Mushroom Travel LINE
เราช่วยคุณได้
@mushroomtour
จันทร์ - เสาร์
9:00-22:00
อาทิตย์
9:00-18:00
Call Mushroom Travel
Call Center
02 105 6234
จอง 6 คนขึ้นไป
จอง 6 คนขึ้นไป
02 105 6244
Loading...

ย้อนประวัติ กำแพงเมืองจีน พร้อมแนะนำฤดูน่าเที่ยว และด่านยอดฮิต

ก่อนจะไปเที่ยว กำแพงเมืองจีน กันให้หนำใจ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล ขอเปิดเรื่องราวที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ กับตำนานความเกรียงไกรของประเทศจีน ด้วยการย้อนอดีตไปสำรวจ ประวัติ กำแพงเมืองจีน (The Great Wall Of China) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่สร้างขึ้นจากฝีมือมนุษย์ สถาปัตยกรรมสุดยิ่งใหญ่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 2,500 ปี เจาะลึกไปกับเรื่องราวการก่อสร้างของแต่ละยุคสมัย รวมถึงฤดูกาลไหนน่าเที่ยวบ้าง? มีด่านยอดฮิตไหนที่ต้องปักหมุด? และกิจกรรมที่น่าสนใจต่างๆ พี่เห็ดสรุปมาให้ครบแบบจบทุกประเด็น ตามมาเที่ยวไปด้วยกันได้เลย !

ทำความรู้จักกำแพงเมืองจีน

กำแพงเมืองจีน หรืออีกสมญาหนึ่งว่า “กำแพงหมื่นลี้” ตั้งอยู่บนพรมแดนทางตอนเหนือของประเทศ เริ่มต้นสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน จากนั้นก็มีการสร้างเพิ่มเติมต่อเนื่องกันมาหลายยุคสมัย รวมระยะเวลาสร้างทั้งสิ้นเกือบ 2,500 ปี เป็นการสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการบุกรุกจากชนเผ่าเร่ร่อนที่คอยมารุกรานชาวจีนตามแนวชายแดน มีอาณาเขตครอบคลุมทั้งหมด 15 มณฑล อาทิ มณฑลเหลียวหนิง (Liaoning), มณฑลเทียนจิน (Tianjin), มณฑลเหอเป่ย์ (Hebei), ปักกิ่ง (Beijing), เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน (Inner Mongolia), มณฑลซานซี (Shanxi), มณฑลส่านซี (Shaanxi), เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย (Ningxia), มณฑลกานซู (Gansu) และมณฑลชิงไห่ (Qinghai) ฯลฯ โดยตัวกำแพงไม่ได้ยาวตลอดแนว แต่เป็นการเชื่อมต่อแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน ทั้งยังมีป้อมคั่นเป็นช่วงๆ รวมแล้วกว่าหมื่นป้อม

กำแพงเมืองจีน
Credit : fotohunter / shutterstock.com

กำแพงเมืองจีน มีความยาวอยู่ที่ 21,196.18 กิโลเมตร หากให้นับจุดเริ่มต้น ฝั่งตะวันตกจะเริ่มต้นที่ ด่านยวี่เหมิน (Yumenguan) ตั้งอยู่ในเขตทะเลทรายของ มณฑลกานซู สร้างขึ้นในยุคราชวงศ์ฮั่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียงซากโบราณของกำแพงเท่านั้น ส่วนฝั่งตะวันออกจะเริ่มต้นที่ ด่านซานไห่ (Shanhaiguan) ตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ย ยื่นออกไปในทะเล ตัวกำแพงสร้างขึ้นจากแรงงานของนักโทษสงคราม และทาสนับล้านชีวิต โดยใช้วัสดุก่อสร้างที่หาได้ในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งมีตั้งแต่ดิน ดินเหนียว กรวด หิน ไม้ ฟาง หินอ่อน หินแกรนิต และโคลน เป็นต้น แตกต่างกันตามแต่ละภูมิประเทศที่กำแพงเหล่านั้นพาดผ่าน ต่อมาจึงมีการนำอิฐมาใช้ เพื่อให้มีความแข็งแรงมากขึ้น ด้วยความสวยงามสุดอลังการนี้เอง ทำให้กำแพงเมืองจีนถูกนับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นสิ่งก่อสร้างจากน้ำมือมนุษย์ที่ยาวที่สุดในโลก และองค์การ UNESCO ก็ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก เมื่อปี พ.ศ. 2530 อีกด้วย

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ กำแพงเมืองจีน

Credit : zhu difeng / shutterstock.com

กำแพงเมืองจีน ไม่เพียงแต่จะเป็นแลนด์มาร์กยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวต่างนิยมมาชมความยิ่งใหญ่ แต่ยังมี ประวัติ กำแพงเมืองจีน อันยาวนาน สะท้อนให้เห็นถึงช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรืองและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในแต่ละยุคสมัยของจีนอีกด้วย แม้หลายคนอาจทราบว่าจุดเริ่มต้นการก่อสร้างเกิดขึ้นในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่มีการเกณฑ์ชาวบ้านจำนวนมากให้มาเป็นแรงงานก่อสร้าง แต่ความจริงแล้วกำแพงถูกสร้างและซ่อมมาแล้วหลายยุค ทั้งก่อนและหลังจากนั้น ตามนี้

1. ยุคชุนชิว – จ้านกว๋อ (770 ปี ก่อนคริสต์ศักราช – 221 ปี ก่อนคริสต์ศักราช)
ผู้นำในแคว้นต่างๆ ร่วมกันสร้างกำแพงเมืองจีนครั้งแรกในยุคนี้ เนื่องจากบ้านเมืองมีความวุ่นวาย เกิดศึกสงครามชิงความเป็นใหญ่อยู่เสมอ ทั้งยังมีการรุกรานของชนเผ่าทางตอนเหนือ และการคุกคามจากชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนอีกด้วย

2. สมัยราชวงศ์ฉิน (221-206 ปีก่อนคริสตกาล)
เมื่อถึงยุคสมัยของฉินฉือหวังตี้ หรือ จิ๋นซีฮ่องเต้ ได้มีการสานต่อกำแพงให้เป็นรูปเป็นร่าง เริ่มโครงการสร้างป้อม และแนวกำแพงของแคว้นต่างๆ เชื่อมเข้าด้วยกัน จากทิศตะวันตกไปจรดทางตะวันออกของมณฑลเหลียวหนิง จนกลายเป็นกำแพงยาวหนึ่งเดียวในที่สุด นับเป็นช่วงระยะแรกของกำแพงก็ว่าได้ มีระยะทางรวมประมาณ 5,000 กิโลเมตร จึงเป็นที่มาของชื่อ “กําแพงหมื่นลี้”

3. สมัยราชวงศ์ฮั่น (206 ปี ก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ. 220)
มีการเกณฑ์ไพร่พลจำนวนมาก เพื่อบูรณะกําแพงเพิ่มเติม ทำให้กลายเป็นกำแพงเมืองที่มีความยาวที่สุดในประวัติศาสตร์จีน

4. สมัยราชวงศ์สุย (ค.ศ. 581 – 618)
มีการเกณฑ์ประชาชนให้ไปเป็นแรงงานในการก่อสร้างกำแพงในช่วงฤดูหนาวอยู่หลายครั้ง โดยเป็นการซ่อมแซมและสร้างส่วนต่อขยายทางตอนเหนือของส่านซีไปอีก

5. สมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368 – 1644)
มีการต่อเติมซ่อมแซมมากถึง 20 ครั้ง โดยเริ่มจากด่านเจียอวี้กวน ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ไปจนถึงภูเขาหู่ซาน ที่ตั้งอยู่ทิศตะวันออกของมณฑลเหลียวหนิง แถมยังสร้างความสะดวกสบายต่างๆ ไว้มาก เพื่อให้สามารถขนส่งอาหาร และอาวุธยามศึกได้อย่างสะดวก โดยปัจจุบันกำแพงเมืองจีนที่เห็น ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นในราชวงศ์นี้เอง

สำหรับราชวงศ์อื่นๆ ไล่ตั้งแต่ ราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618 – 907), ราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1206 – 1368) และราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1616-1911) มีการซ่อมแซมกำแพงเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีการสร้างเพิ่มเติมใดๆ เนื่องจากบ้านเมืองสงบสุข ไม่มีการรุกรานจากคนภายนอก ทุกวันนี้ตัวกำแพงไม่ได้มีไว้เพื่อป้องกันภัยอันตราย บางจุดที่ขาดคนดูแลรักษามีการผุพังไปตามกาลเวลา แต่เป็นการบูรณะเพื่อการท่องเที่ยวเป็นหลัก ให้ยังคงความสวยงามยิ่งใหญ่ และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวยังนิยมไปเยี่ยมเยือนเสมอ

เที่ยว กำแพงเมืองจีน เดือนไหนดี

กำแพงเมืองจีน เป็นสถานที่เหมาะกับการไปเที่ยวตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็น ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว มีสภาพอากาศและบรรยากาศที่สวยงามแตกต่างกันไป แต่ก็ต้องเตรียมเสื้อผ้าและวางแผนที่เที่ยวให้เหมาะกับช่วงเวลาที่ไปด้วย

ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
กำแพงเมืองจีน
Credit : aphotostory / shutterstock.com

นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยว เพราะสภาพอากาศค่อนข้างอบอุ่น แต่ยังคงหนาวเล็กน้อยในเวลากลางคืน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 11 – 20 องศาเซลเซียส เหมาะกับการเดินเล่นเพลินๆ ที่กำแพงมากๆ พร้อม ชมเหล่าดอกไม้นานาพันธุ์บนภูเขาบานสะพรั่ง สีสันของดอกไม้แต่งแต้มให้บรรยากาศของเมืองดูสดใส

ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายน – สิงหาคม

ความเขียวชอุ่มมาเยือนทั่วทั้งภูเขา ต้นไม้ใบหญ้าต่างเขียวขจี ให้ความรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา ส่วนสภาพอากาศนั้นค่อนข้างร้อนอบอ้าวและมีแดดแรงเลยทีเดียว อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 24 – 30 องศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงการเดินเที่ยวกำแพงในช่วงกลางวัน เพราะแดดค่อนข้างแรง อาจทำให้เป็นลม หรือผิวแสบไหม้ได้ ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม อาจมีฝนตกแรงและพายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้เดินลำบาก เดือนที่มีฝนตกมากคือช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ที่สำคัญช่วงนี้เป็นช่วงที่นักเรียนจีนปิดเทอมฤดูร้อน ทำให้มีนักท่องเที่ยวเยอะเป็นพิเศษ แนะนำให้ไปในโซนที่คนน้อยๆ จะดีกว่า

ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน – พฤศจิกายน
กำแพงเมืองจีน
Credit : PrasitRodphan / shutterstock.com

ฤดูใบไม้ร่วงถือเป็นอีกหนึ่งฤดูแนะนำในการเที่ยวกำแพงเมืองจีน เพราะอากาศกำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป อุณหภูมิค่อยๆ ลดลง เฉลี่ยประมาณ 8 – 18 องศาเซลเซียส ท้องฟ้าสดใส แถมผู้คนไม่พลุกพล่าน และมีทิวทัศน์ที่สวยงามเกินต้าน ภูเขาปกคลุมไปด้วยต้นไม้เปลี่ยนสี จากเขียวเป็นเหลือง ส้ม แดง หลากสีสัน ถือเป็นฤดูกาลที่สวยที่สุด เหมาะกับการมาเที่ยวชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีมาก

ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์
Credit : Perkus / shutterstock.com

บนกำแพงจะอากาศแห้ง ลมแรง และหนาวจัด บางครั้งมีหิมะตกหนัก อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -10 – 4 องศาเซลเซียส ใครที่ชอบความหนาวแบบสุดขั้วแนะนำเลย มาเที่ยวกำแพงช่วงนี้ จะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย แถมยังได้เห็นกำแพงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะทอดยาวสุดสายตา สวยงามประทับใจ

แนะนำด่านสำคัญ สวยน่าเที่ยว

ตาม ประวัติ กำแพงเมืองจีน ที่มีความยาวหลายหมื่นกิโลเมตร ทำให้กำแพงมีหลายด่านมากๆ ซึ่งแต่ละด่านมีความสวยงามที่ไม่เหมือนกัน บางด่านเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่ก็มีบางด่านที่บูรณะไม่เสร็จ บางด่านสูงชันอันตราย หรือบางด่านไกลจากกรุงปักกิ่งมาก จึงยังไม่พร้อมเปิดให้เข้าชม แต่ก็มีอยู่ 3 ด่านหลักๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปมากที่สุด แถมยังเป็นด่านที่ค่อนข้างสะดวกสบาย เดินทางง่าย

Credit : Mirko Kuzmanovic / shutterstock.com

1. ด่านจวียงกวน (Juyongguan)
เป็นด่านที่อยู่ใกล้กรุงปักกิ่งมากที่สุด ห่างออกไปเพียงแค่ 50 กิโลเมตรเท่านั้น ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามของวิวทิวทัศน์ มีวัด สวน และการจารึกภาษาต่างๆ กระจายโดยรอบ แต่การเดินทางจะต้องเดินขึ้นอย่างเดียว เพราะไม่มีกระเช้าลอยฟ้า การเดินจะเริ่มจากจุดเริ่มต้น แล้วไปจบตรงจุดเดิม ทำให้ไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมาเหมือนกับด่านอื่นๆ

Credit : HelloRF Zcool / shutterstock.com

2. ด่านปาต้าหลิ่ง (Badaling)
เป็นด่านที่อยู่ใกล้กรุงปักกิ่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 82 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนภูเขาจวินตู ทำให้แนวกำแพงคดโค้งไปตามสันเขาอย่างสวยงาม เดินทางสะดวก สามารถนั่งรถไฟและรถบัสมาจากปักกิ่งได้เลย มีกระเช้าลอยฟ้าและรถรางที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่เด็กและผู้สูงอายุ ทั้งยังมีร้านอาหาร ของกินเพียบ นับเป็นด่านที่นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดเลยก็ว่าได้

Credit : Best View Stock / shutterstock.com

3. ด่านซือหม่าไถ (Simatai)
เป็นด่านที่ตั้งอยู่ห่างจากกรุงปักกิ่งประมาณ 140 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนแนวเขาที่มีความสูงชัน แต่ขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก นับเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของกำแพงเมืองเลยทีเดียว ทั้งยังเป็นด่านที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมในเวลากลางคืนได้อีกด้วย บริเวณโดยรอบมีเมืองโบราณขนาดใหญ่ที่มีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และร้านขายของพื้นเมือง แม้ต้องเดินทางไกลหน่อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ

กิจกรรมไฮไลต์ที่น่าสนใจ

นอกจากจะหาจุดชมวิวสวยๆ ชมธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมถ่ายรูปที่มีฉากหลังเป็นเส้นทางบนกำแพงไว้เป็นภาพความทรงจำแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ทำอีกเยอะมาก เรียกว่าเปิดประสบการณ์ใหม่เลยก็ว่าได้

1. นั่งกระเช้าลอยฟ้า : ใครอยากขึ้นไปชมกำแพงเมืองแบบชิลๆ ก็ต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้านี่แหละ เพราะจะได้สัมผัสวิวธรรมชาติแบบ 360 องศา ถ่ายรูปทิวทัศน์ต่างๆ จากมุมสูง แต่จะมีให้บริการบางด่านเท่านั้นนะ

Credit : cits.net

2. นั่งเฮลิคอปเตอร์ : นอกจากกระเช้าลอยฟ้าแล้ว เรายังสามารถเที่ยวกำแพงเมืองจีนโดยการนั่งเฮลิคอปเตอร์ได้ด้วย มีให้เลือกหลายช่วงเวลา ตั้งแต่ 10 นาทีไปจนถึง 1 ชั่วโมง ได้เก็บมุมมองสวยๆ จากมุมสูง สวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน

3. วิ่งมาราธอน : นักวิ่งต้องหลงรักแน่นอน เพราะทุกปีที่กำแพงเมืองจีนจะถูกจัดให้เป็นสถานที่สำหรับงานวิ่งมาราธอน เปิดโอกาสให้เหล่านักวิ่งจากทั่วโลกมาร่วมวิ่งบนเส้นทางต่างๆ ในแต่ละจุดของกำแพง เป็นการวิ่งมาราธอนที่ได้ชมวิวสวยๆ ในเวลาเดียวกัน

Credit : beijinghikers.com

4. กางเต็นท์นอน : ใครเป็นสายผจญภัย ชอบใกล้ชิดธรรมชาติ ต้องมากางเต็นท์นอนกันที่กำแพงเมืองจีนเลย มีหลายจุดที่สามารถให้นักท่องเที่ยวตั้งแคมป์ได้ ชมบรรยากาศของท้องฟ้า และดวงดาวในยามค่ำคืนตรงกำแพงเมือง ฟินได้อีก

ทุกวันนี้กำแพงเมืองจีนที่เราเห็นนั้น เป็นเพียงแค่ 1 ใน 3 ของทั้งหมด เพราะกาลเวลาผ่านไป บวกกับขาดการดูแล ขาดการบูรณะซ่อมแซม หรือบางจุดก็ยากที่จะเข้าถึง ส่งผลให้กำแพงเมืองจีนบางส่วนมีความเสียหาย และค่อยๆ สูญหายไป ใครที่ยังไม่เคยไปอยากให้ลองหาโอกาสไปเยือนสักครั้งในชีวิต เพราะนับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโดยฝีมือมนุษย์ ควรค่าแก่การน่าไปเยือนจริงๆ


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1. กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————

Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์จีน ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
[email protected]
Line id : @mushroomtravel

สินค้าที่เกี่ยวข้อง