ตามธรรมเนียมที่ดีงามของชาวไทยเรา ไปไหนก็อดไม่ได้ที่จะมีของติดไม้ติดมือมาฝาก ญาติสนิท มิตรสหายทั้งหลาย (ไม่ใช่ของฝากซื้อที่ไม่มีเงินล่วงหน้าให้นะ อันนั้นไม่นับ) บทความนี้เราเลยจะพาไปตะลุยถิ่นคันไซ ภูมิภาคที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่โดดเด่น มีทั้งเกียวโตเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นแต่ก่อน เมืองแห่งสีสันสดใสสะดุดตาอย่างโอซาก้า และยังมีอีกหลายจังหวัดที่ล้วนมีประวัติศาสตร์ เรื่องราว ประเพณี และวัฒนธรรมที่น่าสนใจจนเราต้องรวบรวมมาให้ทุกคนได้ตามรอยไปกับเรา พร้อมแล้วก็กระชับกระเป๋าตังค์ให้พร้อมแล้วลุยกันเล้ยยยย ก่อนจะออกเดินทาง ขอแนะนำนิดว่า “คันไซ(Kansai)” นั้นมีประกอบไปด้วย เกียวโต (Kyoto), โอซาก้า (Osaka), นารา (Nara), เฮียวโงะ (Hyogo), วะกะยะมะ (Wakayama), ชิงะ(Shiga), มิเอะ (Mie)
ชาอุจิ (Uji Tea)
มาประเทศญี่ปุ่นทั้งที เชื่อว่าหลายคนคงได้ลิ้มรสชาเขียวกันบ้างแล้ว แต่ทีเด็ดที่เป็นสุดยอดชาเขียวที่มีเฉพาะบางพื้นที่นั้นจะเป็นชาชนิดอื่นไปไม่ได้นอกจาก “อุจิ” ชาเขียวรสเลิศที่มีต้นกำเนิดจากจีนและแพร่ขยายเข้ามาที่ญี่ปุ่น โดยเพาะปลูกสำเร็จที่เมืองอุจิ จังหวัดเกียวโตเป็นที่แรก ด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพในการปลูก ทำให้ชาเขียวเมืองอุจิมีความหอม รสอร่อย ขนาดที่ว่าคอชาเขียวต่างถวิลหาเลยทีเดียว ใครที่ชอบชาเขียวหรือมีคนที่บ้านชื่นชอบความขมฝาดแต่กลิ่นหวานหอมชนิดนี้ห้ามพลาด
ขอแนะนำร้าน ร้านโอโมะเตะซันโด(Omotesando) ร้านนี้จะอยู่ก่อนถึงวัดเบียวโดอิน ประมาณ 300 เมตร นอกจากจะซื้อหาแล้วที่เมืองอุจิยังมีบ้านชาสาธารณะและชั้นเรียนชงชาให้ได้เรียนรู้แก่นแท้วัฒนธรรมแบบฉบับญี่ปุ่นด้วยนะ เดินจากวัดเบียวโดอินไปนิดนึงจะเจอบ้านชาไทโฮอัน (ค่าเข้าชมประมาณ 500 เยน) และถ้าเดินเลยขึ้นไปอีกก็จะเจอตึกเวิร์คช้อป Fukujuen Ujicha Kobo (ค่าเข้าร่วมเวิร์คช้อป 1,200 เยน)
แบบจำลองประตูแดงศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ หรือ Fushimi Inari’s torii
ทางเดินที่ทอดยาวไปสิ้นสุดด้วยเสาสีแดงต้นใหญ่ที่เรียงร้ายไปสุดลูกหูลูกตาเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ห้ามพลาดเมื่อได้มาเยือนคันไซ เกียวโต ที่นี่เชื่อกันว่าเด่นเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ เพราะงั้นถ้าอยากทำมาค้าขึ้น หรือถ้ามีผู้ใหญ่ที่เคารพทำกิจการค้าขายอยู่ล่ะก็แนะนำให้ซื้อหาโทริอิจิ๋วไปฝากกัน
นอกจากโทริอิจิ๋วแล้วยังมีเครื่องรางอีกหลายอย่างเลยล่ะ แต่ละชิ้นก็จะอยู่ที่ 400 ไปจนถึงเกือบ 2,000 เยน (กระซิบไว้นิดว่าเราไปเช่าเครื่องรางเงินทองให้น้องเรา วันแรกยอดขายที่ร้านเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเชียว ขลังไม่ขลังคิดดู!) พิกัดก็ในศาลเจ้าเลย แต่ถ้ามาเย็นส่วนอื่นๆ จะเริ่มปิดแล้ว เพราะงั้นเช็กเวลาเปิด ปิด กันดีๆ นะ
กระดาษซับมัน โยะจิยะ (YOJIYA)
กระดาษซับมันระดับพรีเนียมที่พิถีพิถันทุกกระบวนการผลิตนี้มีมายาวนานมากกว่า 130 ปีแล้ว! เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดลับการประทินโฉมของสาวเกียวโตเลยทีเดียว ด้วยแพ็คเก็จจิ้งสะดุดตาที่เป็นสาวญี่ปุ่นลายเส้นโบราณให้หวลนึกถึงยุคการปกครองด้วยระบบจักรพรรดิ เวลาหยิบกระดาษมาซับหน้าเหมือนจะได้เข้าไปรู้ความลับความสวยใสของผิวสาวราชวงศ์ญี่ปุ่นโบราณยังไงยังงั้นเลยล่ะ
แถมเค้ายังไม่ได้มีทีเด็ดแค่กระดาษซับมันด้วยนะ ลิปมันเองก็ดีงาม ไม่ผิดหวังที่สาวเกียวโตเค้าผิวสวย ปากอมชมพูไม่มีแห้งแตกตกร่องทั้งที่เป็นเมืองหนาวเลยจริงๆ พิกัดร้านที่อยากแนะนำก็ต้องสาขาที่ถนนสายกาน้ำชาตรงทางขึ้นไปวัดน้ำใสนี่แหละ ดีงาม มีร้านให้เช่าชุดยูกาตะ กิโมโนใส่เดินเล่นตลอดวันแบบอินๆ ฟินๆ กันด้วยนะ อาหารก็เริ่ด ขนมก็จุใจ ไปถนนสายนี้สายเดียวสวย อิ่ม สนุก ได้บุญ ครบป่ะล่ะ! เช็คราคาได้ที่ www.yojiya.co.jp นะ
551 ติ่มซำหมูโฮราอิ (551蓬莱 豚まん)
ไปเกียวโตกันมาแล้ว คราวนี้เราขอแว่บมาที่เมืองแห่งสีสันอย่างโอซาก้ากันบ้าง ที่นี่มีที่สุดของของฝากแบบเน้นกินอยู่ 1 ร้าน ที่เอาจริงๆ เราที่เพิ่งไปมาก็แบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่หรอก เดินๆ อยู่ในสถานีรถไฟ หาทางออกจะเดินไปหอคอยโอซาก้าอยู่ดีๆ ก็เจอร้านติ่มซำเล็กๆ (เล็กจริงนะยูว์ ประมาณบูทขายอาหารตามห้างน่ะ) แต่ร้านเล็กๆ แบบนี้คนไม่น้อยนะจ๊ะ มีคนต่อคิวยาวหางแถวขดไปมาหลายตลบจนเรานึกว่าเล่นงูกินหางกันซะแล้วนะนั่น เราก็เลย…เอาซะหน่อยอยากรู้ร้านนี้มีดีอะไรคนถึงเยอะ ภาษาญี่ปุ่นก็ไม่รู้ อาศัยชี้ๆ ดูๆ ของจริงที่เค้าเอามาวางโชว์เอา ซื้อมาน้อยนิดเป็นขนมจีบหมูลูกโตกับลูกชิ้นหมู (อารมณ์ PORK BALL เลย) ซื้อเสร็จก็เดินลั้ลลา รู้ตัวอีกทีก็เกือบชั่วโมง แต่เชื่อมั้ยว่าขนาดไม่ร้อนแล้วยังอร่อย หมูสับและหัวหอมสับละเอียดมีรสหวานหอมแบบที่หมูเน้นๆ เต็มๆ คำ ลูกชิ้นหมูนั่นก็ด้วย มันคือหมูปั้นราดซอสชัดๆ อร่อยจนอยากเดินกลับไปเหมาซะจริง (แต่ไม่ได้เดินนะ ต้องเดินย้อนไปประมาณ 4 กิโล เลยยอมแพ้)
แถมเค้ายังมีแบบฟรีซที่เอาไว้ให้ซื้อกลับไปอุ่นอิ่มเองที่บ้านด้วยนะ อ่าห์ ว่าแล้วก็อยากบินกลับไปกินซะเดี๋ยวนี้เลย พิกัดร้านนี้มีหลายสาขาเลย ลองเลือกหาสาขาที่สะดวกกันดูเลยนะ ราคาไม่แรงนะเราซื้อขนมจีบมา 8 ลูกประมาณ 600 เยน ส่วนหมูปั้นแพคละ 500 หรือ 300 เยนนี่แหละมี 8-10 ลูก (ขออภัยจริงๆ ตอนกินมันหิวหูตาลาย) ใครไปฝากซื้อมาหน่อยสิ นะๆ 🙂
เตาทาโกะยากิ
อีกหนึ่งอาหารที่ป๊อปปูล่าประหนึ่งกระเพราบ้านเราของโอซาก้า (ทำไมโอซาก้าเราเน้นแต่เรื่องกิน) จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากทาโกะยากินั่นเองงงง แต่เราจะไม่บ้าขนาดแพคทาโกะยากิลูกกลมๆ ร้อนๆ หอมๆ กรอบๆ นุ่มๆ (ไม้ยมกเยอะไปไหน!) กลับเมืองไทยแน่ๆ เพราะเราบ้ากว่านั้นด้วยการชวนมาขนเตาทาโกะกลับกันเลย! ก็แหมเตาที่นี่มันสะดวกจริงๆ น้า แถมยังทนทาง เมดอินเจแพ่น ไม่ต้องกลัวไฟฟ้าลัดวงจรระเบิดคามือด้วยนี่นา แถมยังได้ซื้อในเมืองหลวงของทาโกะยากิอย่างโอซาก้าด้วย รับรองกินแล้วฟินปะล้ำปะเหลือแน่นอน
ตราประทับชื่อ คามิจิยะ (KAMIJIYA)
จากเกียวโต ไปโอซาก้า มากันที่มิเอะ จังหวัดชื่อน่ารัก ฟังกี่ทีก็นึกถึงแม่ชินจัง (นั่นมันมิซาเอะว้อย!) ร้านคามิจิยะ (จริงๆ ยะ แปลว่าร้าน เพราะงั้นถ้าแปลจริงๆ จะแปลว่า ร้านคามิจิ) ร้านนี้จำหน่ายสินค้าจิปาถะทั่วไปที่จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล รวมถึงสินค้าที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น
ทั้งสินค้าจากกระดาษญี่ปุ่น สินค้าแฮนด์เมดต่างๆ ให้เลือกซื้อ แต่ที่เป็นนัมเบอร์วันของร้านนี้ก็ต้อง ตราประทับชื่อนั่นเอง (ที่ญี่ปุ่นจะใช้ตราประทับชื่อแทนตัว เป็นสิ่งสำคัญที่เราว่ามันน่ารักและเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของญี่ปุ่นเลยนะ) โดยที่ร้านนี้จะมีชื่อจากตัวคันจิ (ตัวอักษรจีน) หลายร้อยแบบเลย ที่สำคัญมีกระดาษห่อที่ตัวตราประทับด้วย น่ารักมากกกกกกก ราคาก็ประมาณ 500 เยน พิกัดร้านอยู่แถว โอะคาเงะโยโกะโจ (ใกล้ๆ วัดอิเสะ) เป็นย่านจำลองยุคเอโดะ เมจินั่นเอง
หมดแล้ว เป็นไงกันบ้าง แต่ถ้าถามเรา เราแนะนำย่าน โอะคาเงะโยโกะโจ นะ เพราะเป็นย่านจำลองเมืองเก่าที่หลายๆ อย่างมีขายเฉพาะที่นี่เท่านั้น ศาลเข้าฟูจิมิ อินาริ เองก็สวยงามน่าไป แต่ของบางอย่างอย่างกระดาษซับมันเองก็มีที่สนามบินนะ ลองไปเลือกซื้อที่นั่นก็ได้ ไว้มาเจอกันใหม่บทความหน้านะ 🙂