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับราชาแห่งท้องทะเลแคริบเบียน ซึ่งก็คือเรือสำราญแบรนด์ดังสัญชาติลูกครึ่งนอร์เวย์-อเมริกันที่มีชื่อว่า “Royal Caribbean” นั่นเอง นอกจากนั้นเรายังจะนำท่านไปสำรวจเรือสำราญที่ประจำการในน่านน้ำมหาสมุทรอินเดีย บริวเวณทวีปเอเชียอย่าง “Mariner of the Sea” เรือสำราญลำใหม่ล่าสุดจากทั้งหมด 5 ลำของเรือสำราญในกลุ่ม Voyager Class ที่เดินทางมาแล้วทั่วโลก
เป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว นับตั้งแต่การก่อตั้ง Royal Caribbean Cruise Line ขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1968 ณ ประเทศนอร์เวย์ จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นชื่อ Royal Caribbean International และย้ายฐานมาที่สหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน แต่การเดินทางของเรือสำราญในเครือรอยัล แคริบเบียนก็ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลยสักครั้ง และนั่นก็เป็นสิ่งที่สามารถการันตีถึงคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการของที่นี่ได้เป็นอย่างดี โดยไม่จำเป็นที่จะต้องมีรางวัลใดๆ มายืนยัน นอกจากนั้นรอยัล แคริบเบียนยังนำประสบการณ์ในการล่องเรือไปทั่วโลกกว่า 72 ประเทศ ใน 6 ทวีปมาใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาเรือสำราญในเครืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นก็คือการต้องทำสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ โดยสร้างโลกของจินตนาการให้เกิดขึ้นจริง เพื่อการพักผ่อนที่เกินความคาดหวังในทุกๆ ครั้งที่ลูกค้ามาใช้บริการ
Royal Caribbean มีเรือสำราญที่ให้บริการทั้งหมดจำนวน 22 ลำ ซึ่งเรือทุกลำจะมีชื่อที่มีประโยคห้อยท้ายเหมือนๆ กันว่า ‘Of the Sea’ ทั้งนี้เรือสำราญในเครือรอยัล แคริบเบียนยังถูกแบ่งอออกเป็นทั้งหมด 7 คลาสด้วยกัน โดยเรือแต่ละคลาสนั้นก็จะมีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของขนาดของเรือ รูปลักษณ์ภายนอก จำนวนผู้โดยสาร พื้นที่ในการให้บริการในแต่ละน่านน้ำ และการตกแต่ง ฯลฯ ได้แก่ Oasis Class, Freedom Class, Radiance Class, Voyager Class, Vision Class, Sovereign Class และ Quantum Class
โรงแรมลอยน้ำ ที่มาพร้อมบริการในระดับเวิลด์คลาส
สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้บริการเรือสำราญมาก่อนอาจจะรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจที่จะลองใช้บริการดูสักครั้ง เพราะเข้าใจว่าการเดินทางแบบนี้หากเปรียบเทียบกับการใช้บริการโดยสารทางเครื่องบินแล้ว จะค่อนข้างช้าและใช้เวลาในการเดินทางนานกว่าหลายสิบเท่า อีกทั้งการล่องเรืออยู่ท่ามกลางทะเลหลายๆ วันคงน่าเบื่อ เพราะเมื่อมองออกไปก็คงจะเห็นแต่ท้องฟ้าและทะเล ซึ่งนั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะเป้าหมายของธุรกิจการล่องเรือสำราญนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์เพียงแค่การไปให้ถึงจุดหมายปลายทางที่ใดสักแห่งเท่านั้น แต่เป้าหมายของเรือสำราญคือ การที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้วันหยุดพักผ่อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยการเดินทางที่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากภายในเรือสำราญนั้นล้วนเต็มไปด้วยกิจกรรมความบันเทิงและเครื่องอำนวยความสะดวกในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งโรงภาพยนตร์ สนามกีฬา สปา กาสิโน ร้านอาหาร สวนน้ำ สวนสนุก ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ดังต่อไปนี้
การพักผ่อนและผ่อนคลาย (REST & RELAXATION)
- ผ่อนคลายร่างกายด้วยโปรแกรมสปา โปรแกรมฝังเข็ม และการนวดด้วยหินร้อน เป็นต้น
- ทั้งสนุกและได้ออกกำลังแขนขากับ 4 สระว่ายน้ำ และ 6 อ่างจากุชชี่ หรือจะนอนอาบแดดแบบชิลล์ๆ ก็ไม่ว่ากัน
- ฝึกโยคะหรือรำไทเก็กที่ศูนย์ออกกำลังกาย State of the Art
- เพลิดเพลินกับหนัง สารคดี หรือกีฬามันๆ ด้วยโทรทัศน์จอแบนระบบดิจิตอลและหน้าจอสัมผัสภายในห้องพัก หรือจะเซิร์ฟเน็ตผ่าน Wi-Fi ก็แสนง่ายดาย
- สุขใดไหนเลยจะเท่าการนั่งแช่น้ำในสระว่ายน้ำส่วนตัว พร้อมชมหนังดังฮอลลีวู้ดจากจอภาพยนตร์กลางแจ้ง
กิจกรรมสันทนาการและการผจญภัย (ACTION & ADVENTURE)
- ฝึกความแข็งแกร่งด้วยกิจกรรมปีนเขาบนผนังหิน
- เริงระบำบนลานสเก็ตน้ำแข็งกลางมหาสมุทร
- เย็นใจกับกีฬากอล์ฟ ณ สนามมินิกอล์ฟ
- ประลองความแม่นยำในการชูตลูกบนแป้นกับสนามบาสเกตบอลที่ได้มาตรฐาน
- วิ่งจ๊อกกิ้งเบาๆ รับแสงแดดยามเช้าในลู่วิ่งบนดาดฟ้าเรือ
ร้านอาหารหลากหลายทางเลือก (DINING OPTIONS)
- – บริการอาหารฟรีถึงห้องพักกับหลากหลายเมนู ทั้งมื้อเช้า กลางวัน และมื้อค่ำ
- จิบคาปูชิโนหอมๆ กับร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Starbucks
- เรียกน้ำย่อยก่อนมื้อหนักกับสารพัดอาหารว่างและไอศกรีมตลอดทั้งวัน ที่ Johnny Rockets, Cupcake Cupboard, Soft-serve Ice Cream, Café Promenade และ Ben & Jerry
- ลองลิ้มชิมรสอาหารเพื่อสุขภาพที่ Solarium Café, Park Café
- เพลิดเพลินกับอาหารหลากหลายเชื้อชาติทั้งอาหารอิตาเลียน อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น ฯลฯ ทั้งแบบดั้งเดิมและแบบฟิวชั่นที่ Windjammer Cafe, Giovanni’s Table, Portofino, Izumi Asian Cuisine และ 150 Central Park เป็นต้น
พื้นที่สำหรับเด็กและครอบครัว (KIDS & FAMILIES)
- – สู่โลกแห่งการผจญภัยในมหาสมุทร สำหรับเด็กวัย 3-11 ปี ที่ Adventure Ocean For Kids
- เปิดโอกาสให้เยาวชนอายุ 12-17 พบปะทักทายเพื่อนใหม่ พร้อมแดนซ์กันให้สุดเหวี่ยงที่ Teen Programme
- เสริมสร้างพัฒนาการสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน และบรรดาคุณพ่อคุณแม่ ณ Royal Babies and Royal TOTS Playgroups และ Royal Babies & TOTS Nursery
ความบันเทิงและการช้อปปิ้ง (ENTERTAINMENT & SHOPPING)
- ชมละครสไตล์บอร์ดเวย์เรื่องเยี่ยม ที่การันตีฝีมือจากรางวัลแกรมมี่อวอร์ด ภายในโรงละครหลัก
- ชมการแสดงสเก็ตน้ำแข็งอันน่าตื่นตาตื่นใจในสตูดิโอ
- สังสรรค์เที่ยงวันยันเที่ยงคืนกับ15 บาร์คลับและเลาจน์ แล้วแวะเสี่ยงโชคเล็กๆ ที่กาสิโนสไตล์ลาสเวกัสอย่าง Casino Royale
- ช้อปปิ้งไม่มียั้งกับหลากหลายสินค้าแบรนด์เนมปลอดภาษี ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ น้ำหอม ฯลฯ ที่ Store at Sea และ Royal Promenade
เปิดประตูสู่อาเซียนกับ Mariner of the Sea
เลือกห้องที่ใช่ เพื่อทุกวันของการพักผ่อนที่ดีที่สุด
BALCONY SUITES
ห้องพักประเภทสวีทรูมมีทั้งหมด 5 สไตล์ คือห้อง Presidential Royal Suite, Owner’s Suite, Royal Family Suite, Grand Suite (Shown) และ Junior Suite ซึ่งข้อดีของห้องประเภทนี้ก็คือความโดดเด่นในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง เพื่อให้สามารถเข้าพักได้ทั้งครอบครัวแล้ว ภายในห้องยังประกอบไปด้วยระเบียงส่วนตัว ห้องนั่งเล่น บาร์และอ่างอาบน้ำส่วนตัว รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกครบครัน นอกจากนั้นยังมีสิทธิพิเศษอีกมากมายที่เป็นเอกสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่พักในห้อง Junior Suite
สนใจล่องเรือ แถบนิวชีแลนดช่วงเดือน เมย ประมาณปลายเมษายนค่ะ
ขอโปรแกรม ทัว เรือสำราญ Royal Caribbean