เที่ยวรัวรัว : OKINAWA โอกินาว่า ไปเถอะ…สวยจริง
Guest ของ มัชรูมทราเวล วันนี้ จะพาเราไปเที่ยวกันที่ตอนใต้สุดของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็คือจังหวัด โอกินาว่า นั่นเอง โอกินาว่า ตอนนี้เรียกได้ว่ากำลังเนื้อหอม ใครที่เป็นสายแอดเวนเจอร์ สายธรรมชาติ ชอบทะเล สายลม และแสงแดด และที่สำคัญชอบเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เราขอแนะนำ โอกินาว่า เลยค่ะ ยิ่งตอนนี้สายการบิน peach เค้ามีบินตรงด้วยแล้ว ยิ่งทำให้การเดินทางเชื่อมต่อไปยัง โอกินาว่า ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ เอาเป็นว่าก่อนจะตัดสินใจไปเที่ยว เราขอชวนไปดูรีวิวสนุกๆจาก Guest พิเศษของเราในวันนี้กันก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย ไปดูกันเล้ย !!
สวัสดีอีกครั้งค่ะ “พี่หยอดวัดยาง” มารายงานตัว… คราวนี้ พาไปเที่ยวญี่ปุ่นกันบ้าง
ไปเลยล่ะกัน “OKINAWA” ได้เวลาขับรถตะลุยเกาะสวรรค์
ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดๆประเทศญี่ปุ่นกันบ้าง
หลายคนอาจคิดว่า เกาะคิวชู คือใต้สุดแล้ว No no no ค่ะ… Okinawa ต่างหาก
เพื่อความเพลิดเพลิน ทริปนี้ “พี่หยอด” ได้ชวน “น้อง Cony” กับ “พี่หมี Brown” ไปเที่ยวด้วย ตามไปเที่ยวด้วยกันนะ
มาเริ่มกันที่ “ตั๋วเครื่องบิน” กันก่อนเลยค่ะ จริงๆทริปนี้ของ “พี่หยอด” เดินทางกันเมื่อช่วง 28 Dec 2015 – 1 Jan 2016 ค่ะ 4 คืน 5 วัน น่าจะกำลังดีสำหรับการไปหาประสบการณ์ในครั้งนี้ แถมยังได้ไปช่วง New Year พอดีด้วย เท่าที่เช็คดูแล้ว โดยทั่วไปการเดินทางไป โอกินาว่า จากประเทศไทยนั้น ยังไม่มี Direct Flight ค่ะ (แต่อาจจะมี Flight พิเศษที่บินตรงเป็นช่วงๆอันนี้ต้องลองเช็คกันดูอีกทีนะ) ด้วยความที่เกาะ Okinawa กระเด็นมาอยู่ใต้สุดๆๆๆของประเทศญี่ปุ่น ก็เลยต้องไป transit ที่ Taiwan บ้าง Hong Kong บ้าง หรือบางทีอาจจะบินไปที่เมืองใหญ่ในญี่ปุ่นแล้วต่อ domestic flight เอาบ้างก็มีค่ะ
แต่สำหรับทริปนี้ พี่หยอด เลือกใช้สายการบิน Hong Kong Airline ด้วย 3 เหตุผลหลักคือ
1. เป็นสายการบินแบบ full service
2. ช่วงเวลาในการ transit ไม่โหดร้ายมากเกินไป (ถ้าเครื่องไม่ delay)
3. ราคามิตรภาพ
Flight ของ Hong Kong Airline มีเวลาให้เลือกมากมายจิงๆค่ะ ตาลายอยู่นานกว่าจะตัดสินใจเลือก สรุปแล้วเลือก flight ที่เดินทางออกจาก Bangkok ช่วงดึก และไป transit ที่ Hong Kong ในช่วงเช้า ถึง Okinawa ก็สายๆพอดี (เวลา transit ประมาณ 2 ชม.ไม่มากไม่น้อยเกินไป)
ส่วนขากลับ เลือก flight ที่ออกจาก Okinawa ในช่วงเย็น และไป transit ที่ Hong Kong ในช่วงดึก ถึง Bangkok ก็ช่วงเช้าเวลาเมืองไทยพอดี
แต่สำหรับใครที่เสียดาย ไหนๆก็ได้ไปแวะ transit ที่ Hong Kong แล้ว อยากจะมีเวลาแว๊บเข้ามาหาอะไรทางซักมื้อในเมืองก็ทำได้นะ… มีเหมือนกันที่เวลา transit นานนนนนนประมาณ 7-10 ชม. (อันนี้แล้วแต่ชอบครัช) ส่วนเรื่องราคา สำหรับการเดินทางช่วงปีใหม่นี้ พี่หยอดได้จองตั๋วเครื่องบินไปเมื่อต้นเดือนตุลาคม ราคาตกอยู่ที่คนละประมาณ 15,000 บาท (ราคานี้มีอาหาร และ น้ำหนักกระเป๋าแล้วนะ) จัดว่าค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว…
ทริปนี้พี่หยอดเช่ารถขับคะ เดี๋ยวจะมาเล่าวิธีการจองรถให้อ่านกันต่อนะ
อย่างที่บอกไว้ว่าทริปนี้เป็น Road Trip ขับรถเที่ยวกันรัวรัว
เรามาเริ่มกันที่วิธีการจองรถกันเลยค่ะ
ที่ตัดสนใจเช่ารถขับก็เพราะคิดว่าน่าจะสะดวกสบายกว่าการใช้ขนส่งสาธารณะค่ะ ซึ่งอาจจะมีไม่เยอะมาก และไม่สะดวกเหมือนกับเมืองใหญ่ๆ ในญี่ปุ่น อีกทั้งพี่หยอดเองก็เคยมีประสบการณ์เช่ารถขับใน ฮอกไกโด คิวชู โอซาก้า มาแล้ว จึงทำให้รู้ว่าการเช่ารถขับและท่องเที่ยวในญี่ปุ่นนั้นไม่ได้ยุ่งยากเลย แถมยังสะดวกสบายในการวางแผนเดินทางด้วยค่ะ
มาเริ่มจากการเตรียมตัวกันก่อนเลย…
1. Okinawa จะมีบริษัทให้เช่ารถเหมือนกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ในญี่ปุ่นค่ะ แต่ที่ไม่เหมือนจะเป็นของ โอกินาว่า เองยี่ห้อหนึ่งคือ ABC Okinawa rent a car รายละเอียดตาม link นี้เลย www.abc-car.net/en/
2. การจองก็ไม่ได้ยากค่ะเพราะ website เป็นภาษาอังกฤษ แต่พี่หยอดโชคไม่ค่อยดีที่ในช่วงที่แอดมินจะเดินทาง รถของบริษัทนี้ เต็มหมด แล้ว…เสียใจT_T
3. เลยตัดสินใจกลับมาใช้ website เดิมทีเคยเช่า ก็คือ www2.tocoo.jp/en ราคาเช่าของบริษัทนี้จะแพงกว่า ABC rent a car นิดหน่อย แต่ก็โอเคค่ะ website นี้คล้ายๆจะเป็น search engine ในการเช่ารถ จะมีรถหลากหลายยี่ห้อ เลือกรับรถได้ตาม airport ที่เราเดินทางไปถึง (เดี๋ยวจะอธิบายแต่ละ step ให้อ่านต่อด้านล่างนะคะ)
4. ส่ิงหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการเช่ารถ คือ ใบขับขี่สากล ค่ะ พี่หยอดทำที่กรมขนส่งทางบกที่หมอชิต (ตรงข้ามตลาดจตุจักร) การเตรียมหลักฐาน ตาม website ของกรมการขนส่งทางบก รายละเอียดเพิ่มเติมตามนี้ค่ะ www.dlt.go.th/th/index.php
ใครยังลังเลเรื่องการเช่ารถขับในประเทศญี่ปุ่น พี่หยอดขอแนะนำให้ลองนะคะ ส่วนใครที่ห่วงเรื่องอุบัติเหตุนั้น ตอนที่เช่ารถ เราสามารถทำประกันรถได้ค่ะ เพิ่มเงินอีกนิดหน่อยจากค่าเช่ารถ เพื่อความอุ่นใจในการเดินทาง เท่าทีสัมผัสมาคนญี่ปุ่นนั้นขับรถไม่เร็วมาก และก็มีน้ำใจในการขับขี่ จึงไม่ค่อยรู้สึกกดดันเหมือนขับรถในกรุงเทพ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องทำตามกฎจราจรกันด้วยนะคะ
พี่หยอดเอาหน้าตาเว็บจองรถมาฝากค่ะ ลองดูนะคะ
หน้าเว็บ จะให้เราทำการ search ช่วงเวลาที่เราจะเดินทาง หลังจากที่เราจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว จากนั้น เลือก pick up location ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ค่ะ ส่วนมากก็เลือกจากสนามบินที่เราจะเดินทางไปลงได้เลย (ในภาพตัวอย่างจะเป็นสนามบินเมือง Fukuoka ค่ะ)
เมื่อเรากด search แล้ว เว็บก็จะหารถที่ available ให้กับเราค่ะ แล้วแต่ยี่ห้อของแต่ละบริษัทหรือ Outlet ว่าได้ยี่ห้ออะไร ภายในจะมีรายละเอียดบอกถึง ขนาดรถ จำนวนผู้โดยสาร option ต่าง ๆ สวนเครื่อง GPS นั้น มีให้เลือกภาษาเวลาใช้งานระหว่าง Jap กับ Multilingual แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องที่ว่าจะได้เครื่องภาษา Jap นะคะ จากประสบการ Jap GPS มีโหมดให้พูด ภาษาอังกฤษได้ค่ะ แต่แนะนำว่าให้ จนท. set ให้ตอนรับรถก่อนนะคะ ส่วน Multilang GPS แค่ เมนูเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ชื่อสถานที่ใน GPS ก็เป็น ภาษาญี่ปุ่น อยู่ดี แป่ววววว !!
ด้านล่างของหน้าเว็บ จะเป็นการเลือกประเภทของรถค่ะ
ถ้าไป 2-3 คน แนะนำให้เลือก compact car ค่ะ เช่น Honda Fit (Jazz) เป็นต้น ประหยัดน้ำมันมากๆ
ถ้าเดินทาง 5-6 คน แนะนำให้เป็น minivan ก็จะนั่งสบาย และมีที่ในการเก็บสัมภาระเพียงพอกับสมาชิกในทริปค่ะ
ปล. ข้อควรระวัง การเช่ารถในญี่ปุ่น ควรศึกษาขนาดของรถ และจำนวนและขนาดช่องเก็บสัมภาระให้พอดีกับการเดินทางด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นอาจจะมีปัญหาตอนที่ไปรับรถได้คะ
ปล.2 ญีุ่ปุ่นมีรถแบบ 660 cc ให้เลือกด้วยนะคะ ประหยัดน้ำมันกันเลยทีเดียว แต่เหมาะสำหรับเดินทาง 2 คนค่ะ
เมื่อเราเลือกรถที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว จะถึงในส่วนกรอก Appication Form ค่ะ ในส่วนนี้สิ่งที่จำเป็นคือ
1. flight ที่เราเดินทาง
2. หมายเลข passport คนขับ
3. หมายเลขใบขับขี่สากล ของคนขับ
4. บัตรเครดิต บิลจะเก็บในส่วนของ additional option และค่าประกันภัยรถก่อนค่ะ ซึ่งจะตัดกับบัตรเครดิต ส่วนค่าเช่ารถ ให้ไปจ่ายที่ outlet เมื่อเราไปรับรถค่ะ
ส่วนที่เป็น option คือ ทางเว็บสามารถให้จอง pocket wifi และ etc card (เหมือน easy pass บ้านเรานี่เอง) โดยตรงในเว็บได้เลย
เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ กด start booking process ได้เลยค่ะ
คนพร้อม…รถพร้อม เดี๋ยวจะไปลุยกันละนะ
เมื่อมาถึง Okinawa พี่หยอดก็ต้องพุ่งตัวไปรับรถที่จองไว้ค่ะ สรุปว่าการท่องเที่ยวของเราทริปนี้ใช้บริการของ Nippon Rent-A-Car มีรถ shutter bus รับจาก terminal มาส่งที่ศูนย์รับรถที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินค่ะ มาถึงก็ต้องนำใบจองรถ, passport และ driving licence ยื่นที่เคาเตอร์ จากนั้นรอพนักงานดำเนินการไม่นานก็เรียบร้อยค่ะ ทริปนี้เราตัดสินใจเช่ารถ size เล็กเพราะมากันแค่ 2 คน เลยได้ Suzuki Swift มาเป็นเพื่อนร่วมการเดินทางตลอด 5 วัน รวมค่าเช่า 31,212 JPY นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ให้คู่มือ Okinawa Road Map มาด้วย เล่มนี้ดีมากๆค่ะมี mapcode บอกหมดเลย แถมยังมีสมุดคูปองส่วนลดสถานที่ต่างๆให้ด้วย เยี่ยมไปเลย!!!
ปล. mapcode คือรหัสตัวเลขของแต่ละสถานที่ ที่เราสามารถใส่เวลาจะเดินทางไปที่ต่างๆใน GPS ค่ะ นอกจาก Mapcode แล้ว เรายังสามารถใช้เบอร์โทรศัพท์ของสถานที่ต่างๆใส่ใน GPS ได้เช่นกันนะคะ สะดวกมากๆเลยค่ะ
ที่หมายแรกของพี่หยอดคือ “Nakagusuku Castle” เดินทางจากตัวเมืองประมาณ 20 กว่ากิโลเท่านั้นค่ะ ที่แห่งนี้คือปราสาทเก่าของเกาะ Okinawa ซึ่งถูกขึ้นบัญชีเป็น World Heritage
ปราสาทมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก อยู่บนเนินเขาสูง มองไปเห็นวิวมหาสมุทรแปซิฟิกสุดลูกหูลูกตา ค่าเข้าชมคนละ 400 JPY แต่วันนี้อากาศอึมครึมไปหน่อย แถวลมแรงมากกกกกก หนาวเหน็บกันไปตามระเบียบ !! (แถมไม่มีคนเลย)
รายละเอียดเพิ่มเติม www.nakagusuku-jo.jp/en
พอตกเย็นเริ่มหิว…หาอะไรทานสิคะ รออะไร ดังนั้น มื้อเย็นวันแรก พี่หยอดมาทานกันที่ร้าน Hariyun ค่ะ
ทีเด็ดของร้านนี้คือ ปลา Gurukun สดๆ เป็นปลาของ Okinawa ที่ส่งตรงมาจากชาวประมงแล้วมารอไว้ในบ่อปลาที่ร้าน จานนี้ราคา 980 JPY ได้ชิมแล้วบอกเลยว่าสด เนื้อแน่นเต็มๆคำมากๆเวลาเคี้ยว พอทานเนื้อปลา sashimi หมดแล้วทางร้านจะนำส่งก้างไปทอดเป็นเทมปุระมาให้ทานอีกด้วย ทานได้ทั้งตัวจิงๆ!!!
ใครสนใจมาตาม GPS ใส่หมายเลขโทรศัพท์ของร้านได้เลย 098-989-5062 (ร้านปิดวันพุธ)
อ่อ…ร้านนี้มีเมนูภาษาอังกฤษและรูปอาหารด้วย รอดตายล่ะ
โปรแกรมส่งท้ายวันแรกที่ Okinawa เราไปกันที่ Okinawa Zoo ค่ะ งงมั้ยทำไมมาสวนสัตว์ตอนกลางคืน???
ก็เพราะว่าช่วงปลายปีจะมีงาน Illumination งานประดับไฟ แสงสี สวยงาม นั่นเอง แต่ว่าก่อนไปลองเช็คดูก่อนนะคะว่ามีช่วงวันที่เท่าไหร่
ตอนนั้นพี่หยอดไปวันที่ 28 ธันวาคม งานจัดเป็นวันสุดท้ายพอดีค่ะ เสียค่าเข้าคนละ 2,200 JPY แอบแพงนิดนึงแต่พอได้เข้าไปแล้ว บอกเลยว่าคุ้มมากๆ ที่นี่จัด illumination สวยมาก เยอะมาก และสถานที่ก็กว้างมากๆด้วย แถมยังมีโชว์ต่างๆบนเวทีตลอดเลย และก็ยังมีซุ้มเกมส์ อาหารสไตล์ญี่ปุ่นๆเพียบ บรรยากาศคล้ายงานวัดบ้านเรา ต่างกันตรงที่นี้หนาววววววเชียว
พ่อๆแม่ๆพาลูกๆมาเดินเล่นกันเต็มไปหมด ดูแล้วอบอุ่นจิงๆ ถ้าใครมีโปรแกรมไปเที่ยว Okinawa ช่วงก่อนปีใหม่ ลองแวะมาที่นี่ดูนะคะ ^^
วันต่อมา เราจะขับรถขึ้นเหนือสุดกันค่ะ เราต้องขับรถขึ้นทางด่วนหรือ Expressway ซึ่งบนเกาะ Okinawa มีแค่เส้นเดียวเท่านั้นค่ะ เมื่อขับรถลง Expressway สุดสายจะเจอกับเจ้าร้านไอติมในตำนานอย่าง Blue Seal Ice Cream เลยต้องแวะซะหน่อย แต่ของแถมที่ได้คือจุดชมวิวที่อยู่ข้างๆร้านนี่เอง…สวยงามมมม
ทางไอติม ฟินกันไปแล้ว ยิงยาวกันต่อค่ะ ไปกันที่ Hedo Misaki แหลมเหนือสุดของเกาะ Okinawa สวยงามมากจิงๆ คุ้มที่ขับรถลัดเลาะแนวชายฝั่งมาเกือบ 3 ชม. ตลอดเส้นทางวิวริมมหาสมุทรก็ส๊วยยสวย ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ มีทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวมาเรื่อยๆเลย พื้นที่เป็นโขดหินสูงและหน้าผา น้ำทะเลซัดเข้าโขดหินอย่างแรงกลายเป็นสีฟ้า-ขาว สวยมากๆ และก็ยังมีทุ่งหญ้าและกองหินแหลมๆเต็มมมไปหมด ใครมา Okinawa แล้วเช่ารถขับ ลองให้ Hedo Misaki เป็นหนึ่งใน destination นะคะ
ข้อมูลเพิ่มเติม www.japan-guide.com
หิวแล้วสินะ…หาไรทานกันเถอะ มื้อนี้พี่หยอดขอแนะนำ Capital Steak House อยู่เมือง Chatan ทีเด็ดของที่นี่คือเทปันยากิค่ะ
ลูกค้าส่วนมากของที่นี่จะเป็นทหารอเมริกันที่ประจำอยู่เกาะโอกินาว่า เข้าร้านมานึกว่าไม่ได้อยู่ญี่ปุ่น! 5555 พี่หยอดสั่ง set menu ประกอบด้วย ซุปประจำวัน appetiser ตามที่เราเลือก สลัด เสต็ก tenderloin ของหวาน เค้ก ผลไม้ ไอศครีม และเครื่องดื่ม (เบียร์ หรือ soft drink) ราคา 2,200 JPY ต่อคน คุ้มแสนคุ้ม อิ่มมากกกกกกกก อร่อยมากๆๆๆๆด้วย ใครชอบทานเนื้อไม่ควรพลาดนะคะ
มา โอกินาว่า สถานที่ที่ต้องไปก็คงเป็นอะไรไม่ได้นอกจาก Okinawa Churaumi Aquarium ซึ่งอยู่ใน Ocean Expo Park เมือง Nakijin Village ตอนเหนือของเกาะ Okinawa
ที่นี้กว้างใหญ่มากกกกกกกก มีอะไรต่ออะไรให้ดูมากมาย แต่พี่หยอดมุ่งไปดูแต่ปลา ปลา ปลา และปลา มีโชว์น้องปลาโลมาฉลาดแสนรู้ ที่ Okichan Theater โดยรอบการแสดงใช้เวลาประมาณ 20 นาที วันละ 4 รอบ (11.00 /13.00/14.30/16.00น) ยังไงลองเช็คเวลาการแสดงก่อนนะคะ เผื่อมีการเปลียนแปลง นอกจากนี้ยังมีโซนให้เราได้ใกล้ชิดกับปลาโลมาด้วยที่ Dolphin Lagoon
และ Highlight ก็คือส่วนของ The Kuroshio Sea พระเอกของเราก็คือเจ้าปลาฉลามวาฬ 3 ตัว และปลาอีก 70 ชนิด ที่แหวกว่ายอยู่ในตู้ปลาที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นนั่นเอง
เห็นแล้วมันอลังกาลของจิง ยืนอึ้งอยู่นาน… อ่อ เสียค่าบัตรเข้าชมในส่วนนี้คนละ 1,850 JPY ค่ะ ก่อนเข้าไปภายใน Aquarium จะมีบริการถ่ายภาพให้ด้วยค่ะ ภาพน่ารักดี อันนี้แล้วแต่ว่าสนใจจะซื้อใบใหญ่ไหม ส่วนพื้นที่โดยรอบก็มีสัตว์น้ำหลากหลายชนิดให้ดูมากมาย แถมบรรยากาศริมทะเลก็ดี๊ดี…ทั้งคนต่างชาติและคนญี่ปุ่นเองก็มาพักผ่อนที่นี่กันเป็นจำนวนมากกกกกค่ะ เหมือนๆเป็นสวนสาธารณะเหมือนกันนะ บอกเลยว่าห้ามพลาดค่ะ
รายละเอียดเพิ่มเติม oki-churaumi.jp/en/
ขอแทรกเรื่องเกี่ยวกับการขับรถที่นี่นิดนึงนะคะ
ขับรถเที่ยวครั้งนี้ พี่หยอดไม่ได้ใช้ ETC card เวลาใช้ Expressway ค่ะ ETC Card ก็เหมือน Easy Passบ้านเรา ปกติถ้าขับที่เมืองอื่นๆในญี่ปุ่นจะใช้ตลอดค่ะ เพราะเราจะได้ไม่ต้องเตรียมเงินสดไปจ่าย ขับรถผ่านปรื๊ดๆไปเลย แล้วค่อยรอมาเรียกเก็บจาก credit card ที่เราใส่หมายเลขไว้ แต่ที่ Okinawa ตัดสินใจไม่ใช้เพราะเห็นว่าระยะทางบนทางด่วนที่นีไม่ยาวมากนัก แค่ 50 km. เท่านั้น วิ่งสุดทางก็แค่ 920 JPY ค่ะ เวลาเข้าด่านทางขึ้น Express Way ก็เลือกช่องที่ไม่ได้เขียนว่า ETC นะคะ จากนั้นก็รับบัตรแบบในรูปจากเครื่องออกบัตรอัตโนมัติค่ะ
พอถึงทางออกก็ยื่นให้คุณลุงเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในตู้เก็บเงิน แค่นี้เป็นอันจบข่าวค๊าาา
อันนี้เป็นหน้าตาของบัตรค่ะ
โอเคไปเที่ยวกันต่อดีกว่า
ที่หมายแรกสำหรับทริปวันที่ 3 คือ Busena Underwater Observatory ค่ะ เหมือนเป็นโซนเมืองตากอากาศ บรรยากาศดี ฟ้าใสกิ๊ง ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือหอสำรวจสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลค่ะ เราสามารถลงไปดูปลาสวยๆว่ายไปมาได้ ค่าเข้าชมคนละ 1,030 JPY สามารถลงไปได้ทีละ 24 คนเท่านั้น เพราะข้างล่างค่อยข้างแคบ แต่ดูเพลินจิงๆ ปลาตัวน้อยตัวนิดว่ายผ่านไปผ่านมา แถมยังมีตู้ให้กดอาหารปลาด้วยอันละ 100 JPY ขนาดยืนอยู่บนสะพานมองลงไปยังเห็นปลาว่ายเต็มไปหมด น้ำทะเลใสสะอาดมากกกจริงๆค่ะ
อ่อ…ที่นี่ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมคือนั่งเรือท้องกระจกดูใต้ทะเล ราคาคนละ 1,540 JPY เรือเที่ยวแรกเริ่ม 09.10 น. นะคะ ใครอยากทำกิจกรรมทั้ง 2 ชนิก มีตั๋วแบบ combination ขายด้วยนะในราคาคนละ 2,060 JPY ระหว่างที่จอดรถกับหอสำรวจใต้ทะเล ระยะทางค่อนข้างไกลนิดนึงค่ะ เดินไปอาจจะเมื้อย ที่นี่เลยมีรถรางบริการรับส่งฟรีค่ะ ระหว่างทางก็ชมทิวทัศน์ บรรยากาศริมทะเลสวยงามค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม www.busena-marinepark.com/english/
ที่หมายถัดมาคือ Cape Manzamo ค่ะ
เป็นอีกจุดที่สวยงามอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ Okinawa ไม่เสียค่าเข้าชมนะคะ จุดเด่นของที่นี่ก็คือแนวหน้าผาที่โดนกันเซาะจนเป็นรูปทรงคล้ายงวงช้าง ตามในรูปเลยค่ะ พื้นที่ตรงจุดท่องเที่ยวนี้ไม่ใหญ่มากนัก มีทางให้เดินชมวนเป็นวงกลมใช้เวลาไม่นานค่ะ บริเวณด้านหน้าทางเข้ามีร้านค้าขายของที่ระลึกอยู่เล็กน้อย สามารถซื้อของฝากได้ค่ะ
ปล. ที่นี่เหมือนจะเป็นแหล่งที่ทัวร์ลงนะคะ…ถ้าโชคไม่ดีก็จะเจอกรุ๊ปทัวร์แบบรัวรัวเลย !!
อีกหนึ่ง “แหลม” ที่น่าไปคือ Cape Zanpa ค่ะ (พี่หยอดแอบโรคจิตนิดนึง ชอบจะไปเที่ยวแต่ แหลมโน้น แหลมนี้ 5555 เพราะคิดว่าทุกแหลมต้องมีความสวยงามซ่อนอยู่)
ที่แหลม Zanpa แห่งนี้จะมีประภาคารที่เราสามารถขึ้นไปได้ด้วยค่ะ เสียค่าขึ้นคนละ 200 JPY ขึ้นไป 99 ขั้นบันได วิวของบนสวยมากกก แต่แอบขาสั่นเพราะพื้นที่ให้ยืนค่อนข้างน้อยมากกกกก เดินสวนกันทีนี่มีเสียว !! ถือเป็นอีกประสบการณ์ที่ดีมากๆเลยทีเดียว
หิวแล้วๆๆๆๆ
มื้อบ่ายวันนี้ บอกเลยว่าสุดยอดดดด ที่นี่พี่หยอดไม่ได้แพลนมาล่วงหน้าค่ะ แต่บังเอิญไปเจอโปสเตอร์ติดอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ว่ามีทริปออกเรือไปดูตกปลาสดๆ ก็เลยดั้นด้นตามมาเพราะอยากจะมาจองทริปสำหรับพรุ่งนี้… ที่นี่คือ Toya Fishing Port
แต่น่าเสียดายที่เรือจะไม่ออกไปจับปลาช่วงปีใหม่ (วันที่พี่หยอดไปคือ 30 ธ.ค.) เลยอดเลย…
แต่ไม่เป็นไร…ในความน่าเสียดาย ก็มีเรื่องดีๆ
นั่นคือเราจะได้พบกับร้านขายอาหารทะเลแบบสดๆ ย้ำว่า “สด” จากเรือที่เพิ่งออกไปจับปลาตอนเช้า
ร้านตั้งอยู่ริมท่าเรือ Toya เลย โต๊ะนั่งทานนี่อย่างชิวค่ะ
ชือร้านว่า Uminchu เปิด 10.00-16.00 น.
ภายในร้านเหมือนตลาดปลาเล็กๆ แล่ปลากันสดๆราคาถูกมากกกก และแถมเรายังสั่งอาหารมานั่งทานกันได้ด้วย มีทั้งข้าวด้ง ซาชิมิ และเทมปุระ พี่หยอดสั่งกันแบบรัวรัว ประมาณว่าหิวจนหน้ามือ เสียตังค์ไป 2,500 JPY เท่านั้น !!!!! มันฟินนนนจิง ข้าวหน้าปลาดิบ / Sashimi set / สาหร่ายทอด / ต้มหัวปลาเต้าหู้ วิวอย่างงี้ อาหารอร่อยอย่างงี้ ในราคา 800 บาท หาได้ที่ไหน???? ที่นี่ไง Toya Fishing Port
สุโค่ยยยยยย !!!
แนะนำๆๆๆๆเลยค่ะที่นี่ มีแต่คน local มาทาน ถ้าอยาก slow life มาด่วนๆค๊าาา
วิว Toya Fishing Port และรถคู่ใจสำหรับทริปนี้ค่ะ
ที่สุดท้ายสำหรับวันนี้…
ตกเย็นวันนี้ไปแวะชิลล์กันที่ Mihama American Village ค่ะ ที่นี่เหมือนเป็นแหล่งรวมวัยรุ่น คึกคักมากๆ ให้อารมณ์เหมือน Siam Square บ้านเราเลย ร้านช้อปเยอะแยะ แนวๆเก๋ๆ มีมุมให้ถ่ายรูปมากมาย และมีชิงช้าสวรรค์อันใหญ่ให้ได้ขึ้นไปชมวิวได้ด้วย วันนี้เลยได้มีโอกาสย้อนวัยไปขึ้น Ferris Wheel มาด้วยค่ะ ค่าขึ้นคนละ 500 JPY วิวสวยมากตามรูปเลย
พอตกเย็นเกือบๆหกโมงไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ Sunset Beach เดินไปนิดเดียว จบวันสวยงามค่ะ
จากที่หาข้อมูลมาที่นี่ถูกสร้างขึ้นก็เพื่อให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของทหารอเมริกันที่มาประจำการที่เกาะนี้ค่ะ โดยลักษณะจะเป็นแนวๆอเมริกันมากๆ ลืมไปเลยว่าอยู่ญี่ปุ่น 555 ทหารอเมริกันเดินกันเต็มไปหมด ร้านค้าต่างๆที่นี่จะปิด 3 ทุ่มตรงนะคะ ถ้าจะลองเผื่อเวลาดีๆเอาให้ได้บรรยากาศทั้งตอนทียังสว่าง และตอนกลางคืนประดับไฟสวยงามค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม www.okinawa-americanvillage.com/
มาดูพระอาทิตย์ตกดินกันดีกว่า…โรแมนติกมั้ยละคะคุณผู้ชม
และแล้วก็มาถึงตอนกลางคืน…ไฟหลากหลายสีสีนถูกเปิดขึ้น สวยงามมม Good Night OKINAWA
ไปเที่ยวกันต่อค่ะ พาไปหม่ำกันต่อดีกว่าค่ะ
วันนี้ เราขับรถล่องลงมาทางใต้กันบ้าง ที่หมายแรกคือ Ou Island เกาะเล็กๆทางใต้ของ โอกินาว่า ทีเด็ดของที่นี่ที่ต้องมาตามรอยก็คือ ร้านขายเทมปุระที่มีคิวยาววววทั้งวัน ชื่อร้านว่า Nakamoto Tempura อยู่ติดสะพานที่ข้ามฝั่งไปเกาะเลยค่ะ ลงสะพานปุ๊ป เห็นร้านปั๊บ (และเห็นคิวยาวๆด้วย) ร้านเปิด 10 โมง- 6โมงเย็นนะคะ
ที่ร้านมีแต่เมนูชุปแป้งทอดค่ะ ปลาหมึก ปลา ไส้กรอก สาหร่าย กุ้ง และอีกมากมาย ราคาก็ย่อมเยา ทั้งหมดมื้อนี้พี่หยอดทานไปแค่ 450 JPY ค่ะ ที่ร้านจะเป็นใส่ถุงกลับบ้านทั้งหมดนะ แต่ถ้าใครอยากทานเลย ก็มีที่นั่งข้างๆร้านให้ 2-3 โต๊ะเล็กๆ มีจาน ถ้วย ตะเกียบ บริการตัวเอง และด้านข้างๆร้านเทมปุระ ยังมีร้านขายปลาดิบเล็กๆด้วยนะ พี่หยอดเลยจัดทูน่ามาอีก 1 แพ็คในราคา 500 JPY ส่วนถ้าใครทานแล้วหิวน้ำก็มีตู้กดน้ำอยู่ด้วยค่ะ อ่อ…ที่นี่จอดรถกันริมถนนเลยนะคะ จะติดกับริมขอบปากอ่าวเล็กๆพอดี เลยได้ดูวิวสวยๆเป็นของแถมค่ะ
ปล.เอาจริงๆ พี่หยอด รู้สึกเฉยๆกับเทมปุระร้านนี้ค่ะ ไม่ได้อร่อยเว่อวังอย่างที่คิด แต่ไหนๆก็ไปแล้วก็ต้องไปลองซะหน่อยนะคะ
วิวสวยๆเป็นของแถมของมื้อนี้ค่ะ
รองท้องกันแล้วก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ วันนี้เราจะอีกหนึ่ง Tourist Attraction
ที่ที่เราสามารถศึกษาศิลปวัฒนธรรมชาวริวกิวของ โอกินาว่า ได้เป็นอย่างดี
ที่หมายต่อมาวันนี้คือ Okinawa World ตั้งอยู่ที่ Nanjo City ขับรถประมาณ 11 กม.จากเมืองหลวง Naha ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำมากมายค่ะ ทั้ง workshop พื้นบ้าน โชว์ระบำกลอง Eisa Dance โชว์งู ชมสวนผลไม้ โรงหล่อแก้ว และหมู่บ้านริวกิว มาที่เดียวนี่ครบเลย เดินเพลินๆ พาเด็กๆมาน่าจะชอบ ที่นี่มีของพื้นเมืองให้ได้ซื้อกลับไปเป็นที่ระลึกด้วยนะคะ ค่าเช้าชมมีหลายแบบค่ะ แต่พี่หยอดซื้อบัตรแบบที่เข้าได้ 2 จุดคือ หมู่บ้าน Culture Kingdom และถ้ำ Gyokusendo Caves ค่ะ ราคาคนละ 1,240 JPY เสียดายตอนดูโชว์กลอง Eisa Dance ห้ามถ่ายภาพเลยไม่มีมาให้ดู แต่โชว์ดีมากค่ะ ตีกลองกันมันเลย ยังไงก่อนมาลองดูเวลาโชว์ก่อนนะคะจะได้ทันเวลา
ข้อมูลเพิ่มเติม www.japan-guide.com
ถ้ำ Gyokusendo เป็นส่วนหนึ่งของ Okinawa World ค่ะ ถ้ำใหญ่และยาวมาก ตลอดทางเดินจะเห็นหอนงอกหินย้อยมากมายจริงๆ แถมทางเดินก็ดีมากๆด้วย เดินสบาย ไม่ลื่น ใช้เวลาเดินในถ้ำประมาณ 30 นาทีได้ค่ะ สัมผัสธรรมชาติเต็มที่ อ่อ…ทางเดินเป็น one-way นะเข้าไปแล้วย้อนกลับไม่ได้จ้าาา เข้าแล้วเข้าเลย ห้ามเปลียนใจ !! แนะนำว่าถ้าใครมาให้เริ่มเดินดูในถ้ำก่อนนะคะ เพราะถ้ำจะไปจบที่บริเวณโซนสุดท้ายของ Okinawa World และค่อยเดินย้อนกลับมาค่ะ
พูดถึงเรื่องอาหารแล้ว เมนูของ โอกินาว่า จะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองค่ะ จะไม่ได้มีแค่ปลาดิบ ข้าวด้ง เทมปุระ ชาบู เหมือนเมืองอื่นๆของญี่ปุ่น เรามาดูกันค่ะว่ามีอะไรน่าทานบ้าง
บอกเลยว่าถูกปากคนไทยแน่นอน เพราะอาหารที่นี่จะมีรสชาติจัดจ้านมากกว่าเมื่อเทียบกับอาหารญี่ปุ่นทั่วๆไป
มื้อนี้มาทานกันที่ร้านอาหารบนถนน Kokusaidori ถนนช้อปปิ้งกลางเมือง Naha นี่เองค่ะ แถบนี้มีร้านอาหารให้เลือกเยอะมากๆค่ะ ตอนนั้นพี่หยอดก็ไม่ได้มีแผนในใจว่าจะทานร้านไหนค่ะ เลยเดินไปเรื่อยๆ เดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ มาจบที่ร้านนี้ เพราะ…หน้าตาหน้าร้านดูน่าสนใจ ! แค่นั้นจริงๆ 555 วันนี้จัดเต็มอาหารท้องถิ่นซักมื้อ มีทั้ง ข้าว Taco Rice มะระผัดไข่ หมูสามชั้นย่างเกลือ อร่อยมากๆค่ะ ถ้ามา Okinawa ต้องลองนะคะ 3 เมนูนี้ แถมร้านนี้ยังตกแต่งได้คลาสสิกได้อารมณ์ญี่ปุ่นสุดๆ อ่านชื่อร้านมะออก รู้แต่ว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามร้าน Free One บนถนน Kokusaidori นะคะ ลองหาดูนะ มาดูหน้าตาหน้าร้านที่ทำให้พี่หยอดตัดสินใจเดินเข้าไปก่อนเลยค่ะ
มาดูหน้าตาอาหารกันบ้าง (นี่แค่ส่วนหนึ่งที่เป็น Recommended Menu นะคะ)
อย่างที่บอกไปตอนต้นค่ะว่า ทริปนี้พี่หยอดมาเที่ยวตอนช่วงปีใหม่พอดี เลยมีโอกาสมา count down ที่นี่ค่ะ
บนเกาะ Okinawa มีจัดงานปีใหม่หลายที่ค่ะ แต่พี่หยอดเลือกที่จะออกมาไกลจาก Naha ซักหน่อย ปีนี้มา count down กันที่งาน Itoman Peaceful Illumination อยู่ที่เมือง Itoman ทางตอนล่างของเกาะค่ะ บรรยากาศดี ไฟสวย พลุก็โอเค คนเยอะมาก มีวงดนตรีมาแสดงด้วย บรรยากาศจะกึ่งเหมือนงานวัดบ้านเรา มีร้านอาหารแบบเต๊นท์ๆมาออกร้านเยอะมากกก พ่อแม่พาลูกเด็กเล็กแดงมากันมากมาย ขนาดหนีมา count down ซะชนบท แต่คนเพียบจ้าาา เสียค่าผ่านประตูคนละ 500 JPY นะคะ เป็นค่าเข้าไปดู Illumination ไปในตัว งานนี้จัดขึ้นทุกปีค่ะ ปีหน้าใครสนใจ ลองแวะมานะ
เอาล่ะคะเดินทางมาถึงวันสุดท้ายของการเดินทางในครั้งนี้แล้ว…
เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการไปเยือน Landmark ของเมือง Naha ค่ะ นั่นคือ Shuri Castle เป็นปราสาทที่เป็นศูนย์กลางของการบริหาร และเป็นที่อยู่อาศัยของกษัตริย์ชาวริวกิวมานานหลายร้อยปีค่ะ ที่นี่เสียค่าเข้าชมเป็นโซนๆไปค่ะ ถ้าอยู่แค่ด้านนอก็ไม่เสียค่าเข้าค่ะ และที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็น World Heritage ด้วยนะคะ
ข้อมูลเพิ่มเติม oki-park.jp/shurijo/en/
สุดท้าย ท้ายสุดสำหรับทริปนี้แล้ว ก่อนกลับก็คงแวะไปช็อปปิ้งเล็กๆกันที่ Ashibinaa Outlet ซักนิดนึงค่ะ อยู่ไม่ไกลจากสนามบินค่ะ
วันที่พี่หยอดไปคือ 1 ม.ค. พอดี ร้านค้าในญี่ปุ่นจะจัด ถุงโชคดี หรือ Lucky Bag ไว้ให้ลูกค้าได้ซื้อกันค่ะ มีทุกแบรนด์ ทุกยี่ห้อ ต้องลุ้นกันเองว่าในถุงจะมีอะไรบ้าง แต่ที่รู้คือราคาคุ้มมากๆ ราคาของในถุงรวมกันแล้วมากกว่าที่ต้องจ่ายแน่นอนค่ะ บรรยากาศคึกคักมากมาย ผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยกัน พอนั้นที่ไปมีโชว์พื้นเมืองของเด็กๆด้วยค่ะ เลยยืนดูเพลินเลย
แต่ที่ขาดไม่ได้ก่อนที่จะบ้ายบาย โอกินาว่า ขอจัดไอศกรีมประจำเกาะกันอีกซักทีกับ Blue Seal ที่นี่สาขาใหญ่ค่ะ มีอาหารคาวด้วยนะ สปาเก็ตตี้มีให้เหลือกหลายเมนูเลย ได้ลองแล้วอร่อยมากๆค่ะ เข้าไปดูประวัติความเป็นมา รสต่างๆของไอศกรีมได้ที่ en.blueseal.co.jp/
สุดท้าย ท้ายสุดแล้วจริงๆ ต้องขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ดีใจมากๆค่ะที่กระทู้นี้น่าจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆหลายๆคนที่กำลังวางแผนจะเดินทางไป Okinawa เกาะสวรรค์
ขอส่งท้ายด้วย บทสรุป 15 ข้อของ “Okinawa Mission” ครั้งนี้ค่ะ (สรุปเองตามสิ่งที่เห็นนะคะ ถูกผิดต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองนะ)
1. ในตัวเมือง Naha รถค่อนข้างเยอะ ไฟแดงค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะ ถนน Kokusai dori (ถนนช้อปปิ้ง)
2. ถ้า GPS พาเข้า Kokusai dori ให้พยายามเลี้ยวออกจากถนนนี้ แล้ว GPS จะคำนวณเส้นทางอื่นให้ (หากไม่ได้จะไปเส้นช้อปปิ้งนี้ จะย่นเวลาได้เยอะเลยค่ะ)
3. ร้านสะดวกซื้อ จะเจอแต่ Family Mart และ Lawson ซึ่งถ้าไม่ได้ตั้งอยู่ในตัวเมือง จะมีที่จอดรถให้ค่ะ อาหารกล่องแบบอุ่นเวฟรสชาติพอได้ค่ะ (ประหยัดค่ากิน) แต่ไม่แซ่บเท่า 7-11 (ซึ่งใน Okinawa ไม่เจอ 7-11 เลยค่ะ)
4. ร้านอาหารบนถนน Kokusai dori ราคาค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารประเภท Yakiniku และ Tepanyaki
5. ที่จอดรถบนถนน Kokusai dori ราคาค่อนข้างแพง ถ้าเป็นไปได้ ให้มองหาที่จอดรถในซอกซอยของถนนเส้นนี้ดู ซึ่งซอยจะแคบมาก แต่มีที่จอดรถให้ ต้องค่อย ๆ ขับแล้วชะเง้อดูในซอยว่ามีที่จอดรึเปล่านะคะ ซึ่งราคาจะถูกกว่ามาก
6. ทางด่วน มีเส้นเดียว สำหรับวิ่งขึ้นไปทางเหนือของเกาะ ราคาสุดสาย 920 เยน (ประมาณ 50 km) และลดหลั่นลงมาตามระยะทางค่ะ
7. บนทางด่วนมี Parking Area 1 จุด และ Service Area 1 จุดเท่านั้นค่ะ
8. ร้านไอศครีม Blue Seal มีให้ลิ้มลองทุกมุมถนน ความใหญ่เล็กของร้านแตกต่างกันไป บางร้านมีแต่ไอศครีม บางร้านมี เครป และ พาสต้า เสริฟด้วย ราคาไม่แพงมาก (ไอศครีม โคน 1 scoop ราคาประมาณ 300 เยน)
9. นอกเมืองขับรถง่ายค่ะ รถไม่เยอะมาก ที่ต้องระวังคือรถแท็กซี่ ซึ่งจะขับขี่แบบเจ้าถนนซักหน่อย แต่ก็ยังรักษากฎระเบียบจราจรอยู่
10. ขนมของฝาก ประเภท ขนมมันม่วง สามารถซื้อได้ที่ duty free ของ Naha Airport แต่ก็มีให้เลือกไม่มากนัก
11. Naha Airport มี duty free อยู่ร้านเดียว ไม่ใหญ่มากนัก (ไม่มีร้านของแบรนด์เนม) เพราะฉะนั้นอาจจะไม่ต้องเผื่อเวลาช้อปปิ้งใน airport มากเกินไปค่ะ(เท่าที่เห็น ไม่มี Tokyo Banana และ Royse นะคะ!!)
12. ของที่ระลึกประเภทตัวชิสะ มีนิดหน่อยใน airport ถ้าอยากได้ตัวสวย ๆ ให้ซื้อที่ถนนช้อปปิ้งดีกว่า
13. ค่าที่จอดรถบริเวณโดยรอบเมืองไม่แพงมาก และสถานที่ที่ไปเยี่ยมชมส่วนใหญ่ของ Okinawa จะมีที่จอดบริการฟรีค่ะ
14. ของฝากหลักๆ ที่นี่จะเป็น ขนมมันม่วง ตัวชิสะ เกลือ เสื้อยืดที่ระลึก (ราคาค่อนข้างสูง) รองเท้าแตะแบบแกะลาย (นี่ก็ราคาสูง)
และข้อสุดท้าย
15. Slow Life มาก ๆ อยากให้มาค่ะ ^^
ขอบคุณรีวิวสนุกๆจาก Guest สุดพิเศษ พี่หยอดวัดยาง ประสบการณ์มาเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย แปะๆๆ !!
ระดับความสนุก: ✩✩✩✩✩
พูดคุยกับ Guest ได้ที่ : www.facebook.com/travelruarua