เวลาไปเที่ยวต่างประเทศรู้สึกเหมือนกันมั้ยค่ะว่า ไอ้นี้ก็อยากซื้อ ไอ้นั่นก็น่าสนใจ อันนั้นก็อดใจไม่ไหวอยากหยิบกลับบ้าน ที่ไทยไม่มีขายนะยังไงก็ต้องตุนไว้ จนหยิบไปหยิบมา กลับมาดูเงินตัวเองอีกที กรี๊ดดดดดดด กรีดร้อง เกินงบที่ตั้งไว้ซะนี่ กลับไทยมาต้องกินมาม่าไปอีกหลายเดือน เฮ้อออออ…แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งหมดหวังซะที่เดียวค่ะ เป็นสาวนักช้อปต้องสตรอง! วันนี้เรามีเคล็ดลับการซื้อของที่ต่างประเทศมาฝากกันค่ะ
อย่างแรก ศึกษาหาข้อมูลก่อนไปเที่ยวสักนิดก่อนว่าของที่เราตั้งใจจะไปช้อปนั้นราคาตลาดเท่าไหร่กันแน่ กันโดนโก่งราคาค่ะ นอกจากนั้น ของขายอื่นๆก็สำคัญเช่นกัน อย่างพวกอาหาร หรือของฝากก็ควรศึกษาราคาไว้คร่าวๆก่อน ยิ่งเป็นนักท่องเที่ยวแล้ว ก็ยิ่งโดนหลอกง่ายค่ะ ถ้าศึกษาวัฒนธรรมของประเทศที่เราจะไปได้ด้วยยิ่งดี จะได้รู้ว่าคนที่นู่นเค้าซื้อของกันยังไง ต่อราคามั้ย ต่อได้เยอะแค่ไหน เผื่อได้ลดราคาปนะหยัดเงินไปอีกค่ะ
ตอนเลือกซื้อก็เช่นกันค่ะ ไม่ควรซื้อเลยทันที ควรจะเดินให้ทั่วๆรอบๆก่อนว่า แต่ละร้านมีของชนิดเดียวกันมั้ย ลักษณะและคุณภาพต่างกันมากแค่ไหน และขายราคาต่างกันรึเปล่า จะได้ตัดสินใจซื้อได้ถูกต้อง ที่สำคัญต่อมาก็คือ “เงินทอน” ที่หลายๆคนคิดว่าไม่สำคัญ หรือไม่ก็คิดว่าคนขายคงไม่โกงหรอก แต่ไม่ได้นะคะ เงินน้อยนิดแค่ไหนก็ต้องตรวจทานให้ละเอียด เช็คทุกครั้งที่ซื้อของนะคะ ยิ่งเป็นเงินต่างชาติที่เราไม่คุ้นเคยด้วย ต้องดูให้ดีค่ะ
แล้วระหว่างใช้เงินสด กับ เครดิตการ์ดล่ะ ต่างกันรึเปล่า?
คำถามนี้สำคัญมากๆเลยค่ะ ยังไงหลายๆคนคงต้องพกบัตรเครดิตไปเนอะ เผื่อเหลือเผื่อขาด แต่ว่าเอ…สองอย่างนี้มีข้อดีข้อเสียยังไงกันน้า…ไปดูกันค่ะ
เงินสด
ข้อดี : เนื่องจากเป็นตัวเงินเลย เวลาใช้ เราก็จะเห็นชัดๆเลยว่าเงินหายไปเท่าไหร่ ทำให้รู้สึกตัว ไม่กล้าช้อปเยอะ แถมหลายๆร้าน ยิ่งเป็นร้านเล็กๆ เค้าไม่ค่อยรับเงินสดกันด้วย
ข้อเสีย: พกเงินสดติดตัวเยอะๆก็ลำบาก เสี่ยงโดนฉกไปหน้าตาเฉย ยิ่งเป็นนักท่องเที่ยวด้วยแล้ว ยิ่งตกเป็นเป้าซะด้วยค่ะ แถมจะไปแจ้งตำรวจเอาเรื่องก็จะเสียเวลาเที่ยวไปอีก และถึงจะแจ้ง เกือบจะ 100%ก็ไม่มีโอกาสได้เงินคืนซะด้วยนี่สิ นอกจากนั้น เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนก็สำคัญค่ะ ถ้าแลกไว้เยอะๆ แล้วใช้ไม่หมด อาจจะต้องรอนานกว่าจะถึงช่วงที่ได้เรทดีๆ น่าแลกคืน (แต่ใครชอบลงทุนกับอัตราแลกปลี่ยนก็อีกเรื่องเนอะ) แถมบางครั้ง บัตรเครดิตก็ให้อัตราแลกเปลี่ยนในเรทที่ดีกว่าไปแลกธนาคารทั่วไปอีก ก็จะพูดไม่ได้ซะทีเดียวว่าใช้เงินสดดีที่สุดล่ะนะคะ
มาดูที่ฝั่ง เครดิตการ์ด กันบ้าง มีดีมีเสีย ยังไงกันนะ
ข้อดี: อย่างแรกเลย คือ เสี่ยงที่จะโดนขโมยน้อยกว่า หรือถ้าโดนขโมยไปก็ติดต่ออายัดบัตรง่าย เอาไปใช้ก็ยากกว่า เพราะยากที่จะปลอมลายเซนต์อีก นอกจากนั้น การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ยังอาจได้สิทธิประโยชน์พิเศษๆตามมาอีกด้วย อย่างสะสมแต้ม ได้เงินคืน จองโรงแรม ร้านอาหาร ที่พักได้ในราคาพิเศษ ลดราคาสินค้าที่ช้อปปิ้ง หรือบางครั้งเรทอัตราแลกเปลี่ยนก็ดีกว่าของธนาคารซะอีกค่ะ
ข้อเสีย: ร้านเล็กๆ หรือโรงแรมเล็กๆบางที่ไม่รับบัตรเครดิต จุดนี้ก็จะไม่ค่อยสะดวกค่ะ นอกจากนั้น เนื่องจากเราไม่เห็นตัวเงินจริงๆว่าหายไปเท่าไหร่แล้ว ทำให้อาจรูดบัตรซะมือเติบได้ง่ายๆเลยล่ะค่ะ
ทั้งเงินสดและบัตรเครดิตก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปนะคะ ทางทีดีคือ ก่อนไปควรวางแพลนท่องเที่ยวให้ดีๆว่า เราอยากไปที่ไหนบ้าง แต่ละที่มีอะไรบ้าง มีค่าเดินทางเท่าไหร่ ค่าเข้าชมเท่าไหร่ ซึ่งส่วนนี้ค่อนข้างจำเป็นมากๆที่จะต้องเตรียมเงินสดเอาไว้ ส่วนทางด้านค่าอาหาร ค่าที่พักก็ต้องลองแพลนค่ะ ว่างบเราเท่าไหร่ จะใช้ไปกับส่วนนี้เท่าไหร่ จะกิน หรือพักหรูแค่ไหน ถ้าหรูหน่อย ส่วนมากจะใช้บัตรเครดิตได้ เอาไว้ใช้แลกพอยต์ก็ดี หรือไม่งั้นลองศึกษาดูด้วยว่าบัตรเครดิตของเรามีโปรโมชั่นส่วนลด โรงแรมที่พักบ้างรึเปล่า ถ้ามีและอยู่ราคาที่ไม่เกินงบก็ดีมากๆเลยค่ะ ต่อมาเรื่องช้อป นอกจากเทคนิคเล็กน้อยที่กล่าวไปข้างต้น แนะนำให้วางแผนงบไว้ให้ดีก่อน แล้วพยายามอย่าใช้ให้เกิน ไม่งั้นต้องกลับมากินมาม่าอีกเป็นเดือนๆนะเออ