@MushroomTravel
เปิดประสบการณ์ เที่ยวจอร์แดน เมืองแห่งทะเลทราย ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
ถ้าพูดถึงประเทศจอร์แดน หลายคนคงนึกถึงเมืองที่เต็มไปด้วยทะเลทราย แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าตั้งอยู่ตรงไหนของโลกหรือมีที่เที่ยวอะไรเด่นๆ บ้าง และเชื่อว่ามีหลายคนที่ต้องคิดว่าน่ากลัวและเที่ยวยากแน่ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว จอร์แดน เป็นประเทศที่มีเสน่ห์น่าค้นหามากมาย ถ้าได้รู้จักแล้วจะรู้เลยว่าน่าเที่ยวจริงๆ ค่ะ วันนี้ มัชรูมทราเวล จึงมีข้อควรรู้ก่อน เที่ยวจอร์แดน มาฝาก เก็บข้อมูลและทำความรู้จักที่นี่กันไว้ก่อนเตรียมตัวไป ทัวร์จอร์แดน กัน!
ข้อควรรู้ก่อนเที่ยวจอร์แดน
1.จอร์แดนอยู่ที่ไหน?
จอร์แดนเป็นประเทศที่อยู่ในทวีปเอเชีย ในพื้นที่ที่เรียกว่า ตะวันออกกลาง มีชายแดนติดกับประเทศอิสราเอล อิรัก และซาอุดิอาระเบีย
2.คนไทยไปเที่ยวต้องใช้วีซ่ามั้ย?
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีวัตถุประสงค์เดินทางเข้าประเทศจอร์แดนเพื่อการท่องเที่ยว สามารถขอวีซ่าแบบ Visa On Arrival (VOA) ที่สนามบิน Queen Alia International Airport ณ กรุงอัมมาน (Amman) และ สนามบินนานาชาติ King Hussein International Airport ณ กรุง Aqaba ได้เลยโดยที่ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าล่วงหน้าจากประเทศของตน โดยต้องใช้เอกสารสำคัญที่ใช้ในการยื่นขอวีซ่าดังนี้
– พาสปอร์ตเล่มจริง ที่มีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน นับรวมวันเดินทางกลับถึงยังประเทศไทย และมีหน้าที่ว่างมากกว่า 2 หน้า
– สำเนาพาสปอร์ตหน้าแรก
– รูปถ่ายสีขนาด 2 นิ้ว 2 รูป พื้นหลังสีขาว ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน หน้าตรง ไม่สวมแว่น
– สำเนาตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ
– ใบ Visa On Arrival กรอกได้ที่ช่องยื่นขอวีซ่า
ซึ่งอัตราค่าธรรมเนียม Visa on Arrival ในการเข้าประเทศจอร์แดนนั้น หากเป็น วีซ่าเข้า-ออกครั้งเดียว (อายุ 1 เดือน) จะอยู่ที่ 40 JOD หรือประมาณ 56 USD
*ค่าธรรมเนียมวีซ่าต้องชำระด้วยเงินสดเท่านั้น
3.ไปเที่ยวจอร์แดนช่วงไหนดี?
แนะนำเป็น 2 ช่วงด้วยกันค่ะ คือ เดือนมีนาคม-พฤษภาคม และ เดือนกันยายน-พฤศจิกายน เพราะเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก ไม่หนาวมาก และไม่มีฝน แต่เดือนที่เหมาะกับการ เที่ยวจอร์แดน ที่สุดคือ เดือนเมษายน และเดือนตุลาคม จะมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10-25 องศาเซลเซียส สามารถเดินชมเมืองได้อย่างสบายๆ
4.จอร์แดนอากาศร้อนมากมั้ย?
หากไป เที่ยวจอร์แดน ในช่วงเดือนที่แนะนำไปข้างต้น แดดก็จะไม่ร้อนมากในตอนกลางวัน แต่ก็แนะนำให้ใส่เสื้อแขนยาวหรือแจ็คเก็ตคลุมเพื่อป้องกันรังสียูวีค่ะ ซึ่งถ้าเป็นช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม แดดจะร้อนมาก ไม่เหมาะแก่การเดิน ทัวร์จอร์แดน แน่ๆ
5.บ้านเมืองในจอร์แดนเป็นอย่างไร?
หลายคนคิดว่า เอ๊ะ…ประเทศจอร์แดนต้องมีแต่ทะเลทรายแน่ๆ ขอบอกว่าคุณคิดผิดค่ะ! เพราะจอร์แดนไม่ได้มีแต่ทะเลทรายอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วยังมีเมืองโบราณอารยธรรมอาหรับที่รอให้เราไปสัมผัส รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกมากมายที่น่าไปเยือนมากๆ
6.อาหารการกินในจอร์แดนเป็นอย่างไร?
ส่วนใหญ่อาหารพื้นเมืองจอร์แดนจะเน้นพวกปิ้งย่าง และเนื่องจากเป็นประเทศมุสลิม จึงไม่มีเนื้อหมู ส่วนเนื้อสัตว์ที่เห็นอยู่ทั่วไปจะเป็นเนื้อไก่ วัว และแกะ โดยทานกับแป้งต่างๆ มีผักดอง มะกอกดอง และโยเกิร์ต ที่ทำจากถั่วรสชาติต่างๆ เมนูที่หาทานง่ายได้ทั่วไปก็คือ เคบับ เนื้อสัตว์ย่างห่อแป้ง เนื้อแกะย่าง เป็นต้น
7.ความปลอดภัยและสงคราม
หากพูดถึงพื้นที่ตะวันออกกลาง หลายคนอาจจะกลัวกับข่าวก่อการร้าย สงครามกลางเมือง ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยในการท่องเที่ยว ในอดีตจอร์แดนก็เคยทำสงครามกับอิสราเอลมายาวนาน แต่ได้ทำการเจรจาสันติภาพตั้งแต่ปี ค.ศ.1994 ทำให้ปัจจุบัน จอร์แดน เป็นประเทศที่สงบ สันติ แม้ว่าจะมีการเดินขบวนประท้วงบ้าง แต่ก็กลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว
ได้ทราบข้อมูลก่อนการ เที่ยวจอร์แดน ไปแล้ว มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์และไม่อยากให้คุณพลาดกันต่อ จะมีที่ไหนบ้าง ไปชมกัน
เยือนมรดกโลก เมืองเพตรา
เมืองเพตรา เป็นเมืองโบราณที่มีอายุกว่า 2,000 ปี มีเอกลักษณ์คือ วิหารสีชมพู (The Siq) ที่เกิดจากการแกะสลักลงไปบนหินผาอย่างมหัศจรรย์ ถูกค้นพบและได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกปี ค.ศ. 1985 และวิหารนี้ยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย มีจุดให้เดินชมหลายจุด เราจะได้ชมวิวเมืองเพตราในมุมที่แตกต่างกันออกไป
ชมอารยธรรมโรมัน ที่เจราช
เจราช หรือ เมืองพันเสา หรืออีกชื่อที่เรียกกันว่า ปอมเปอีแห่งตะวันออก คือหนึ่งในเมืองโบราณที่มีสถาปัตยกรรมโรมันที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการอนุรักษ์อย่างดีที่สุดบนถนนอาณานิคม (Collonaded Street) ยังมีสถาปัตยกรรมโรมันให้เราได้ชมอย่าง ห้องอาบน้ำ โรงละคร พลาซ่า และซุ้มประตู ซึ่งยังอยู่ในสภาพสวยงามสมบูรณ์ ภายในกำแพงเมืองที่เหลืออยู่ นักโบราณคดีได้พบซากปรักหักพังของการตั้งถิ่นฐานของอารยธรรมมนุษย์ ย้อนหลังไปถึงยุคหินใหม่เป็นเวลานานกว่า 6,500 ปีเลยทีเดียว
ตะลุยทะเลทรายวาดิรัม
หากคุณมา ทัวร์จอร์แดน อย่าพลาดการมาตะลุยทะเลทรายสีแดงที่เมืองวาดิรัม ซึ่งมีฉายาว่า “หุบเขาแห่งพระจันทร์” (The Valley of the Moon) วาดิรัมมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ว่ากันว่ามีมนุษย์อยู่อาศัยมาแล้วตั้งแต่ 8,000 ปีก่อนคริสตกาล วาดิรัมเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากในจอร์แดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินและปีนเขา นอกจากนั้นยังมีการขี่อูฐ และเที่ยวซาฟารีด้วยม้า แนะนำว่าให้จัดชุดมาแน่นๆ พร็อบเต็มๆ เพราะได้ถ่ายรูปสวยท่ามกลางทะเลทรายแน่นอน
ล่องเรือในทะเลแดง
ที่เมืองอัคคาบาของจอร์แดน เป็นเมืองเดียวที่อยู่ติดทะเลแดง ซึ่งบริเวณอ่าวอัคคาบานั้น น้ำทะเลจะเป็นสีฟ้าเทอควอยซ์สวยงามและไม่มีคลื่น เหมาะแก่การนั่งเรือชมอ่าว ซึ่งจะมีเรือท้องกระจกไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว
ลอยตัวในทะเลสาบเดดซี
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดในการมา เที่ยวจอร์แดน นั่นก็คือ การได้ลอยตัวบนทะเลสาบเดดซี ในเมืองอัมมัน ซึ่งความเค็มของทะเลสาบเดดซีนั้นสูงถึง 30% (เทียบกับทะเลบ้านเราแค่ประมาณ 3%) ทำให้ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆ ในทะเลสาบแห่งนี้เลย และด้วยความเข้มข้นของเกลือนี่เองที่ทำให้เราสามารถลอยตัวได้ แต่ระวังอย่าให้น้ำทะเลเข้าตาหรือปากเด็ดขาด! แนะนำว่าถ้ามาเที่ยวเดดซี ควรจองที่พักที่มี Private Beach ไปเลยจะคุ้มกว่าการจ่ายค่าเข้าหาดบริเวณชายหาดสาธารณะ
สรุปคือการไป เที่ยวจอร์แดน นั้นปลอดภัยและน่าเที่ยวมากๆ แต่ถ้าคุณไม่กล้าไปเที่ยวด้วยตัวเอง แนะนำว่าซื้อ ทัวร์จอร์แดน ไปเที่ยวจะสะดวกกว่าค่ะ จะได้ไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ได้อย่างสนุกสนานเต็มที่ ใครสนใจคลิกชมโปรแกรมทัวร์ได้เลย ขอให้สนุกนะคะ 🙂