มาปักกิ่งทั้งทีต้องไม่พลาด มาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของ “พระราชวังต้องห้าม” หรือ กู้กง หนึ่งในมรดกโลกแห่งประเทศจีนแดนมังกร ที่ไม่มีดีแค่ความยิ่งใหญ่อลังการเท่านั้น เพราะทุกพื้นที่ในพระราชวังล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรม อำนาจ และความรุ่งเรืองของราชวงศ์จีนในอดีต วันนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล อยากจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ พระราชวังต้องห้าม ให้มากขึ้น จะน่าเที่ยวขนาดไหน เดินทางไปยังไง มีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปหาคำตอบกันได้เลยยย
ทำความรู้จักพระราชวังต้องห้าม
พระราชวังต้องห้าม (The Forbidden City) หรือ “กู้กง” เป็นพระราชวังเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง อายุมากกว่า 600 ปี สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1406 โดยจักรพรรดิหย่งเล่อ (Yongle Emperor) จักรพรรดิองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์หมิง สาเหตุที่ได้ชื่อว่าพระราชวังต้องห้ามก็เพราะในอดีตเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ และเป็นศูนย์กลางการปกครองของประเทศ ประชาชนทั่วไปจึงไม่สามารถเข้าได้ แม้แต่ขุนนาง หรือราชวงศ์ ก็ได้รับอนุญาตให้เข้าได้เพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็น พิพิธภัณฑ์กู้กงแห่งชาติ (Palace Museum) และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้
ด้วยขนาดที่ใหญ่โตถึง 720,000 ตารางเมตร ทำให้ พระราชวังต้องห้าม เป็นพระราชวังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ภายในประกอบไปด้วยอาคารถึง 980 หลัง และห้องอีกเกือบหมื่นห้อง ใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมดนานถึง 14 ปี โดยช่างฝีมือกว่าแสนคน และคนงานอีกกว่าล้านคน การออกแบบตั้งแต่โครงสร้างไปจนถึงรายละเอียดทุกจุดประณีตงดงาม และทรงคุณค่ามาก จนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี ค.ศ. 1987 ใครสนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ หรืออยากชมความงามของสถาปัตยกรรมจีนโบราณ ต้องมาให้ได้เลย
จุดเช็กอินน่าสนใจในพระราชวังต้องห้าม
1. พระตำหนักไท่เหอเตี้ยน (The Hall of Supreme Harmony)
พระตำหนักไท่เหอเตี้ยน ถือเป็นศูนย์กลางของ พระราชวังต้องห้าม ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานส่วนนอก ถัดจากประตูไท่เหอ เป็นอาคารไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และสูงที่สุด ค้ำยันด้วยเสาไม้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร ถึง 72 ต้น ภายในมีบัลลังก์มังกรทองคำที่แกะสลักอย่างวิจิตร เป็นที่ประทับของจักรพรรดิ ในอดีตใช้เป็นที่สำหรับประกอบพิธีสำคัญต่างๆ เช่น พิธีฉลองการขึ้นครองราชย์, ฉลองวันพระราชสมภพ, พิธีอภิเษกสมรส เป็นต้น
2. พระตำหนักจงเหอเตี้ยน (Hall of Central Harmony)
พระตำหนักจงเหอเตี้ยน เป็นหนึ่งใน 3 ตำหนักใหญ่ของ พระราชวังต้องห้าม มีขนาด 580 ตารางเมตร ตั้งอยู่ระหว่างพระตำหนักไท่เหอเตี้ยน กับพระตำหนักเป่าเหอ ห้องโถงที่มีลักษณะเป็นศาลา ภายในมีบัลลังก์ที่มีสัตว์ในตำนานสีทองอยู่ด้านข้าง ข้างละสองตัว เพื่อแสดงให้เห็นถึงความชาญฉลาดและรอบคอบของจักรพรรดิ เป็นที่ประทับชั่วคราวของจักรพรรดิ ใช้พักผ่อน ซักซ้อมพิธีการ และรับการเข้าเฝ้าของขุนนางข้าราชการ ก่อนจะเสด็จออกไปประกอบพิธีที่ตำหนักไท่เหอเตี้ยน
3. พระตำหนักเป่าเหอเตี้ยน (Hall of Preserved Harmony)
พระตำหนักเป่าเหอ ตั้งอยู่ถัดจากพระตำหนักจงเหอเตี้ยน เป็นอาคารสูง 29 เมตร บริเวณด้านหลังห้องโถงมีรูปปั้นหินอ่อนขนาดใหญ่รูปมังกร 9 ตัวกำลังเล่นกับไข่มุก ถือเป็นประติมากรรมหินที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังต้องห้าม จักรพรรดิในสมัยราชวงศ์หมิงจะใช้เป็นที่เปลี่ยนฉลองพระองค์สำหรับทำพิธี ส่วนในสมัยจักรพรรดิคังซี ใช้เป็นที่จัดงานฉลองส่งท้ายปีเก่าและวันตรุษจีน หลังจากปี ค.ศ. 1789 ใช้เป็นที่สอบจอหงวน หรือสอบเข้ารับราชการ ซึ่งจะจัดขึ้นทุกๆ 3 ปี
4. สวนจักรพรรดิ (Imperial Garden)
สวนจักรพรรดิ หรือ สวนอวี้ฮัวหยวน (Yu Hua Yuan) มีพื้นที่ประมาณ 12,000 ตร.ม. ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน และอยู่ตอนเหนือสุดของ พระราชวังต้องห้าม มีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงเมื่อปี ค.ศ. 1417 เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจักรพรรดิและฮองเฮา ภายในสวนนอกจากจะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ ยังมีประติมากรรม และสิ่งปลูกสร้างมากมาย ที่ถูกออกแบบมาให้กลมกลืนกับธรรมชาติเป็นอย่างดี
5. พระตำหนักชินอันเตี้ยน (Hall of Imperial Peace)
พระตำหนักชินอันเตี้ยน เป็นตำหนักหลักในสวนจักรพรรดิ เป็นสถานที่สักการะเทพเจ้าเจินอู่ เทพองค์สำคัญของลัทธิเต๋า ทำจากทองสัมฤทธิ์ปิดทอง ขนาดสูง 2 เมตร เชื่อกันว่าสามารถปกป้องพระราชวังจากไฟไหม้ได้ เพราะเชื่อกันว่าสามารถปกป้องพระราชวังจากไฟไหม้ได้ ด้านนอกมีต้นสนขนาดใหญ่ อายุกว่า 400 ปี จำนวน 2 ต้น ที่โค้งเข้าหากัน เป็นสัญลักษณ์ของความกลมเกลียวระหว่างจักรพรรดิและฮองเฮา
6. พระตำหนักเฉียนชิงกง (Palace of Heavenly Purity)
เป็นที่ประทับหลักของจักรพรรดิทั้งสมัยราชวงศ์หมิงและชิง กระทั่งถึงรัชสมัยจักรพรรดิยงเจิ้ง ได้เปลี่ยนที่ประทับเป็นตำหนักอื่น จึงใช้เป็นที่ทรงงาน เหนือบัลลังก์มีป้ายที่มีความหมายว่า “ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา” ซึ่งด้านหลังจะมีที่เก็บพระราชโองการสืบทอดอำนาจ เป็นธรรมเนียมที่จักรพรรดิยงเจิ้งตั้งขึ้นเพื่อป้องกันการปลอมพระราชโองการแย่งชิงบัลลังก์ โดยให้ทำพระราชโองการ 2 ฉบับ ชุดหนึ่งพกติดตัว อีกชุดไว้หลังป้าย เมื่อจักรพรรดิสวรรคตก็จะนำมาเปรียบเทียบกัน และรัชทายาทจะได้ขึ้นครองราชย์ก็ต่อเมื่อพระนามในเอกสารแต่ละฉบับเหมือนกันเท่านั้น
7. พระตำหนักเหวินฮว่าเตี้ยน (Hall of Literary Brilliance)
เป็นที่ประทับของรัชทายาทในสมัยต้นราชวงศ์หมิง ต่อมาใช้เป็นสถานที่เรียนรู้ของจักรพรรดิ ปัจจุบันเป็นแกลอรีที่จัดแสดงภาพวาดจีนโบราณ ผลงานชิ้นเอกและผลงานหายากที่มีเพียงชิ้นเดียว แต่ส่วนใหญ่จะจัดเป็นช่วงสั้นๆ ในเดือนกันยายน – ตุลาคม เท่านั้น เพราะต้องคำนึงถึงเรื่องของอุณหภูมิและความชื้นที่จะส่งผลต่อรูปภาพด้วย ถ้าใครไปช่วงนี้ก็แวะไปชมกันได้นะคะ
รายละเอียดเพิ่มเติม
การเดินทาง :
พระราชวังต้องห้าม ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงปักกิ่ง ทางทิศเหนือของจัตุรัสเทียนอันเหมิน (Tiananmen Square protests) สามารถเดินทางมาได้หลายวิธี ดังนี้
– รถไฟใต้ดิน : นั่งรถไฟใต้ดินสาย 1 มาลงที่สถานี Tiananmen West ทางออก B หรือสถานี Tiananmen East ทางออก B
– รถบัส : นั่งรถบัสสาย 2, 82 หรือ 120 ลงที่ป้าย Tiananmen East
เวลาเปิด-ปิด :
– เมษายน – ตุลาคม : 08.30 – 17.00 น. (ซื้อบัตรได้ถึง 16.10 น., เข้าได้ถึง 16.10 น.) ปิดวันจันทร์
– พฤศจิกายน – มีนาคม : 08.30 – 16.30 น. (ซื้อบัตรได้ถึง 15.30 น., เข้าได้ถึง 15.40 น.) ปิดวันจันทร์
ค่าเข้าชม :
– เมษายน – ตุลาคม : 60 หยวน
– พฤศจิกายน – มีนาคม : 40 หยวน
– บัตรเข้าชม Treasure Gallery : 10 หยวน
– บัตรเข้าชม Hall of Clocks : 10 หยวน
เว็บไซต์หลัก : https://intl.dpm.org.cn/visit.html?l=en
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/3mXkvt3rQ3B9XBJdA
พระราชวังต้องห้าม กู้กง เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของประเทศจีน มีคนมาเที่ยวเยอะมาก และในแต่ละวันจะจำกัดให้คนเข้าเพียง 40,000 คน เพื่อนๆ ที่จะไป สามารถกดจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์หลักของพระราชวังได้ แต่ถ้าใครไม่อยากยุ่งยากจอง ทัวร์ปักกิ่ง ไปเที่ยวกับพี่เห็ด มัชรูมทราเวล ได้เลย พี่เห็ดพาเที่ยวครบ เตรียมให้หมดทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก รถรับส่ง มีหัวหน้าทัวร์ดูแล พร้อมพาเช็กอินที่เที่ยวเด็ดๆ รับประกันความฟินตลอดทริป !