ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ไปเที่ยวกี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อ ถ้าใครอยาก ทัวร์ญี่ปุ่น ในบรรยากาศเงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เน้นการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ ทะเล ภูเขา น้ำพุร้อน และประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล ขอแนะนำให้ไป เที่ยวคิวชู ภูมิภาคทางใต้ของญี่ปุ่นที่มีธรรมชาติที่สวยงาม เรามารู้จักที่นี่ให้มากขึ้นกันค่ะ!
ทำความรู้จักคิวชู
“คิวชู” (Kyushu) เป็นชื่อเรียกภูมิภาคทางใต้ หนึ่งใน 4 เกาะหลักของญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดพื้นที่ของเกาะใหญ่เป็นอันดับ 3 ประกอบไปด้วย 7 จังหวัด ได้แก่ ฟุกุโอกะ (Fukuoka), โออิตะ (Oita), ซากะ (Saga), นางาซากิ (Nagasaki), คุมาโมโตะ(Kumamoto), มิยาซากิ (Miyazaki) และ คาโกชิม่า (Kagoshima) ด้วยความที่เป็นเกาะทางใต้ ทำให้คิวชูมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ธรรมชาติที่สวยงาม อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของแนวภูเขาไฟที่ยังมีพลังงานอยู่หลายลูก รวมถึงมีแหล่งน้ำพุร้อนออนเซ็นที่มีชื่อเสียงมากมาย อากาศอบอุ่นและมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
การเดินทางจากประเทศไทย มีเที่ยวบินตรงจากหลายสายการบิน ไปลงที่เมืองหลวงของเกาะคิวชูอย่างฟุกุโอกะ และสามารถเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆ ในคิวชูได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งรถไฟธรรมดา รถไฟท่องเที่ยว รถไฟความเร็วสูง หรือรถบัส
มาถึงตรงนี้แล้ว เราไปตะลุยกับ 10 ที่เที่ยวดินแดนเกาะคิวชู มาดูกันว่ามีที่ไหนน่าไปเช็คอินบ้าง
1. เมืองเบปปุ (Beppu) – จ.โออิตะ
แหล่งออนเซ็นธรรมชาติชื่อดังแห่งคิวชู เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงในเรื่องบ่อนรกน้ำพุร้อนทั้ง 8 บ่อ ประกอบไปด้วย บ่อทะเลเดือด (Umi Jigoku), บ่อโคลนเดือด (Oniishibozu Jigoku), บ่อนรกสีขาว (Shiraike Jigoku), บ่อนรกกระทะทองแดง (Kamado Jigoku), หุบเขาปีศาจ (Oniyama Jigoku), บ่อสีเลือด (Blood Hell-Chinoike Jigoku), น้ำพุนรก (Tatsumaki Jigoku) และ หุบเขานรก (Yama Jigoku) แม้ว่าชื่ออาจจะดูโหด แต่ความสวยงามนี่ต้องยกนิ้วให้เลยค่ะ ซึ่งแต่ละบ่อจะมีจุดเด่นและสีสันที่ต่างกันไป เช่น สีฟ้า สีขาว หรือสีแดง สาเหตุเพราะดินที่อยู่ในบริเวณนั้นทำปฏิกิริยากับน้ำพุร้อนนั่นเอง นอกจากการชมความงดงามของบ่อน้ำพุร้อนต่างๆ แล้ว ในเมืองเบปปุก็ยังมีกิจกรรมให้ทำอีกเพียบ ไม่ว่าจะเดินช้อปปิ้ง แวะชิมอาหารท้องถิ่น หรือนั่งแช่เท้าในน้ำพุร้อนธรรมชาติก็เพลินไปอีกแบบ
2. หมู่บ้านยูฟุอิน ฟลอร์รัล (Yufuin Floral Village) – จ.โออิตะ
หมู่บ้านจำลองสไตล์ยุโรปโบราณ สร้างด้วยอิฐแบบคลาสสิคสุดน่ารัก ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็น่าถ่ายรูปเก็บไว้ ถูกใจนักท่องเที่ยวที่มา เที่ยวคิวชู สุดๆ เพราะหมู่บ้านนี้เงียบสงบ บรรยากาศดี โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม อาหารก็อร่อย เดินเล่นในหมู่บ้านไปเรื่อยๆ จะเจอกับ ทะเลสาบคินริน (Kinrin Lake) ที่วิวสวยมากๆ มองเห็นภูเขาเป็นฉากหลัง ซึ่งตรงนี้เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดฮิตในฤดูใบไม้ร่วงด้วยค่ะ เดินต่ออีกหน่อยไปขอพรกันที่ ศาลเจ้าเทนโซ (Tenso Shrine) ศาลเจ้าเล็กๆ ริมทะเลสาบ ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ เป็นหมู่บ้านที่เหมาะกับการเดินเล่น ได้บรรยากาศยุโรปและญี่ปุ่น พร้อมกับวิวทิวทัศน์ที่สวยเกินคำบรรยาย
3. ศาลเจ้าดาไซฟุ เท็มมังกู (Dazaifu Tenmangu) – จ.ฟุกุโอกะ
ศาลเจ้าชื่อดังแห่งฟุกุโอกะ เป็นที่เคารพนับถือของคนในท้องถิ่น และจะมีเหล่านักเรียนมากราบไหว้เป็นจำนวนมาก เพราะที่นี่เป็นสถานที่ฝังศพของ “ซุงาวาระ มิจิซาเนะ” นักปราชญ์ชื่อดังในสมัยก่อนที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพแห่งการศึกษา ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องการเรียน นักเรียนเตรียมสอบมักจะมาขอพรให้สมหวัง สอบผ่านเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้รอบๆ ศาลเจ้ายังมีร้านขายของที่ระลึก และร้านขายของกินตลอดทาง พี่เห็ดแอบกระซิบว่าขนมโมจิย่างไส้ถั่วแดงที่นี่เด็ดมากๆ อีกทั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิประมาณเดือนมีนาคม ก็จะได้ชมดอกบ๊วยบานสะพรั่งไปทั่วศาลเจ้าอีกด้วย
4. ฟุกุโอกะทาวเวอร์ (Fukuoka Tower) – จ.ฟุกุโอกะ
มา ทัวร์ฟุกุโอกะ ทั้งที ถ้าไม่มาที่นี่ก็เหมือนยังมาไม่ถึง เป็นตึกที่มีความสูงเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น ด้วยความสูง 234 เมตร ภายในตึกมีทั้งร้านอาหาร ร้านค้า และพิพิธภัณฑ์ ส่วนด้านบนของตัวตึกสามารถชมวิวทั้งตัวเมืองฟุกุโอกะและอ่าวฮากาตะได้แบบ 360 องศา ยิ่งบรรยากาศยามค่ำคืนที่ตัวตึกจะเปิดไฟแสงสีสวยงามมากๆ
5. คาวาจิ ฟูจิ การ์เดน (Kawachi Fuji Garden) – จ.ฟุกุโอกะ
ทัวร์ญี่ปุ่น ช่วงฤดูใบไม้ผลิช่างเป็นอะไรที่ฟินสุดๆ มองไปทางไหนก็เห็นความสวยงามของดอกไม้นานาพันธุ์ ที่สวนแห่งนี้ก็เช่นกัน ในช่วงปลายเดือนเมษายน – กลางเดือนพฤษภาคม เราจะได้ชม อุโมงค์ดอกวิสทีเรีย (Wisteria) หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า ดอกฟูจิ เป็นดอกไม้ที่มีลักษณะเป็นพวงห้อยระย้า โดยที่นี่จะปลูกเป็นอุโมงค์ในระยะทางยาวกว่า 100 เมตร ทำให้ที่นี่ได้รับคัดเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
6. สวนสนุกเฮาส์เทนบอช (Huis Ten Bosch) – จ.นางาซากิ
สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในคิวชู โดยจำลองเอาบรรยากาศหมู่บ้านในฮอลแลนด์มาไว้ที่นี่ จุดเด่นของที่นี่จึงอยู่ที่กังหันลมขนาดใหญ่ พร้อมกับทุ่งดอกทิวลิปสีสันสดใสมากกว่า 300,000 ต้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งดอกไม้ที่นี่จะปลูกหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ไม่ว่าจะมาฤดูไหนก็ไม่ซ้ำ มีมุมถ่ายรูปเพียบ จัดชุดสวยๆ มาถ่ายรูปกันได้เลย นอกจากนี้ภายในสวนสนุกยังมีการจัดอีเวนท์น่าสนใจตลอดทั้งปีอีกด้วย
7. ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) – จ.คุมาโมโตะ
เที่ยวคิวชู ทั้งทีจะพลาดสถานที่อันงดงามทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ไปได้ยังไง กับปราสาทขนาดใหญ่ที่สวยงาม ภายนอกเป็นสีดำดูน่าเกรงขาม เป็นปราสาทที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และถูกยกให้เป็นหนึ่งใน 3 ปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ที่นี่เคยใช้เป็นป้อมปราการป้องกันกองทัพข้าศึกในสมัยก่อน ปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองคุมาโมโตะ และเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งบนเกาะคิวชูเลยค่ะ
8. ศาลเจ้ายูโทคุอินาริ (Yutoku Inari Shrine) – จ.ซากะ
มาขอพรกับหนึ่งใน 3 ศาลเจ้าอินาริที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในญี่ปุ่น มีอายุนานนับร้อยปี จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือเสาโทริอิสีแดงที่ตั้งเด่นเป็นสง่า พร้อมกับสถาปัตยกรรมโบราณที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม มีสะพานสีแดงและแม่น้ำสายเล็กๆ บรรยากาศโดยรอบสงบ ร่มรื่น นักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นนิยมมาไหว้ขอพรจากเทพอินาริในเรื่องของธุรกิจการค้า การเกษตรเก็บเกี่ยวพืชผลต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ที่ด้านบนของศาลเจ้ายังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะได้ชมซากุระ และช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้เห็นวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่อยู่โดยรอบ
9. ช่องเขาทาคาชิโฮะ (Takachiho Gorge) – จ.มิยาซากิ
ชวนสายธรรมชาติมาเช็คอินในดินแดนลึกลับที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะคิวชู เพราะการเดินทางเข้าไปที่นี่ค่อนข้างลำบาก แต่พอได้เห็นภาพความงดงามของสายน้ำตกที่ไหลจากช่องผา พร้อมกับความเขียวชอุ่มของต้นไม้นานาพันธุ์ ก็ทำให้ลืมเรื่องการเดินทางไปเลย สัมผัสความงามของหุบเขาอย่างใกล้ชิดด้วยการพายเรือ พร้อมกับชม น้ำตกมานาอิโนทาคิ (Manainotaki) ที่มีความสูงถึง 17 เมตร เป็นที่เที่ยวธรรมชาติที่วิวสวยแปลกตาและยิ่งใหญ่อลังการ หาที่ไหนไม่ได้เลยค่ะ
10. อิบุสึกิ ออนเซ็น (Ibusuki onsen) – จ.คาโกชิมะ
แช่ออนเซ็นในน้ำร้อนมันธรรมดาไป มีโอกาสได้มา เที่ยวคิวชู ในจังหวัดคาโกชิมะ เมืองริมทะเลที่มีภูเขาไฟแบบนี้ ก็ต้องได้นอนแช่ตัวในออนเซ็นบ่อทรายชมพร้อมวิวทะเลไปด้วย เป็นการเปิดประสบการณ์ในแบบที่ไม่เหมือนใคร โดยเป็นออนเซ็นที่ให้เราใส่ชุดยูกาตะและนอนในทรายร้อนธรรมชาติสีดำ ซึ่งเป็นทรายที่ได้รับความร้อนจากกระแสลาวาที่อยู่ใต้ดิน ความร้อนจากทรายจะทำให้รู้สึกสบายตัว และยังช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยขับของเสียออกทางเหงื่ออีกด้วย เป็นการทำสปาธรรมชาติที่หาได้ที่นี่เท่านั้น
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับ 10 สถานที่ เที่ยวคิวชู ที่พี่เห็ดรวบรวมมาให้ จะเห็นได้ว่าในภูมิภาคคิวชูนั้นมีความหลากหลายทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา บ่อน้ำพุร้อน รวมทั้งสถานที่ประวัติศาสตร์และศาลเจ้า ล้วนแล้วแต่มีความสวยงาม น่าประทับใจ หากใครที่กำลังวางแผนจะไป ทัวร์ญี่ปุ่น อยากให้จดลงลิสต์ไว้ รับรองว่าจะได้เปิดมุมมองใหม่ และสัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน