ในฤดูหนาวของญี่ปุ่นที่เริ่มประมาณต้นเดือนธันวาคมของทุกปี ทั่วประเทศญี่ปุ่นมักมีการจัดงานประดับไฟที่สวยงาม ทั้งงานเล็กและงานขนาดใหญ่ บางแห่งก็จัดยาวไปจนถึงช่วงคริสต์มาสและช่วงปีใหม่
วันนี้ผมจะพาไปรู้จักกับงานประดับไฟที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นงานหนึ่ง นั่นคืองาน “Kobe Luminarie” ที่จัดขึ้นที่จังหวัด Hyogo ในแถบ Kansai ครับ
งานนี้จัดขึ้นทุกปีช่วงต้นเดือนธันวาคม เมืองนี้ใกล้กับ Osaka มากๆ เลย ใครที่พักแถบ Kansai หากมาช่วงที่จัดงาน ไม่ควรพลาดนะครับ
งานนี้จัดครั้งแรกในปี 1995 ครับ ซึ่งปีนั้นเป็นปีที่เมือง Kobe และเกาะ Awaji เกิดแผ่นดินไหว “Great Hanshin earthquake” เมื่อวันที่ 17 มกราคม 1995 มีผู้คนราว 6,400 คนเสียชีวิต เป็นชาวเมือง Kobe ประมาณ 4,600 คน ประมาณการความสูญเสีย 102.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 2.5% ของ GDP ญี่ปุ่น
ความสูญเสียที่ทำผู้ให้คนในเมืองอยู่ในความมืดมิด เป็นที่มาของการจัดงานเพื่อแสดงถึงแสงแห่งความหวังและการฟื้นคืนของชาวเมือง รวมถึงเป็นการไว้อาลัยผู้เสียชีวิต ได้รับการบริจาคไฟจากรัฐบาลอิตาลี ชื่อของงานจึงใช้คำในสำเนียงอิตาเลี่ยน โดย Luminarie นั้นมาจาก Luminaria ที่แปลว่าโคมไฟกระดาษอันเล็ก มีผู้ออกแบบจากอิตาลี Valerio Festi และ Hirokazu Imaoka เป็นผู้จัดการ งานในครั้งนั้นดวงไฟแต่ละดวงทำจากงานฝีมือ จากที่ตั้งใจจะจัดงาน ครั้งแรกเป็นครั้งเดียวนั้นได้รับการสนับสนุนจากผู้คนเป็นอย่างมาก จนงานนี้ได้จัดต่อเนื่องกันขึ้นทุกๆ ปี ในแต่ละปีลวดลายของโครงไฟจะไม่เหมือนกันนครับ
วิธีการไปครับ สถานีที่ใกล้ที่สุดมี 2 ทางเลือก คือจากสถานี MOTOMACHI (HYOGO) หรือสถานี KYUKYORYUCHI DAIMARUMAE
ตอนผมไปมีการเตือนว่าคนจะรอรถไฟในสถานี 2 สถานีนี้มาก ผมจึงเดินทางเชื่อมใต้ดินจาก SANNOMIYA มาสถานี KYUKYORYUCHI DAIMARUMAE ทางออก 1 ครับ ผมใช้ JR PASS เลยนั่ง SHINKANSEN มาลง Shin-Kobe ต่อใต้ดิน 1 สถานีมาที่ SANNOMIYA (SUBWAY) ใช้ http://www.hyperdia.com ประกอบการเดินทางทุกครั้งนะครับ SANNOMIYA นี้สถานีกว้างและมีหลายสายผ่านนะครับ หาแผนที่ถ่ายรูปเก็บไว้ระวังหลงทิศนะครับ
เมื่อขึ้นจากใต้ดินหาห้าง DAIMARU ก่อนครับ
งานนี้มีผู้เข้าชมราว 3.5-4 ล้านคน ในแต่ละปีครับ เมื่อปริมาณคนขนาดนี้ ถนนจะถูกปิดให้ผู้คนเดิน มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตามเส้นทาง มีแนวกั้นให้เดินกันเป็นเส้นทางที่สะดวกด้วยครับ
ผมจำได้ว่าเดินตามผู้คนไปเรื่อยๆ มีการเลี้ยวซ้าย แล้วแถวก็เหมือนหยุดเดินกัน เมื่อผมมองออกไปไกลขึ้นก็เข้าใจว่าทำไมหยุดเดินกัน เพราะตอนนั้นสามารถมองเห็นถนนที่แสดงไฟกันแล้ว
จะนำโครงที่ประดับไฟ วางเรียงกันจนกลายเป็นอุโมงค์แห่งแสงขนาดยักษ์
โครงที่ประดับไฟอันแรกสุดนี้มีคนเคยกล่าวว่ามันช่างเหมือน “ประตูสู่สวรรค์” ผู้คนที่ผ่านเข้าไปเหมือนวิญญาณจะล่องลอยออกจากร่าง ทำได้เพียงเดินเงยหน้าดูแสงไฟและเดินไปตามอุโมงค์แห่งแสงกันทุกคน
ก่อนทางเข้าจะเป็นที่ที่ผู้คนหนาแน่นมากที่สุด ผมก็หลบด้านข้างถ่ายภาพเอาครับ
เดินไหลตามผู้คนไปในอุโมงค์แสงครับ
โครงไฟสี่เหลี่ยมนี้คือปลายทางของอุโมงค์ครับ
ใบนี้ถ่ายย้อนกลับไปที่ทางเข้าครับ
ไม่ได้มีแค่อุโมงค์ไฟยักษ์เท่านั้นครับ โครงไฟอีกรูปแบบนั้นจัดอยู่ที่ Higashiyuenchi Park สวนที่ผมทิ้งหมุดใน Google Map ไว้ นั่นคือโครงไฟที่จัดเป็น “ปราสาทแห่งแสง”ครับ
ด้านในของปราสาทมีซุ้มเล็กๆ ถ้าจำไม่ผิดแขวนกระดิ่งไว้และใช้เป็นที่ให้ผู้คนบริจาคด้วยครับ
โครงไฟที่มีลวดลายคล้ายผนังโบสถ์ในยุโรป มีขนาดใหญ่และสวยงามมากๆ ครับ
ใบนี้ถ่ายจากนอกปราสาทเข้ามา
ออกจากปราสาทไปถ่ายรูปอุโมงค์ไฟส่งท้ายก่อนเดินกลับครับ
มีโครงไฟแบบอื่นประดับที่สวนอีกบ้าง
แล้วก็ออกจากสวน เดินกลับไปสถานี Sannomiya ครับ หากท่านใดเที่ยวหรือพักแถบ Kansai ไม่ควรพลาดนะครับ สำหรับผมนี่เป็นงาน Illumination ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ทั้งความงามและความหมายของงานครับ หากท่านใดมีคำถามเชิญได้เลยนะครับ