Mushroom Travel LINE
เราช่วยคุณได้
@mushroomtour
จันทร์ - เสาร์
9:00-22:00
อาทิตย์
9:00-18:00
Call Mushroom Travel
Call Center
02 105 6234
จอง 6 คนขึ้นไป
จอง 6 คนขึ้นไป
02 105 6244
Loading...

:: Hong Kong :: Best Place to Check-in !

โพสเมื่อ

ครั้งนี้มัชรูมทราเวลได้รับเกียรติจาก Guest สุดพิเศษ ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์เที่ยว Hong Kong Check in สถานที่ดังๆ ฮิตๆ ไม่มีตกเทรนด์ ไปดูกันว่าไป เที่ยวฮ่องกง ทั้งที ต้องไปที่ไหน?!


:: Hong Kong :: Best Place to Check-in !

ครั้งนี้เป็นการ มาฮ่องกง ครั้งที่ 3 ของเราแล้ว ซึ่งครั้งก่อนจะเป็นการท่องเที่ยวตามสถานที่ธรรมชาติและหามุมใหม่ๆของฮ่องกง แต่คราวนี้เราจะกลับเข้ามาในเมืองพากันไปหาจุดถ่ายภาพสวยๆ ที่กิน ที่ช้อปปิ้งแบบสนุกๆ และหาที่ชิวไปด้วยกัน ในระยะเวลาแค่ 2 วันในฮ่องกง ((ซึ่งอาจจะมีบางแห่งที่ซ้ำกับรีวิวเก่าที่เคยนำมาเล่าให้ฟังแล้วบ้าง))

ก็เลยออกมาเป็น Theme (ที่เราคิดเอง) ว่า :: Hong Kong :: Best Place to Check-In : ) ลองไปดูกันว่าเที่ยว Hong Kong Check in ที่ไหนดี

Hong Kong Check in

อย่างที่ทราบว่าฮ่องกงมีภูมิประเทศเป็นเกาะน้อยใหญ่ต่างๆ เกาะที่มีการพัฒนาไปมากๆ คือ ฝั่งเกาลูน และฝั่งฮ่องกง

ซึ่งทั้ง 2 ด้านมีรูปแบบเมืองที่แตกต่างกันออกไป ฝั่งเกาลูน ส่วนมากจะเป็นที่อยู่อาศัย ร้านค้า ตลาด มีความ Vintage และคลาสสิก สูงมาก ประชากรส่วนใหญ่ที่เราเห็นจะมีชาวฮ่องกงซะมาก ส่วนฝั่งฮ่องกงจะเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ มีตึกสูงที่เป็น Landmark ของฮ่องกง มีความ Modern ทันสมัย และเป็นแหล่งรวมตัวของชาวต่างชาติค่ะ  ซึ่งการรีวิวครั้งนี้เราจะแยกฝั่งเกาลูนและฝั่งฮ่องกงไปตามหัวข้อต่างๆนะ เพื่อความง่ายในการแบ่งเวลาหรือวันไปเที่ยวกัน วันนึงอาจจะเที่ยวเกาลูน อีกวันก็เที่ยวฝั่งฮ่องกงอะไรแบบนี้เนอะ ^^

– Best Place to Take a Picture in Hong Kong –

หลายๆคนในที่นี้อาจจะชอบการถ่ายภาพ ยิ่งโดยเฉพาะอัพลง Social Media เช่น Facebook , IG ต่างๆ เราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ มาคราวนี้เลยหาสถานที่ที่ฮิตๆใหม่ๆของชาวฮ่องกงที่เป็น Location สวยๆในการถ่ายภาพมานำเสนอกัน ซึ่งที่จริงมีหลายที่มากๆ แต่ด้วยเวลาจำกัดเราเลยเลือกมาเที่ยว Hong Kong Check in ใน 3 สถานที่ ที่เด็ดสุดในขณะนี้เลย

เริ่มกันที่ฝั่งเกาลูนกันก่อน

01. Choi Hung Estate

แฟลตที่ถูกตกแต่งด้วยสีสันที่หลากหลาย กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตในปัจจุบันนี้ แต่ความน่าสนใจอยู่ที่ Location ที่อยู่เหนืออาคารจอดรถค่ะ ที่ฮ่องกงมีพื้นที่ที่สามารถอยู่อาศัยได้จริงๆค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับขนาดของเกาะ เนื่องจากมีภูเขา ไม่ค่อยมีที่ราบค่ะ การทำอาคารสูงๆอยู่ได้หลายๆห้อง หรือทำแฟลตขึ้นมาก็ทำให้เกิดที่อยู่อาศัยสำหรับประชากรได้มากขึ้นนั่นเอง ด้วยความที่พื้นที่น้อยมากๆ เราก็จะเห็นว่าฮ่องกงพยายามนำพื้นที่กิจกรรม หรือพื้นที่พักผ่อนยามว่างของประชากรเข้าไปแทรกตามพื้นที่ว่างต่างๆ เช่น ดาดฟ้า เหมือนที่นี่

นอกจากจะมีสนามบาสแล้วก็ยังมีศาลาให้คนในแฟลตมานั่งเล่น แล้วก็มีการปลูกต้นไม้เล็กๆเป็นพวกพืชผักสวนครัวกันด้วย น่ารักมากเลย ^^

ส่วนอาคารก็มีความสวยงามและเคยได้รับรางวัล Silver Medal จาก Hong Kong Institute of Architects ในปี 1995 ด้วย ซึ่งตัวอาคารจอดรถนี้ก็ทำหน้าที่เป็น Court หรือที่เปิดโล่ง ตรงกลางระหว่างอาคารแฟลตนั่นเอง เรียกได้ว่าอาคารรอบๆก็จะได้เห็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนหลังคาอาคารจอดรถนี้ด้วยค่ะ เวลา Search ข้อมูลจาก Google map นั้นง่ายมาก เพราะจะเห็นสีสันของสนามบาสมาแต่ไกลเลย ลองดูนะ : )

วิธีการเดินทาง
นั่ง MTR (รถไฟใต้ดิน) มาลงที่สถานี Choi Hung Exit C4 พอขึ้นมาถึงถนนใหญ่ก็ให้เลี้ยวซ้ายเดินเข้าทางเข้าแฟลตเลย เดินตามทางไปเรื่อยๆจะเจออาคารจอดรถ ให้เดินขึ้นบันไดไปที่ดาดฟ้าเลยค่ะ : )
ปล. สถานี Choi Hung ก็ตกแต่งสถานีด้วยสีสันน่ารักๆด้วยนะ ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกันกับอาคาร Choi Hung Estate มั้ยนะ ?

จุดที่ถ่ายรูปอยู่บนอาคารจอดรถตามภาพด้านบนนี้แหละ สามารถเดินขึ้นบันไดไปได้เลย

ข้ามมาฝั่งฮ่องกงกันเลย กับ Best Place to Take a Picture in Hong Kong

02. Yick Fat Building

อาคารที่อยู่อาศัยอีกแห่งหนึ่งทางฝั่งเกาะฮ่องกงที่มีความหนาแน่นค่อนข้างมาก

สำหรับสิ่งที่น่าสนใจของที่นี่คือ ความ “ยึบยับ” ของห้องที่เกิดขึ้นท่ามกลาง Court ตรงกลางของอาคารค่ะ เพราะว่าลักษณะผังอาคารที่เกิดขึ้นเป็นรูปตัว U และโอบล้อมไปด้วยตึกสูงๆ ใหม่ๆ ตัวอาคารเองก็มีการสลับการยื่น-หดห้องไปมา ทำให้พื้นที่ตรงกลางของอาคารนี้กลายเป็นจุดที่ถ่ายรูปที่เห็นตั้งแต่พื้นอาคารยันท้องฟ้า แถมที่นี่ยังเป็น Location ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Transformer ด้วยนะ

ปล. การเข้าไปถ่ายภาพภายในอาคารก็อย่าลืมให้เกียรติผู้อยู่อาศัยในอาคารด้วยนะ ไม่ส่งเสียงดัง หรือทำข้าวของเค้าเสียหายเนอะ : )

วิธีการเดินทาง
นั่ง MTR ลงสถานี Tai Koo Exit B ออกจากสถานี ถึงถนนใหญ่แล้วเดินไปทางซ้ายตามถนน King’s Road ประมาณ 2 Block ถนนค่ะ แล้วเข้าไปในซอกทางเข้าตึก (จะมีพวกตู้จดหมายวางอยู่) เพราะ Location ถ่ายภาพจะอยู่ข้างในตึกนะจ้ะ

03. Sai Wan Swimming Shed

อีกสถานที่ทางฝั่งฮ่องกงที่ดู Hide Away มากๆ

พอดูเผินๆประเทศฮ่องกงอาจจะดูศิวิไลซ์ แต่จริงๆแล้วที่นี่มีแหล่งธรรมชาติ พื้นที่สีเขียวค่อนข้างเยอะมากนะ ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่อยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวริมทะเลของทางฝั่งฮ่องกง และก็อยู่ท่ามกลางแหล่งที่พักอาศัยของคนฟากนี้ด้วยค่ะ ทำให้เห็นคนส่วนใหญ่มาวิ่งออกกำลังกายกันในวันหยุดแบบที่เราไป

จากข้อมูลที่เราหามาที่นี่ คือสะพานลงน้ำ (น่าจะเป็นอารมณ์แบบลงสระว่ายน้ำ) เป็นที่พักผ่อนของชาวประมง ซึ่งอันที่จริงสมัยก่อนสะพานลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นหลายแห่ง แต่ปัจจุบันเหลือเฉพาะที่ Sai Wan เท่านั้นเอง  และจุดนี้เป็นจุดที่สามารถชมวิวเมืองจากมุมไกลๆและท้องทะเล เกาะแก่งต่างๆของฮ่องกงได้

วันที่ไปคลื่นแรงมากๆ เลย ลงไปยืนแปปเดียวหน้าเค็มเลย 55
ส่วนมุมยอดฮิตในการถ่ายภาพคือการยืนอยู่ปลายสุดของสะพานที่ยื่นลงไปในทะเลล่ะ : )

วิธีการเดินทาง
นั่ง MTR ลงที่สถานี Kennedy Town Exit B แล้วเดินตรงมาเรื่อยๆข้ามถนน มาที่ถนน Belcher’s Street (บล็อกที่ 2 ) แล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปรอรถเมล์ที่ป้ายหน้าร้าน 7-11 ขึ้นรถเมล์สาย 1 , 43M หรือ 47P (สายนี้จะหยุดวิ่งวันหยุดนะ) ไปลงที่ป้ายรถเมล์ Island West Transfer Station หรือ ป้าย Caritas Jockey Club Hostel ก็ได้ค่ะ จากนั้นข้ามถนน จะมีบันไดทางเดินลงเขาไปเรื่อยๆ ไม่ไกลจะเจออาคารสีเขียวๆ ก็ให้เดินลงตามบันไดผ่านหน้าอาคารสีเขียวไปค่ะ : )

04. Street Art in Hong Kong. : ย่าน Sham Shui Po – Sheung Wan – Central

ด้วยความที่ฮ่องกงเป็นเมืองที่มีตึกขึ้นมาแบบยุบยับ การเกิดภาพ Street Art ขึ้นมาทำให้เราได้มีโอกาสเข้าไปตามซอกซอย สนุกสนานกับการตามหาภาพท่ามกลางความยุบยับของตรอกอาคารที่นี่ได้ คือที่นี่เค้าจะมีกลุ่ม HKwalls เป็นอารมณ์แบบองค์กรทางศิลปะที่ไม่หวังผลกำไร มารวมตัวกันเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน Street Art ซึ่งในฮ่องกงเองก็มีจำนวนผลงานภาพ Street Art มากขึ้นเรื่อยๆ ยังไงลองไปเดินตามหาดูนะ หรือลองเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มจากเว็บไซต์นี้ได้ hkwalls

– Best Place to Eating in Hong Kong –

มาถึงเรื่องกินกันบ้าง มาฮ่องกง ไม่ได้ชิมอาหารอร่อยๆก็เหมือนจะมาไม่ถึง ครั้งนี้เลยตั้งใจว่าจะมาชิมอาหารหลายๆประเภทของที่นี่ดูบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านฮิตเจ้าดังที่คนไทยมากินกันบ่อยๆค่ะ เพราะได้ลายแทงมาจากห้องบลูแพลนเน็ตแห่ง Pantip นี่เอง ยังไงก็ขอบคุณหลายๆรีวิวฮ่องกงก่อนหน้านี้ไว้ด้วยเลยนะคะ ส่วนร้านที่เราเลือกไปชิมส่วนใหญ่จะอยู่ในเรทราคาไม่สูงมากนะคะ ประมาณว่า อิ่ม อร่อย จ่ายน้อยหน่อย ประหยัดเงิน 555 มีทั้งของคาว ของหวาน เครื่องดื่ม ไปลุยเลยดีกว่าว่าเราไปกินอาหาร Hong Kong Check in ร้านไหนกันบ้าง : )

เริ่มที่ฝั่งเกาลูนกันก่อน

01. เมนูติ่มซำ : ร้าน Tao Heung ย่าน Tsim Sha Thui (จิมซาจุ่ย)

เปิดฉากด้วยเมนูสุดคลาสสิคประจำดินแดนฮ่องกง ติ่มซำ นั่นเอง เวลาเหมาะๆที่จะมากินก็เป็นช่วงเช้านะ ที่นี่หลายๆร้านตอนเช้า หรือตอนเย็น ติ่มซำจะราคาถูกกว่าเวลากลางวัน ร้าน Tao Heung ค่อนข้างกว้าง ทางร้านก็มีเมนูภาษาอังกฤษกับภาพประกอบให้เราเลือกนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะสั่งผิด ^^

ทานที่นี่ได้อารมณ์โต๊ะจีนสมัยใหม่มาก เพราะทุกโต๊ะเป็นโต๊ะกลม ภายในร้านสะอาดสะอ้านมากๆ แต่ติ่มซำอาจจะช้านิดนึง เพราะรอคิวนึ่งกัน แต่พอมาแล้วก็จะเสิร์ฟติดๆกันเลย

ที่เราคิดว่าอร่อยก็จะเป็น ฮะเก๋า ซาลาเปาไส้หมูแดง (อันนี้ชอบมาก สั่งเบิ้ลเลย) ขนมจีบกุ้ง และโจ๊ก (ใส่ไข่เยี่ยวม้านะ) ส่วนราคาก็โอเคนะ ไม่รุนแรงมากเกินไป กินกัน 4 คนแบบอิ่มมากๆ จ่ายไปประมาณ 200 ดอลล่าร์ฮ่องกง (ประมาณ 800 กว่าบาท)

วิธีการเดินทาง
นั่ง MTR ลงสถานี Tsim Sha Thui Exit D2 แล้วเลี้ยวขวา พอถึงถนน Bristol Avenue เดินไปจนถึง 3 แยกแล้วข้ามถนนแล้วเดินไปทางซ้ายตามถนน Mody road จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าซอย Midden Row เดินไปอีกนิดก็ถึงแล้วค่ะ

02. เมนูโจ๊กฮ่องกง ปาท่องโก๋ และน้ำเต้าหู้ : ร้าน Hung Lee ย่าน Tshim Sha Shui (จิมซาจุ่ย)

สำหรับอาหารเช้าอีกที่ก็คงจะหนีการลองชิมโจ๊กฮ่องกงพร้อมกับปาท่องโก๋ และน้ำเต้าหู้ร้อนๆไปไม่ได้ ร้านที่จะแนะนำก็เป็นหนึ่งในร้านยอดนิยมของคนไทย คือ ร้าน Hung Lee นั่นเอง ซึ่งครั้งนี้เราไปเป็นครั้งที่ 2 แล้วค่ะ โจ๊กอร่อยและได้เยอะมาก นอกจากโจ๊กแล้วก็จะมีเมนูอื่นๆขายด้วยนะ แต่บางเมนูจะเริ่มขายหลัง 11 โมง ร้านนี้มีเมนูภาษาไทยด้วยนะ แล้วพนักงานก็พูดไทยได้ด้วย แกแนะนำให้ชิมน้ำเต้าหู้ด้วย เมนูที่แนะนำเลยก็เป็นโจ๊กหมู ได้หมูเยอะมากๆ แล้วก็อย่าลืมสั่งปาท่องโก๋มากินคู่กันน อร่อย

วิธีการเดินทาง
นั่ง MTR ลงสถานี Tsim Sha Thui Exit B2 แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆตามถนน Cameron จากนั้นพอถึงแยกใหญ่ๆให้ข้ามถนนแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนน Carnarvon แล้วเดินเลี้ยวเข้าซอยทางขวาไปนะคะ สามารถนำชื่อร้าน Search ใน Google Map ได้ค่ะ จะขึ้นพิกัดมาเลย

03. เมนูก๋วยเตี๋ยว เกี๊ยวกุ้ง ลูกชิ้นปลา : ร้าน Lung Kee ย่าน Tshim Sha Shui (จิมซาจุ่ย)

ยังอยู่กันแถวย่าน Tsim Sha Shui นะ ย่านนี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวเกี๊ยวกุ้งแบบบึ้มๆให้เราลองไปชิม ร้านนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนะ ต้องสังเกตดีๆ อาจจะเผลอเดินเลยร้านได้ เราค่อนข้างติดใจกับเกี๊ยวกุ้งที่นี่มาก เพราะชิ้นใหญ่และอัดแน่นไปด้วยกุ้ง ซึ่งในเมนูจะเรียกว่า Wan Tan Noodle นอกจากเมนูเกี๊ยวกุ้งแล้วที่นี่ก็ยังมีเมนูอื่นๆอีก เช่น บะหมี่ลูกชิ้นปลา แต่แนะนำบะหมี่เกี๊ยวกุ้งมาก เริ่ดดดดดด

วิธีการเดินทาง
นั่ง MTR ลงสถานี Tsim Sha Tsui Exit D2 แล้วเดินตามถนน Carnarvon ไปเรื่อยๆเลยจนถึงสามแยก แล้วเลี้ยวขวาแล้วเดินชิดขวาตรงไปเรื่อยๆค่ะ ไม่ไกล แต่สังเกตร้านดีๆนะ อาจเดินเลยได้

04. กินบรรยากาศแบบฮ่องกง(เกอร์) : Mido Café ย่าน Yau Ma Tei

ถ้าอยากกินท่ามกลางบรรยากาศแบบ Pop Culture ตามฉบับฮ่องกง ให้มาที่นี่ Mido Café เพราะความโดดเด่นของอาหารที่ร้านนี้คือการผสมผสานระหว่างจีนและฝรั่ง มีทั้งแซนวิช บะหมี่ผัดหมูย่าง ข้าวผัด ขนมปังปิ้ง และเครื่องดื่มต่างๆ

เรื่องรสชาติอาหารสำหรับเราแล้วอาจจะไม่ได้อร่อยถูกปากมากมายนัก แต่ถ้าให้พูดถึงบรรยากาศในร้านนี่ถือว่าได้บรรยากาศเก่าๆดั้งเดิมของร้านสไตล์ฮ่องกงสมัยก่อนได้อย่างดี มื้อที่แนะนำให้มากินก็จะเป็นช่วงกลางวัน หรือมานั่งแวะทานกาแฟ อาหารเล็กๆน้อยๆ ช่วงบ่ายก็ได้ แต่แนะนำว่าให้ขึ้นมานั่งบนชั้น 2 นะ

วิธีการเดินทาง
นั่ง MTR ลงสถานี Yau Ma Tei Exit B1 ขึ้นจากสถานีมาถึงเจอจะถนน Nathan ให้เลี้ยวไปทางขวา ข้ามถนนแล้วเดินไปเรื่อยๆ จนถึงถนน Public Square แล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไป ร้านจะอยู่หัวมุมของบล็อกอาคารที่ 2 ค่ะ มีป้ายชื่อร้านอยู่ด้านหน้า

ต่อกันกับที่กินฝั่งเกาะฮ่องกงกันบ้าง

05. เมนูห่านย่าง หมูย่าง หมูกรอบติดดาว : Yak Lok Goose Restaurant ย่าน Central

หมูย่าง หมูกรอบ ห่าน เป็นเมนูที่ถูกบันทึกไว้ในลิสต์ว่า มาฮ่องกง ต้องชิมให้ได้ ! ที่ฮ่องกงก็มีร้านดังหลายร้าน ราคาตั้งแต่ถูกยันแพงสุดๆ แต่เราขอแนะนำร้าน Yak Lok Goose Restaurant เนื่องจากราคาไม่แพงมากแถมติดดาวด้วย! เพราะที่ร้านนี้ได้มิชลินสตาร์ 1 ดาวมาตั้งแต่ปี 2015 แล้วล่ะค่ะ

สำหรับเมนูที่นี่ก็จะมีทั้งหมูย่าง(หมูแดง)  หมูกรอบ ห่าน ไก่ เกี๊ยวต้ม แล้วก็มีทั้งแบบข้าว หรือบะหมี่ให้เลือกชิม เราเลือกชิมข้าวห่านย่างบวกกับหมูย่าง และบะหมี่หมูกรอบบวกหมูย่าง อร่อยทุกเมนูเลย ขนาดสั่งผักกาดราดน้ำมันหอยยังอร่อยเลย เนื้อหมูและห่านได้เยอะมากๆ อารมณ์ประมาณว่าทานข้าวหมดแต่ยังเหลือเนื้ออยู่ 5555 ภายในร้านก็คนเยอะตลอดเวลาเลย ลองมาชิมดูค่ะ : )

วิธีการเดินทาง
นั่ง MTR ลงสถานี Central Exit D2 แล้วเดินออกมาที่ตรอก Theatre Lane  (ลักษณะจะเป็นแบบ Square กว้างๆนะเดินมาเลย) แล้วข้ามถนนผ่านแยก เดินตรงไปเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวขวาที่ Block แรก เข้าถนน Stanley Street เดินไปเรื่อยๆ ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ

06.ทาร์ตไข่แบบฉบับฮ่องกง : Tai Cheong Bakery  ย่าน Central

ทาร์ตไข่ต้นฉบับอาจจะอยู่มาเก๊า แต่ถ้ามาที่ฮ่องกงแล้วก็ต้องลองชิมทาร์ตไข่จากฮ่องกงกันดูบ้าง

ความอร่อยการันตีได้จากคิวหน้าร้านเลย สนนราคาชิ้นละ 9 ดอลล่าร์ฮ่องกง (ประมาณ 40 บาท) ซื้อเสร็จแล้วกินเลยนะตอนร้อนๆ มีความฟิน ทาร์ตไข่ของที่นี่เนียนๆดีค่ะ แล้วก็ไม่หวานมาก นอกจากทาร์ตไข่แล้วในร้านยังมีเมนูเบเกอร์รี่อีกหลายอย่างให้เลือกชิมกันนะคะ แต่เสียดายที่ร้านไม่มีที่นั่ง เพราะด้านหลังก็จะเป็นที่อบขนมแล้วล่ะ

วิธีการเดินทาง
ตั้งต้นจากสถานี MTR Central นะ เดินไปขึ้นบันไดเลื่อน Central-Mid Level Escalator (ระบบบันไดเลื่อนทางลอยฟ้าที่ยาววววววที่สุดในโลกเลยนะ) แล้วออกตรงถนน Lyndhurst Terrace เดินลงมาแล้วเลี้ยวไปทางขวาเดินไปอีกนิดก็ถึงแล้ว

07. ชิมชา : ร้าน  Teakha ย่าน Sheung Wan

ร้านชาเล็กๆบรรยากาศดีของย่านฮิปๆอย่าง PoHo ที่ร้าน Teakha นี้เน้นขายชาโดยเฉพาะ

เป็นร้านเล็กๆน่ารักที่คนแน่นตลอดเวลา ในเมนูเครื่องดื่มก็จะเป็นชาหมดเลย แต่ก็จะมีการรวบรวมชาจากหลากหลายแห่งมาไว้ให้ได้ชิมกันทั้งจากไทย จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากเครื่องดื่มแล้วที่นี่ยังมีเมนูจำพวก Brunch และเค้กให้ได้ชิมกันอีกด้วย สนใจเข้าไปเว็บไซต์เลือกเมนูได้เลย teakha

เราสั่งชามะนาวมากินแหละ สดชื่น : )

วิธีการเดินทาง
ร้านจะอยู่บริเวณถนน Tai Ping Shan Street  สามารถเดินจากสถานี MTR Sheung Wan ขึ้นมาเรื่อยๆได้ ส่วนตำแหน่งที่แน่นอนสามารถ Search จาก Google Map ด้วยชื่อร้านเลยค่ะ : )

– Best Place to Make a Merit –

ไหว้พระที่ฮ่องกงถือเป็นอีกสิ่งที่เมื่อมาแล้วอาจจะขาดไม่ได้ แต่คราวนี้เราจะไปดูวัดที่นอกจากความศักดิ์สิทธิ์แล้ว วัดที่นี่ยังมีอาคารหรือ Space ที่สวยงามอีกด้วย ไปเที่ยว Hong Kong Check in ที่วัดกัน

01. Chi Lin Nunnery

สำนักชีฉีหลิน เป็นกลุ่มอาคารไม้ที่สวยงามและเงียบสงบมาก สร้างในปีค.ศ.1934 และบูรณะใหม่ให้เป็นไปตามสถาปัตยกรรมรูปแบบราชวงศ์ถังในช่วงปี 1990 ด้านในสวยมากๆเลย

วัดแห่งนี้อยู่ท่ามกลางอาคารที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ในบริเวณเนินเขาไดมอนด์ ซึ่งมีต้นไม้อยู่ล้อมรอบตัววัด ภายในมี Court กลางที่มีการตกแต่งด้วยสระบัว ตัวอาคารมีการก่อสร้างโดยเป็นการเข้าเดือยและไม่ได้ใช้ตะปูเลยนะ

02. Nan Lian Garden

สวนหนานเหลียน สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสำนักชีฉีหลิน ที่นี่ออกแบบให้เป็นเหมือนสวนสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งก็จะมีการใช้พืชพรรณ หิน น้ำเข้ามาตกแต่งภายในสวน และให้ภูเขาเป็นฉากหลังของสวน รวมไปถึงการสร้างอาคารขึ้นมาล้อมรอบ ซึ่งก็จะเป็นพื้นที่นิทรรศการ พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร ให้คนสามารถเข้ามาพักผ่อนในสวนแห่งนี้ได้

ภาพด้านล่างนี้คือร้านอาหารเจที่อยู่ภายในสวนนะ มีม่านน้ำตกบริเวณกระจกด้วย ชอบการออกแบบอาคารนี้จัง

วิธีการเดินทาง
MTR Diamon Hill Exit C2 เดินตามป้ายได้เลย (วิธีเดียวกันกับการเดินทางไปสำนักชีฉีหลิน)

03. Wong Tai Sin Temple

วัดหว่องไทซิน (วัดหวังต้าเซียน) วัดชื่อดังของฮ่องกง มีคำกล่าวว่า “วัดหว่องไทซินสามารถทำให้ความปรารถนาเป็นจริงตามที่ขอ” เป็นวัดที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมที่รวบรวมลัทธิจากหลายๆลัทธิ ได้แก่ ขงจื้อ เต๋า และพุทธ ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ก็จะมาขอพรทางด้านเรื่องสุขภาพ และมีคนมาเสี่ยงเซียมซีที่นี่เยอะมากๆ

วิธีการเดินทาง
MTR Wong Tai Sin Exit B2

– Best Place to Shopping –

ฮ่องกงเป็นเมืองแห่งการช้อปปิ้งที่หลายคนปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะสาวๆ เพราะริมถนนก็จะมีร้านเครื่องสำอางอย่างเช่น Sasa , Bonjour , Colormix , watson อยู่ตามทุกๆหัวมุมถนน หรือเรียกว่าร้านสลับร้านกันเลยทีเดียว และห้างสรรพสินค้าที่เรียกได้ว่าเรียงกันยาวจนไม่รู้ว่าจะเข้าที่ไหนก่อนดี ทั้งหมดนี่กลายเป็นภาพคุ้นตาที่เราเห็นตลอดยามที่ได้ไปฮ่องกง แต่จริงๆแล้วสเน่ห์ อีกอย่างหนึ่งของฮ่องกงคือตลาดที่อยู่ท่ามกลางอาคารยึบยับ ป้ายร้านค้าที่ติดเต็มไปหมด หรือกระทั่งตลาดขายของดีไซน์แบบคนรุ่นใหม่ๆ ลองไปดูกัน : )

ฝั่งเกาลูนกันก่อน

01. Mongkok

มงก๊กเป็นย่านที่สนุกสนานและคนเยอะมากๆ เหมือนเป็นศูนย์กลางของทางด้านฝั่งเกาลูน ที่นี่มีตลาดหลายแห่ง ทั้งตลาดสด ตลาดต้นไม้ ตลาดขายเสื้อผ้า ตลาดรองเท้ามากมาย

– Mongkok Flower Market
ตลาดดอกไม้มงก๊ก กรณีถ้าเที่ยวช่วงอากาศร้อนอบอ้าว ที่นี่คือที่ช็อปปิ้งหลบร้อนของเราได้เป็นอย่างดี เพราะแต่ร้านที่ขายดอกไม้ เค้าจะติดแอร์ด้วย

ตลาดดอกไม้มงก๊กนี้อารมณ์อาจจะเป็นตลาดปากคลองตลาด หรือจัตุจักรโซนต้นไม้ของบ้านเรา ตลาดแห่งนี้น่าจะเป็นตลาดที่รวบรวมต้นไม้ไว้เยอะที่สุดในฮ่องกง ถ้าอยากแวะมาดูต้นไม้ ดอกไม้สวยๆหรืออุปกรณ์ตกแต่งสวน มาที่นี่รับรองจะได้ของติดมือกลับไปแน่นอน : )
ปล. ที่นี่ยังมี Location ที่ถ่ายรูปได้สวยๆด้วยนะ ลองมาเดินดู

วิธีการเดินทาง
MTR Prince Edward Exit B1 เดินออกมาถนนแล้ววนกลับไปข้างหลัง เดินไปตามถนนเรื่อยๆก็จะถึง Flower Market Street

– Fa Yuen Street / Sneaker Street
ถ้าปฏิเสธไม่ได้ว่า มาฮ่องกง แล้ว ก็อยากจะได้รองเท้าผ้าใบกีฬาหิ้วกลับไปซักคู่สองคู่ ให้ลองมาที่ถนน Fa Yuen Street ก็จะพบกับร้านขายรองเท้าผ้าใบหลายยี่ห้อ หลายรุ่นเรียงกันอยู่ทั้งถนน

นอกจากร้านที่อยู่ตามถนนแล้ว ในซอกตึกต่างๆก็จะมีป้ายชี้ให้เราขึ้นลิฟต์ไปดูร้านที่ซ่อนอยู่ในตึกได้อีก ส่วนราคารองเท้าเราว่าไม่ต่างจากเมืองไทยมากนัก แต่ที่นี่จะมีรุ่น-ยี่ห้อให้เลือกเยอะแยะมากมาย

ก็จะสังเกตได้จากชาวฮ่องกงทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยกลางคน หรือกระทั่งวัยชราก็ต่างใส่รองเท้าผ้าใบเก๋ไก๋กันก็เพราะว่าฮ่องกงนี่เป็นตลาดรองเท้าผ้าใบต้นๆของเอเชียเลยนี่ล่ะ แล้วถนนเส้นนี้ตอนวันเสาร์ก็ยังเป็นตลาดด้วยนะ จะมีปิดถนนแล้วก็มีสินค้ามาเรียงขายกันเต็มไปหมดเลย : )

นอกจากรองเท้าแล้ว ก็มีอุปกรณ์กีฬาแบรนด์ดังๆมาตั้งช็อปอยู่แถวนี้หลายยี่ห้อนะ ใครชอบก็ลองไปดูกันได้

วิธีการเดินทาง
MTR Mongkok Exit D2

– Ladies’ Market
เลดี้มาร์เก็ต ตลาดคุณผู้หญิงแต่ของที่ขายไม่ได้เป็นของสำหรับคุณผู้หญิงอย่างเดียว ตลาดแห่งนี้ก็จะรวบรวมของฝากที่สามารถซื้อเอาไปแจกหรือเก็บเป็นที่ระลึกได้ หรือพวกตุ๊กตา กระเป๋าต่างๆที่นี่ก็มีเพียบ ความสนุกสนานคือการต่อรองราคา หากใครชอบการต่อรองราคาแบบรุนแรงให้มาแวะที่นี่เลย ลักษณะของตลาดก็จะคล้ายกันตลาดนัดของบ้านเรา ทางเดินไม่กว้างมาก ทำให้เวลาเดินตอนกลางคืนซึ่งคนเยอะๆก็ค่อนข้างเบียดเหมือนกัน แต่ก็สนุกดี คนไทยไปเยอะจนกระทั่งแม่ค้าบางร้าน เราสามารถต่อราคาด้วยภาษาไทยได้ 55 แต่ดั้งเดิมเนี่ยที่ชื่อว่า Ladies Market ก็มาจากการขายพวกเครื่องประดับ กระเป๋า เสื้อผ้าสำหรับคุณผู้หญิงนี่ล่ะ

วิธีการเดินทาง
MTR Mongkok Exit E2
(จริงๆ Ladies Market จะเป็นถนนที่ขนานกับ Sneaker Street เลยค่ะ แต่อยู่คนละ Block ถนนเท่านั้นเอง)

ข้ามมาที่ฝั่งฮ่องกงกัน

02. PMQ

ที่นี่เป็นอาคารแฟลตตำรวจที่ได้รับการรีโนเวท เพื่อให้กลายเป็นศูนย์กลางทางงานออกแบบและศิลปะของฮ่องกง

ที่นี่มีมุมน่ารักเยอะ สำหรับเราแล้วที่นี่ดีจนต้องไปซ้ำอีกรอบ เรียกได้ว่าเป็นตลาดขายของดีไซน์ที่รวบรวมอยู่ภายในอาคาร

ของส่วนใหญ่ของที่นี่ได้รับการออกแบบโดยชาวฮ่องกง และเป็นงาน Craft ซึ่งทำให้แต่ละชิ้นราคาค่อนข้างสูงมาก นอกจากขายของแล้วก็จะมีนิทรรศการหมุนเวียนกัน แล้วก็มีร้านกาแฟให้นั่งชิวด้วย

วิธีการเดินทาง
ตั้งต้นที่ MTR Central แล้วขึ้นบันไดเลื่อนทางลอยฟ้า Central-Mid Level Escalator
ตามป้าย Hollywood Road  ไปเลย พอลงมาถึง Hollywood Road ให้เดินไปทางซ้ายเรื่อยๆก็จะเจอค่ะ

03. PoHo

ย่านใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่ชื่อคล้ายกับ SoHoนอฮ่องกง จริงๆตัว P ของคำว่า PoHo มาจากชื่อถนน Po Hing Fong Street นั่นเอง นอกจากถนน Po Hing Fong แล้วก็ยังมีถนน Tai Ping Shan Street ที่อยู่ใกล้กันด้วย ย่านนี้อยู่ไม่ไกลจากอาคาร PMQ เท่าไหร่นัก ซึ่งเป็นย่านที่รวบรวมร้านเก๋ไก๋ตามสไตล์วัยรุ่นของฮ่องกงไว้หลายแห่ง ทั้งร้านขายของวินเทจ ร้านดอกไม้ แกลลอรี่ หรือร้านกาแฟหลายๆร้านก็ตั้งอยู่บริเวณนี้ ถ้าใครชอบช็อปปิ้งเสื้อผ้าหรือของแนววินเทจ หรือชอบความฮิปๆในแบบฉบับฮ่องกงแวะมาที่นี่ได้เลย

วิธีการเดินทาง
ใช้วิธีเดียวกับการเดินทางไป PMQ ก็ได้ค่ะ แต่ว่าเดินผ่านหน้า PMQ ตามถนน Hollywood มาเรื่อยๆ ผ่านวัด Man Mo Temple แล้วเดินขึ้นตามถนน Square Street แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนน ก็จะถึง Tai Ping Shan Street  ก่อนค่ะ หรือจะลงที่ MTR Sheung Wan ก็ได้

สุดท้ายกับหัวข้อ

–    Best Place to Take a View –

ว่ากันด้วยความเป็น Original view ของฮ่องกงที่เรียกว่าถ้าใคร มาฮ่องกง แล้วไม่ได้มาสัมผัสที่นี่ ก็เหมือนมาไม่ถึง สำหรับอาคารสูงๆในฮ่องกงนั้น ส่วนใหญ่ในการออกแบบอาคารที่นี่เค้าจะค่อนข้างมีความเชื่อกันในเรื่องฮวงจุ้ยสูงมากกกกกก ลองสังเกตดูนะ

ชมวิวที่ฝั่งเกาลูนกันก่อน

01. Victoria Harbour

พื้นที่ริมน้ำฝั่งเกาลูน ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการชมการแสดง Symphony of Lights ตอนเวลา 2 ทุ่มตรงของทุกวัน และนอกจากนั้นที่นี่ก็อยู่ท่ามกลางอาคารสำคัญ เช่น Hong Kong Cultural Centre , Space Museum , Star Avenue และพิพิธภัณฑ์ต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

วิวที่ได้คือวิวจากอาคารสำคัญของฝั่งเกาะฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็นอาคาร Bank of China (ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกระดับโลก I.M.Pei ) , HSBC Main Building (ออกแบบโดย Norman Foster) และตึกสูงๆอย่าง Two International Finance Tower ซึ่งจะมาที่นี่ตอนกลางวัน หรือตอนค่ำๆก็ได้บรรยากาศที่ต่างกันออกไป

วิธีการเดินทาง
นั่ง MTR ลงสถานี Tsim Sha Shui Exit E แล้วเดินตรงออกมาเรื่อยๆ ข้ามถนนใหญ่เดินผ่าน Space Museum (อาคารที่มีลักษณะกลมๆ) ก็จะถึงริมอ่าว หรือ MTR สถานี  East Tsim Sha Shui Exit L3 ออกจากสถานีแล้วเดินไปทางขวามือเรื่อยๆ ข้ามถนนก็จะถึงริมอ่าวเช่นกัน

วิวจากฝั่งฮ่องกงกันบ้าง

02. The Peak , Victoria Peak

พีคฮ่องกง จุดท่องเที่ยวยอดฮิตของนักท่องเที่ยว และคนฮ่องกงเองก็ตาม เพราะที่นี่คือจุดที่สูงสุดของเกาะฮ่องกง สามารถมองเห็นวิวของทั้งฝั่งฮ่องกงและเกาลูนได้อย่างเต็มตา อยากชมวิว Hong Kong Check In ได้ที่นี่เลย

มีจุดให้ชมวิวได้ฟรีหรือจะเสียเงินขึ้นไปชมวิวบนตึก The Peak Tower (จุดชมวิว  The Sky Terrace 428 ) ก็ได้ นอกจากจุดชมวิวแล้วที่นี่ก็ยังมีห้างสรรพสินค้าให้เลือกจับจ่ายกันด้วย ช่วงที่ควรจะไปก็จะเป็นช่วงเย็นๆ – ค่ำๆ เพราะอาคารแต่ละแห่งจะเริ่มทยอยเปิดไฟกัน นับว่าเป็นออริจินอลวิวของฮ่องกงมากๆ

วิธีการเดินทาง
ที่นี่สามารถโดยสารรถราง Peak’s Tram เพื่อขึ้นไปได้และจะได้ชมวิวพร้อมกับขึ้นเขาไปเรื่อยๆด้วย แต่เราใช้วิธีการเดินทางด้วยรถเมล์ เพราะสะดวก รอคิวไม่นาน และไม่แพง โดยไปที่ MTR Central ทางออก A จากนั้นเดินตามป้าย Bus Terminus ไปที่ใต้ตึก Exchange Tower รอรถเมล์สาย 15 (จะมีป้ายเขียนเลขไว้ ไปต่อแถวได้เลย) นั่งไปจนสุดสายที่ The Peak เลย

สุดท้ายฝากรีวิวฮ่องกงนี้ไว้กับภาพด้านล่างนี้ค่ะ

ขอบคุณรีวิวน่ารักๆจาก Guest สุดพิเศษ คุณ Jubpa สังกัด Pantip จากกระทู้ “[CR] :: Hong Kong :: Best Place to Check-in !” ที่มามอบประสบการณ์เที่ยว Hong Kong Check in ที่เที่ยวที่กินจัดเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย !!
ระดับความน่าไป : ✩✩✩✩✩
พูดคุยกับ Guest ได้ที่ : https://www.facebook.com/jubpathetraveller/


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?

1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————

Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์ฮ่องกง ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
[email protected]
Line id : @mushroomtravel