ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวชาวไทยหลายๆ คน เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากเมืองไทยมากนัก ใช้เวลาในการเดินทางโดยการบินตรงประมาณ 6 ชั่วโมงเท่านั้น ที่สำคัญประเทศญี่ปุ่นยังมีเสน่ห์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของธรรมชาติของเมืองหนาวซึ่งแตกต่างจากบ้านเรา วัฒนธรรม อาหาร รวมไปถึงความเจริญล้ำหน้าทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ ที่สำคัญการเดินทางในประเทศญี่ปุ่นนั้นยังสะดวกสบายด้วยระบบคมนาคมขนส่งมวลชนที่เชื่อมต่อครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ส่วนการใช้งานก็สุดแสนจะง่ายดายไม่ยุ่งยาก เรียกว่าเพียงแค่มี JR Pass ใบเดียวก็เดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วทั้งทางรถไฟ รถเมล์ ไปจนถึงการโดยสารทางเรือเฟอร์รี่
JAPAN RAIL PASS ใบเดียว เที่ยวคุ้ม
เจแปน เรลพาส (Japan Rail Pass) คืออะไร
เจแปน เรลพาสถือเป็นความสะดวกที่คุ้มค่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีจุดหมายปลายคือประเทศญี่ปุ่น เพราะเพียงแค่มีตั๋วเจแปน เรลพาส ใบเดียว นักท่องเที่ยวก็สามารถเดินทางทั่วญี่ปุ่นได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งและระยะทาง ทั้งทางรถไฟสายเจอาร์ รถเมล์ เรือเฟอร์รี่ในเครือของเจอาร์ (JR Group) รวมทั้งรถไฟฟ้าความเร็วสูงอย่างชินคันเซน (ยกเว้นขบวน Nozomi ที่มีต้นทางจากโตเกียว ผ่านชินโอซาก้า และสิ้นสุดที่สถานีฟุโกะโอกะ รวมถึงรถไฟใต้ดินตามเมืองต่างๆ) ซึ่งเป็นความพิเศษที่ซื้อได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น นอกจากนั้นยังสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อแบบเดินทางเฉพาะบางภูมิภาค และแบบเดินทางได้ทั่วทั้งประเทศ
โดยในส่วนของการให้บริการในระบบขนส่งมวลชนของเจอาร์ เรลพาสนั้นมีทั้งหมด 3 ประเภท ซึ่งก็คือรถไฟ รถเมล์ และเรือเฟอร์รี่ ดังนี้
รถไฟ
– รถไฟในเครือของ JR Group และรถไฟหัวกระสุนชินคันเซน
– รถไฟประเภท Limited Express
– รถไฟประเภท Express
– รถไฟด่วนหรือรถไฟธรรมดา
รถเมล์
– รถเมล์สายท้องถิ่น หรือรถเมล์ในเครือของ JR Group ซึ่งได้แก่ JR Hokkaido, JR Tohoku, JR Kanto, JR Tokai, JR West Japan, JR Chugoku, JR Shikoku และ JR Kyushu
– รถเมล์บางเส้นทางของ JR Highway อันได้แก่ Sapporo-Otaru, Morioka-Hirosaki, Tokyo-Nagoya, Kyoto, Osaka, Nagoya-Kyoto, Osaka-Tsuyama, Kasai Flower Center
เรือเฟอร์รี่
– ใช้ได้เฉพาะเรือเฟอร์รี่ JR Miyajima เท่านั้น โดยไม่ครอบคลุมไปถึงเรือเฟอร์รี่ JR Hakata – Pusan (Korea)
ประเภทของเจอาร์ เรลพาส
JR Pass แบบใช้ได้ทั่วทุกภูมิภาคของญี่ปุ่น เจแปน เรลพาสประเภทนี้จะมีจำหน่ายเฉพาะนอกประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น โดยผู้ใช้บริการจะต้องหาซื้อกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศของตนก่อนเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น ซึ่งค่าโดยสารนั้นก็จะขึ้นอยู่กับระยะเวลา ส่วนเด็กอายุตั้งแต่ 6-11 ปี จะเสียค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งของราคาเต็ม ดังตารางข้างล่าง
JR Pass ชนิดเจาะจงเป็นรายภูมิภาค สำหรับเจแปน เรลพาสชนิดเจาะจงเป็นรายภูมิภาค จะแตกต่างจากชนิดแรก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางเจาะจงเฉพาะบางพื้นที่ หรือบางภูมิภาคเท่านั้น โดยแบ่งเป็นทั้งหมด 4 ภาค ดังต่อไปนี้
JR Hokkaido Rail Pass (ภาคเหนือ)
ใช้สำหรับการเดินทางโดยรถไฟเจอาร์ฮอกไกโดทุกสาย รวมทั้งรถเมล์สายเจอาร์ด้วย
JR East Rail Pass (ภาคตะวันออก)
ใช้สำหรับการเดินทางโดยรถไฟจำนวน 72 สายของเจอาร์ภูมิภาคตะวันออก ซึ่งเชื่อมกับภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากสนามบินนาริตะและโตเกียว
JR West Rail Pass (ภาคตะวันตก)
ในส่วนของเจแปน เรลพาสในภูมิภาคตะวันตก แบ่งออกเป็น 2 เขต ได้แก่
- คันไซพาส ใช้สำหรับการบริการรถเร็วจากสนามบินนานาชาติคันไซเข้าเมืองโอซาก้า รวมทั้งเขตโกเบ เกียวโต นารา และฮิเมหยิ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในเขตคันไซ
- ซันโยพาส ใช้สำหรับโดยสารรถไฟเจอาร์ภูมิภาคตะวันตกทุกสาย รวมทั้งรถด่วนพิเศษชินคันเซนสายซันโย ขบวนโนโซมิ รวมถึงรถด่วนจากสนามบินคันไซเข้าเมืองโอซาก้า โอกายาม่า ฮิโรชิม่า และฮะคะตะในฟุกุโอกะ
JR Kyushu Rail Pass (ภาคใต้)
ใช้สำหรับการเดินทางโดยรถไฟเจอาร์ทุกสายที่แล่นผ่านเมืองต่างๆ ในภาคใต้ของประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งรถด่วนพิเศษสายคิวชูชินคันเซนด้วยเช่นกัน
ประเภทของนักท่องเที่ยวที่สามารถใช้ JR Rail Pass
- นักท่องเที่ยวที่ถือวีซ่าประเภท Temporary Visitor ปัจจุบันสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้ประกาศยกเลิกการขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน ทั้งนี้หากนักท่องเที่ยวท่านใดประสงค์ที่จะใช้เวลาเกินกว่า 15 วัน แต่ไม่เกิน 90 วัน จะต้องทำการขอวีซ่าให้เรียบร้อย จากนั้นเมื่อเดินทางถึงญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็จะประทับตราลงในหนังสือเดินทางในฐานะ “Temporary Visitor” ซึ่งผู้ที่ได้รับตราประทับนี้ก็จะสามารถใช้ ตั๋ว JR Rail Pass ได้
- นักท่องเที่ยวถือสัญชาติญี่ปุ่นที่พำนักอยู่ในต่างประเทศ สำหรับนักท่องเที่ยวประเภทนี้จะต้องมีคุณสมบัติอื่นๆ ดังต่อไปนี้
- เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติในการอยู่ถาวรในประเทศนั้น ๆ หรือ
- เป็นผู้ที่แต่งงานกับชาวต่างชาติที่ไม่ได้ถือสัญชาติญี่ปุ่น และพำนักอยู่ประเทศอื่น ๆ นอกจากประเทศญี่ปุ่น
อายุการใช้งาน
- ประเภทแรก ตั๋ว JR Pass ซึ่งมีอายุการใช้งานตั้งแต่ 7 วัน, 14 วัน และ 21 วัน โดยต้องใช้ต่อเนื่องกันนับตั้งแต่วันแรกของการใช้งาน
- ประเภทที่สอง คือตั๋วที่มีอายุการใช้งานภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่วันออกตั๋วชั่วคราว (Exchange Order) โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเปลี่ยนให้เป็น JR Pass และจะต้องระบุวันที่ต้องการเริ่มใช้บริการ JR Pass ซึ่งจะเป็นวันไหนก็ได้ภายในระยะเวลา 1 เดือน หลังจากได้รับ JR Pass
- ประเภทที่สาม ตั๋ว JR Pass ที่ไม่สามารถเปลี่ยนวันได้ ซึ่งเป็นตั๋วที่มีการระบุวันเวลาของการใช้บริการนับตั้งแต่วันแรก
การยกเลิก คืนเงิน หรือสูญหาย
กรณีต้องการยกเลิกและการคืนเงิน
- สำหรับการคืนเงินของ Exchange Order นั้นสามารถทำได้ ณ ที่ทำการที่นักท่องเที่ยวซื้อและออกตั๋วเท่านั้น แต่จะต้องดำเนินการภายใน 1 ปี นับจากวันที่ซื้อตั๋ว ทั้งนี้ท่านจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นเงินจำนวน 20 เปอร์เซ็นต์ ของราคาที่ระบุไว้ในตั๋ว
- ต้องเป็นตั๋ว JR Pass ที่ยังไม่ได้ถูกประทับตราการใช้งานเท่านั้น
- หากตั๋วมีการประทับตราเรียบร้อยแล้วไม่ว่าจะในเหตุผลใดก็ตาม ไม่สามารถขอคืนเงินได้
- ตั๋ว JR Pass ไม่สามารถทำการคืนเงินได้ ในกรณีที่รถไฟไม่สามารถให้บริการได้ หรือกรณีที่รถไฟเกิดความล่าช้า
กรณี Exchange Order หรือ JR Pass สูญหาย / ถูกขโมย
- ไม่มีนโยบายในการออกตั๋วใบใหม่ หรือคืนเงินให้ในกรณีสูญหายหรือถูกขโมยทั้ง Exchange Order หรือ JR Pass
- ในกรณีที่ Exchange Order สูญหายหรือถูกขโมย นักท่องเที่ยวจะต้องกรอกข้อมูลรายงานการหายของ Exchange Order และส่งคืนให้กับบริษัททันที พร้อมทั้งลงลายมือชื่อผู้เป็นเจ้าของเท่านั้น
สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดสนใจสำรองที่นั่งหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถโทรมาได้ที่ “มัชรูมทราเวล” หมายเลขโทรศัพท์ 0-2105-6234 เปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ ในเวลา 09.00-18.00 น.