เพิ่งกลับมาถึงบ้านไม่กี่วันก็รีบทำรีวิว ก่อนที่ข้อมูลทั้งหมดจะลืมหายไปในสายลม… ตอนจะไปลุย Disney Florida ด้วยตัวเอง ก็หาข้อมูลจากในเน็ตนี่แหละค่ะ เลยต้องมาทำรีวิวเป็นการขอบคุณทุกคนที่เคยแปะความรู้ไว้ให้เป็นไอเดีย
เมื่อก่อนรู้จักแต่ดิสนีย์แลนด์ ที่อยู่รัฐแคลิฟอร์เนียร์ ซึ่งเป็นสวนสนุกแห่งแรกของดิสนีย์ แล้วมาสร้างใหม่ใหญ่กว่า ที่รัฐฟลอริด้า ป้าก็นึกว่าดิสนีย์เวิร์ล คือ ชื่อของสวนสนุกแห่งใหม่ที่เหมือนกับดิสนีย์แลนด์ แต่จริงๆ ไม่ใช่
ดิสนีย์เวิร์ล หมายถึง สวนสนุกทุกแห่งของดิสนีย์ในฟลอริด้า เรียกรวมกันว่า โลกของดิสนีย์ และแยกย่อยมีชื่อเฉพาะไปแต่ละสวนสนุก คือ เมจิคคิงส์ดอม, เอปคอท, ดิสนีย์ฮอลีวู้ดสตูดิโอ, แอนนิมอลคิงส์ดอม และสวนน้ำอีกสองแห่ง
และ เมจิคคิงส์ดอม นี่เอง ที่คือความหมายของ ดิสนีย์เวิร์ล สำหรับคนไม่รู้ เช่น ป้าฟู เพิ่งถึงบางอ้อคราวนี้ หลังจากไปเที่ยวที่นี่มาเป็นครั้งที่แปด.. อิอิ เมื่อก่อนไปแบบมีคนนำทาง หลับบนรถอยู่ดีๆ ก็ถึงที่หมายแล้ว… เหมือนเป็นเมจิคเลย.. เสกวิ้งๆ ถึงทันที..
มีคนสงสัยหลายคนว่า ถ้าไปเที่ยวดิสนีย์แล้ว ควรจะพักที่ไหนดี ถ้าจะพักที่ดิสนีย์รีสอร์ท ก็แพงมาก แต่ถ้าพักที่ในเมือง การเดินทางก็ลำบากไม่สะดวกและอาจแพง ป้าฟูไปพิสูจน์มาแล้วค่ะ พักข้างนอก การเดินทางสะดวกสบายดี ราคาไม่แพง แต่อาจใช้เวลานิดนึง ราวชั่วโมงกว่าๆ แต่ก็คุ้มค่านะ
มาอเมริกา รอบนี้ ป้าพักที่โรงแรมบนถนน International Dr. ซึ่งเป็นย่านโรงแรมที่พักและร้านอาหาร รวมทั้งแหล่งช้อปปิ้งหลากหลาย ที่สำคัญ มีรถเมล์และรถรางวิ่งผ่านหลายสาย แต่ถ้าจะไปให้ถึงสวนสนุกดิสนีย์ ต้องมีการต่อรถเมล์หนึ่งครั้ง
วันแรกไปถึง ก็งมๆ ไปจนเจอศูนย์บริการนักท่องเที่ยวใกล้กับโรงแรมที่พัก เจ้าหน้าที่แนะนำให้นั่งรถรางไปลงที่ ซีเวิร์ล ค่าโดยสาร 2 ดอลลาร์
แล้วก็ต่อรถเมล์ สาย 50 ค่าโดยสารอีก 2 ดอลลาร์ ไปจนสุดทางที่ดิสนีย์ แต่ป้ามารู้ทีหลังจากคนขับรถเมล์ ว่าถ้านั่งรถเมล์สายแปด
แล้วไปต่อรถเมล์สาย 50 ป้าไม่ต้องจ่ายค่าโดยสารอีก เท่ากับว่า เสียสองดอลลาร์ ไปถึงดิสนีย์เลย ไปกลับ สี่ดอลลาร์เอง
เส้นทางรถราง
แต่เราต้องเตรียมค่าโดยสารให้พอดีนะคะ จะเป็นเหรียญก็ได้ ยกเว้นเป็นเหรียญเซ็นต์ เครื่องคงไม่รับ เครื่องจ่ายค่าโดยสารอยู่ติดกับคนขับรถ เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อย ก็ต้องบอกคนขับด้วยว่าเราจะไปต่อรถ เขาจะได้ออกใบต่อรถให้เรา ไม่งั้น ถ้าไม่มีใบนี้เราจะต้องเสียเงินอีกรอบ ถ้าพูดอังกฤษไม่เก่ง บอกคนขับสั้นๆ ว่า transfer ทรานส์เฟอร์ เป็นอันรู้กัน
แล้วคนขับจะจิ้มปุ่มออกใบต่อรถให้เราเอง หรือจะให้ชัดเจนมากขึ้นเพื่อคนขับจะได้จอดป้ายให้เรา เผื่อเไม่รู้ว่าจะลงป้ายไหนที่ต่อรถ
ก็บอกว่า Transfer to Magic Kingdom แค่นี้รับรองได้ลงไม่ผิดป้ายแน่ค่ะ
ข้างในรถราง
ถ้านั่งแท็กซี่ไปจาก รร. จะต้องจ่ายเที่ยวละห้าสิบดอลลาร์ แว๊กกก.. ไปกลับ ราคาพอๆ กับค่าเข้าดิสนีย์เลย ไม่ไหวล่ะ อีกทางเลือกหนึ่งก็คือ จะมีรถ shuttle bus คอยรับส่งจากโรงแรมถึงดิสนีย์ ค่าโดยสารเที่ยวละ 12 ดอลลาร์ และมารับวันละสามรอบเอง
รอบแรก ตอนประมาณ 7:40 น. ถ้าตื่นไม่ทัน ก็ต้องไปรอบถัดไปเวลา 10:30 กว่าจะไปถึงก็เกือบเที่ยงพอดี เที่ยวไม่คุ้ม
เพราะสวนสนุกเปิดตอน 9 โมงเช้า ขาดทุนเห็นๆ และตอนนั้นคนก็เยอะแล้วด้วย ต้องเข้าคิวมหาศาลถ้าจะไปเล่นอะไรสักอย่าง
ส่วนขากลับ ถ้าจะกลับ shuttle bus ก็ต้องนัดหมายเวลากับคนขับก่อน ป้าว่ามันไม่สะดวกเอาเสียเลย เพราะเราไม่รู้ว่าจะกลับตอนไหนและจะมาถึงจุดนัดหมายทันเวลาหรือเปล่า เพราะจะไปไหนในดิสนีย์ต้องผ่านคิวมหาศาล จะได้ขึ้นรถมาถึงจุดนัดหมายตอนไหนก็ไม่รู้ มันต้องเผื่อเวลาเยอะๆ เสียเวลาเที่ยวเอามากๆ เสียดายตังค์ เพราะค่าเข้าแพง มาแล้วต้องคุ้ม
ป้ายรถเมล์ใกล้กับ ซีเวิร์ล จุดต่อรถจากสาย 8 ที่ขึ้นมาจากถนน International Dr. สะดวกตรงที่ว่า ลงรถตรงไหน ก็รอต่อรถเมล์ที่นั่นเลย
ไม่ต้องข้ามถนนไปไหน เสียอย่างเดียว รถเมล์สาย 50 ต้องรอนานมากกว่าจะมา ราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมงโดยเฉลี่ย
ป้ายรถรางจะมีหมายเลขแปะอยู่ แต่ป้ายรถเมล์ไม่มีหมายเลข ต้องคอยมองเอาเองว่าจะลงตรงไหน สำหรับตรงนี้มีทั้งป้ายจอดรถเมล์และรถราง
ฝั่งตรงข้ามเป็นลานจอดรถของสวนสนุกซีเวิร์ล ถ้ามารถรางก็ต้องลงที่ป้ายจอดรถรางอีกอันหน้าสวนสนุก แล้วก็เดินทะลุลานจอดรถมาที่ป้ายนี้
ก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไม เจ้าหน้าที่ที่ศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว แนะนำให้ป้าต้องลำบากเดินไกลและเสียเงินเพิ่มอีก
ตอนคนขับแนะนำและออกใบทรานส์เฟอร์ให้ป้า ป้ายังไม่เชื่อเลย เพราะเชื่อเจ้าหน้าที่มากกว่า ขากลับจากเมจิคคิงส์ดอมวันแรก
เดินเพลินจนมืด เดินมาขึ้นรถเมล์คนเดียวแบบหวาดหวั่นเพราะคนรอบตัวน้อยมาก หน้าตาคงตื่นตระหนกจนคนขับรับรู้ได้
ป้าบอกคนขับว่าจะไปต่อรถรางที่หน้าซีเวิร์ล ให้ช่วยจอดป้ายด้วย เพราะมาครั้งแรก มืดแบบนี้คงจำป้ายไม่ได้ว่าตรงไหน กลัววุ้ย
พอถึงหน้าซีเวิร์ล คนขับก็จอดให้ลง ป้ามองดูไม่คุ้นตาเอามากๆ ไม่มีโรงแรมเรเนซองส์ คนขับก็ยืนยันว่าลงป้ายนี้ได้
จนป้าบอกว่า จะไปต่อรถราง คนขับก็เลยพามาลงป้ายถัดไป ค่อยโล่งใจเพราะฝั่งตรงข้ามคือโรงแรมเรเนซองส์ที่ป้ามาขึ้นรถเมล์เมื่อเช้า
เลยมั่นใจว่าถูกป้ายแน่ๆ เสียอย่างเดียว ตอนนั้นบรรยากาศโคตรวังเวง รอบตัวไม่มีใครแม้แต่คนเดียว รถก็แทบไม่มีวิ่งผ่าน ข้างหลังเป็นลานจอดรถ
แถมหลังป้ายมีต้นไม้สูง มันบังไฟข้างทางทำให้บริเวณป้ายรถเมล์มืดตึ๋ดตื๋อ โอ้ยยย ๆๆๆๆๆ
ป้ารู้สึกไม่ไหวแล้ว ถ้ารถอะไรมา ฉ้านน ขอขึ้นไปก่อน มิสามารถอยู่ตรงนั้นคนเดียวได้อีกต่อไป เสียวโว้ยยย
ไม่กี่นาที ก็มีรถเมล์สาย 8 วิ่งมาจอดที่ป้าย สายเดียวกับที่คนขับรถแนะนำมา ป้าก็รีบขึ้นไปในทันที ไม่สนใจไรแล้ว
เอาบัตรทรานส์เฟอร์มารูด เออ.. ไม่เสียเงินเพิ่มจริงด้วยวุ้ย แต่เพราะตอนเช้าป้ามาด้วยรถราง เลยไม่รู้ว่าสายแปดจะผ่านตรงไหนบ้าง
บอกคนขับสาย 8 ว่า ฉันพักอยู่ที่โรงแรมบนถนน International Dr. เมื่อเช้าขึ้นรถรางมาจากป้ายหมายเลข 15
ยูจะผ่านไปแถวนั้นหรือเปล่า คนขับบอกไม่รู้จักโรงแรม แต่ฉันต้องผ่านถนน International Dr.
ก็ยังดีนะ ดีกว่าอยู่คนเดียวในความมืดมึดที่ป้ายรถราง คอยมองข้างทางสลับกับดูแผนที่ในมือถือ มีลุ้นเพราะแบตใกล้หมด
สรุปว่า รถเมล์สาย 8 ก็วิ่งผ่านแถวโรงแรมของป้าเหมือนรถรางเปี๊ยบ แถมไม่วิ่งอ้อมเท่ากับรถรางอีกด้วย เลยได้นั่งครั้งเดียวสำหรับรถราง
นอกนั้นป้าใช้บริการรถเมล์ตลอด
และมาเข้าใจในเช้าวันถัดไป ออกมายืนรอรถเมล์สาย 8 พอรถใกล้ถึงก็ออกไปยืนรอแต่มันไม่จอด.. คนขับบีบแตรให้
แล้วรถมันก็ไปจอดเลยไปอีกสักสองร้อยเมตร ป้าก็ยืนมองแบบงงๆ ไรของมันฟระ…
พอมาดูป้ายรถ อ๋อ.. เลยเข้าใจแต่บัดนั้น มันมีแต่สัญลักษณ์ป้ายเหลี่ยมๆ สีเหลืองของรถรางที่มีหมายเลข แต่ไม่มีป้ายสีขาวของรถเมล์
แต่ตรงโน้นที่รถเมล์ไปจอด มันมีป้ายสีขาวอย่างเดียว เลยต้องอพยพไปที่ป้ายโน้น และรอสาย 8 คันใหม่ ดีที่ไม่ต้องรอนาน วิ่งบ่อยสายนี้
ป้าก็เลยเข้าใจว่า เมื่อคืนที่คนขับบอกให้ลงต่อรถเมล์สายแปด แล้วป้าไม่ยอมลงเพราะไม่คุ้นตา มันคือป้ายรถเมล์อย่างเดียว
แต่อันถัดมาไม่ไกลนักที่อยู่หน้าโรงแรมเรเนซองส์ มันเป็นป้ายที่จอดทั้งรถเมล์และรถราง… ป้าดด.. กว่าฉันจะรู้สักนิดว่าเธอรักฉัน..
แต่ไม่มีใครนิยมต่อรถรางไง ป้ายนั้นเลยไม่มีคน แต่ป้ายรถเมล์จะมีคนรอ ตลอดค่อยอบอุ่นหน่อย แถมอยู่ติดกับสี่แยกมีไฟสว่างและมักมีรถติดไฟแดง
ด้านหลังป้ายรถเมล์และรถรางที่ป้าไปรอต่อรถสาย 50 เพื่อไปเมจิคคิงส์ดอมตอนเช้า เป็นโรงแรมเรเนซองส์ จุดสังเกตสำคัญ
รีวิวนี้เน้นวิธีการเดินทางนะคะ สำหรับคนที่กำลังจะวางแผนไปเที่ยวด้วยตัวเอง
ป้ายรถเมล์ในเมือง Orlando ที่ป้าปล่อยไก่มาแล้ว.. อิอิ ไปยืนรอรถเมล์บนป้ายที่จอดเฉพาะรถราง…
กว่าจะรู้ว่าป้ายรถเมล์มันจะแยกกับป้ายจอดของรถรางสายปรารถนา.. เฮ้อ…
ต้องคอยดูนะ ว่าเรารอรถอะไรอยู่ ถ้ารอรถเมล์ ต้องมีป้ายสีขาวมีรูปรถเมล์อยู่ข้างในวงกลมแบบนี้อยู่ด้วย และดูว่าสายนั้นมีอยู่บนป้ายหรือเปล่า
ถ้ามีป้ายขาวเดี่ยวๆ แบบนี้ แปลว่า ป้ายนี้จอดแค่รถเมล์อย่างเดียว แต่รถรางจะไม่จอด ถ้าป้ายจอดรถรางจะมีสีเหลืองๆ เป็นเหลี่ยม เหมือนรูปข้างบน
และมีหมายเลขป้ายด้วย แต่ถ้าตรงไหนมีทั้งสองป้ายสัญลักษณ์นี้ ก็แปลว่า จุดนั้นจอดทั้งรถเมล์และรถราง
มีสองอันแบบนี้แปลว่า รถเมล์และรถราง จะจอดที่ป้ายนี้ได้
เมื่อจะถึงป้ายที่เราจะลง สามารถบอกคนขับด้วยการดึงลวดที่ห้อยอยู่ตรงหน้าต่างรถแทบรอบคัน ดึงลงมาเบาๆ
แต่บางคันไม่มีลวด ให้แตะแผ่นเหลืองๆ นี่แทน เป็นสัญญาณบอกคนขับให้จอด รถแต่ละคันอาจแตกต่าง เวลาขึ้นรถก็ให้คอยมองดูคนอื่น
ว่าเขาทำไงที่จะบอกคนขับให้จอดป้าย ถ้าไม่รู้จริงๆ ก็ถามผู้โดยสารที่นั่งใกล้ๆ นั่นแหละค่ะ
รถเมล์สาย 50 จะไปสุดทางที่ศูนย์ต่อรถของดิสนีย์ จากจุดนี้เราจะเดินทางไปสวนสนุกได้ทั้งสี่แห่ง ถ้าไม่ได้ขับรถมาเอง ทุกคนก็ต้องมาเริ่มทีจุดนี้
เมื่อเราลงรถเมล์ที่ตรงไหน ขากลับก็ให้มารอรถเมล์ตรงนั้นค่ะ ดูด้วยว่ารถมันวิ่งถึงกี่ทุ่ม ไม่งั้นได้นั่งแท็กซี่อ่วมแน่ ถ้าเผลออยู่ดึก.. อิอิ
ขากลับเข้าเมือง ที่รอรถเมล์สาย 50 จะอยู่ที่ป้ายหมายเลข C 29 หมายเลขป้ายแปะไว้บนพื้นเลยค่ะ
ลงรถเมล์แล้วเดินเข้าไปนิด ก็จะเจอกับรถไฟโมโนเรียล ที่เราต้องขึ้นเพื่อเดินทางไปสวนสนุก เมจิคคิงส์ดอม
และใกล้ๆ กัน ก็เป็นรถไฟไปสวนสนุกเอปคอท อย่าขึ้นผิดคันนะคะ ดูป้ายด้วย คิวยาวๆ นั่นแหละ ที่จะไปเมจิคคิงส์ดอม
แต่ถ้าจะไปสวนสนุกอันอื่น นอกเหนือจากเอปคอท ก็ต้องไปเริ่มต้นที่เมจิคคิงส์ดอมค่ะ แล้วค่อยไปต่อรถบัสที่นั่น
ไม่ว่าจะไปสวนสนุกไหน ก็ต้องมาขึ้นรถลงเรือที่จุดนี้
ยกเว้นขับรถมาเอง ก็ไปจอดที่หน้าสวนสนุกนั้นๆ ได้เลย เสียค่าจอดวันละ 20 ดอลลาร์ ราวๆ เจ็ดร้อยบาทต่อวัน..
ค่าเช่ารถประมาณวันละ 50 + ดอลลาร์ขึ้นไปโดยเฉลี่ย (ราวๆ สองพันบาท) สำหรับรถสภาพดี บวกค่าจอด… รถเมล์ดีกว่าเห็นๆ
ถ้าคิวรถไฟยาวมากจนท้อ ก็มีทางเลือกอื่น ด้วยการขึ้นเรือเฟอร์รี่ไปเมจิคคิงส์ดอม นั่งสบายลมเย็นๆ แต่ถ้าเคยฟังข่าวเมื่อสักสองปีก่อน
อาจมีตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะบริเวณริมบึงแห่งนี้เมื่อสองปีที่แล้ว มีจระเข้ขึ้นมางาบเด็กสองขวบที่นั่งเล่นอยู่บนริมน้ำแล้วเอาเท้าแกว่งน้ำเล่นอยู่
พ่อแม่ก็อยู่ใกล้ๆ ช็อคมาก พ่อแม่กระโดดลงไปช่วยแต่ก็ไม่สำเร็จ เรื่องเศร้าจริงๆ ถ้ามาเที่ยวฟลอริด้านะ เห็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่ไหน อย่าคิดว่าปลอดภัย ให้ระแวงไว้ก่อนว่าอาจมีจระเข้แฝงตัวอยู่ในนั้น
ทางไปขึ้นเรือเฟอร์รี่
นั่งเฟอร์รี่ผ่านรีสอร์ทของดิสนีย์ ที่มีข่าวว่าจระเข้คาบเด็กลงไป อดสยองมิได้..
ราคาค่าเข้าดิสนีย์ ของศูนย์ Information Center บนถนน International Dr. ณ เดือนมีนาคม 2017
ซื้อที่นี่เหมือนจะมีส่วนลดนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าไปซื้อตั๋วที่หน้าสวนสนุก เพราะที่นั่นคิวจะเยอะ เสียเวลาเที่ยว
ป้าเลือกแบบ สี่วัน ได้แถมฟรีหนึ่งวัน ราคา 372.75 ดอลลาร์ คูณเงินไทยด้วยเรท 35 บาท ก็ประมาณ 13,000 บาท ต่อห้าวัน พอไหว
และซื้อหลายวันแบบนี้ จะไปเที่ยวสวนสนุกได้ทั้งสี่แห่งของดิสนีย์ คือ เมจิคคิงส์ดอม, เอปคอท, ดิสนีย์ฮอลีวู้ดสตูดิโอ และ แอนนิมอลคิงส์ดอม ตั๋วเดียวเที่ยวได้ทั่ว แต่จะเข้าได้วันละสวนสนุกเท่านั้น ไม่สามารถวิ่งรอกไปหลายที่ได้ในหนึ่งวัน
แค่สวนเดียว ก็แทบตายแล้ว แต่ละวันป้าเดินเป็นสิบกิโล สองวันแรกเกือบตาย เดินไปท่องไป ยุบหนอพอหนอทุกย่างก้าว
พอวันที่สี่ที่ห้า ไม่ต้องคิดเลยค่ะ แค่มองจุดหมายเท่านั้น ลืมไปเลยว่าต้องปวดขา… ฮ่าๆๆๆ
ตั๋วแบบวิ่งรอกได้ ไปได้ทุกสวนสนุกในหนึ่งวันก็มีให้เลือก แต่ราคาจะแพงกว่า ป้าว่าแบบนี้เสียเวลาเดินทางไปนะ คิวขึ้นรถไม่ใช่น้อยๆ
ถ้าซื้อตั๋วเข้าแบบวันเดียวที่หน้าสวนสนุก ราคาประมาณ ร้อยกว่าดอลลาร์นิดๆ เล่นเครื่องเล่นทุกอย่างฟรีเหมือนกัน คิวมหาศาลล้านแปดทุกวัน….
ตั๋วผ่านประตูทุกชนิดของดิสนีย์ เมื่อเข้าไปในสวนสนุกแล้ว สามารถเล่นเครื่องเล่นทุกอย่างได้ฟรี ไม่ต้องมีการจ่ายเงินอีกต่อไป
เสียแต่ต้องรอคิวนานแค่นั้นแหละ เลยมีตั๋วอีกอย่างที่ต้องจ่ายเพิ่ม สามารถจองคิวเครื่องเล่นตามเวลาต้องการได้แต่ต้องไปทำการจองเวลาอีกทีในดิสนีย์
ชนิดของตั๋วที่ป้าซื้อ สามารถไปจองคิวแบบเร่งรัด ได้วันละสามเครื่องเล่นเท่านั้น เพราะไม่ได้ซื้อตั๋วแบบลัดคิวได้ทุกเครื่องเล่นที่ต้องจ่ายแพงกว่า
ถ้าซื้อตั๋วชนิดหลายวัน เมื่อเราใช้ไปแล้ววันแรก วันต่อๆ ไปที่เหลือ ก็ต้องเป็นคนเดิมใช้ เราไม่สามารถให้คนอื่นใช้ได้อีก
จะมีการตรวจสอบจากพนักงานตอนผ่านเข้าประตู ด้วยเครื่องแสกนลายนิ้วมือ.. แว๊กกกกกก…
ต้องเอาตั๋วไปจ่อตรงหัวกลมๆ พร้อมกับเอานิ้วมือ นิ้วไหนก็ได้ ไปแปะไว้ที่เครื่องแสกน หมดสิทธิ์เวียนตั๋วใช้
พักโฆษณาก่อนนะคะ เรื่องการเดินทางเยอะ เดี๋ยวคนที่ยังไม่ได้คิดจะไป จะตาลายเสียก่อน.. อิอิ
มาชมบรรยากาศภายใน เมจิคคิงส์ดอม หรือ ดิสนีย์เวิร์ล ในความคิดของคนหลายคน สวนสนุกอันนี้เจ๋งสุดแล้ว มีเครื่องเล่นมากมาย
นี่ไปตอนต้นเดือนมีนาคมนะ ไม่ใช่ปิดเทอม แต่คนเยอะขนาดนี้ทั้งสวนสนุก
มุมมหาชน ไม่มี ไม่ถึงดิสนีย์นะ.. อิอิ
จะมีการแสดงโชว์บนถนนในดิสนีย์แบบนี้ วันละหลายรอบ ใครอยากดูก็ตรวจเช็คเวลาได้ในแผ่นพับ
รูปสดๆ จากกล้องเลย ปรกติป้าต้องไปแปะชื่อในโฟโต้ช้อปก่อน แต่งโน่นนิดนี่หน่อย แล้วย่อรูป เดี๋ยวนี้ขี้เกียจชะมัด
มักง่ายสุดๆ เอารูปดิบๆ มาลงเฟซบุ๊คให้มันย่อรูปอัตโนมัติ แล้วค่อยเอารูปมาเข้าแฟ้มรอรีวิวเลย… อิอิ
อาคารร้านค้า ร้านอาหารในดิสนีย์ สวยๆ ทั้งนั้น แค่ถ่ายรูปกับตึกพวกนี้ ก็หมดเวลาเล่นอะไรแย้ววว…
ข้างในดิสนีย์ ทุกอย่างแพงมาก แต่โชคดีที่เขาอนุญาตให้เราเอาอาหารไปทานเองได้ ถ้าไม่ขนไปมากจนน่าเกลียด ระดับยกตู้เย็นไปเอง
รับรองว่าอาหารและน้ำผ่านเข้าไปได้สบายค่ะ ป้าไม่เคยซื้ออะไรที่นั่นกินเลย ยกเว้นวันที่ไปฮอลีวู้ดสตูดิโอ ต้องการแบ๊งค์ดอลลาร์ขึ้นรถเมล์
เลยจำใจซื้อไอติมแท่งละห้าดอลลาร์มากิน (เกือบสองร้อยบาท) เพราะจะเอาตังค์ทอน…ฮือๆๆๆ
คนรุ่นไหนก็มาเที่ยวได้ค่ะดิสนีย์ ไม่ต้องมีเด็กมาบังหน้าเลย แก่ๆ ไม่ว่ารุ่นไหนนะ พอผ่านเข้าประตูไป อายุเหลือกันแค่สิบขวบเท่านั้น…
เครื่องเล่น สาวน้อยตกน้ำ.. ฮ่าๆๆ ตั้งชื่อเองเลย จริงๆ มันชื่อ Splash Mountain
ป้าก็ไม่ได้ลองนั่งเครื่องเล่นทุกอันนะ ไม่ไหวคิวยาวเกิน แต่คิดว่าเครื่องเล่นทุกอันแม้จะมีหวาดเสียวบ้าง แต่ก็เพียงเล็กๆ
ทุกคนในครอบครัวเล่นได้หมด ถึงบางอันจะเป็นรถไฟเหาะก็เหาะแบบขำๆ
แผนที่ดิสนีย์ที่แจกในแผ่นพับ วางแผนเที่ยวได้เลย จะไปจุดไหนก่อนหลัง
เครื่องเล่น Big Thunder Mountain Railroad สงสัยอันนี้จะฮิตมาก คิวยาวจนท้อ ป้าเลยอดเล่น
ที่เห็นคนยืนๆ อยู่ กำลังเข้าคิวกันทั้งน้านนน..
แต่อันนี้อาจจะหวาดเสียวมากหน่อย เลยมีป้ายเตือนไว้ว่า ถ้าใครสุขภาพไม่ดี มีปัญหาโน่นนี่ ก็ห้ามเล่น
จริงๆ แล้ว เครื่องเล่นของดิสนีย์ ไม่ได้แตกต่างหวาดเสียวมากไปกว่าสวนสนุกที่อื่นเลย แต่สิ่งที่ทำให้มันโดดเด่น
คือ สภาพแวดล้อมของเครื่องเล่นนี่แหละ ที่จะจัดตกแต่งให้ดูเหมือนของจริงมาก ซึ่งของพวกนี้ต้องใช้ทุนสร้างมหาศาล
มี แพ ให้ข้ามไปเกาะของทอมซอเยอร์ ที่จัดรูปแบบเกาะเหมือนในนิยายเด็กคลาสสิคของคนอเมริกัน สร้างเสริมจินตนาการให้ชัดเจน
แต่อย่าลืมนะ มีน้ำธรรมชาติ อาจมีจระเข้ และงูพิษ.. แว๊กกกกก เห็นป้ายแล้วอดหยดหยองไม่ได้
มีกังหันแบบโบราณให้ดูอย่างใกล้ชิด
ฟันเฟืองการทำงานของกังหัน
บนเกาะของ ทอม ซอเยอร์ ไม่มีอะไรมาก นอกจากบรรยากาศแบบค่ายทหารสมัยก่อน
อยู่บนเกาะ แสนเงียบสงบ พอขึ้นบก.. กรี๊ดดดดดดด….
ตึกสีอิฐซ้ายมือ เป็นบ้านผีสิง คิวนานพอได้ ดีว่าไม่ต้องเดินชมข้างในเองนะ ได้นั่งบนรถแล้วมันเลื่อนไปเอง
ถึงตรงไหนที่มันหยองมากๆ ป้าก็หลับตา แค่นี้ก็ไม่มีใครทำร้ายจิตใจเราได้แล้ว..ฮ่าๆๆๆ
ถ้าเป็นคนชอบถ่ายรูป เดินถ่ายอย่างเดียวไม่ได้เล่นเครื่องเล่นอะไรเลย วันเดียวก็แทบจะไม่พอ
อยากนั่งพรมวิเศษของอาลาดินมั่ง
ใกล้ๆ กัน มีเจ้าหญิงจัสมินและอาลาดินมาคอยให้ถ่ายรูปด้วย
มีบ้านต้นไม้ให้ปีนป่าย
ห้องนั่งเล่นบนต้นไม้
ห้องนอนของบ้านบนต้นไม้
จะมีตัวการ์ตูน มายืนรอให้เราไปเข้าคิวถ่ายรูปอยู่หลายจุดในดิสนีย์
สนามนักแข่งน้อย
ลืมบอกค่ะ ถ้าเรามีสิทธิใช้บัตรลัดคิว ถ้าซื้อตั๋วห้าวันแบบที่ป้าซื้อ จะมีสิทธิลัดคิวเครื่องเล่นสามอันในหนึ่งวัน
แต่ต้องไปจองคิวก่อน กำหนดเวลาว่าเราจะไปตอนไหน ต้องไปจิ้มเครื่องที่ในอาคารหน้าตาแบบนี้ค่ะ คงมีที่อื่นอีกแต่ป้าไม่ได้ถามพนักงาน
ก่อนจะไปจองคิว ต้องรู้ก่อนว่าเราจะเล่นอะไรบ้างจะได้เลือกเวลาถูก และควรดูด้วยว่าสถานที่เล่นแต่ละอันอยู่ห่างกันแค่ไหน
ใช้เวลาเดินเท่าไรกว่าจะไปถึง จะได้จองถูก และต้องไปจองตอนเช้าๆ ด้วย ไม่งั้นโดนคนอื่นจองตัดหน้าไปจนเต็ม ก็อดนะคะ
อาคารนี้มีเครื่องให้จองคิว อยู่ด้านหลังปราสาทที่เป็นสัญลักษณ์ของดิสนีย์ เดินทะลุปราสาทมาแล้วจะอยู่ซ้ายมือ อยู่ใกล้กับม้าหมุน
จะไปเที่ยวดิสนีย์ ต้องร่างกายแข็งแรงนะ ไม่งั้นเข้าไปก็นั่งเจ่าจุกอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่ง ไม่คุ้ม แต่มีรถเข็นผู้ใหญ่ให้เช่าแบบขับเคลื่อนเองได้ด้วย
ไม่รู้วันเท่าไร น่าจะเป็นพันบาทขึ้นไป ถ้าเดินเองไม่ได้ก็ต้องยอมเสียตังค์ล่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว
ดิสนีย์ เมจิคคิงส์ดอม มีมุมน่ารักให้ถ่ายรูปมากๆๆๆ ถ้ามาเที่ยวครั้งแรกรับรองตื่นเต้นไม่ผิดหวัง ขนาดป้ามาเที่ยวที่นี่เป็นครั้งที่แปด
แต่เจ็ดครั้งก่อน มันก็กว่าสิบปีมาแล้ว ยังตื่นตาตื่นใจยกกล้องส่องทั้งวันลืมเมื่อยเลยค่ะ รูปเยอะ เอามาลงรีวิวแค่พอให้เห็นเป็นไอเดียเนอะ
เดี๋ยวนี้ขี้เกียจทำรีวิวม้าก แต่ตอนหาข้อมูลก่อนจะไป มันหาไม่ค่อยเจอในเรื่องการเดินทาง เลยต้องบังคับตัวเองทำตัวให้เป็นประโยชน์สักหน่อย
เพื่อตอบแทนคนรุ่นก่อนๆ ที่ลงข้อมูลไว้ให้ดูด้วยค่ะ ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามานะคะ บายๆๆๆ
ขอบคุณรีวิวน่ารักๆ จาก ป้าฟู (Pra Foo) Guest สุดพิเศษสังกัด Pantip จากกระทู้ https://pantip.com/topic/36218408 ที่มามอบประสบการณ์จัดเต็มแบบนี้
ระดับความน่าไป : ☆☆☆☆☆