ฮอกไกโด เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่นรองจากฮอนชู ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศ มีภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งทุ่งหญ้า ป่าไม้ ทะเลสาบ ภูเขาไฟ และยังถูกโอบล้อมไว้ด้วยทะเล จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีทัศนียภาพงดงาม ขึ้นชื่อเรื่องลานสกีที่คนนิยมมาเล่นกันในช่วงฤดูหนาว สภาพอากาศโดยรวมค่อนข้างหนาวเย็น อุณหภูมิต่ำเกือบตลอดทั้งปี ประกอบด้วย 4 ฤดู คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว หน้าร้อนอากาศเย็นสบาย ส่วนหน้าหนาวบอกเลยว่าหนาวจัดๆ หิมะหนา นุ่มฟู น่าเล่นสุดๆ สำหรับใครที่ยังไม่เคยไป เที่ยวฮอกไกโด และกำลังวางแผนจะไปเป็นครั้งแรก พี่เห็ด มัชรูมทราเวล รวบรวม 20 ที่เที่ยว ฮอกไกโด มาแนะนำ คัดมาแล้วว่าเด็ดจริงไม่ควรพลาด จะมีที่ไหนบ้างไปดูกัน !
1. บ่อน้ำสีฟ้า (Blue Pond) – บิเอะ
บ่อน้ำสีฟ้า ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของเมืองบิเอะ หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น มาเห็นกับตาแล้วจะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ชื่อนี้ เพราะน้ำเป็นสีฟ้าใสสมชื่อจริงๆ สาเหตุคาดว่าเป็นเพราะอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟแถวนั้นที่ไหลลงไปผสมอยู่ในน้ำ โดยสีฟ้าของน้ำยังเปลี่ยนไปตามฤดูกาล และแตกต่างกันไปตามจุดที่เรายืนชม ช่วงเวลาแนะนำคือ ฤดูร้อน เพราะต้นไม้รอบๆ จะเป็นสีเขียวชอุ่มสดชื่น และฤดูใบไม้ร่วงที่จะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสี หากมาช่วงฤดูหนาวอาจไม่เห็นสีฟ้าของน้ำเนื่องจากหิมะปกคลุม แต่ก็จะได้เห็นต้นไม้ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลนแทน สวยงามไปอีกแบบ และถ้ามาเที่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนเมษายน จะมีการประดับไฟตอนกลางคืน ใครชอบบรรยากาศแบบไหนก็เลือกได้เลย
เวลาเปิด-ปิด : พฤษภาคม – ตุลาคม เวลา 07.00 – 19.00 น. / กันยายน – เมษายน เวลา 08.00 – 21.30 น.
การเดินทาง : นั่งรถบัส Dohoku จากสถานี Biei ลงที่ Shirogane Blue Pond จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 400 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/pw6aw2Qe1xTC7jRn6
2. น้ำตกชิราฮิเกะ (Shirahige Waterfall) – บิเอะ
เขยิบออกมาไม่ไกลกัน จะเจอกับ น้ำตกชิราฮิเกะ หรือที่เรียกกันว่า น้ำตกหนวดขาว ตั้งอยู่ในพื้นที่ของชิโรกาเนะออนเซ็น 1 ใน 5 น้ำตกที่สวยที่สุดในฮอกไกโด เป็นกลุ่มธารน้ำที่มีต้นกำเนิดอยู่บนหน้าผาสูงราว 30 เมตร ไหลมาตามซอกหินจนดูคล้ายกับหนวดเคราสีขาว ลงสู่แม่น้ำบิเอะสีฟ้าสดใสที่อยู่เบื้องล่าง ความสวยงามแตกต่างกันไปตามฤดู แนะนำช่วงฤดูใบไม้ร่วง ประมาณปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ภูเขาทั้งลูกจะถูกปกคลุมด้วยสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนจากเขียว เป็นเหลือง ส้ม แดง ดูงดงามราวกับภาพวาดเลย
การเดินทาง : จากสถานี Biei นั่งรถบัส Dohoku มาลงป้าย Shirogane Onsen
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/qjNRLcDy7kr8AAWe7
3. สวนสัตว์อาซาฮิยาม่า (Asahiyama Zoo) – อาซาฮิคาวะ
สวนสัตว์อาซาฮิยาม่า เป็นหนึ่งใน ที่เที่ยว ฮอกไกโด ยอดนิยม ที่มีผู้มาเยี่ยมชมราว 1.4 ล้านคนต่อปี เป็นบ้านของสัตว์กว่า 150 สายพันธุ์ รวมมากกว่า 800 ตัว จุดเด่นคือการสร้างสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิถีชีวิตจริงๆ ของสัตว์ เช่น หมู่บ้านทตโตริที่ให้นกบินอย่างอิสระ, บ้านเพนกวินที่มีอุโมงค์ใต้น้ำเหมือนอควาเรียม, สวนน้ำของหมีขั้วโลกที่มีโดมแก้วให้เราโผล่หัวขึ้นไปดูอย่างใกล้ชิด ไฮไลต์ที่หลายคนชื่นชอบคือ พาเหรดเพนกวิน ซึ่งจะมีให้ชมเฉพาะในฤดูหนาวเท่านั้น แต่หากมาช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ก็จะได้ชมซากุระสวยๆ ที่บานสะพรั่งอยู่หน้าสวนสัตว์ น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน / เด็ก – นักเรียนมัธยมต้น เข้าฟรี
การเดินทาง : จากสถานี JR Asahikawa นั่งรถบัส Asahikawa Electric Tramway สาย 41, 42 หรือ 47 มาลงที่สวนสัตว์อะซาฮิยาม่า
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/iCvsdBRN7ARkyaBM6
4. โรงงานช็อกโกแลต ชิโรอิโคอิบิโตะ (Shiroi Koibito Park) – ซัปโปโร
ถ้าพูดถึงขนมชื่อดังของฮอกไกโด คุกกี้ชิโรอิโคอิบิโตะ (Shiroi Koibito) คือที่สุดของความอร่อย เป็นคุกกี้สอดไส้ไวท์ช็อกโกแลต ที่ไม่ว่าใครไปฮอกไกโดก็ต้องซื้อกลับ มาที่ โรงงานช็อกโกแลต ชิโรอิโคอิบิโตะ นอกจากจะได้ลิ้มลองรสชาติหอมหวานอันเป็นเอกลักษณ์ ยังจะได้ชมกระบวนการผลิต และสนุกไปกับการเวิร์กช็อปทำคุกกี้ที่จะมีเพียงชิ้นเดียวในโลก แม้จะมาเที่ยวได้ทั้งปี แต่ช่วงที่คนนิยมคือ ฤดูหนาว ที่มีการตกแต่งไฟ Illumination ท่ามกลางอาคารสไตล์ตะวันตก และหิมะโปรยปราย ส่วนฤดูร้อนช่วงเดือนมิถุนายน จะได้พบกับดอกกุหลาบกว่า 100 สายพันธุ์ในสวนสไตล์อังกฤษบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (อายุ 16 ปีขึ้นไป) 800 เยน / เด็ก (อายุ 4 – 15 ปี) 400 เยน / เด็ก 0 – 3 ขวบ เข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : 10:00 – 18:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย Tozai Line ลงสถานี Miyanosawa เดินต่อประมาณ 500 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/pqRieG4X4eSgTo2RA
5. เนินพระพุทธเจ้า (Hill of The Buddha) – ซัปโปโร
เนินพระพุทธเจ้า เป็น ที่เที่ยว ฮอกไกโด ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปี 2015 เป็นผลงานชิ้นเอกที่ออกแบบโดย ทาดาโอะ อันโดะ (Tadao Ando) สถาปนิกชาวญี่ปุ่น เจ้าของรางวัล Pritzker Architecture Prize ที่ถือเป็นสุดยอดรางวัลของสถาปนิก มีอุโมงค์ทางเดินความยาว 40 เมตร สุดปลายอุโมงค์เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสีขาวขนาดใหญ่ ที่มีความสูงถึง 13.5 เมตร และหนักถึง 1,500 ตัน ช่วงฤดูร้อนประมาณเดือนกรกฎาคม ดอกลาเวนเดอร์กว่า 150,000 ดอก จะบานสะพรั่งจนเนินเขารอบๆ เหมือนถูกปูด้วยพรมสีม่วงเลย
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก (อายุต่ำกว่า 12 ปี) เข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เมษายน – ตุลาคม เวลา 09.00 – 16.00 น. / พฤศจิกายน – มีนาคม เวลา 10.00 – 15.00 น.
การเดินทาง : จากสถานี Makomanai นั่งรถบัส Chuo Bus 108 ที่ป้ายรถเมล์หมายเลข 2 ลงที่สุสาน Takino Reien ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/M6ZJVD18Mqu5EwwK9
6. สวนพฤกษศาสตร์ ฮิราโอกะ (Hiraoka Tree Art Center) – ซัปโปโร
พิกัดน่าเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้องมาที่ สวนพฤกษศาสตร์ ฮิราโอกะ เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของซัปโปโร เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามตระการตาไม่แพ้ที่ไหน ช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ต้นโมมิจิ หรือ เมเปิ้ล หลากหลายสายพันธุ์รวมกว่า 700 ต้น จะผลัดใบกลายเป็นอุโมงค์สีแดงยาว 150 เมตร เป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายกัน รับรองว่ามาแล้วได้รูปสวยๆ กลับไปแน่นอน
เวลาเปิด-ปิด : ปลายเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤศจิกายน เวลา 08.45 – 17.15 น. (ปิดวันจันทร์)
การเดินทาง : นั่งรถบัส Chuo Bus 69 จากสถานี Oyachi ไปลงที่ป้าย Hiraoka 4-jo 2-chome
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/ctbGZzte3fSXqXoU7
7. ถนนต้นแปะก๊วย มหาวิทยาลัยฮอกไกโด (Hokkaido University Ginkgo Avenue) – ซัปโปโร
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ต้องมาในฤดูใบไม้ร่วงคือ ถนนต้นแปะก๊วย หรือ “Ginkgo Avenue” ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยฮอกไกโด เมืองซัปโปโร มีต้นแปะก๊วยขนาดใหญ่เรียงรายอยู่เต็มสองข้างทางกว่า 70 ต้น ในช่วงเดือนตุลาคมจะผลัดใบพร้อมกันจะกลายเป็นอุโมงค์สีเหลืองทองที่มีความยาวถึง 380 เมตร นอกจากนี้ช่วงปลายเดือนตุลาคมยังมีการจัดงานเทศกาล The Golden-Leaf Festival หรือ Kon’yousai เป็นประจำทุกปี โดยจะมีการแสดง และออกบูธขายของต่างๆ ด้วย
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 21.00 น. / ถ้ามี Light Up Event จะเปิดไฟประมาณ 18.00 – 21.00 น.
การเดินทาง : เดินจากสถานี Kita 12 jou ประมาณ 450 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/sv1ME6AAtdLhtz7S7
8. นิงเกิ้ลเทอเรส (Ningle Terrace) – ฟุราโนะ
นิงเกิ้ลเทอเรส เป็นหมู่บ้านงานฝีมือที่ตั้งอยู่ในบริเวณของโรงแรม New Furano Prince ตัวบ้านเป็นกระท่อมไม้เล็กๆ ตั้งเรียงรายอยู่ท่ามกลางป่าใหญ่ เหมือนดินแดนในเทพนิยาย บ้านแต่ละหลังเป็นทั้งคาเฟ่ ร้านค้า จำหน่ายของที่ระลึก สินค้าแฮนด์เมด งานศิลปะ ฯลฯ บรรยากาศอบอุ่น น่ารัก แนะนำให้มาฤดูหนาว หิมะหนาๆ บนหลังคา ทางเดิน และการประดับไฟสวยๆ จะทำให้ที่นี่ดูโรแมนติกขึ้นไปอีก
เวลาเปิด-ปิด : 12.00 – 20.30 น.
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Furano นั่งรถบัส The Lavender-Go ไปลงที่ New Furano Prince Hotel
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/mddxbyLnVNGCJdu39
9. ป้อมโกเรียวกาคุ (Fort Goryokaku) – ฮาโกดาเตะ
ป้อมโกเรียวกาคุ เป็นป้อมปราการรูปดาวขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในช่วงปลายยุคเอโดะ เพื่อป้องกันเมืองฮาโกดาเตะจากการคุกคามของตะวันตก ภายหลังถูกเปลี่ยนให้เป็นสวนสาธารณะ มีหอคอยสูง 107 เมตร รอบข้างเป็นกระจกใส ทำให้สามารถมองเห็นวิวของภูเขาฮาโกดาเตะ, ช่องแคบสึการุ, เทือกเขาโยโกตสึได้แบบ 360 องศา ที่นี่มีบรรยากาศที่แตกต่างไปในแต่ละฤดู เริ่มตั้งแต่ ฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเดือนพฤษภาคมมีต้นซากุระกว่า 1,600 ต้นปลูกอยู่รอบๆ คูเมือง, ฤดูร้อน ต้นไม้รอบๆ กลายเป็นสีเขียวขจี, ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเดือนตุลาคมต้นไม้รอบๆ ป้อมดาวจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง และ ฤดูหนาว ทั่วทั้งพื้นที่จะปกคลุมด้วยหิมะสีขาว เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่มาชมบรรยากาศสวยๆ ได้ตลอดทั้งปี
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน / นักเรียนมัธยมต้น และมัธยมปลาย 750 เยน / นักเรียนประถม 500 เยน
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 18.00 น.
การเดินทาง : จากสถานี Hakodate นั่งรถ Hakodate City Tram ไปลงที่ Goryokaku Koen-mae จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 800 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/RMmUcR648SEp2Nb88
10. คลองโอตารุ (Otaru Canal) – โอตารุ
ต่อด้วยที่เที่ยวชิลๆ อย่าง คลองโอตารุ เป็นคลองที่ไหลผ่านใจกลางเมือง สมัยก่อนเป็นเส้นทางขนส่งสินค้า ลำเลียงไปยังโกดังต่างๆ ที่อยู่ริมคลอง ภายหลังคนหันไปใช้ท่าเรือใหญ่กันมากขึ้น โกดังที่ถูกทิ้งร้างเหล่านี้จึงถูกปรับปรุงให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร ตอนกลางวันมีการแสดงผลงานจากศิลปินต่างๆ พอตกเย็นจะมีการเปิดไฟสร้างบรรยากาศให้โรแมนติกกว่าเดิม ช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการจัดงาน เทศกาลโอตารุ สโนว์สตอรี่ (Otaru Snow Story) ประดับไฟกว่า 10,000 ดวง ท่ามกลางหิมะสีขาว ทำให้บรรยากาศสวยงามมากในยามค่ำคืน
การเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงสถานี Otaru จากนั้นเดินต่อประมาณ 900 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/W1hB4DqpqNAx4hmK6
11. ย่านทานุกิโคจิ (Tanuki Koji) – ซัปโปโร
ที่เที่ยว ฮอกไกโด สำหรับขาช้อปต้อง ย่านทานุกิโคจิ เป็นย่านช้อปปิ้งในร่มที่มีความยาว 1 กิโลเมตร ภายในแบ่งเป็น 7 บล็อก แม้จะเป็นถนนคนเดินเก่าแก่ที่มีอายุถึง 150 ปี แต่ที่นี่ก็ไม่เคยหลับใหล ยังคงคึกคักไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอย มีร้านค้ามากมายกว่า 200 ร้าน ทั้งร้านเสื้อผ้า, รองเท้า, เครื่องประดับ, ของจุกจิก, ของที่ระลึก และยังเป็นแหล่งรวมความอร่อย ที่มีทั้งร้านราเมน, ร้านปิ้งย่าง, ร้านอิซากายะ, คาเฟ่, บาร์ และอีกมากมาย
การเดินทาง : เดินจากสถานี Odori ประมาณ 350 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/hdqooVcHAQvkmuQo6
12. ย่านน้ำพุร้อนโจซังเค (Jozankei Onsen) – ซัปโปโร
โจซังเค เป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด ตั้งอยู่ในหุบเขาของอุทยานแห่งชาติชิโคทสึ-โทยะ (Shikotsu-Toya National Park) มีโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้ามากมาย และยังมีบ่อออนเซ็นสำหรับแช่เท้าฟรีด้วย น้ำพุร้อนของที่นี่มาจากแหล่งธรรมชาติ อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ ช่วยสมานแผล บำรุงผิวพรรณ ทำให้เลือดไหลเวียนดี ทัศนียภาพสวยงามทุกฤดู โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้ในหุบเขาจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง สวยงามมาก ช่วงเวลาแนะนำในการชมใบไม้เปลี่ยนสีคือ ประมาณกลางเดือนตุลาคม
การเดินทาง :
– จากสถานี Makmanai นั่งรถบัส Jotetsu สาย 12 มาที่ย่านน้ำพุร้อนโจซังเค ประมาณ 50 นาที
– จากสถานี Sapporo นั่ง Jotetsu Bus Kappa Liner สาย 7, 8 มาที่ย่านน้ำพุร้อนโจซังเค ประมาณ 75 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/AptvjaxoZS1xSAZ96
13. หุบเขานรกจิโงคุดานิ (Jigokudani) – โนโบริเบ็ทสึ
หุบเขานรกจิโงคุดานิ เป็นปากปล่องภูเขาไฟขนาด 450 เมตร ที่ยังมีควันพวยพุ่งออกมา และเป็นแหล่งกำเนิดของน้ำพุร้อนที่ไหลไปยัง “โนโบริเบ็ทสึออนเซ็น” เมืองน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของฮอกไกโด แม้ชื่ออาจจะฟังดูน่ากลัว แต่ที่นี่วิวสวยมาก จนได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 100 สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น มีทั้งจุดชมวิวสวยๆ บ่อแช่เท้า และเส้นทางเดินป่าที่จะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
การเดินทาง : จากสถานี JR Noboribetsu นั่งรถบัส Donan ลงที่สถานี Noboribetsu Onsen จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 600 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/rcNdhLKm1N1uW9TM9
14. นิเซโกะ สกี รีสอร์ต (Niseko ski resort) – นิเซโกะ
ใครมา เที่ยวฮอกไกโด หน้าหนาว อยากสัมผัสหิมะฟินๆ ต้องมาที่ นิเซโกะ สกี รีสอร์ต เป็นย่านสกีรีสอร์ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ประกอบด้วยรีสอร์ต 4 แห่ง คือ Niseko Annupuri, Niseko Village, Niseko Tokyu Grand Hirafu และ Niseko Hanazono Resort ปุยหิมะนุ่มมาก เนียนละเอียดเหมือนแป้ง มีกิจกรรมให้ทำเยอะ ไม่ว่าจะเป็น การเล่นสกี, สโนว์บอร์ด, สโนว์โมบิล หรือนั่งรถเลื่อน ส่วนใครที่มาเที่ยวหน้าร้อน ก็สามารถมาทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างการเดินขึ้นเขา เล่นกอล์ฟ ขี่ม้า ตกปลา ได้อีกด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังวิวสวยมาก มองเห็น ภูเขาโยเทอิ (Mt. Yotei) ที่ได้ชื่อว่า ฟูจิแห่งฮอกไกโด อีกด้วย
การเดินทาง : จากสนามบิน New Chitose นั่งรถบัสไปลงสถานี Niseko ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/rfVVNdSs9X2SearW7
15. ทุ่งดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai no oka) – บิเอะ
ไปกันต่อกับสวรรค์ของคนชอบดอกไม้ และสายถ่ายรูปอย่าง ทุ่งดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ สวนขนาดใหญ่ประมาณ 93 ไร่ ที่นี่มีดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ ที่จะบานสลับกันตลอดทั้งปี ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูใบไม้ร่วง และยังมีฟาร์มอัลปาก้า ที่สามารถแวะไปถ่ายรูป ให้อาหารได้ด้วย ภายในมีรถให้บริการ (ค่าบริการ 500 เยน) โดยรถจะวิ่งช้าๆ ผ่านเส้นทางที่สวยงามที่สุดของสวน และมีจุดสำหรับถ่ายรูประหว่างการเดินทาง หรือถ้าอยากขับเอง ก็สามารถเช่ารถ Carts ได้ นอกจากจะมาชมดอกไม้ที่บานสะพรั่งแล้ว ช่วงฤดูหนาว ทุ่งหญ้าจะปกคลุมไปด้วยหิมะ จนกลายเป็นลานสกีที่มีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำเพียบ!
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็กประถม – มัธยมต้น 300 เยน
เวลาเปิด-ปิด : มกราคม – เมษายน เวลา 09.10 – 17.00 น. / พฤษภาคม – ตุลาคม เวลา 08.40 – 17.00 น. / มิถุนายน – กันยายน เวลา 08.40 – 17.30 น. / พฤศจิกายน – ธันวาคม เวลา 09.10 – 16.30 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR Furano ไปยังสถานี Bibaushi เดินต่อประมาณ 25 นาที หรือลงสถานี Biei แล้วนั่งแท็กซี่ต่อประมาณ 12 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/TkbjqXz4c3SxHkg9A
16. ล่องเรือตัดน้ำแข็ง (Drift Ice Sightseeing & Icebreaker Ship) – มมเบ็ตสึ, อะบะชิริ
ใครอยากล่องเรือตัดน้ำแข็ง ต้องมา เที่ยวฮอกไกโด ที่เมืองมมเบ็ตสึ ช่วงกลางเดือนมกราคมถึงมีนาคม จะมีแพน้ำแข็งมากมายลอยอยู่เหนือทะเลโอค็อตสค์ (Okhotsk) เรือจะพาเราแล่นไปตามเส้นทาง และใช้สว่านขนาดใหญ่เจาะทำลายน้ำแข็งเหล่านี้จนเกิดเสียงดังกึกก้อง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังผจญภัยอยู่ในโลกน้ำแข็ง ถ้าโชคดีก็อาจจะได้เห็นสัตว์หายาก เช่น แมวน้ำลายจุด และอินทรีทะเลหางขาวอีกด้วย ทั้งยังมีกิจกรรมอื่นๆ อาทิ การเดินบนธารน้ำแข็ง, การตกปลาในน้ำแข็ง เป็นต้น
การเดินทาง :
– จากสนามบิน Memanbetsu นั่งรถบัสไปยังท่าเรือตัดหิมะ ประมาณ 40 นาที
– ห่างจากสถานี JR Abashiri ประมาณ 1.5 กิโลเมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/6Fi2UmfsUhNsPMc77
17. เทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) – ซัปโปโร
เทศกาลฤดูหนาวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นก็คงหนีไม่พ้น เทศกาลหิมะซัปโปโร จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 โดยจะจัดเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ที่บริเวณ 3 จุดหลักๆ คือ สวนโอโดริ (Odori Park), ย่านซูซูกิโนะ (Susukino) และสึโดม (Tsudome) จุดที่ใหญ่ที่สุดคือ สวนโอโดริ ที่ตั้งอยู่ใจกลางซัปโปโร มีการประกวด และจัดแสดงประติมากรรมหิมะขนาดใหญ่มากมาย ทั้งผลงานที่เป็นของคนในท้องถิ่น และศิลปินชื่อดังทั่วโลก ช่วงเย็นจะเปิดไฟ Illumination ไปจนถึง 22.00 น. เลย ใครที่อยากดูข้อมูลแบบละเอียด พี่เห็ดรวบรวมไว้ให้แล้ว >> ที่นี่
การเดินทาง : จากสถานี Sapporo ขึ้นรถไฟสาย Namboku หรือ Toho ไปลงสถานี Odori
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/yFsCfDYgzdjcHh4L9
18. มิตซุยเอาท์เล็ท (Mitsui Outlet Park Sapporo) – คิตะฮิโรชิมะ
เอาใจขาช้อปกันหน่อย กับ ที่เที่ยว ฮอกไกโด ยอดนิยมที่มาแล้วเงินเยนละลายไวมาก อย่าง มิตซุยเอาท์เล็ท เป็นเอาท์เล็ทที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด มีร้านค้านับร้อย รวมถึงร้านค้าปลอดภาษี เดินไปทางไหนก็มีแต่ของน่าซื้อเต็มไปหมด ราคาถูกกว่าที่อื่นด้วย ไม่ว่าจะแบรนด์ระดับโลก หรือแบรนด์ญี่ปุ่น ก็มีให้เลือกมากมาย เช่น Prada, Gucci, Diesel, Jimmy Choo, Vans, Beams, Nike, Coach, Onitsuka Tiger, New Balance ฯลฯ และถ้าช้อปทั้งวันจนหิว ภายในเอาท์เล็ทก็มีศูนย์อาหารให้บริการ รวมไปถึงร้านขายของฝาก ของแฮนด์เมด สินค้าท้องถิ่น ให้ได้ซื้อกลับบ้านอีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 20.00 น.
การเดินทาง :
– จากสนามบิน Shin-Chitose นั่งรถบัส Hokuto Kotsu หรือ Chuo Bus มาลงมิตซุยเอาท์เล็ท ประมาณ 30 นาที
– จากสถานีซัปโปโร (หน้าห้างสรรพสินค้า Tokyu) นั่ง Chuo Bus มาลงมิตซุยเอาท์เล็ท
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/kCLTkHBA7E5dPH1p8
19. ตลาดปลานิโจ (Nijo Market) – ซัปโปโร
ตลาดปลานิโจ เป็นตลาดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซัปโปโร เหมาะสำหรับการช้อปปิ้งและลิ้มรสอาหารทะเลคุณภาพดี ที่มีขายทั้งแบบสดๆ และแบบปรุงสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นปูทาราบะตัวใหญ่ ไข่หอยเม่น ปลาแซลมอน หรือหอยโฮตาเตะที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของฮอกไกโด และยังมีผลไม้ตามฤดูกาล ร้านอาหาร ร้านขายของฝากหลายแห่งกระจายอยู่ทั่วตลาด ราคาไม่แพงด้วย
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดิน Sapporo Subway สาย Namboku, Toho หรือ Tozai มาลงที่สถานี Odori ออกทางออก 1 จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
เวลาเปิด-ปิด : 07.00 – 18.00 น.
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/dLKty1v9uWgzaegXA
20. พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum) – ซัปโปโร
ปิดท้ายด้วย ที่เที่ยว ฮอกไกโด สำหรับสายดื่ม กับ พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร เพราะที่นี่คือพิพิธภัณฑ์เบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นบ้านเกิดของเบียร์ซัปโปโร อันเลื่องชื่อ ที่ผลิตมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1877 ภายในอาคารจัดแสดงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับเบียร์ซัปโปโร และมีเบียร์หลายชนิดให้ลองชิม บางชนิดก็มีเฉพาะที่นี่เท่านั้น ส่วนด้านนอกมี Sapporo Beer Garden ที่พร้อมเสิร์ฟเบียร์สดรสนุ่ม แกล้มด้วยเนื้อย่างเจงกีสข่าน หรือเนื้อแกะย่าง อาหารพื้นเมืองสุดขึ้นชื่อของฮอกไกโด
เวลาเปิด-ปิด : 11:00 – 18:00 น. (ปิดวันจันทร์)
การเดินทาง :
– จากสถานี Odori หรือหน้าห้างสรรพสินค้า Tokyu นั่งรถบัส Loop 88 Factory Line มาลงที่พิพิธภัณฑ์
– นั่งรถไฟสาย Toho จากสถานี Sapporo มาลงที่สถานี Higashi-Kuyakushomae จากนั้นเดินต่อประมาณ 15 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/X33q1VpbD1KtLyby9
นอกจากฮอกไกโดจะมีที่เที่ยวเยอะ ไฮไลต์ในแต่ละฤดูยังแตกต่างกัน จึงมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำตลอดทั้งปี พี่เห็ดคอนเฟิร์มเลยว่ามาแล้วไม่ผิดหวัง ใครอยากสัมผัสประสบการณ์ฟินๆ แบบนี้จอง ทัวร์ฮอกไกโด ไปกับมัชรูมทราเวล แล้วแพ็คกระเป๋าเตรียมตัวออกเดินทางกันเลย !