เที่ยวต้องพร้อม! 12 วิธีรับมือ ไวรัสโคโรน่า สำหรับนักเดินทาง
เปิดปีใหม่ 2563 สถานการณ์สำคัญซึ่งเป็นที่สนใจและจับตาของคนไทยรวมทั้งคนทั่วโลกก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง “ไวรัสโคโรน่า” ที่แม้จะเป็นโรคที่เกิดการแพร่ระบาดในประเทศจีน แต่ก็ส่งผลกระทบไปหลายประเทศอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในส่วนการท่องเที่ยวและเดินทาง ซึ่งคงทำให้นักเดินทางหลายคนที่มีแพลน ไปต่างประเทศ ในช่วงนี้ ไม่ว่าจะไปประเทศไหน เกิดความกังวลว่าควรจะเดินทางหรือไม่? ซึ่งในบทความนี้ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล มี 12 วิธีป้องกันและการดูแลตัวเอง เพื่อรับมือ ไวรัสโคโรน่า สำหรับนักเดินทาง มาแนะนำ หากใครจะเดินทางไปต่างประเทศ หรือมีความจำเป็นต้องเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง เพียงดูแลตัวเองอยู่เสมอก็จะช่วยลดความกังวลในการเดินทางไปได้
ไวรัสโคโรน่า คืออะไร? ติดจากทางไหนได้บ้าง?
ไวรัสโคโรน่า คือ โรคติดต่อทางระบบเดินหายใจ เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า Corona Virus (CoV) มีชื่อทางการว่า “โรคระบาดปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” ซึ่งไวรัสตัวนี้อยู่ในตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิด โรคซาร์ส (SARS) หรือ โรคเมอร์ส (MERS) แต่ก็ไม่ร้ายแรงเท่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โดยเชื้อ ไวรัสโคโรน่า สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้จากการไอ จาม สัมผัสตัวหรือสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย ของคนที่ป่วย
อาการของผู้ติดเชื้อ
อาการของคนที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าขึ้นอยู่กับไวรัสแต่ละสายพันธุ์ โดยอาการที่พบบ่อยทั่วไป คือ อาการทางระบบหายใจ มีไข้สูง เจ็บคอ ไอ น้ำมูกไหล หายใจถี่ เหนื่อยหอบ และหายใจลำบาก ในเคสที่รุนแรงอาจทำให้เกิดโรคปอดบวม โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง ไตวาย
อาการรุนแรงที่สุดที่พบ คือ อาการปอดอักเสบซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิต แต่มักจะเกิดในผู้สูงอายุหรือคนที่มีโรคประจำตัว จากข้อมูล ณ ตอนนี้ ไวรัสโคโรน่าทำให้มีอัตราเสียชีวิต 3% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด เทียบกับอัตราการเสียชีวิตจากโรคซาร์ส 10% และอัตราการเสียชีวิตจากโรคเมอร์ส 30% ถือว่ารุนแรงน้อยกว่าโรคอื่นที่เกิดจากไวรัสตระกูลเดียวกันที่เคยระบาดมาก่อน
และข่าวดีที่สำคัญสำหรับสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า ณ ปัจจุบันนี้คือ ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลราชวิถีของไทย มีการคิดค้นแนวทางการรักษา รวมทั้งสูตรยารักษาการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สามารถรักษาผู้ป่วยที่มีอาการหนักให้ดีขึ้นได้แล้ว
วิธีป้องกันตัวเองจากไวรัสโคโรน่า สำหรับนักเดินทาง
สำหรับใครที่กำลังจะเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราทุกคนสามารถดูแลตัวเองและช่วยกันลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสจากการเดินทางได้ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากองค์การอนามัยโลก และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดังนี้
1. สวมหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน และหลังจากถอดทิ้ง ให้รีบล้างมือให้สะอาด
2. ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว
3. หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลล้างมือ งดใช้มือแกะเกาบริเวณใบหน้าหรือขยี้ตา
4. เลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด มีมลภาวะ และมีคนพลุกพล่านเป็นเวลานาน
5. เลี่ยงการสัมผัสในจุดสาธารณะหากไม่จำเป็น เช่น ประตู ราวบันได ถาดวางอาหาร ที่พักแขน หรืออื่นๆ
6. ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม เป็นหวัด หากเลี่ยงไม่ได้ให้สวมหน้ากากอนามัย
7. เมื่อไอและจาม ให้ใช้ข้อพับ ข้อศอก หรือทิชชู่ปิดปาก เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อใดๆ ก็ตาม
8. ทานอาหารที่สะอาดและปรุงสุก
9. หลีกเลี่ยงการไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต ไม่สัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดสัตว์ที่ป่วยหรือตาย ทานอาหารหรือเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกเท่านั้น
10. ผู้ที่ไม่สบายหรือมีไข้ ควรชะลอการเดินทางจนกว่าจะหายดี หากมีอาการป่วย สายการบินอาจปฏิเสธการขึ้นเครื่องของคุณได้
11. หากรู้สึกป่วยระหว่างเดินทางให้รีบแจ้งลูกเรือ เพื่อให้ได้รับการดูแลเบื้องต้น หลังจากนั้นรีบไปพบแพทย์
12. เมื่อเดินทางกลับมาจากต่างประเทศหรือในพื้นที่เสี่ยง หากมีอาการไม่สบาย มีไข้ ไอ เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ ให้รีบสวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง
อุปกรณ์ที่ควรพกขณะเดินทาง
1. หน้ากากอนามัย
2. เจลล้างมือ / สเปรย์ฆ่าเชื้อ (แอลกอฮอล์ ใส่ขวดสเปรย์)
3. ทิชชู่ / ทิชชู่เปียก
4. ยาลดไข้
5. ที่วัดอุณหภูมิ
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 อาจป็นโรคใหม่ แต่ไม่ร้ายแรงมากนักหากเราทุกคนป้องกันตัวเองให้ดี ใช้ชีวิตด้วยความรอบคอบ ไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป และใช้หลักการป้องกันโรคติดต่อทางเดินหายใจ เช่น การล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ รวมทั้งรักษาร่างกายให้อบอุ่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ก็เป็นอีกแนวทางที่ช่วยให้เราห่างไกลความเจ็บป่วยได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และการเดินทาง ไปต่างประเทศ
* หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 หรือเว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/
ข้อมูลจาก
https://www.who.int/ith/mode_of_travel/tcd_aircraft/en/
https://www.prachachat.net/d-life/news-415774
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864291