@MushroomTravel
“ประเทศจอร์แดน” ตั้งอยู่ในตะวันออกกลาง มีพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางกิโลเมตร อาณาเขตติดกับอิรัก ซาอุดีอาระเบีย ซีเรีย และอิสราเอล เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ประวัติศาสตร์ และอารยธรรมเก่าแก่น่าหลงใหล ทำให้นักท่องเที่ยวอยากไปสัมผัสด้วยตัวเอง แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าควรไป เที่ยวจอร์แดนเดือนไหนดี บทความนี้ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล เลยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการ เที่ยวจอร์แดน ในฤดูกาลต่างๆ มาฝาก เพื่อให้สภาพอากาศตรงใจ ไม่เสียเที่ยว พร้อมแนะนำพิกัดไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด ถ้าพร้อมแล้วก็เก็บกระเป๋า แล้วไปตะลุยเมืองแห่งทะเลทรายกันเล้ยยย!
สภาพอากาศแต่ละฤดูกาลของจอร์แดน
ก่อนจะตัดสินใจว่าจะไป เที่ยวจอร์แดนเดือนไหนดี เรามาดูสภาพอากาศของที่นั่นกันก่อน โดยมีทั้งหมด 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว พี่เห็ดได้รวบรวมข้อมูลของแต่ละฤดูกาลมาให้แล้ว ดังนี้
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
ช่วงฤดูใบไม้ผลิถือเป็นฤดูที่เหมาะแก่การมา เที่ยวจอร์แดน เพราะสภาพอากาศกำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนมาก อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 13 – 31 องศาเซลเซียส ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี เหมาะแก่การมาเดินป่า ดอกไม้ต่างๆ บานสะพรั่งเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณตอนเหนือของประเทศ ถ้าจะมาเที่ยวช่วงนี้แนะนำว่าให้จองที่พักตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น และหลีกเลี่ยงเทศกาลรอมฎอน ซึ่งชาวมุสลิมจะถือศีลอดตั้งแต่รุ่งสางจนถึงพระอาทิตย์ตก ทำให้ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ปิดทำการในช่วงกลางวัน รวมถึงไม่ควรทานอาหารในที่สาธารณะช่วงกลางวัน เพื่อเป็นการเคารพคนที่กำลังถือศีลอด แต่ถ้าอยากมาสัมผัสวัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น ความคึกคักของบ้านเมืองในยามค่ำคืนก็แนะนำเลยค่ะ
ฤดูร้อน (มิถุนายน – กันยายน)
ฤดูร้อนในจอร์เจีย สภาพอากาศจะมีความแห้งแล้ง อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 31 – 38 องศาเซลเซียส เดือนที่ร้อนที่สุดคือ เดือนสิงหาคม ถึงแม้อากาศจะร้อน แต่ก็เป็นช่วงที่ท้องฟ้าแจ่มใส เหมาะแก่การดูดาวตอนกลางคืน และเป็นช่วงที่ผลไม้อย่าง แตงโม มะกอก องุ่น พีช อินทผลัม ฯลฯ รสชาติอร่อย หาซื้อได้ง่าย อีกทั้งในเมืองเจราชยังมีการจัดเทศกาลศิลปะและวัฒนธรรม รวมทั้งการแสดงต่างๆ ให้ได้ชมอีกด้วย
ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม – พฤศจิกายน)
ใครที่ยังลังเลว่าจะ เที่ยวจอร์แดน เดือนไหนดี พี่เห็ดแนะนำฤดูใบไม้ร่วงเลยค่ะ เป็นช่วงที่อากาศเริ่มเย็นลง แดดไม่จัด ใบไม้เริ่มเปลี่ยนเป็นสี เหมาะแก่การทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่าง เดินป่า ชมธรรมชาติ ปั่นจักรยาน ดำน้ำ เที่ยวชายหาด อุณหภูมิเฉลี่ย 20 – 32 องศาเซลเซียส ประมาณกลางเดือนตุลาคมอาจมีฝนตกเล็กน้อย
ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)
เที่ยวจอร์แดนเดือนไหนดี ใครชอบอากาศเย็นหน่อยก็ต้องฤดูหนาวเลยค่ะ เพราะเป็นช่วงที่อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยอยู่ที่ 2 – 22 องศาเซลเซียส ในเมืองอัมมานอากาศจะเย็นกว่าพื้นที่อื่น จึงอาจมีหิมะตกในบางปี เดือนที่หนาวที่สุดและมีฝนตกมากที่สุดคือ เดือนมกราคม ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งอาจปิดทำการ กิจกรรมที่แนะนำจึงเป็นกิจกรรมในร่ม อย่างเช่น เวิร์กช็อปศิลปะ การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น แต่ข้อดีของการมา เที่ยวจอร์แดน ช่วงนี้คือนักท่องเที่ยวน้อย และที่เที่ยว ที่พักต่างๆ ราคาถูก
ถ้าถามว่า เที่ยวจอร์แดนเดือนไหนดี พี่เห็ดแนะนำเป็นช่วงฤดูไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงเลยค่ะ เพราะอากาศเย็นสบายกำลังดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป เหมาะแก่การทำกิจกรรกลางแจ้ง แถมธรรมชาติสวยอีกด้วย
ที่เที่ยวจอร์แดน 5 พิกัดไฮไลต์แนะนำ
1. นครเพตรา (Petra)
นครเพตรา เป็นเมืองโบราณที่มีอายุกว่า 2,000 ปี มีเอกลักษณ์คือ วิหารสีชมพู (The Siq) ที่เกิดจากการแกะสลักลงไปบนหินผาอย่างมหัศจรรย์ ถูกค้นพบและได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกปี ค.ศ. 1985 และวิหารนี้ยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย มีจุดให้เดินชมหลายจุด เราจะได้ชมวิวเมืองเพตราในมุมที่แตกต่างกันออกไป ไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเช็กอินคือ อัลคาซเนห์ (Al-Khazneh) มีลักษณะเป็นอาคารแกะสลัก 2 ชั้น ความสูงประมาณ 39 เมตร ภายในแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ในอดีตเชื่อกันว่าเป็นคลังเก็บสมบัติ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา รวมถึงเป็นสุสานฝังศพ ซึ่งการเดินทางมาที่นี่จะต้องผ่าน ซิกห์ (Siq) ทางเดินแคบที่มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน เป็นความน่าอัศจรรย์ที่ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง
2. นครเจราช (Jerash)
นครเจราช หรือ เมืองพันเสา หรืออีกชื่อที่เรียกกันว่า ปอมเปอีแห่งตะวันออก เป็นหนึ่งในเมืองโบราณที่มีสถาปัตยกรรมโรมันที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการอนุรักษ์อย่างดีที่สุดบนถนนอาณานิคม (Collonaded Street) ภายในเมืองมีสถาปัตยกรรมโรมันให้เราได้ชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซุ้มประตูกษัตริย์เฮเดรียน (Hadrian Gate) ซุ้มประตูที่มีอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี, สนามแข่งม้าฮิปโปโดรม (Hippodrome) สนามแข่งม้าเก่าแก่ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมือง เป็นต้น
3. ทะเลทรายวาดิรัม (Wadi Rum)
หากมา ทัวร์จอร์แดน อย่าพลาดการมาตะลุย ทะเลทรายวาดิรัม ซึ่งมีฉายาว่า “หุบเขาแห่งพระจันทร์” (The Valley of the Moon) วาดิรัมมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ว่ากันว่ามีมนุษย์อยู่อาศัยมาแล้วตั้งแต่ 8,000 ปีก่อนคริสตกาล เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากในจอร์แดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินและปีนเขา นอกจากนั้นยังมีการขี่อูฐ และเที่ยวซาฟารีด้วยม้า แนะนำว่าให้จัดชุดมาแน่นๆ พร็อบเต็มๆ เพราะได้ถ่ายรูปสวยท่ามกลางทะเลทรายแน่นอน
4. ทะเลแดง (Red Sea)
ที่เมืองอัคคาบาของจอร์แดน เป็นเมืองเดียวที่อยู่ติด ทะเลแดง ซึ่งบริเวณนี้น้ำทะเลจะเป็นสีฟ้าเทอควอยซ์ ไม่มีคลื่น และขึ้นชื่อเรื่องแนวปะการังที่สวยงาม ทั้งยังมีซากเรืออับปางจากสงครามโลกครั้งที่ 2, เรือร้างขนาดเล็ก, เรือบรรทุกน้ำมัน และเรืออื่นๆ ที่จมอยู่ใต้ท้องทะเล ด้วยความพิเศษนี้เองทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาดำนำกันที่นี่ สำหรับใครที่ไม่ใช่สายกิจกรรม อยากเที่ยวชิลๆ เขาก็มีเรือท้องกระจกไว้คอยบริการ สามารถมานั่งเรือชมอ่าวชิลๆ ได้
5. ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea)
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดในการมา เที่ยวจอร์แดน นั่นก็คือ การได้ลอยตัวบนทะเลสาบเดดซี ในเมืองอัมมาน ทะเลสาบสีน้ำเงินโคบอลต์ที่ขึ้นชื่อว่าเค็มที่สุดในโลก ซึ่งความเค็มของทะเลสาบเดดซีนั้นสูงถึง 30% (เทียบกับทะเลบ้านเราแค่ประมาณ 3%) ทำให้ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆ ในทะเลสาบแห่งนี้เลย และด้วยความเข้มข้นของเกลือนี่เองที่ทำให้เราสามารถลอยตัวได้ แต่ระวังอย่าให้น้ำทะเลเข้าตาหรือปากเด็ดขาด! แนะนำว่าถ้ามาเที่ยวเดดซี ควรจองที่พักที่มี Private Beach ไปเลยจะคุ้มกว่าการจ่ายค่าเข้าหาดบริเวณชายหาดสาธารณะ
การเที่ยวประเทศจอร์แดน มีความน่าสนใจ ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ แต่ก็อาจจะยังมีใครหลายคนที่กังวลเรื่องการไปเที่ยวประเทศนี้ พี่เห็ดบอกเลยว่าจอร์แดนนั้นปลอดภัยและน่าเที่ยวมากๆ มีที่เที่ยวหลากหลาย แถมยังมีประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่น่าค้นหาเต็มไปหมด ถ้าไม่กล้าไปเที่ยวด้วยตัวเอง แนะนำว่าจอง ทัวร์จอร์แดน ไปเที่ยวจะสะดวกกว่าค่ะ มีไกด์และหัวหน้าทัวร์คอยดูแล จะได้ไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ สนุกสนานได้อย่างเต็มที่ ใครสนใจคลิกชมโปรแกรมทัวร์ได้เลย ขอให้สนุกนะคะ 🙂