อุทยานคานาสือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของประเทศจีน มีความร่มรื่น ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นจำนวนมากทุกปี เชื่อว่าหลายคนแค่เห็นรูปก็คงอยากไปสัมผัสความงดงามด้วยตาตัวเองสักครั้ง แต่ก่อนจะวางแผนออกเดินทาง เรามาทำความรู้จักกับ คานาสือ เพิ่มกันสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็น เที่ยวช่วงไหนดี มีอะไรน่าสนใจบ้าง? ตามพี่เห็ด มัชรูมทราเวล ไปเที่ยวกันได้เลย !!
ทำความรู้จักคานาสือ (Kanas)
อุทยานคานาสือ หรือ คานาซือ (Kanas) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ใกล้กับพรมแดนมองโกเลีย รัสเซีย และคาซัคสถาน สามารถเดินทางไปได้หลายวิธี ทั้งเครื่องบิน รถไฟ รถโค้ช แต่ที่แนะนำและสะดวกที่สุดจะเป็นการใช้เส้นทางจาก อุรุมชี (Urumqi) ซึ่งเป็นเมืองหลวง มายังเมืองปู้เอ่อจิน (Burqin) ที่ตั้งอยู่เชิงเขาอัลไต และนั่งรถต่อมายัง คานาสือ เพราะด้านในไม่สามารถนำรถเข้าไปได้ แต่จะมีบริการรถ Shuttle Bus พาไปชมยังจุดต่างๆ
ดินแดนแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นแผ่นดินบริสุทธิ์แหล่งสุดท้ายของมวลมนุษย์ มีธรรมชาติที่งดงาม โดดเด่นด้วยทะเลสาบที่มีผืนน้ำสีสวย ภูเขา ป่าไม้ ทุ่งหญ้า อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมพืชพรรณ และสัตว์ป่านานาชนิด รวมถึงสัตว์หายาก ความสวยงามเรียกได้ว่าอยู่อันดับต้นๆ ของประเทศจีน จึงเหมาะสำหรับการมาท่องเที่ยวพักผ่อน และยังเป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ช่วงที่คนนิยมมาเที่ยวมากที่สุดคือ ฤดูใบไม้ร่วง เพราะยอดเขาจะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีส้ม เหลือง อากาศก็กำลังเย็นสบาย ถ่ายรูปออกมาสวยสุดๆ
เที่ยวคานาสือ ช่วงไหนดี ?
ฤดูใบไม้ผลิ : มีนาคม – พฤษภาคม
ฤดูใบไม้ผลิของเมืองนี้จะมาช้ากว่าเมืองอื่นๆ อย่างน้อย 1 เดือน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ -14 ถึง 34 องศาเซลเซียส ช่วงต้นฤดูอากาศจะยังคงหนาวมาก แต่ในพอถึงปลายฤดูอากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นเตรียมเข้าสู่หน้าร้อน และเนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ห่างจากทะเล อากาศจึงแห้ง ไม่เหนียวเหนอะหนะ เป็นช่วงที่หิมะบนยอดเขาจะละลายและไหลลงไปในทะเลสาบ บรรยากาศโดยรอบกลับมาสดใส และนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก
ฤดูร้อน : มิถุนายน – สิงหาคม
ฤดูร้อนเป็นช่วงที่อากาศอบอุ่นที่สุดของปี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 8 – 36 องศาเซลเซียส เดือนที่ร้อนที่สุด คือ เดือนกรกฎาคม อุณหภูมิจะมีความแตกต่างกันมาในช่วงกลางวันและกลางคืน ช่วงกลางวันอาจจะรู้สึกร้อน แต่กลางคืนจะหนาว มีฝนตกบ้างแต่ไม่มาก ต้นไม้ ดอกไม้ ดูสดชื่นมีชีวิตชีวา หันไปทางไหนก็เป็นสีเขียวชอุ่ม นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น เดินป่า พายเรือ ชมสัตว์ป่า ดูนก ตกปลา จึงเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ
ฤดูใบไม้ร่วง : กันยายน – พฤศจิกายน
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่สวยงาม เหมาะกับการท่องเที่ยว และมีเสน่ห์ที่สุดของ คานาสือ โดยเฉพาะ เดือนกันยายน ที่เรียกกันว่า Golden Autumn ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีไล่เฉดกันไปเรื่อยๆ เป็นสีเหลือง ส้ม แทรกด้วยสีเขียว สวยงามราวกับภาพวาด บวกกับอากาศที่เริ่มหนาวเย็น อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -15 ถึง 30 องศาเซลเซียส จึงมีหมอกบางๆ ปกคลุมเหนือทะเลสาบ ทำให้ทัศนียภาพสวยงามขึ้นไปอีก แต่หากมาช่วงปลายฤดูอากาศจะค่อนข้างหนาว กลางวันอุณหภูมิประมาณ 10 องศา ส่วนกลางคืนอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศา และอาจมีหิมะตกบ้าง
ฤดูหนาว : ธันวาคม – กุมภาพันธ์
ฤดูนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวมากนัก เพราะอากาศหนาวมาก บางวันมีหิมะตกหนัก อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -33 ถึง 0 องศาเซลเซียส เดือนที่หนาวที่สุดคือ เดือนมกราคม บางครั้งอาจมีการปิดอุทยานไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพื่อความปลอดภัย สถานที่ส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวหนาทึบ ดูสวยงามราวกับเป็นเมืองน้ำแข็งเลยทีเดียว
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในคานาสือ
1. ทะเลสาบคานาสือ (Kanas Lake)
ทะเลสาบ คานาสือ ถือเป็นไฮไลต์ของอุทยาน เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A ลักษณะเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ท่ามกลางป่าอัลไพน์อันหนาแน่น ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 45 ตร.กม. เป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดของจีน โดยจุดที่ลึกที่สุดราว 188 เมตร ถูกโอบล้อมไว้ด้วยภูเขาที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ จึงมีภูมิทัศน์ที่สวยงามตระการตา น้ำในทะเลสาบใสสะอาดราวกับคริสตัล โดยสีของน้ำจะเปลี่ยนไปตามฤดูและสภาพอากาศ เช่น ในเดือนพฤษภาคม น้ำจะเป็นสีฟ้าอ่อน เดือนกรกฎาคมจะเป็นสีฟ้าอมเขียว พอเข้าเดือนสิงหาคมจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม การมาเที่ยวในแต่ละช่วงจึงให้บรรยากาศที่ต่างกัน ยิ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ดูงดงามขึ้นอีก นักท่องเที่ยวสามารถมาล่องเรือ เดินป่าเลียบทะเลสาบชมวิวไปเรื่อยๆ ก็ได้
2. ทะเลสาบมังกรหลับ (Wolong Bay)
ทะเลสาบมังกรหลับ หรือ ทะเลสาบโวหลง มีเกาะอยู่กลางทะเลสาบ เมื่อมองจากด้านบนจะคล้ายกับสันหลังของมังกรที่กำลังหลับใหลเพื่อรอวันตื่น จึงเป็นที่มาของชื่อ ตั้งอยู่ห่างจากทะเลสาบคานาสือ ไปทางใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร บริเวณโดยรอบรายล้อมไปด้วยภูเขาสีเขียวขจี อากาศร่มรื่นเย็นสบาย สีของน้ำ ต้นไม้ และภูเขารอบๆ ก็จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลเช่นเดียวกัน เป็น 1 ใน 3 ทะเลสาบที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่นี่
3. คุ้งน้ำแสงจันทร์ (Moon Bay)
แม่น้ำคานาสือที่ไหลคดเคี้ยวผ่านหุบเขาไปทางทิศเหนือ ทำให้เกิดโค้งน้ำรูปตัวเอสที่สวยงาม มองดูคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยว จึงถูกเรียกว่า “คุ้งน้ำแสงจันทร์” ตั้งอยู่ห่างจากทะเลสาบมังกรหลับประมาณ 1.5 กม. ขนาบข้างด้วยภูเขาทั้งสองด้าน เป็นจุดที่สวยงามที่สุด คนจึงนิยมมาถ่ายรูปกันมาก และภาพมุมนี้ก็เป็นมุมที่มักจะปรากฏตามโปสเตอร์ หรือเว็บไซต์ต่างๆ ด้วย
4. คุ้งน้ำเทพยาดา (Fairy Bay)
คุ้งน้ำเทพยาดา อยู่ห่างจากทะเลสาบมังกรหลับประมาณ 4.5 กม. และห่างจากคุ้งน้ำแสงจันทร์ประมาณ 3 กม. มีลักษณะเป็นหนองน้ำตื้นๆ เกิดจากน้ำในทะเลสาบคานาสือที่ไหลเข้าไปในพื้นที่ป่าและทุ่งหญ้า บางบริเวณที่มีความสูงมากหน่อยจะดูเหมือนเป็นเกาะเล็กๆ เวลาแสงแดดส่องกระทบผืนน้ำจะเกิดประกายระยิบระยับ อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องหมอกที่สวยงามในฤดูใบไม้ร่วง เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป และชมบรรยากาศยามเช้า
5. กวนหยีว์ถิง หรือ ศาลาชมปลา (Guanyu Pavilion)
กวนหยีว์ถิง เป็นจุดชมวิวที่ต้องใช้ความพยายามสักหน่อย เพราะต้องขึ้นบันได 1,068 ขั้น เพื่อไปยังจุดชมวิวที่สูงที่สุดของ คานาสือ ซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987 มีความสูงในแนวดิ่งมากกว่า 600 เมตร จากมุมนี้จะมองเห็นทัศนียภาพของทะเลสาบกลางหุบเขาได้ทั้งสี่ด้าน รวมถึงยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาอัลไต ที่มีความสูงถึง 4,374 เมตร และถ้าโชคดีก็จะได้เห็น “หงหยีว์” หรือปลาแดงขนาดใหญ่ความยาวประมาณ 8 – 12 เมตร ขึ้นมาว่ายเล่นบนผิวน้ำด้วย
6. หมู่บ้านถูหว่า (Tuva Villages)
หมู่บ้านถูหว่า ตั้งอยู่ทางใต้ของทะเลสาบคานาสือ ห่างจากหุบเขาประมาณ 2 – 3 กม. เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ไม่กี่แห่งที่เหลืออยู่ มีประชากรมากกว่า 100 ครัวเรือน ชาวบ้านยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ทั้งการประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์ รูปแบบของตัวบ้านที่ทั้งสี่ด้านทำจากไม้และอิฐ มุงหลังคาทรงสูงชันเพื่อกันหิมะสะสม มีเพิงกันแดด รวมถึงภาษา วัฒนธรรม และประเพณีโบราณ นักท่องเที่ยวสามารถมาเยี่ยมชมรอบหมู่บ้าน สัมผัสกับบรรยากาศอันเงียบสงบ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และทำกิจกรรมต่างๆ ได้
แค่เห็นภาพยังรู้สึกว่าน่าเที่ยวขนาดนี้ ของจริงจะสวยงามขนาดไหน ไม่ต้องรอถึงปีหน้า ใครอยากมาชมความอลังการของธรรมชาติด้วยตนเอง ก็จองทัวร์แล้วออกเดินทางไปพร้อมกับ มัชรูมทราเวล ได้เลย พี่เห็ดจะพาไปชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสี พร้อมเช็กอินจุดไฮไลต์เด็ดๆ และลิ้มรสอาหารสุดอร่อย รับรองเลยว่าได้ทั้งความสนุกและประทับใจ เต็มอิ่มตลอดทริปแน่นอน !