สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ พอดีว่าเมื่อปลายเดือนมกราคม 2559 ในช่วงระหว่างวันที่ 26 – 31 มกราคมนี่แหละ เราได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแก๊งเพื่อนที่ทำงานค่ะ เลยอยากแชร์บรรยากาศให้ได้ชมกัน โดยรีวิวนี้ไม่ได้เน้นแผนเที่ยวหรือขั้นตอนการเที่ยวมากนะคะแต่จะพยายามใส่ไว้ให้ เพราะตอนเราไปก็อ่านเอาเว็บบอร์ดต่างๆ นี่แหละค่ะ เวิร์คสุดแล้วค่ะ
ทริปนี้เดินทางกัน 8 คนค่ะ ทำงานที่เดียวกันหมด ลาทีนี่เจ้านายส่ายหัวเลย 55555+ เนื่องจากเราต้องลางานไปหลายคน ทริปนี้เลยเป็นทริปสั้นๆ ค่ะ เที่ยวเต็มที่สี่วัน เกริ่นมาก็นานเข้าเรื่องเลยดีกว่าเนอะ
แผนการเดินทางของเรา Narita > Ueno >Hida Takayama > Shirakawa-go > Tokyo > Thailand
การวางแผนเดินทางและค่าใช้จ่าย หลังจากที่คุยกัน แผนการเดินทางของเราเลยออกมาประมาณนี้ค่ะ
- 26 มกราคม ออกจากสนามบินเวลา 23:50 น.
- 27 มกราคม เช้าเที่ยวโตเกียว จากนั้นออกจากโตเกียวเวลา 17:00 น. ถึง Takayama 4 ทุ่มครึ่ง
- 28 มกราคม เช้าเที่ยวหมู่บ้านมรดกโลก จากนั้นกลับมาเดินเล่นที่เมือง Takayama และนอนที่ Takayama
- 29 มกราคม ออกจาก Takayama เวลา 08:00น. ถึงโตเกียว 13:30 น. กลับที่พัก แล้วไปเที่ยวย่าน Asakusa
- 30 มกราคม เที่ยวโตเกียว จากนั้นเวลา 20.30 น. ไปสนามบิน แล้วพักผ่อนนอนหลับที่สนามบิน
- 31 มกราคม เดินทางกลับประเทศไทยในเวลา 09:05 น. และเวลา 14:05 น. ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ
ตั๋วเครื่องบิน ทริปนี้ได้ค่าตั๋วกลางๆ ค่ะ ตกคนละ 11,200 บาท ของ Air Asia X จากดอนเมืองบินตรงสู่นาริตะค่ะ เป็นแบบ low cost แต่จริงๆ ที่นั่งก็ไม่ได้น่าเกลียดค่ะ แนะนำให้นั่งฝั่งขวานะคะจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยมากเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายภาพไว้ ตื่นเต้นค่ะ 555+ เราบินเวลา 23:50 จากสนามบินดอนเมือง โดยไปถึงก่อนประมาน 2 ชม.
ระหว่างรอก็เขียนใบขาเข้าขา-ขาออกค่ะ อันนี้มีแค่ตรงเคาน์เตอร์ที่เช็คอินนะคะ ไม่มีใน ตม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. กำหนดถึงเราอยู่ที่ 08:00 น. เวลาที่ญี่ปุ่นค่ะ พอใกล้ถึงก็มีเอกสาร ตม. ญี่ปุ่นมาให้กรอกอีกรอบ โชคดีที่เราไปถึงก่อน 1 ชม. ค่ะ พอไปถึงผ่าน ตม. ง่ายมาก อาจเป็นเพราะเรามีเอกสารที่พักที่แน่นอน หรือเพราะ ตม. ไม่โหดก็ไม่รู้ค่ะ ผ่านเร็วมาก วิธีเดินไป ตม. สำหรับเราคือเดินตามป้ายเลยค่ะ ถึงเลย ง่ายมาก ติดกับที่รับกระเป๋าเลย พอเรียบร้อยก็ไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองค่ะ เราเลือกไปกับ Keisei ค่ะ ลงไปชั้น B1 นะคะ เคาน์เตอร์จะอยู่ตรงข้ามเคาน์เตอร์ JR เลยค่ะ แค่โชว์เส้นทางใน www.hyperdia.com ที่เราต้องการ เจ้าหน้าที่ก็จัดตั๋วมาให้เลยค่ะ
พี่สาวคนสวยของทริปนี้ค่ะ แฟชั่นนี้มาเพื่อฮาราจูกุเลย สังเกตด้านบนจะมีป้ายแสดงเวลารถไฟ ไม่ต้องกลัวขึ้นผิดค่ะ หรือสังเกตเวลารถไฟก็ได้นะคะ เขาตรงเวลาเป๊ะมาก!!
เราเลือก Keisei skyliner รถไฟด่วนที่ไม่จอดสถานีไหนเลย ที่นั่งสะดวกสบายค่ะ มีที่เก็บกระเป๋าด้วย แต่ราคาก็จะสูงค่ะประมาณ 2,000 กว่าเยน (ผิดแผนจากที่วางไว้ในค่าใช้จ่ายประมาณพันกว่าเยน เนื่องจากเจ้าหน้าที่แนะนำสายนี้ ไม่ต้องไปเปลี่ยนสถานีให้ยุ่งยากค่ะ) วันนี้แผนของเราคือไปตลาด Ameyoko แล้วค่อยขึ้นรถไปทาคายาม่าตอนห้าโมงค่ะ
ระหว่างทางเราก็ชมวิวไปเรื่อยค่ะ แนะนำคือตั๋วจะฟิกซ์ที่นั่งกับเลขตู้โดยสารไว้ ต้องขึ้นให้ตรงตู้นะคะ แต่เราไม่ทราบว่าต้องนั่งตามที่นั่งเลยนั่งกันตามสะดวก โชคดีที่คนน้อย นายสถานีตรวจตั๋วเลยให้นั่งได้ค่ะ ไม่งั้นต้องเข็นกระเป๋าไกลเลย ไม่ถึงห้าสิบนาทีเราก็ถึงสถานี UENO พอถึงแล้วเราก็มองหาป้ายหรือถามเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะว่าตลาด Ameyoko ไปทางไหน ส่วนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไม่ต้องลากไปค่ะ ที่สถานีมีล็อกเกอร์ค่ะ ใบใหญ่แค่ไหนก็ฝากได้ค่ะ!! ราคาขึ้นอยู่กับขนาดกระเป๋า ของเราขนาด 28 นิ้ว ราคาประมาณ 700 เยนค่ะ
ไปถึงก็เตรียมช้อปเลยค่ะ ของราคาถูก ที่สำคัญคือเราจะมากินข้าวหน้าปลาดิบชื่อดังที่อยู่ในตลาดนี้ค่ะ ในที่สุดก็หาเจอค่ะ ราคาประมาน 550 – 1,100 เยน ร้านเปิด 11:00 น. นะคะ คนจะเยอะ รสชาติดีค่ะ ปลาก็สดด้วยนะคะ เลือกจากเมนูแล้วจ่ายตังค์เลยค่ะ
อาจด้วยเวลาที่เราไปถึงยังเช้าอยู่ ทำให้ตลาดแทบจะยังไม่เปิดเลยค่ะ เงียบเชียว มีแค่บางร้านที่เปิดแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นของสดค่ะเลยไม่ค่อยได้ช้อปอะไรเท่าไหร่ กินข้าวแล้วก็เดินไปเดินมาแถวนั้น
ก่อนกลับเราแวะสวนอุเอะโนะนิดหน่อยค่ะ และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องไปขึ้นรถบัส Nohi Bus เพื่อจะไป Takayama ที่ Shinjuku แล้วค่ะ เราไปรอบ 17:00 น.ไปถึง 22:00 น. ค่ะ
จากรอบที่แล้วเลือกเดินทางไปทาคายาม่าด้วยรถบัส Nohi Bus ค่ะจองผ่านเว็บไปล่วงหน้า เนื่องจากเราต้องเดินทางไปนอกเมือง จากโตเกียวไปจังหวัดกิฟูจะค่อนข้างไกลนะคะ เราเลือกบริการรถบัสของบริษัท nohi bus ค่ะ วิธีจองเราจะจองได้แค่ล่วงหน้า 1 เดือนก่อนไปเท่านั้น ในหน้าเว็บจะมีสายรถให้เลือกนะคะ วิธีการดังนี้
- เข้าไปที่เว็บ www.nouhibus.co.jp
- ให้มองด้านซ้ายล่าง เลือกสาย Tokyo-Takayama (Shinjuku line) จะเป็นสีส้มๆ ค่ะ
- พอกดเข้าไปแล้วจะมีตารางเวลาเดินทางให้ดู ให้เราเลื่อนลงมาเกือบล่างสุดจะเจอที่ให้จองรถค่ะ จะเขียนว่า For Reservations
- จากนั้นให้เลือกจาก Hida Takayama เลือกวันที่และเวลาที่ต้องการค่ะ
- หากต้องการจองตั๋วไป-กลับ ให้เลือก Round Trip นะคะ จากนั้นขากลับก็เลือกสถานีกลับค่ะ ก็น่าจะเป็น Shinjuku ค่ะ
- พริ้นต์เอกสารการจองไว้ไปยื่นที่เคาน์เตอร์เพื่อแลกตั๋วจริงค่ะ
แผนที่ไปสถานีรถบัสจะอยู่ที่ห้าง Keio ค่ะ ตอนพริ้นต์ใบจองจะแจ้งมาด้วยค่ะ เรานั่งรถบัสใช้เวลา 5 ชม. ไปถึงสี่ทุ่ม ระหว่างทางรถบัสจะจอดทุกชั่วโมงเพื่อให้เข้าห้องน้ำค่ะ เราพักที่ J-Hopper ที่พักชื่อดังในพันทิป สะอาด แล้วก็คุยง่ายด้วยค่ะ ใครอยากจองสามารถจองผ่านหน้าเว็บของทาง J-Hopper ได้เลยค่ะ สะดวกมาก มีภาษาไทยด้วย แต่พนักงานพูดไทยไม่ได้นะคะ เราไปถึง 22:00 เช็คอินแล้วเข้าห้องเลยค่ะ เราจองทัวร์ไปหมู่บ้านมรดกโลกกับที่โรงแรมได้เลยนะคะ ซึ่งพวกเราจะเดินทางไปกันในทัวร์รอบเช้าค่ะ Lobby โรงแรมมีแผนที่ให้ไว้ค่ะ
โปรแกรมทัวร์ หมู่บ้านมรดกโลก
08:00 น.เราเตรียมตัวไปหมู่บ้านมรดกโลกค่ะ จะมีรถมารับเราตรงข้ามมินิมาร์ท บนรถจะมีไกด์คอยอธิบายข้อมูลค่ะ เราไปช่วงเช้าระยะเวลาทัวร์คือ 08:00-12:00 เราใช้เวลาเดินทางประมาน 50 นาทีก็ถึง วิวข้างทางสวยค่ะ หิมะขาวโพลนเลย
พอไปถึงรถจะจอดตรงที่จอดรถค่ะ เราต้องเดินเท้าข้ามสะพานไป ช่วงที่เราไปหิมะเพิ่งตกได้หนึ่งอาทิตย์ค่ะ เลยไม่หนาเท่าช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่ก็สวยแล้วค่ะ
ไกด์ให้เราเดินเที่ยวจนถึง 11 โมง ข้างในมีร้านขายของเป็นส่วนใหญ่ค่ะ บางบ้านเปิดให้เข้าชมแต่จะเสียค่าใช้จ่าย
เดินสักพักก็เริ่มหิวค่ะ พอดีมีร้านขายเนื้อฮิดะย่างไม้ละ 400 เยน แล้วก็ซื้ออีกอย่างคล้ายๆ ข้าวย่างไม้ละ 200 เยนค่ะ ไหนๆ ก็มาแล้วเลยต้องขอแวะชิมหน่อยค่ะ
รสชาติดีมากเลย เนื้อนุ่มๆ ร้อนๆ รสชาติจะเค็มๆ หน่อยค่ะ ติดใจมากเลย แนะนำค่ะเมนูนี้ หลังจากอิ่มแล้วก็เดินต่อค่ะ บรรยากาศร้านขายของค่ะ
ชาวบ้านกำลังซ่อมแซมบ้านค่ะ เห็นว่าจะทำหลังคาหนึ่งหลังต้องใช้คนเป็นร้อยเลยค่ะ
เราไม่ได้ขึ้นไปตรงจุดชมวิวนะคะ เพราะด้วยเรื่องเวลาที่ไม่ได้ยาวนานมาก และความเห็นที่ตรงกันว่าบรรยากาศข้างล่างก็น่าชม เลยตกลงเดินข้างล่างกันอย่างเดียวค่ะ
เด็กน้อยนั่งดูปลาคราฟว่ายอยู่ในน้ำใต้น้ำแข็งค่ะ แล้วก็ใกล้เวลากลับแล้ว จริงๆ มีรูปเยอะมาก แต่เอาที่คิดว่าน่าจะเห็นบรรยากาศมาให้ชมค่ะ หลังจากกลับแล้วตอนเย็นเราจะเดินเที่ยวเมืองเก่าทาคายาม่าค่ะ
หลังจากนั้นเราก็นั่งรถกลับทาคายาม่า วันนี้เรานอนที่เมืองฮิดะ ทาคายาม่าอีกคืนค่ะ เย็นนี้เราเลยมีเวลาเดินเล่นในเมืองเก่าทาคายาม่าค่ะ โดยส่วนตัวเราชอบเมืองนี้ที่สุดค่ะ ที่ชิราคาวาโกะสวยจริงๆ ค่ะ แต่คิดว่าที่นี่น่าจะมีเสน่ห์กว่า ดูเหมือนจะเป็นในเมือง แต่พอเดินลึกเข้าไปกลับกลายเป็นชุมชนบ้านเก่า มันทำให้เรารู้สึกว่าได้มาสัมผัสกับวัฒนธรรมที่แปลกตาจริงๆ เพราะโตเกียวก็คล้ายกรุงเทพฯ บ้านเรานี่เองค่ะ แนะนำว่าใครที่ชอบแบบที่พักเรียบง่าย ชมบรรยากาศแบบบ้านญี่ปุ่นโบราณหรือนิยมเมืองน่ารักๆ เชิญที่ทาคายาม่าได้เลยค่ะ ว่าแล้วอย่ารอช้าลองไปชมบรรยากาศกันเลยค่ะ
ส่วนใหญ่บ้านเรือนจะเปิดเป็นร้านค้าค่ะ ขายของน่ารักๆ ของฝาก ของใช้ ของกิน น่ารักไปหมดเลยค่ะ อารมณ์ประมาณอัมพวาบ้านเรา เปลี่ยนจากชุมชนเก่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านค่ะ
โมจิสตรอว์เบอร์รี่ค่ะ อร่อยมากกกกกก สตรอว์เบอร์รี่ก็ปังมาก!!! หืม!!!!!! น่ากิน!!!! ลูกนี้ราคาประมาณ 200 บาทไทยค่ะ 5555+
ตอนเย็นๆ บรรยากาศดีมากค่ะ เราก็จำไม่ค่อยได้ค่ะว่าถ่ายจากสะพานไหน
ของฝากค๊าาา น่ารักมากๆ —–>
แล้วเราก็เดินต่อมาเจอวัดค่ะ น่าจะชื่อวัดฮิดะนะคะ เงียบและสงบมากค่ะ
ตุ๊กตาโซรุ โบโบประจำเมืองนี้ค่ะ มีขายอยู่ทุกร้านเลย —->
เดินกันชิลล์มากเลยค่ะ ฝากท้องที่ร้านนี้ ข้าวหน้าเนื้อ!! เหนื่อยทั้งวันก็ต้องกินกันให้เต็มที่ เมืองนี้มีของกินเพียบไม่ต้องกลัวอดเลยค่ะ
ภาพบรรยากาศที่ทาคายาม่า พรุ่งนี้จะไปเที่ยวโตเกียวกันค่ะ เดินเที่ยวย่านวัดอาสะกุสะรวมถึงในเมือง
เราออกจาก Takayama เวลา 08:00 น. โดยรถ Nohi bus แบบเดิมค่ะ แต่รอบนี้เราได้เห็นวิวระหว่างทางค่ะ สวยมากๆ รถจอดเหมือนเดิมค่ะ ทุกชั่วโมงกว่าๆ หนึ่งในจุดพักรถค่ะ วันนี้เราเจอฝนตั้งแต่เช้าเลย จุดพักรถแต่ละจุดดีงามมากค่ะ ทั้งห้องน้ำ ของกิน ของฝากเลยค่ะ
แล้วเราก็มาถึง Shinjuku เวลา 13:30 น. รถวิ่ง 5 ชั่วโมงค่ะ วันนี้เราเข้าที่พักเลย คืนนี้เราพักที่ Khaosan World Asakusa Ryokan ค่ะ กว่าจะหาเจอเหนื่อยเลยค่ะ เดินไปเดินมา ที่พักก็สะดวกสบายดีค่ะ เหมือนในเว็บอีกแล้ว หาดูได้เลยค่ะ คนต่างชาติเพียบ บรรยากาศในโรงแรมค่ะ ออกแนวๆ หน่อยค่ะ ที่พักเหมาะกับวัยรุ่น
ไปเดินเล่นท้าฝนกันค่ะ ได้ของเต็มไม้เต็มมือค่ะ เราอยู่ใกล้ห้างดองกิโฮเต้ ห้างนี้แนะนำค่ะ ของถูก!!! แวะกดตุ๊กตาตู้ไข่ขี้เกียจ
ปาร์ตี้สตรอว์เบอร์รี่ก่อนนอนค่ะ
ตื่นเช้าก็มาเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมค่ะ เพราะคืนนี้ต้องนอนสนามบิน 5555+ แต่กระเป๋าฝากเขาไว้ได้ถึงสามทุ่มเลยค่ะ วันนี้เราจะเดินไปวัด Senjoji หรือวัด Asakusa กัน จากที่พักเราเดินตามแผนประมาณ 5-10 นาทีค่ะ เจอแล้ว!!โคมแดง ข้างในเป็นถนนของกินฟินมากเลยค่ะ คนนี่แน่นมากเดินไปจนสุดก็จะเจอวัดค่ะ
เจอวัดแล้วจ้า!! มาถึงวัดแล้ว เจ้าบ้านเขาทำยังไงเราก็ปฏิบัติตามเขาเลยค่ะ คนเยอะมากๆ เลยที่นี่ เขาให้กวักควันเข้าหาตัว แต่น่าจะกวักแรงไปพี่สาวเลยแสบตาเลย อิอิ
เดินออกจากทางวัดด้านขวาเดินตรงต่อไปก็จะเจอตึกฮาซาฮีกับโตเกียวสกายทรีค่ะ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราอยู่ที่โตเกียว เพราะคืนนี้เราต้องไปนอนที่สนามบินนาริตะแล้วบินกลับไทยตอนเช้าวันที่ 31 มกราคม 2559
วันนี้เราตกลงกันว่าเราจะไปต่อที่ Shibuya แล้วไปอัพเดทแฟชั่นที่ Harajuku ค่ะ ว่าแล้วเราก็เดินทางไป Shibuya และเป้าหมายเราคือราเมงข้อสอบ ร้าน Ichiran Ramen ค่ะ เราเดินทางมาถึงสถานี Shibuya ด้วยรถไฟใต้ดินค่ะ พอออกมาเราก็มองหาประตู Hajiko เลยค่ะ มีป้ายบอกตลอดทางค่ะ หายห่วง พอออกมาเราจะเจอรูปปั้นซึ่งเป็นจุดนัดพบค่ะ คนนี่เยอะมากเลย อดไม่ได้ที่จะเก็บภาพคู่กับน้องหมาผู้ซื่อสัตย์ค่ะ ใครอยากรู้ว่าทำไมถึงมีรูปปั้นของเจ้าหนูฮาจิโกะอยู่ตรงนี้ หาประวัติได้จากในเว็บเลยค่ะ จริงๆ มีทำออกมาเป็นภาพยนตร์ด้วยนะคะ ซึ้งมากบอกเลย
พอเรามาถึง Shibuya ถ้ามาทางประตู Hajiko เราก็จะเจอห้าแยกในตำนานค่ะที่เราเห็นในหนังหลายเรื่องค่ะ ตรงข้ามจะเป็นตึก Starbucks วุ่นวายน่าดูเลยค่ะ
มาแล้วก็ต้องขอเก็บภาพหน่อยนะคะ แต่ที่ญี่ปุ่นเนี่ยเขาไม่ให้เราถ่ายรูปกลางถนน เราเลยต้องใช้วิธีคนนึงยืนตั้งกล้องแล้วคนที่เหลืออาศัยเดินข้ามเอาค่ะ ค่อยหาจังหวะถ่ายเอา เดินกันหลายรอบเลยทีเดียว 5555+
พอเดินเข้ามาเราก็มองหาที่ซื้อของ ละลานตามากเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นห้างใหญ่ๆ แต่ด้วยพวกเราอาจไม่ได้ตั้งใจมาเป็นขาช้อปเท่าไหร่เลยเดินเก็บบรรยากาศมากกว่า
เดินเมื่อยเลยค่ะคงต้องหาอะไรกินหน่อยแล้ว จากที่บอกว่าเรามีเป้าหมายที่ราเมงข้อสอบร้าน Ichiran Ramen ค่ะ เราต้องเดินตาม Google Map ไป เป็นร้านในตรอกเล็กๆ แต่จริงๆ ก็มีหลายสาขานะคะ และเราก็อยู่หน้าร้านค่ะ
เดินลงบันไดเลยค่ะ ลงไปจะมีตู้ให้หยอด ด้วยที่คนเยอะมากเลยไม่ได้ถ่ายขั้นตอนนี้ไว้แต่ง่ายมากค่ะ มีพนักงานต้อนรับและแนะนำอยู่ เรากดสิ่งที่เราจะทาน จากนั้นก็หยอดเหรียญตามจำนวนเงินค่ะ แล้วพนักงานจะหาที่นั่งว่างให้ ให้ใบเรามากรอกเกี่ยวกับรสชาติค่ะ เช่นพวกความเข้มข้น หรือการใส่ผังอะไรประมาณนี้ เป็นภาษาอังกฤษนะคะ กรอกเสร็จก็วางไว้เลยเดี๋ยวเขามาเก็บ
ที่นั่งเป็นของใครของมันค่ะ มีแผ่นไม้กั้น แต่เราสามารถพับลงได้นะคะเพื่อสนทนากับคนข้างๆ 5555+
มาแล้วจ้า… ชามละ 600-700 เยนนี่แหละ มีเพิ่มหมูแล้วก็อย่างอื่นได้ รสชาติดีมากค่ะ!!
พออิ่มแล้วเราก็ออกมาเดินหาซื้อของดูของฝาก แล้วเราก็เจอ!!! Disney Store ของเยอะมาก น่ารักมากค่ะ ใครหาของให้เด็กๆ แล้วไม่สะดวกไปที่ Disney land เชิญที่นี่ได้เลย
เดินได้สักพักใหญ่เราก็ออกเดินทางต่อไปที่ Harajuku ค่ะ เราไปด้วย Yamanote line ขึ้นรถสายนี้ไม่มีหลง เพราะมันวิ่งเป็นวงกลมค่ะแต่คนเยอะน่าดู สถานี Harajuku สวยมากค่ะ แต่สิ่งเราไม่คาดคิดเมื่อมาถึงคือ….คนเยอะมากกกกกกกกก เราตัดสินใจเดินลงไปได้ประมาณ 200 เมตร ก็จอดแล้ว 5555+
นั่งข้างทางดูคนเดินไปเดินมา มันไม่เหมาะกับคนหมดวัยรุ่นอย่างเราๆ เลย 5555+ ที่นี่คนเยอะ ส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น น่าจะคล้ายสยามบ้านเรา
แล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องกลับแล้วค่ะ เรากลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมแล้วก็ตีตั๋วกลับไปนอนที่สนามบินนาริตะ สนามบินจะปิดเที่ยงคืนนะคะ แต่มีเซเว่นและมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชม. ห้องน้ำก็สะอาดค่ะ กลับแล้วนะจ๊าาาา แต่ก่อนกลับเราก็มาเจอกับโตเกียวสกายทรีอีกรอบจ้า
ถึงแม้ทริปนี้จะเป็นทริปสั้นๆ แต่มันก็ทำให้พวกเรารู้สึกหลงรักประเทศนี้ขึ้นมาเลยค่ะ ก็เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เราได้เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น ทริปนี้ค่าใช้จ่ายรวมตั๋ว รวมช้อป สำหรับคนที่ใช้ไปน้อยที่สุดอยู่ที่ 24,000 บาทค่ะ ส่วนคนอื่นๆ จะอยู่ที่ 35,000 บาทโดยประมาณ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ไว้รีวิวหน้จะพัฒนาให้ดีกว่านี้นะคะ ขอคุณมากค่ะ ^_^