เขากรอนเนอร์แกรต (Gornergrat) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลกทุกปี เพราะนอกจากวิวทิวทัศน์อันน่าทึ่ง ที่นี่ยังเป็นจุดที่ดีที่สุดในการถ่ายรูปและชมความงดงามของ ยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ฉายาว่าเป็น “มงกุฎแห่งสวิตเซอร์แลนด์” อีกด้วย วันนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล เลยจะพาทุกคนไปเจาะลึกถึงความพิเศษของ เขากรอนเนอร์แกรต รวมถึงวิธีการเดินทาง และช่วงเวลาน่าไปเที่ยว พร้อมแล้วออกเดินทางไปกันได้เลย !
ทำความรู้จักเขากรอนเนอร์แกรต
เขากรอนเนอร์แกรต หรือ Gornergrat ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเซอร์แมท (Zermatt) ซึ่งเป็นเมืองสกีรีสอร์ตชื่อดังของสวิตเซอร์แลนด์ ไปทางตะวันออก ประมาณ 3 กิโลเมตร มีความสูงถึง 3,089 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขา Monte Rosa ซึ่งเป็นเทือกเขาที่สูงที่สูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ จากบนนี้จึงมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามอลังการของยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น และยอดเขาอีก 28 ยอดที่สูงกว่า 4,000 เมตร รวมถึง ธารน้ำแข็งกอร์เนอร์ (Gorner Glacier) ได้อย่างชัดเจน แต่บนนี้ไม่ได้มีแค่จุดชมวิวเท่านั้น ยังมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก เดินเล่นถ่ายรูปเพลินมาก !
เที่ยว เขากรอนเนอร์แกรต เดือนไหนดี
ฤดูใบไม้ผลิ : กลางเดือนเมษายน – มิถุนายน
ฤดูนี้จะเริ่มมีสีเขียวของพืชพรรณต่างๆ มาตัดกับสีขาวของยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -5 ถึง 4 องศาเซลเซียส แต่จะยังไม่สามารถปีนเขาได้ และเส้นทางเดินป่าบางเส้นทางอาจจะยังไม่เปิด เนื่องจากหิมะตก ดังนั้นใครที่จะมาเดินป่าแนะนำให้ตรวจสอบเส้นทางก่อน
ฤดูร้อน : กรกฎาคม – กันยายน
ฤดูร้อนเป็นหนึ่งในช่วงยอดฮิตของการมาเที่ยว เขากรอนเนอร์แกรต เพราะอากาศจะอบอุ่นขึ้น อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 7 – 10 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับการเดินป่า เที่ยวชมสวนอัลไพน์ และยังมีโอกาสจะได้เจอแกะจมูกดำด้วย
ฤดูใบไม้ร่วง : ตุลาคม – กลางเดือนธันวาคม
ฤดูนี้เป็นช่วง Low Season ของการท่องเที่ยว บรรยากาศจะเงียบสงบ คนน้อย อากาศจะค่อยๆ เย็นลง อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 4 ถึง -1 องศาเซลเซียส และมีหิมะตก เป็นช่วงสุดท้ายของปีสำหรับการเดินป่า ก่อนที่เส้นทางจะปิดในฤดูหนาว ซึ่งถ้าหิมะตกเร็ว อาจไม่สามารถเดินป่าในบางเส้นทางได้
ฤดูหนาว : กลางเดือนธันวาคม – กลางเดือนเมษายน
ฤดูหนาวถือเป็นไฮไลต์ของการเที่ยว เขากรอนเนอร์แกรต นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นสกี สโนว์บอร์ด รถเลื่อน และกีฬาฤดูหนาวกัน โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ เพราะหลังจากนี้หิมะจะเริ่มลดลง อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -3 ถึง -6 องศาเซลเซียส เส้นทางบางเส้นอาจปิดให้บริการเนื่องจากหิมะตกหนัก
เขากรอนเนอร์แกรต สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่พี่เห็ดแนะนำ 2 ช่วง คือ ฤดูร้อน และฤดูหนาว ถ้าใครอยากเล่นสกี หรืออยากชมวิวสีขาวโพลนแบบ 360 องศา ก็มาฤดูหนาวเลยค่ะ แต่ถ้าใครกลัวว่าจะหนาวเกินไป หรือชอบสัมผัสธรรมชาติ เดินป่า อยากได้วิวที่มีทั้งสีเขียวชอุ่มและยอดเขาหิมะ ก็มาฤดูร้อนได้เลย สวยคนละแบบ
วิธีเดินทางไปเขากรอนเนอร์แกรต
การเดินทางไปยัง เขากรอนเนอร์แกรต ให้นั่งรถไฟมาที่เมืองเซอร์แมท ถ้าใครเที่ยวเองแนะนำให้ใช้ “Swiss Travel Pass” ซึ่งเป็นบัตรแบบเหมาจ่าย รวมทุกการเดินทาง ทั้งรถไฟ รถบัส และเรือ ทั่วสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนี้ยังมีส่วนลดสูงสุด 50% ให้สำหรับบริการต่างๆ ในเมืองเซอร์แมท เช่น รถไฟ Gornergrat Bahn, ลิฟต์ Klein Matterhorn Glacier Paradise 3S, รถกระเช้า Sunegga, รถเคเบิล Rothorn และยังสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์เซอร์แมทได้ฟรีอีกด้วย สามารถเลือกระยะเวลาของบัตรได้ มีให้เลือกแบบ 3, 4, 6, 8 หรือ 15 วันติดต่อกัน ราคาเริ่มต้นที่ 244 ฟรังก์สวิส สำหรับ 3 วัน
เมื่อมาถึงเมืองเซอร์แมทแล้ว เราต้องเดินทางต่อด้วยรถไฟเท่านั้น เพราะเมืองนี้เป็นเมืองปลอดรถยนต์ (Car-Free Zone) โดยให้ลงรถไฟที่ สถานีเซอร์แมท และเดินออกจากสถานีมาขึ้น รถไฟสายกรอนเนอร์แกรต ที่สถานีกรอนเนอร์แกรต (Gornergrat Bahn) ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 50 เมตร ค่าตั๋วอยู่ที่ 88 – 126 ฟรังก์สวิส แตกต่างกันไปตามแต่ฤดูกาล แต่ถ้าเรามี Swiss Travel Pass ก็จะได้ลด 50% ด้วย
รถไฟเปิดให้บริการทั้งปี โดยจะออกจากสถานีกรอนเนอร์แกรตทุกๆ 24 นาที ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.24 น. หลังจากนั้นจะออกทุกๆ 1 ชั่วโมง ไปจนถึง 19.24 น. ใช้เวลาประมาณ 33 นาที จะถึงยอดเขา โดยผ่านทั้งหมด 4 สถานี คือ Findelbach, Riffecap, Rifflberg และ Rotenboden ระยะทางรวม 9.4 กิโลเมตร ระหว่างทางจะลอดผ่านอุโมงค์ ข้ามสะพาน เห็นวิวทิวเขา ป่าไม้ และธรรมชาติมากมาย ถ้าอยากชมวิวสวยๆ แบบไม่มีอะไรกั้น แนะนำว่าขาขึ้นให้นั่งฝั่งขวา ส่วนขาลงให้นั่งฝั่งซ้าย ขณะที่รถไฟวิ่งสามารถลดกระจกถ่ายรูปได้อีกด้วย
จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนเขากรอนเนอร์แกรต
1. จุดชมวิวแมทเธอร์ฮอร์น (Matterhorn Viewpoint)
จริงๆ แล้วบน เขากรอนเนอร์แกรต สามารถมองเห็นยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นได้จากหลายจุดเลยค่ะ แต่จะมีจุดชมวิวเป็นระเบียงอยู่ทางด้านหลังของโรงแรม 3100 Kulmhotel Gornergrat ที่สามารถมองเห็นยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น ซึ่งเป็นยอดเขารูปทรงพีระมิดที่สวยที่สุดในโลกได้แบบเต็มตา และยังจะได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพของยอดเขาสูงอีกหลายแห่ง รวมถึงยอดเขา Dom และ Dufourspitze สองยอดเขาที่สูงที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ด้วย
2. ธารน้ำแข็งกอร์เนอร์ (Gorner Glacier)
ธารน้ำแข็งกอร์เนอร์ ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงชัน มีอายุหลายพันปี ในอดีตมีความยาวถึง 16 กิโลเมตร แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำให้ปัจจุบันมีความยาวลดลงเหลือประมาณ 12 กิโลเมตรเท่านั้น แต่ก็ยังคงเป็นธารน้ำแข็งที่ยาวเป็นอันดับสามในเทือกเขาแอลป์ ของจริงสวยมากๆ โดยเฉพาะเวลาแสงแดดส่องลงมากระทบจะเป็นประกายระยิบระยับ ซึ่งนอกจากจะมาชมวิวสวยๆ แล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดสำหรับทำกิจกรรม เช่น ปีนเขา โดดร่ม ปั่นจักรยาน รวมทั้งการเรียงหินเป็นชั้นๆ เพื่อขอพรอีกด้วย
3. พิพิธภัณฑ์ซูม (ZOOOM the Matterhorn)
พิพิธภัณฑ์ซูม เป็นที่เที่ยวใหม่บน เขากรอนเนอร์แกรต ใช้เงินลงทุนในการสร้างไปกว่า 9 ล้านฟรังก์สวิส เป็นพิพิธภัณฑ์แบบมัลติมีเดีย ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสบรรยากาศของยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นทั้ง 4 ฤดูแบบซูมอิน 3 ระดับ ผ่านประสาทสัมผัสทั้งหมด มีนิทรรศการเกี่ยวกับความเป็นมา ผู้ที่เคยพิชิตภูเขา สัตว์และพืชในแถบนี้ นอกจากนี้ยังมีโรงภาพยนตร์ 3 มิติ, กล้องส่องทางไกล รวมถึงพาราไกลดิ้ง หรือร่มร่อนจำลองให้เล่นด้วย สามารถเข้าชมได้ฟรี เพราะค่าเข้าชมรวมอยู่ในค่าตั๋วรถไฟแล้ว
4. โบสถ์ Bernhard von Aosta
Bernhard von Aosta เป็นโบสถ์เล็กๆ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1950 เพื่ออุทิศให้กับ เซนต์เบอร์นาร์ด ตั้งอยู่ระหว่างสถานี Gornergrat และโรงแรม Kulmhotel ตัวโบสถ์เป็นสีขาว ด้านบนเป็นหอระฆัง เข้ากับภูมิทัศน์โดยรอบที่ปกคลุมด้วยหิมะ พื้นด้านในโบสถ์เป็นหิน เพดานเป็นไม้ ตรงกลางมีแท่นบูชาซึ่งแกะสลักไม้แบบนูนต่ำเป็นรูปนักบุญ สามารถเข้าชมได้ตลอด และไม่เสียค่าเข้าชมเช่นกัน
5. สวนอัลไพน์กรอนเนอร์แกรต (The Gornergrat Alpine Garden)
สวนอัลไพน์ที่สูงที่สุดในยุโรป ตั้งอยู่ที่ความสูง 2,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร โดยตั้งอยู่ที่สถานี Rotenboden แนะนำว่าให้ขึ้นไปชมวิวด้านบนก่อน จากนั้นค่อยแวะที่สถานีนี้ตอนขาลง จะได้ชมพืชพรรณต่างๆ ที่เจริญเติบโตอยู่บนเทือกเขาแอลป์ รวมถึงพันธุ์ไม้บางชนิดที่หายาก ใกล้สูญพันธุ์ แต่ดอกไม้จะบานเป็นช่วงสั้นๆ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – เดือนสิงหาคมเท่านั้น
6. ทะเลสาบริฟเฟลซี (Riffelsee Lake)
เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสวยๆ ใกล้สถานี Rotenboden โดยจะต้องเดินต่อไปประมาณ 10 นาที จึงจะถึงทะเลสาบ มีความยาวประมาณ 100 เมตร ความกว้าง 50 เมตร ที่นี่จะได้เห็นทั้งวิวของยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นที่อยู่ตรงหน้า และยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นที่สะท้อนอยู่บนผืนน้ำ เหมือนเป็นภาพสะท้อนแบบกลับหัว สวยงามมาก ใครอยากได้ภาพสวยๆ แนะนำเป็นวันที่ฟ้าเปิด อากาศแจ่มใส ช่วงเช้าตรู่ หรือเย็น เพราะจะเห็นแสงอาทิตย์ส่องไปที่ยอดเขาพอดี
บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งยอดเขาน่าเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์ที่พี่เห็ดไม่อยากให้พลาด เพราะจะได้ชมวิวเทือกเขาหิมะและยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นแบบชัดเต็มตา สวยงามมาก การเดินทางก็สะดวกสบายด้วย สามารถนั่งรถไฟไปขึ้น-ลงที่สถานีไหนก็ได้ เพราะไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทางบนยอดเขาที่สวยจนต้องตะลึงเท่านั้น แต่ระหว่างทางที่นั่งรถไฟขึ้นไป ก็จะได้ชมวิวสวยๆ ไปตลอดทาง บอกเลยทริปนี้คุ้มค่าและประทับใจสุดๆ ใครอยากไปสัมผัสความสวยงามแบบนี้ ติดต่อจองทัวร์กับ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล ได้เลย