ถ้าพูดถึง ฮอกไกโด เกาะเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น นอกจากหิมะในฤดูหนาวแล้ว ก็ต้องนึกถึง ทุ่งดอกไม้สีสวยนานาพรรณ ตามสวนดอกไม้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในหลายพื้นที่ และหนึ่งในสวนดอกไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็คือ โทมิตะฟาร์ม บอกเลยว่า ทุ่งดอกไม้ของที่นี่สวยงามมาก ๆ มีหลากสีสัน โดยเฉพาะดอกลาเวนเดอร์สีม่วง ที่สามารถไปชมได้ในช่วงหน้าร้อนของทุกปี แถมยังมีเมนูของหวานอร่อย ๆ จากดอกลาเวนเดอร์ให้ลิ้มลองด้วยนะ
ถึงแม้ว่าในสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน เราอาจจะยังไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ แต่พี่เห็ดเชื่อว่าทุกอย่างกำลังค่อย ๆ ดีขึ้น และอีกไม่นานก็จะสามารถไปเที่ยวได้แน่นอนค่ะ วันนี้ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล จึงขออาสาพา ทัวร์ฮอกไกโด เที่ยวฟาร์มโทมิตะ พอให้หายคิดถึง ตามไปดูกันว่า นอกจากทุ่งดอกลาเวนเดอร์แสนสวยที่น่าถ่ายรูปแล้ว ยังมีอะไรให้เราวิ้ง ๆ ว้าว ๆ กันอีกบ้าง
ตะลุยทุ่งลาเวนเดอร์ โทมิตะฟาร์ม (Tomita Farm) แห่งฮอกไกโด
เมื่อพูดถึงทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาของญี่ปุ่น ก็ต้องนึกถึงที่ โทมิตะฟาร์ม ในเมืองนากะฟุราโนะ จังหวัดฮอกไกโด ซึ่งที่นี่เคยมีขนาดพื้นที่ถึง 1,400 ไร่ในปี 1970 ทุ่งลาเวนเดอร์จะบานสะพรั่งสวยงามในช่วงฤดูร้อน หรือประมาณ กลางเดือนกรกฎาคม – กลางเดือนสิงหาคมของทุกปี ฟาร์มแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซัปโปโร ห่างไปราว 120 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งฟาร์มนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของทุ่งลาเวนเดอร์ และดอกไม้หลากสีที่โด่งดัง เป็นสถานที่ติด Top 10 ที่ผู้มาเยือนฮอกไกโดห้ามพลาดกันเลยทีเดียว
กิจกรรมน่าสนใจ เมื่อไปเที่ยว โทมิตะฟาร์ม
โทมิตะฟาร์มถือเป็นจุดชมดอกลาเวนเดอร์ของญี่ปุ่นที่ดีที่สุด นอกจากเพื่อน ๆ จะได้ชมทุ่งดอกไม้สีม่วง ที่นี่ก็ยังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเราสามารถมองเห็นภูเขาโทกะชิเป็นฉากด้านหลัง ซึ่งฟาร์มจะแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก ๆ คือ บริเวณทุ่งดอกลาเวนเดอร์และดอกไม้ต่าง ๆ ส่วนอีกโซนจะเป็นการเวิร์คช็อป และร้านค้า ร้านกาแฟ รวมถึงร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์อีกด้วย
8 เมนูน่าชิมจากลาเวนเดอร์
ใครเป็นสายของหวาน เมื่อมาที่โทมิตะฟาร์มต้องไม่พลาดเลยค่ะ เพราะที่นี่มีเมนูอร่อย ๆ ที่ทำจากดอกลาเวนเดอร์มากมาย เรียกว่า มาถึงทั้งทีต้องได้ชิมสักหน่อย รับรองจะติดใจ เพราะแต่ละเมนูจะได้สัมผัสถึงรสชาติแปลกใหม่ที่หอมกลิ่นดอกลาเวนเดอร์สุด ๆ ไปชมกันเลยค่ะ
1. Lavender soft-serve ice cream
เริ่มกันที่ของหวานยอดฮิตที่ใคร ๆ ก็ไม่พลาด นั่นก็คือ ซอฟต์ครีมกลิ่นลาเวนเดอร์ หอมอ่อน ๆ รสชาติเข้มข้น แนะนำให้มาลองชิมในช่วงที่อากาศร้อน รับรองว่าฟินเวอร์! และอีกหนึ่งไฮไลท์ก็คือ ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟไวท์ช็อกโกแลตลาเวนเดอร์ ซึ่งมีความพิเศษตรงที่ เป็นการผสมผสานวานิลลาที่เข้ากันได้ดีกับกลิ่นลาเวนเดอร์และช็อกโกแลต จึงเป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยมมากที่สุดของฟาร์มโทมิตะ ซึ่งมีจำหน่ายที่ลาเวนเดอร์อีสท์เท่านั้น
ราคา แบบโคน 320 เยน และแบบถ้วย 270 เยน (รวมภาษี 8%)
2. Lavender Tea
จิบชายามบ่ายชมทุ่งดอกไม้เบา ๆ นี่คือ ชา Darjeeling กลิ่นดอกลาเวนเดอร์ จากดอกบานสะพรั่ง มาจากการเก็บเกี่ยวในฟาร์มโทมิตะ นอกจากชาลาเวนเดอร์แล้ว ที่นี่ก็ยังมีกาแฟลาเวนเดอร์ ซึ่งเป็นกาแฟชนิดพิเศษที่มีจำหน่ายแค่ที่นี่เท่านั้น และที่พิเศษสุดคือเมนู Lavender Calpis เครื่องดื่มรสชาติหวานเย็น สดชื่นเหมาะกับเด็ก ๆ สุด ๆ
ราคา 260-300 เยน (รวมภาษี 8%)
3. Lavender Honey Caramel Custard
อร่อยกับ คัสตาร์ดคาราเมล ที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง และมีกลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์เบา ๆ หวานนุ่มละมุนลิ้น
ราคา 320 เยน (รวมภาษี 8%)
4. Lavender Cream Puff
ครีมพัฟลาเวนเดอร์ที่ภายในแป้งพัฟบางกรอบเป็นวิปครีมดอกลาเวนเดอร์และคัสตาร์ดครีม รสชาติหวานปานกลาง ใครที่ไม่ชอบรสหวานจัดขอบอกว่าต้องจัดค่ะ (ราคา 260 เยน หรือประมาณ 80 บาท (รวมภาษี 8%))
5. Lavender-Flavored Furano Snowmelt Cheese Cake
ชีสเค้กที่อัดแน่นด้วยส่วนผสมสุดเข้มข้น แต่ชีสเค้กที่อบนี้กลับทำให้รู้สึกสดชื่น เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างลาเวนเดอร์และรสครีมชีสเข้มข้น อร่อยเข้ากันสุด ๆ
ราคา 290 เยน (รวมภาษี 8%)
6. Lavender Smoothie
ลาเวนเดอร์สมูทตี้ เมนูน้ำปั่นกลิ่นดอกลาเวนเดอร์หอมสดชื่น เหมาะกับการดื่มคลายร้อนท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ เดินเที่ยวจนเหนื่อยก็มานั่งพักในคาเฟ่ หาเครื่องดื่มเย็น ๆ กันได้
ราคา 310 เยน (รวมภาษี 8%)
7. Lavender gelee and strawberry juice “IRODORI”
ถือว่าเป็นเมนูเด็ดที่ต้องลอง เพราะเป็นสัญลักษณ์ของโทมิตะฟาร์ม ที่เห็นใน Instagram กันเป็นประจำ เป็นเครื่องดื่มที่มีสีสันสวยงามตัดกันเป็นชั้น ทั้งสีขาว สีชมพูแดงของสตอเบอรี่ และสีม่วงของลาเวนเวนเดอร์ มีขายจำนวนจำกัดที่ Café René ในช่วงเวลา 10.30 – 15.00 น. เท่านั้น
ราคา 560 เยน (รวมภาษี 8%)
8. Steamed Potato with Lavender Butter
สัมผัสความอบอุ่นสดชื่น จากรสชาติของมันหวานสด ๆ ที่อบจนนุ่ม ตัดกับรสเค็มนิด ๆ ของมันหวานกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ สามารถไปลองชิมได้ที่ร้าน Potpourri House, Café René, และ Hanabito House René
ราคา 300 เยน (รวมภาษี 8%)
กิจกรรมที่น่าสนใจภายในฟาร์มโทมิตะ
- บ้านดอกไม้แห้ง และ แกลลอรี่ เฟลอร์ เป็นสถานที่ที่จัดแสดงงานศิลปะ มีทั้งดอกไม้แห้ง และภาพถ่ายดอกไม้สี่ฤดูที่ฟาร์มโทมิตะ เข้าชมฟรี
- เวิร์คช็อปน้ำหอม ในส่วนนี้เพื่อน ๆ สามารถทำที่คั่นหนังสือด้วยน้ำหอมที่ชื่นชอบ ร่วมเวิร์คช็อปทดลองผลิตภัณฑ์น้ำหอม ชมกระบวนการผลิตสบู่ลาเวนเดอร์โทมิตะออริจินัล และเรียนรู้วิธีที่ปรุงน้ำหอมผสมน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ได้อย่างใกล้ชิด
- บ้านดอกไม้ เป็นร้านพิเศษที่จำหน่ายแคนตาลูปฟุราโนะหั่น ปลูกในหุบเขาฟุราโนะ มีปริมาณน้ำตาลสูงและเนื้อสัมผัสแน่น ราคา 250 เยน (รวมภาษี) และยังมีขนมปังฟุราโนะเมล่อน ข้างในมีครีมที่มีส่วนผสมของน้ำเมล่อนฟุราโนะ ราคา 260 เยน (รวมภาษี) เป็นมุมพักผ่อน และยังได้เพลิดเพลินกับการชมทุ่งนาใต้ร่มไม้ จากหอสังเกตการณ์ด้วย
- เยี่ยมชมโรงกลั่นแห่งเดียวในญี่ปุ่น ที่ใช้สกัดน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวดอกลาเวนเดอร์จริง ๆ ผู้เข้าชมสามารถชมโรงกลั่นน้ำมันสีเหลืองอำพันจากลาเวนเดอร์สีม่วงได้อย่างใกล้ชิด
- เที่ยวชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่ โทมิตะฟาร์ม โดยรถบัสลาเวนเดอร์ ที่ลากจูงด้วยรถแทรกเตอร์สีลาเวนเดอร์สุดน่ารัก ใช้เวลา 15 – 20 นาทีในการเที่ยวชมทุ่งดอกไม้ มีค่าบริการ ผู้ใหญ่ (อายุ 13 ปีขึ้นไป) 200 เยน, เด็ก (อายุ 4-12 ปี) 100 เยน และฟรีสำหรับทารก
ไปโทมิตะฟาร์มช่วงไหนดี ?
โทมิตะฟาร์ม เปิดให้เข้าชมระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤศจิกายน ในส่วนของร้านค้าต่าง ๆ ภายในฟาร์ม จะเปิดตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. (ส่วนช่วงฤดูหนาวจะปิดเร็วกว่านี้ประมาณ 30 นาที) สำหรับการเข้าชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ โดยปกติจะไม่มีวันหยุด แต่ร้านค้าบางส่วนอาจจะปิดทำการในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายนนะคะ แต่ช่วงที่ดอกไม้สวยที่สุดคือช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม เพราะเป็นช่วงที่ดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่งเต็มที่ ซึ่งที่ Farm Tomita ก็ไม่ได้มีแค่ทุ่งดอกลาเวนเดอร์เท่านั้น ยังมีดอกไม้ชนิดอื่นอีกมากมาย ที่จะผลัดเปลี่ยนกันออกดอกให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม และที่สำคัญนักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าชมทุ่งลาเวนเดอร์ได้ฟรีอีกด้วย! (สำหรับ Lavender Bus จะคิดค่าบริการ)
- เดือนมิถุนายน สวน Spring Field จะมีดอกป๊อปปี้ไอซ์แลนด์ ดอกป๊อปปี้ตะวันออก chives และไม้ยืนต้นอื่น ๆ
- เดือนกรกฏาคม สวน Hilltop Field ทุ่งดอกป๊อปปี้สีแดง สีขาว และสีชมพูและดอกไม้หลากสีสันกระจายตัวอยู่ในป่าบนภูเขาอันเงียบสงบ จะเบ่งบานและสวยที่สุดในช่วงเดือนนี้
- เดือนสิงหาคมถึงกันยายน จะเป็นทุ่งดอกทานตะวัน ดอกซัลเวีย และคอสมอส
การเดินทางมาที่ Farm Tomita
จากสถานีรถไฟ JR Sapporo ขึ้น JR Limited Express Super Kamui (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที) ไปลงที่สถานี Asahikawa จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้น JR Furano Line (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 5 นาที) แล้วไปลงที่สถานี Nakafurano
พิกัด :
เป็นยังไงกันบ้างคะกับ ทัวร์ญี่ปุ่น ที่ Farm Tomita และเมนูลาเวนเดอร์แสนสดชื่นที่พี่เห็ดแนะนำในวันนี้ เห็นแล้วอยากจะไปเที่ยวชมทุ่งลาเวนเดอร์ที่ญี่ปุ่น แล้วนั่งชิมไอศกรีมลาเวนเดอร์กันเลยใช่มั้ยล่ะคะ ขอบอกว่า ต้องวางแผนการท่องเที่ยวกันดี ๆ เมื่อแต่ละประเทศเปิดให้เดินทางได้ ศึกษาข้อมูลและข้อปฏิบัติในการเดินทางให้ละเอียดนะคะ หรือถ้าอยากพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องยุ่งยาก ก็มาเที่ยวกับมัชรูมทราเวลได้เลยค่ะ เรามี ทัวร์ญี่ปุ่น แสนสนุก สะดวกสบาย แถมได้เก็บประสบการณ์สุดประทับใจกลับไปเพียบแน่นอนค่า…!!