Mushroom Travel

กินแบบประหยัด 15 วันในญี่ปุ่น จะกินอะไรได้บ้างนะ?

ปกติแล้วจะพาไปเที่ยวซะเป็นส่วนใหญ่ แต่วันนี้จะพาไปดูไปกินแต่อาหารล้วนๆ เพราะมีรีเควสเรื่องอาหารการกินกันเข้ามาเยอะครับ
ไม่ค่อยถนัดรีวิวอาหาร แต่ก็จะรีวิวไปตามความรู้สึกละกันนะครับ อาจจะออกแนวชิมไปบ่นไปบ้าง มาดูกันว่าความตั้งใจที่อยากเที่ยวแบบประหยัด กินแบบประหยัด แต่จะไม่ยอมอดขนม ในดินแดนที่ค่าครองชีพ “โดยเฉพาะอาหาร” ที่แพงแสนแพงอย่างประเทศญี่ปุ่น จะทำให้ผมกินอะไรบ้าง มาดูกันว่าอาหารที่ผมได้รับประทานในทริปนี้ จะมีอะไรกันบ้าง ดีบ้าง, ร้ายบ้าง และอาจจะไม่มีเนื้อหาสาระอะไรมากนะครับ ^^
          สำหรับข้อมูลร้าน อาจจะลืมหรือมั่วๆไปบ้าง เพราะไม่ได้จดไว้ แต่สัญญาว่าจะพยายามมั่วให้เนียนที่สุด (อ้าว ไปบอกเขาอีก -*-)

คำเตือน
1. ความอร่อย หรือความขากตุ๋ยยยยของอาหารแต่ละชนิดในบทความนี้ มาจากความรู้สึกและความเชื่อส่วนบุคคลทั้งหมด ดังนั้นโปรดใช้มะม่วงหิมพานต์ในการรับชม
2. ถ้าคุณกำลังหิว เราขอเตือนว่า อย่าเลื่อนชมต่อ ถ้าไม่อยากทำร้ายตัวเอง 55+ (เราเตือนคุณแล้วนะ)


ผมจะรีวิวโดยแบ่งออกเป็น 10 หมวด เรียงลำดับเองอีกเช่นกัน ตามนี้ครับ

1. ซูชิ / ซาชิมิ

“มาญี่ปุ่นแล้วไม่ได้ทานซาชิมิ ไม่ได้ทานซูชิ ก็คงเหมือนมาไม่ถึงญี่ปุ่น”
เอโดงาว่า โคนัน ไม่ได้กล่าวไว้ แต่ผมกล่าวเอง …. (แล้วจะพูดทำไม -*-)

จะสารภาพเลยว่าเป็นคนชอบซูชิและซาชิมิมาก ถึงขนาดที่ว่าอยากกินแทบทุกวัน แต่การที่จะกินซูชิและซาชิมิตามร้านอาหารทุกวันก็เกรงว่าอาจทำให้เราไม่เหลือเงินกลับประเทศได้ ดังนั้น….“ผมจึงเลือกตกมามาทานเองครับ”

เริ่มตั้งแต่ซื้อเรือกันเลย เบ็ดตกปลาก็ต้องซื้อ แล้วก็จัดการแล่เนื้อสดๆตรงนั้นเลย พูดเลยว่าความสดนี่…สุดยอดมาก ละลายเลยในปาก อ่าาาาาาา

555……
เชื่อผมหรอ….ใช่ที่ไหนเล่า!!!! อย่าตลกพร่ำเพรื่อสิ – – “

แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่ได้กินเมนูโปรดของผมหรอกนะครับ เพราะผมเลือกซื้อซูชิและซาชิมิจากร้านค้าท้องถิ่นที่ลดราคาหลัง 2 ทุ่ม ถึงความสดจะลดลงไปบ้าง แต่ก็ลดลงในระดับที่เซลล์รับลิ้นระดับจระเข้ของผมไม่ได้รู้สึกอะไร
ซุปเปอร์และร้านท้องถิ่นโดยส่วนใหญ่จะมีการแปะป้ายลดราคาตอนค่ำๆอยู่แล้ว เรียกว่ายิ่งดึกยิ่งถูกครับ (แต่ถ้ารอดึกมากของจะถูกคนอื่นสอยไปจนหมดซะก่อน)
ผมมีตัวอย่างมาให้ดูกันด้วย
อย่างชิ้นนี้ แปะป้ายลดราคา 20 % (ป้ายบน) ตอนประมาณสองทุ่ม แต่พอสามทุ่มก็มาแปะลดราคาอีกรอบเป็น 40 % (ป้ายล่าง และปิดทับป้ายบน) แบบนี้เป็นต้นครับ

ดังนั้น ผมก็เลยสามารถกินซูชิทั้งเซ็ตนี้ได้ในราคา เพียง ร้ อ ย ก ว่ า บ า ท เท่านั้น!!!

หน้าข้าวก็มี….

ซาชิมิเพียวๆก็มา…

ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถซื้อได้ในราคาเพียง 100-120 บาท เท่านั้น !!!!

คำเตือน มีบางร้านที่ไม่ยอมแถมโชยุ หรือบางร้านต้องขอโชยุที่เคาเตอร์เอง
วิธีแก้ไข มีวันนึงผมมารู้ตัวอีกทีก็ตอนดึกแล้ว คืนนั้นก็เลยได้กินซาชิมิเปล่าๆอย่างไม่มีทางเลือก แต่ยังดีที่มันสดเลยเนื้อหวานอยู่ และจากประสบการณ์นี้เลยทำให้ผมคิดว่าต้องซื้อโชยุขวดเล็กจากร้าน 100 เยน พกติดตัวไว้…ชะช่าาาา คราวนี้ไม่กลัวแล้ว ใครไม่แถมก็ช่าง

แต่จะให้กินซูชิลดราคาตลอดมันก็ยังไงๆอยู่ เพราะบางครั้งอยากได้บรรยากาศในการกินด้วย ก็ไปกินที่ร้านครับ ทั้งร้านซูชิจานเวียนและไม่เวียน แต่การมากินที่ร้านท้องถิ่นแบบนี้มันก็มีความเงิบเหมือนกัน นั่นก็คือ เวลาสั่งต้องสั่งกับพ่อครัว และปกติเป็นคนที่กินเป็นอย่างเดียวครับ สั่งไม่เป็น ถ้าจะให้จิ้มสั่งมั่วๆก็คงจะไม่ถูกใจอีกก็เลยพกตัวช่วย แบบพาเพื่อนญี่ปุ่นไปช่วยสั่งให้ด้วย
ป.ล. ร้านท้องถิ่นบางร้าน จะใช้วาซาบิที่เข้มมากถึงมากที่สุด นั่งน้ำตาไหลกันทั้งคู่เลย ชีวิตดราม่าสินะ ฮาาาาาาาาาาาาา…..

คนญี่ปุ่นสองคนด้านหลังดูจะงงกับเมนูยิ่งกว่าผมอีก ฮ่าาา

สรุปหมวด ซูชิ / ซาชิมิ

ข้อดี             :    ถูก หากินง่าย รสชาติดี (แล้วแต่ดวง)
ข้อเสีย         :    ความสดลดลง และต้องกินกลางคืน (อ้วนดิ)
ความอร่อย  :    4 ดาวครึ่ง

 

2. ขนมฝรั่ง

สงสัยบ้างมั้ยว่า ไปญี่ปุ่นทั้งที ทำไมต้องกินขนมฝรั่ง
เออออ…นั่นสิ
ก็มันน่ากินอ่ะ…

ร้านขนมฝรั่งในญี่ปุ่นมีเยอะมาก แน่นอนราคาบางอย่างก็แพง บางอย่างก็ไม่ แต่…เท่าที่เห็น คือส่วนใหญ่มันแพง ซึ่งผมไม่มีหลักการการเลือกอะไรที่เป็นพิเศษ ประมาณว่า เจออะไรที่น่ากิน และราคาหน้าตู้ไม่แพง ก็สอยกลับมารับประทานได้ แค่นั้น !!

แต่….มีบางร้านที่ ราคาไม่ดึงดูด แต่คนขายน่ารัก ก็เสียตังส์เฉยเลย – -“

 

 

 

สำหรับเครปที่จิยูงาโอกะร้านนี้ รสชาติดีนะครับ อร่อยคอนเฟิร์ม

สิ่งนี้คือ ชีสเค้ก 230 เยน กับแอ๊ปเปิ้ลพาย (ราคาจำไม่ได้) ร้านอยู่ในนัมบะโอซาก้า

เรื่องน่ายินดีก็คือ ถ้าไปช่วงเทศกาล อาจจะได้รีบขนมมากินแบบฟรีๆ ซึ่งเคสนี้มาพร้อมกับดวงของแต่ละท่านครับ
อย่างเช่น ช่วงที่ผมไปเป็นเทศกาลฮัลโลวีน ก็เจอปีศาจสาวที่อุทสึโนะมิยะ มายืนแจกเจ้านี่อยู่
ของฟรีรับได้หมดครับ ไม่ปริปากบ่นสักคำ

สรุปหมวด ขนมฝรั่ง

ส่วนตัว ผมไม่ได้เป็นคนที่ชอบกินเค้กสักเท่าไหร่ แต่ที่ซื้อกินเพราะ อดทนต่อความยั่วยวนไม่ไหว เลยต้องซื้อกินบ่อยๆ ที่ว่ายั่วยวนนี่คือขนมนะครับ ไม่ใช่คนขาย
ข้อดี             :   หน้าตาน่ากิน ถ้าซื้อกลับบ้านก็จะห่อให้ด้วยแพคเกจที่สวยงาม และส่วนใหญ่รสชาติจะ
ไม่หวานมาก
ข้อเสีย         :   ราคาแพง มีขายเยอะทุกที่ทุกทาง ไม่รู้ร้านไหนอร่อยไม่อร่อย
ความอร่อย  :  3 ดาวครึ่ง

3. ไอศกรีม

ผมเป็นคนชอบทานไอติมมาก โดยเฉพาะซอฟท์ครีม
แต่……ซอฟท์ครีมญี่ปุ่นแพงมาก
อย่างเช่น อันเล็กที่เมืองไทยขาย 10 บาท ที่ญี่ปุ่นขาย 300 เยน (90กว่าบาท)
สรุปคือ ซื้ออันใหญ่ที่ญี่ปุ่นอันนึงสามารถซื้ออันเล็กที่เมืองไทยได้ 9-10 อัน
อืมมมม…..

ถึงแม้ว่าอากาศในญี่ปุ่นจะหนาวเหน็บสักเท่าไหร่ แต่เราก็ยังเสียทรัพย์กินซอฟท์ครีมที่ญี่ปุ่นอยู่ร่ำไป
ยิ่งถ้าเป็นซอฟท์ครีมของท้องถิ่น ที่เอาของขึ้นชื่อมาทำด้วยแล้วล่ะก็…
ราคาอาจจะพุ่งสูงถึง 500 เยน (150กว่าบาท) เลยทีเดียว

ส่วนที่ถูกที่สุดเท่าที่เคยเจอ (ไม่นับรวมแมคโดนัลด์) ราคาจะอยู่ที่ 230 เยน แต่เป็นรสชาตินมเปล่าๆ ประมาณว่าหากินแถวบ้านเอาก็ได้ – -”
นี่คือ ซอฟท์ครีมรสนมผสมถั่วเหลืองและเต้าหู้ ฟังดูแล้วเหมือนจะไม่อร่อย แต่อร่อยนะเออ….
ใครอยากลองกิน หาได้ที่นิกโก้ครับ

ส่วนโคนนี้เป็นรสชาติปลาชิราสุ ผสมมันม่วง ฟังแล้วไม่น่าจะอร่อยใช่มั้ย ใช่ครับ มันไม่อร่อยจริงๆด้วย
ลองได้นะครับ ที่เอ็นโนะชิมะ

มาดูแบบหยอดตู้กันบ้าง แท่งนี้ รสมินท์ ราคาถูกลงมาหน่อย 120 เยน อร่อยดีนะ

อันนี้อร่อยครับ เป็นไอศกรีมชาเขียว ในแป้งชูครีมกรอบๆ เรียกว่า “ชูว์ไอซ์” ลองหากินได้ที่ทางขึ้นวัดคิโยมิสึเดระ

ส่วนแท่งนี้เป็นไอศกรีมสำหรับคนถังแตกครับ เอาไว้กินให้หายอยากเฉยๆ รสชาติแบบเฉยๆ หาซื้อได้ตามร้านทั่วไป
ราคาประมาณ 60-70 บาท (แต่ละร้านราคาไม่เท่ากัน)

สรุปหมวด ไอศกรีม

ข้อดี  : อร่อย เข้มข้น ชอบอ่ะ   ข้อเสีย  : แพง และหนาว (แนะนำให้กินหน้าร้อน ฮ่าาา) – -”  ความอร่อย :  4 ดาว

4. ร้านอาหารชุดราคาประหยัดที่เติมข้าวได้

เรียกได้ว่าเป็นอาหารมื้อหลัก สำหรับชนชั้นกรรมกรที่อยาก กินแบบประหยัด เช่นเรา เพราะนอกจากราคาจะไม่แพงแล้วยังเติมข้าวได้ไม่อั้น อีกด้วย ร้านแบบนี้มีหลายยี่ห้อเหมือนกันนะครับ แต่ที่ดังก็เช่น Yayoiken ส่วนใหญ่จะอยู่ตามสถานีรถไฟต่างๆ ผมมักจะกินอาหารที่ร้านแบบนี้เป็นมื้อเช้า ที่ กินแบบประหยัด แถมจัดหนักไปเลย เพราะอยู่ได้แทบทั้งวัน 55+ และระหว่างวันก็กินขนมไร้สาระตามทางกันไป ส่วนวิธีสังเกตว่า ร้านไหนสามารถเติมข้าวได้ ให้สังเกตจากหม้อข้าวที่ตั้งอยู่ด้านนอกร้านได้เลยครับ 

ชุดนี้ 580 เยน

สรุป หมวดร้านอาหารชุดราคาประหยัดที่เติมข้าวได้

ข้อดี             :     ถูก, อิ่ม, เติมข้าวได้
ข้อเสีย         :     ไม่เหมาะกับการกินตอนกลางคืน (อ้วน)
ความอร่อย  :     3 ดาวครึ่ง

5. ขนมท้องถิ่น

ส่วนตัวแล้วผมจะเป็นคนเฉยๆกับขนมญี่ปุ่นมาก เพราะถึงรูปลักษณ์มันจะสวยแค่ไหน แต่พอกัดเข้าไปมันก็มีแต่ถั่วกับแป้ง (เรื่องของเรื่องคือผมไม่ชอบ ถั่วแดง -*-) แต่จะบอกว่าไม่ชอบขนมแบบนี้ซะทีเดียวก็ไม่ใช่ เพราะขนมญี่ปุ่นที่ผมชอบมากก็คือ ซากุระโมจิ + ถั่วแดง + ชาเขียวขมๆ
ถ้าแยกส่วนออกมาแล้ว ใบซากุระโมจิมันก็ฝาดๆ, ถั่วแดงก็หวานเลี่ยนมาก ส่วนชาก็ทั้งฝาดทั้งขม แต่ไม่รู้ทำไมพอมากินรวมกันแล้วมันเข้ากันสุดๆ อ่าาาา นี่ชั้นเกิดมาเพื่อเจ้านี่ จริงๆหรอเนี่ย
                          ชุดนี้ที่อาราชิยามะ นั่งกินบนเสื่อ เข้ากั๊นเข้ากันราคาราวๆชุดละ 600 เยน

สรุป หมวดขนมท้องถิ่น

ข้อดี            :    รสชาติญี่ปุ๊น…ญี่ปุ่น
ข้อเสีย         :   ต้องกินรวมกันเท่านั้น รวมกันอร่อยอยู่ แยกหมู่รสชาติขากตุ๋ย
ความอร่อย  :   5 ดาว (เฉพาะเมนูนี้)

6. อาหารข้างทาง

นี่เป็นการกินแบบตามใจของผมล่ะครับ เอาแน่เอานอนไม่ได้ บางอย่างก็อร่อย บางอย่างก็ไม่อร่อย แล้วแต่ดวงจะเจอนี่คือ มันฝรั่ง+ข้าวโพด+เนย ที่วัดอะสะกุสะลักษณะคือเป็น มันก็คือมันฝรั่งโปะเนย แล้วใส่ข้าวโพดธรรมดาๆนั่นแหล่ะ ราคาร้อยกว่าบาท แต่ด้วยบรรยากาศอะไรแถวนั้น มันก็เลยได้บรรยากาศงานวัดญี่ปุ่นไปด้วย ก็เลยพอจะไหวอยู่
ส่วนอันนี้เป็นโคะโระเกะครีมกุ้ง ที่อุทสึโนะมิยะ 1 ชิ้น ราคา 105 เยน
อร่อยมาก ละลายในปากเลยยยย

ต่อกันด้วยลูกชิ้นปลาที่อะระชิยามะ อันนี้เฉยๆนะ ราคา 300 เยน ผมว่าแพงไปหน่อยด้วย

นี่เป็นขนมโดราเอมอนที่อะสะกุสะ ข้างในก็คือถั่วกับแป้ง แป้งกับถั่ว เฉยๆอีกเช่นกัน
(ขนมโดราเอมอนจริงๆนะ ไม่ใช่โดรายากิ ฮ่าาา)

จริงๆผมเป็นคนชอบโดราเอมอนนะ แต่สำหรับโดรายากิเองก็ไม่เคยรู้สึกอร่อยเลย ทั้งหวานทั้งฝืดคอ แต่เวลาดูน้องม่อนกินอย่างอร่อยทีไร ก็รู้สึกอยากกินบ้างทุกที

สรุป หมวดอาหารข้างทาง

ข้อดี             :  ได้ของกินตามใจตัวเอง อยากซื้ออะไรก็ซื้อ
ข้อเสีย         :   อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้างแล้วแต่บุญแต่กรรม
ความอร่อย  :   3 ดาว

7. มื้อถูกที่สุด VS มื้อแพงที่สุด

อยากรู้มั้ยครับว่า ไปทริปประหยัดๆแบบนี้ มื้อที่แพงที่สุดของผมจะอยู่ที่ราคาเท่าไรกัน ?

มื้อที่แพงที่สุด คือ….เนื้อย่างที่โอซาก้า ใกล้กับสถานีนัมบะ เป็นร้านเนื้อย่างแบบไม่อั้น ราคารวมประมาณ 3000 เยน รถชาติอร่อยมาก** ตลกตัวเองมาก เพราะมีรูปมื้อถูกสุดเยอะมาก แต่ไม่มีรูปแพงสุดเลยสักใบ สงสัยมัวแต่ตื่นเต้นจนลืมถ่ายรูป -*-
มื้อที่ถูกที่สุด คือ….บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากร้านร้อยเยน เพราะว่าว่างมาก นั่งกินในห้องพัก ก็เลยถ่ายรูปไว้เยอะแยะเลย ที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะซื้อมา แต่เห็นมีภาษาไทย และด้วยสำนึกรักบ้านเกิดขึ้นมา ก็เลยซื้อมา แต่อ่านแล้วงงมาก สรุปมันรสอะไรกันแน่ (วะฮะ)

สรุป หมวดมื้อถูกที่สุด VS แพงที่สุด

ข้อดี            :   ของแพงก็อร่อยสมราคา ของถูกก็รสชาติสมราคาเช่นกัน
ข้อเสีย        :   อร่อยได้ตามกำลังทรัพย์
ความอร่อย :  เนื้อย่าง 5 ดาว, บะหมี่ 2 ดาวครึ่ง

8. อาหารขึ้นชื่อของแต่ละท้องถิ่น

ถึงแม้ว่าอาหารแบบนี้จะแพง…แต่เมื่อไปถึงแล้วก็ต้องลองกิน…จริงไหมครับ..?
ผมไม่ใช่คนประเภทที่ชอบหาข้อมูลว่า มีของอะไรขึ้นชื่อที่นี่ ซึ่งปกติก็จะถามที่ร้านเอาว่ามีอะไรแนะนำบ้างมั้ยมากกว่า ซึ่งผลลัพท์ที่ได้นั้น พบว่า บางอย่างก็อร่อย บางอย่างก็ไม่อร่อย ตามฟอร์ม -*-

สำหรับของอร่อยก็มี
ข้าวหน้าเกี๊ยวซ่าที่อุทสึโนะมิยะ เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องเกี๊ยวซ่า เราจึงเห็นเกี๊ยวซ่าเต็มไปหมด ไม่ใช่แค่มีเยอะแต่ยังอร่อยสมคำร่ำลือจริงๆด้วย ดังนั้น มื้อเย็นแค่มื้อเดียว ผมก็ตระเวณกินไปแล้วถึง 3 ร้าน เล่นกินจนพุงกาง แทบคลานกลับที่พักไม่ไหวเลยล่ะครับ ราคาก็ถูกใจด้วยนะครับ ราวๆ 380 เยน แค่นั้นเอง…
ส่วนนี่คือ โคะโระเกะมันม่วง ของขึ้นชื่อของเมืองคามาคุระ อร่อยแบบแปลกๆดีครับ

ยังอยู่กันที่โคะโระเกะ อันนี้เป็นของขึ้นชื่อของเกาะเอนโนะชิมะ เรียกว่า โคะโระเกะปลาขิราสุ
อร่อยมว๊ากกกกก (ก ไก่ ล้านตัว)

ต่อกันที่ ของร้อนๆ ซุปๆกันบ้าง “โซบะผักป่าที่ไซตามะ”รสชาติแบบ เอิ่ม…..น่ะครับ
สรุป หมวดอาหารขึ้นชื่อของแต่ละท้องถิ่น

ข้อดี           : ของขึ้นชื่อ มาถึงแล้วก็ต้องกิน เพราะมันหากินตามเซเว่นหน้าปากซอยไม่ได้
ข้อเสีย        : ราคาสูง บางอย่างอร่อย บางอย่างไม่อร่อย วัดดวงเช่นเคย
ความอร่อย : 3 ดาวครึ่ง – 4 ดาวครึ่ง

9. อาหารกินกันตาย

ขอเรียกเอาเองว่า อาหารสำหรับกินกันตาย เนื่องจากหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ส่วนใหญ่จะใช้กินเป็นมื้อเช้าเวลาที่ต้องออกเดินทางไกลๆ
ชิ้นแรกคือ ข้าวปั้น อารมณ์ปบบโยนข้าวปั้นลงเป้ก็พอมีชีวิตรอดต่อไปได้ ราคาประมาณ 90 เยน – 200 เยน
คาเรปัง หรือ ขนมปังไส้แกงกะหรี่ ราคา 80 เยน
เย็นๆ ชืดๆ ยังไงไม่รุ -*-

ข้าวปั้นไส้ปลามากุโระ หรือปลาทูน่านั่นเอง
จะบอกว่าใครไม่ถูกกับวาซาบิ แนะนำว่าอย่าซื้อนะครับ วาซาบิอย่างเยอะ กินไปน้ำตาไหลไปเลยทีเดียว

คิดว่า อันนี้ไม่ใครไม่รู้จักแน่นอน มันคือ โตเกียว บานาน่า

ของซื้อฝากคนอื่น แต่ขอแกะมากินกันตายก่อน 1 ห่อ รุ่นนี้เป็นรุ่นครีมคารามเมล ขายอยู่ที่ โตเกียวทาวเวอร์
จะต่างกับแบบหางแมว หรือว่าหางเสือ (ตามแต่จะเรียก) ที่เป็นรสช็อกโกแลต ที่วางขายที่โตเกียวสกายทรี

สรุป หมวดกินกันตาย

ข้อดี            :   กินกันตาย
ข้อเสีย        :   กินกันตาย
ความอร่อย :   2 ดาวครึ่ง

10. อาหารอื่นๆ

และแล้วก็มาจนถึงหมวดสุดท้าย (เริ่มขี้เกียจ) ความจริงไม่รู้ว่าจะไปรวมกับหมวดไหน ก็เลยรวมในหมดเดียวกันซะเลยส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่แรนด้อม ที่เดินมั่วๆเข้าร้านข้างทางนะครับ

เริ่มกันที่ ข้าวห่อไข่ที่โอไดบะครับ
รสชาติเฉยๆนะ แพงไปหน่อยด้วย แต่วิวดี และเจ้านี้เป็นร้านดังมีสาขาทั่วประเทศ

ต่อด้วย โซบะจัดหนักที่อิเคบุคุโร่ เป็นเซ็ทโซบะเย็น + ข้าวหน้าเท็มปุระ 2 อย่าง 780 เยนเท่านั้น ~~~
อร่อย อิ่ม แทบกินไม่หมด

ข้าวแกงกระหรี่ ทั้งโคโค่และร้านอื่นๆ อร่อยตามราคา ไม่ชอบกินโคโค่ที่เมืองไทยเลย รู้สึกว่ามันแพง
ที่กินที่ญี่ปุ่นได้ เพราะอะไรๆมันก็แพงอยู่แล้วก็เลยกินได้ ฮ่าาาาา

จานนี้ที่มิวเซี่ยมรถไฟ อันนี้ไม่อร่อยอ่ะ หวานมาก
แต่ต้องกินให้หมด เพราะเสียดายตังค์ หลังจากลองเมนูนี้แล้ว ก็ไม่อยากเมนูใดๆในมิวเซียมใดๆอีกเลย

ข้าวแกงกระหรี่ + ฮัมเบิร์ก ที่โอดาวาระ
รสชาติเฉยๆนะ แต่นั่งกินไปชมวิวทะเลไปได้ เลยบวกความอร่อยให้นิดนึง
(ทะเลก็ไม่ได้สวยอะไรเล๊ยยย แต่มันรู้สึกโดดเดี่ยวดี ชอบ 555+)

 

 

 

มอนจะยากิ เพื่อนชวนไปกิน เป็นแบบที่ต้องทำเอง ก็พอได้อยู่นะ แต่ไม่อิ่ม กินเสร็จต้องไปหาอย่างอื่นกินต่อ
รสชาติประมาณกระหล่ำปลีผัดแฉะๆจืดๆ แต่มันสนุกตรงได้ลองทำเองนี่แหล่ะ
(รึเพื่อนผมทำไม่อร่อยเองหว่า นินทาๆ) ราคาราวๆ 750 เยน

เดินมั่วๆเข้าร้านท้องถิ่นที่เมืองนาริตะคนเดียว
เมนูญี่ปุ่นยั๊วเยี๊ยะ สั่งเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยนะ
และด้วยความมั่วก็ได้เมนูนี้มา ราคาประมาณ 1,500 เยน แต่อร่อย คุ้มราคา
ค่าเฉลี่ยความอร่อย 4 ดาว

หวังว่าคง อิ่มหนำอ้วนพี สำราญกันทุกคนนะครับ

พูดคุย ไลค์เพจได้ที่  www.facebook.com/eaksummersnow

กินแบบประหยัด 15 วันในญี่ปุ่น จะกินอะไรได้บ้างนะ? was last modified: March 9th, 2016 by Editor.Mushroom Travel
Exit mobile version