Guest ของ มัชรูมทราเวล วันนี้ เป็นหญิงสาว ซึ่งครั้งที่แล้วเธอได้พาเราไปตระเวนไหว้พระ 9 วัดในฮ่องกง มาเก๊า พร้อมแนะนำวิธีการไหว้อย่างไรให้ถูกวิธี พร้อมทั้งการเดินทางอย่างละเอียดยิบ ส่วนครานี้ เธอก็จะพาเราไปเที่ยว 2 เมืองทรงเสน่ห์ของเพื่อนบ้านริมฝั่งโขงของเรา อย่างเมือง หลวงพระบาง วังเวียง นั่นเอง
หลวงพระบาง วังเวียง >> สักครั้งแล้วจะติดใจ
สวัสดีค่ะ รีวิวนี้ตั้งใจจะรวบรวมข้อมูลการเดินทางและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป หลวงพระบาง วังเวียง สำหรับใครหลายคนที่อาจจะตั้งงบไว้แล้วอยากรู้ว่าต้องเตรียมตังค์ไปเท่าไหร่ถึงจะพอ ไปกันเลยค่ะ
1. สนามบินอุดร
สำหรับคนที่จะเที่ยววังเวียง มีวิธีเดินทางให้เลือก คือ
- นั่งรถจาก บขส.อุดร (เก่า) – วังเวียง โดยวิธีนี้จะต้องไปให้ทันรถเที่ยว 8.30 น. เพราะมีวันละ 1 เที่ยวค่ะ ค่าโดยสารคนละ 320 บาท ใช้เวลาประมาณ 6 ชม.
- ถ้าไม่ทันรถอุดร – วังเวียง ให้นั่งรถอุดร – เวียงจันทร์แทน ซึ่งจะมีวันละหลายเที่ยว เป็นรถไทยกับรถลาวสลับกัน เที่ยวรถจะมีเวลา 8.00, 9.00, 10.30, 11.30, 14.00, 16.00 และ 18.00 น. ราคาคนละ 80 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. รถจะไปจอดที่ตลาดเช้าเวียงจันทร์ค่ะ
- รือใครขี้เกียจไปต่อรถที่ บขส. สามารถซื้อตั๋วไปที่ด่านหนองคายโดยตรงได้เลยค่ะ ราคาคนละ 200 บาท โดยรถตู้จะไปส่งถึงตรงด่านหนองคาย หลังจากนั้นเราต้องนั่งรถบัสข้ามสะพานไปฝั่งลาวคนละ 15 บาท ซื้อตั๋วได้ตรงเคาน์เตอร์ หลังจากผ่าน ตม.ไทย มาจะเจอเลยค่ะ และเมื่อไปถึงด่านลาว ผ่าน ตม.ลาว แลกเงินเรียบร้อยก็ต่อรถบัสสาย 14 ไปลงตลาดเช้าเวียงจันทร์ รถจะจอดบริเวณนั้นอยู่แล้ว ถ้าไม่แน่ใจถามคนแถวนั้นได้เลยค่ะ ค่ารถคนละ 6,000 กีบ วิธีนี้ค่อนข้างหลายต่อหน่อย ^^
สำหรับคนที่จะเที่ยวหลวงพระบาง จะต้องไปต่อรถที่เวียงจันทร์เลย จะสะดวกสุดค่ะ
*** จากสนามบินอุดร ซื้อตั๋วรถตู้ไป บขส.อุดร/ด่านหนองคายได้ที่เคาน์เตอร์ในสนามบิน โดยไป บขส. ราคาคนละ 80 บาท ไปด่านหนองคายคนละ 200 บาท
2. ค่าผ่านด่าน
ด่านไทย ใครที่นั่งรถมาจาก บขส. รถจะมาจอดตรงด่านไทย ให้ลงมาจัดการยื่นเอกสารให้เรียบร้อยแล้วกลับไปขึ้นรถคันเดิมค่ะ รถจะจอดรอบริเวณนั้น ไม่มีค่าใช้จ่าย (บนรถจะมีพนักงานแจกใบ ตม. ให้กรอก ถ้าไม่ได้ ขอจากเคาน์เตอร์หน้า ตม. ได้ค่ะ)
ด่านลาว เมื่อมาถึงด่านลาว รถจะจอดอีกรอบให้ลงมายื่นเอกสารที่ฝั่งลาวค่ะ ก่อนยื่นเอกสารที่ ตม. ให้ไปซื้อบัตรผ่านก่อน (คล้ายๆ บัตรบีทีเอสบ้านเราอ่ะค่ะ) เพื่อที่จะเข้าประเทศลาว โดยจะต้องใช้พาสปอร์ตไปซื้อ ค่าธรรมเนียมคนละ 5 บาท สำหรับวันธรรมดา ส่วนวันหยุดประมาณ 45-50 บาทค่ะ
หลังจากผ่าน ตม. ลาวมาเรียบร้อยใครที่อยากแลกเงินก็จัดการแลกเงินได้ที่นี่เลยค่ะ
มีแบบฟอร์มให้กรอกก่อนแลกเงินค่ะ
แลกเงินเรียบร้อย กลับขึ้นรถคันเดิมที่จอดอยู่ค่ะ ส่วนใครที่ไม่ได้ขึ้นรถที่ บขส. ก็เดินไปขึ้นรถบัสสาย 14 ที่จอดบริเวณนั้นไปลงตลาดเช้าได้เลยค่ะ ค่ารถ 6,000 กีบ จุดนี้ใครที่ขึ้นรถอุดร – วังเวียง ก็ยิงยาวเลยค่ะ ส่วนรถอุดร – เวียงจันทร์จะไปสิ้นสุดที่ตลาดเช้าค่ะ
3. ตลาดเช้า – ขนส่งสายเหนือ
เมื่อรถจอดที่ตลาดเช้า จะต้องต่อรถไปวังเวียงหรือหลวงพระบางที่ขนส่งสายเหนือ ซึ่งเวลานี้จะมีพวกคนขับรถเหมาเข้ามารุมถามเรา เหมือนเราเป็นซุปตาร์เลยอ่ะค่ะ ^^ อย่าได้สบตา ถ้าใครมีแพลนแบบประหยัดงบแนะนำนั่งรถบัสต่อไปค่ะ หรือถ้าใครรีบ หรือมาเป็นกลุ่มใหญ่จะเหมาไปก็ไม่ว่ากัน แต่ไม่แน่ใจว่าราคาเท่าไหร่
รถบัสคันนี้แหละค่ะจะพาเราไปขนส่งสายเหนือ รถจอดอยู่บริเวณที่เราลงเมื่อตะกี๊เลยค่ะ ถ้าไม่แน่ใจถามคนแถวนั้นได้ว่าขึ้นคันไหนค่ะ ราคาคนละ 5,000 กีบ จ่ายตอนลงจากรถเลยค่ะ รถจะพาเราไปจอดหน้าประตูทางเข้าขนส่งสายเหนือเลย
รถมาจอดตรงประตูทางเข้าขนส่งเลยค่ะ
ภายในบริเวณขนส่ง
ร้านอาหารในขนส่ง
ตารางเดินรถไปหลวงพระบาง
ตารางเดินรถไปที่ต่างๆ
รถตู้ไปวังเวียง คนละประมาณ 50,000 กีบ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
รถนอน (Sleeping Bus) ไปหลวงพระบางมีวันละ 2 เที่ยว คือ 20.00 และ 20.30 น. ราคา 150,000 กีบ ใช้เวลาประมาณ 9-10 ชม. หลับยาวเลยค่ะ ตอนเราไป ออก 20.00 ไปถึงหลวงพระบาง 6.45 น. ถึงพร้อมกับเที่ยว 20.30 น. เลยค่ะ คือคนขับอินดี้มาก จอดแวะตามใจฉันเลย 555 ก่อนขึ้นรถเค้าจะให้ถอดรองเท้าใส่ถุงที่มีคนยืนแจก ใครไม่มั่นใจกลิ่น พกสเปรย์มาด้วยก็ดีนะคะ หรือพกยาดมมาป้องกันตัวด้วยดีที่สุดค่ะ 5555
ต่อแถวถอดรองเท้าก่อนขึ้นรถ
บนรถจะมี 2 ชั้น หาที่นั่งตามตั๋วที่ซื้อมาเลยค่ะ ทางไปหลวงพระบางค่อนข้างมีโค้งเยอะ ใครกลัวกลิ้งตกก็เลือกด้านล่างได้ค่ะ แจ้งพนักงานตอนซื้อตั๋วได้
บนรถจะมีน้ำและขนมวางไว้ให้แต่ละที่เลยค่ะ
4. หลวงพระบาง
จาก บขส. หลวงพระบาง นั่งรถสกายแลปเข้าเมืองคนละ 20,000 กีบ เคยมีคนบอกให้ออกไปเรียกข้างนอก บขส. จะได้ถูกกว่า แต่ด้วยเวลาที่ไปถึงค่อนข้างเช้าและอากาศหนาว แถมยังเมาขี้ตากันเล็กน้อย เลยขี้เกียจเดินออกมาเรียกด้านนอกกันค่ะ
ที่หลวงพระบางใครไม่ได้จองที่พักก็ walk in ได้ค่ะ มีที่พักเยอะแยะมากมาย เช่นในซอยโจมา บอกคนขับได้เลยค่ะ เค้าขับไปส่งถึงหน้าปากซอยเลย แล้วเราก็สามารถเดินหาที่พักได้เลยค่ะ ที่พักมีตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพัน แล้วแต่เราเลือกเลยค่ะ ของเราตัดสินใจพักที่ รือนพักนิตยา คืนละ 150,000 กีบ มีทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น Free wifi ให้ค่ะ ส่วนใหญ่ทุกที่พักบริเวณนี้จะมีบริการจองตั๋ว จองทัวร์ ให้เช่ารถจักรยาน มอเตอร์ไซค์ เลยค่ะ ครบวงจร ไม่ต้องไปหาที่อื่นเลย
เรือนพักนิตยา คืนละ 150,000 กีบ
บริการจองตั๋ว จองทัวร์ ให้เช่ารถจักรยานและมอเตอร์ไซค์ค่ะ โดยค่าเช่าจักรยานวันละ 15,000 กีบ คืนกี่โมงก็ได้ ส่วนมอเตอร์ไซค์วันละ 130,000 กีบ คืนรถก่อน 6 โมงเย็นค่ะ ไม่รวมค่าน้ำมันนะคะ ^^
จากซอยโจมา เดินทะลุไปด้านท้ายซอยจะเป็นแม่น้ำโขงค่ะ
บริเวณแม่น้ำโขง เดินไปอีกหน่อยทางขวามือจะเป็นร้าน “ประชานิยม” เจ้าดังที่คนไทยรู้จักดี
ในตัวเมืองหลวงพระบางสามารถเดินเที่ยวได้ค่ะ แต่เราเพื่อความสะดวก เราเช่าจักรยานปั่นเที่ยวค่ะ ตลาดเช้าที่นี่จะมีของขายมากมายก่ายกองเลยค่ะ ทั้งของสด ของป่า ของกิน ของฝาก ฯลฯ
แหนมข้าว ที่ตลาดเช้าค่ะ ราคา 10,000 กีบ กินกับพริกขี้หนูโขลกสดๆ พร้อมซอส ตื่นเลยค่ะ
วัดใหม่สุวรรณภูมาราม อยู่ใกล้ๆ กับตลาดเช้าเลยค่ะ วัดนี้เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชบุญทัน ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์สุดท้ายของลาว และยังเคยเป็นที่ประดิษฐานพระบาง พระพุทธรูปคู่เมืองหลวงพระบางในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตสักรินฤทธิ์ ต่อมาจึงได้อัญเชิญพระบางไปประดิษฐานในหอพระบางภายในพระราชวังจวบจนถึงปัจจุบัน
เวลาเปิด 07.00 น.- 18.00 น. ค่าเข้า 10,000 กีบ
ภายใน
เสาแดง มีความคล้ายโทริอิที่ศาลเจ้าญี่ปุ่น ^^
พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง เดิมเป็นพระราชวังหลวงซึ่งเป็นที่ประทับของกษัตริย์และราชวงศ์ ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลลาวได้เปลี่ยนพระราชวังหลวงมาเป็น “หอพิพิธภัณฑ์” การเข้าชมต้องแต่งกายสุภาพ
เวลาเปิด มี 2 ช่วง คือ ตอนเช้า 8.00 น. – 11.30 น. ปิดขายบัตรเข้าชมสำหรับภาคเช้าเวลา 11.00 น. ตอนบ่าย 13.30 น. – 16.00 น. ปิดขายบัตรเข้าชมสำหรับภาคบ่ายเวลา 15.30 น. ค่าเข้าชม 30,000 กีบ
ปั่นๆๆ จักรยานกัน ^^
จากพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง เรามาแวะเติมพลังกันที่ร้านหลวงพระบางเบเกอรี่ ร้านเค้กชื่อดัง ร้านอยู่ตรงทางขึ้นพระธาตุภูสี ปั่นจักรยานมาจากพิพิธภัณฑ์แป๊บเดียวค่ะ
รสชาติสู้บ้านเราไม่ได้ เนื้อเค้กก็ไม่นุ่มเท่าบ้านเราค่ะ เค้กชิ้นละ 30,000 กีบ น้ำผลไม้ปั่นแก้วละ 20,000 กีบค่ะ อิ่มท้องแล้วก็ไปต่อค่ะ
วัดแสนสุขาราม ตามประวัติชื่อของวัดมาจากเงินจำนวน 100,000 กีบ ที่มีผู้บริจาคให้เป็นทุนเริ่มสร้างขึ้นหลังจากที่นครหลวงพระบางแยกออกจากนครเวียงจันทร์ได้ 11 ปี วัดนี้เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่เพียงองค์เดียวในหลวงพระบาง คนหลวงพระบางเรียกพระพุทธรูปนี้ว่า “พะเจ้า 18 ศอก” เนื่องจากมีความสูงวัดได้ 18 ศอก มีพระพักตร์ที่งดงามผ่องแผ้ว วัดนี้เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าเข้าค่ะ
วัดเชียงทอง เป็นไฮไลท์ของการมาเยือนเมืองหลวงพระบางกันเลยทีเดียวค่ะ เพราะวัดนี้เป็นวัดที่สำคัญและมีความงดงามที่สุด จนได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดีว่าเป็นดั่งอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาวกันเลยทีเดียวค่ะ ภายในพระอุโบสถจะมีพระประธานซึ่งมีชื่อว่า “พระองค์หลวง” ประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้ยังมี “โรงเมี้ยนโกศ”หรือเป็นโรงเก็บพระโกศ, พระราชรถ, ราชยานของเจ้าชีวิตศรีสว่างวัฒนา ให้ได้เข้าชมกันค่ะ
เวลาเปิด–ปิด: 06.00 น. – 17.30 น. ค่าเข้าชม: 20,000 กีบ
“พระองค์หลวง” พระประธานวัดเชียงทอง
“โรงเมี้ยนโกศ” โรงเก็บพระโกศและ พระราชรถของเจ้าชีวิตศรีสว่างวัฒนา
บริเวณข้างๆ วัดเป็นจุดที่แม่น้ำคานไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง
พระธาตุภูสี ว่ากันว่าที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง ใครมาหลวงพระบางไม่มาที่นี่เรียกว่ามาไม่ถึงค่ะ การขึ้นไปยังพระธาตุภูสีนั้นสามารถเดินขึ้นได้ 2 ทาง คือทางด้านหน้าถนนหน้าพระราชวัง และทางด้านหลังติดกับแม่น้ำคาน แต่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นด้านหน้ามากกว่าค่ะ การเดินขึ้นไม่ลำบากเพราะมีบันไดเป็นขั้นๆ แค่ 328 ขั้นเท่านั้นเองค่ะ (^_^)
เวลาเปิด-ปิด ตลอดวัน ค่าเข้าชม 20,000 กีบ (แต่แอบเห็นตอนมืด ขาลงมาเห็นวัยรุ่นลาวเดินสวนขึ้นไปกันเต็มเลยยังคิดในใจทำไมขึ้นมากันตอนนี้ พอลงมาใกล้จะถึงด้านล่างก็ร้อง อ๋อ!! เพราะเจ้าหน้าที่เก็บเงินค่าเข้ากลับหมดละ สงสัยขึ้นตอนนี้ไม่เสียเงิน 555
พระธาตุพร้อมกับพระจันทร์ ที่กำลังจะขึ้น
เมืองหลวงพระบาง
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า
ตลาดมืด ชมวิวกันจนหนำใจแล้ว ก็ลงมาเดินเล่นกันต่อที่ตลาดมืดกันเลยค่ะ ที่นี่ถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งแหล่งใหญ่ของนักท่องเที่ยวเนื่องจากจะมีพ่อค้าแม่ค้าชาวหลวงพระบางนำสินค้าของตนมาวางจำหน่ายหลายอย่าง เช่น ผ้าถุง, เครื่องเงิน, ผ้าทอ,ฯลฯ ต่อรองราคาได้ตามใจชอบเลยค่ะ
เวลาเปิด-ปิด 17.00 น. – 22.00 น.
เดินลงมาจากพระธาตุจะเจอตลาดมืดเลยค่ะ มุมนี้จะเห็นหอพระบางด้านหลัง สวยงามเชียววว
มีน้ำผลไม้ปั่นสดๆ กันเลยทีเดียว
เดินไปเจอร้านนี้ เค้าบอกเรียก “สุกี้เสฉวน” เลยลองกันซะหน่อย แม่ค้าบอกเลือกของใส่ตะกร้าได้เลย เดี๋ยวเค้าจัดการลวกให้
เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มหน้าตาแบบนี้ค่ะ
สั่งมาพร้อมกับข้าวซอย ที่บอกได้เลยรสชาติมันคือน้ำเงี้ยวบ้านเรานี่เอง ค่าเสียหายชามละ 20,000 กีบค่ะ
ซอยบุฟเฟ่ต์ 10,000 กีบ ถ้าจะถามว่าฝรั่งในหลวงพระบางไปไหนหมด ให้มาซอยนี้ค่ะ เบียดกันแทบจะเดินไม่ได้เลย นอกจากฝรั่งแล้วคนไทยก็เยอะด้วยค่ะ ^^
ตักบาตรข้าวเหนียว ทุกๆ เช้าประมาณตีห้าครึ่ง พระสงฆ์และสามเณรจากทุกวัดในตัวเมืองราว 300-400 รูป จะเริ่มออกมาบิณฑบาตตามท้องถนน ซึ่งตอนที่เราไปมัวแต่โอ้เอ้ ตื่นสายกันออกมาเกือบ 6.30 น. ทันพระวัดสุดท้ายพอดีค่ะ ดังนั้นถ้าใครอยากตักบาตรข้าวเหนียวให้เตรียมตัวแต่เช้าหน่อยนะคะ ส่วนข้าวเหนียวที่จะนำมาใส่บาตร ก็ไปซื้อได้บริเวณที่จะไปใส่ ซึ่งจะมีแม่ค้านำข้าวเหนียวและเสื่อมาปูให้บริการถึงริมถนนเลย แต่ต้องสอบถามราคากันก่อนนะคะ เดี๋ยถูกฟัน!! หรือจะสั่งให้ที่พักจัดเตรียมมาให้ก็ได้ค่ะ
ชุดข้าวเหนียวพร้อมขนม ที่ซื้อบริเวณนั้น ชุดละ 30,000 กีบ
จุดที่เราออกมาตักบาตรข้าวเหนียวค่ะ ตรงข้ามเป็นปากซอยโจมา มีแม่ค้ายืนให้บริการขายข้าวเหนียวอยู่ตรงนั้นเลย
พระวัดสุดท้ายที่ออกมาบิณฑบาตค่ะ
น้ำตกตาดกวงสี น้ำตกตาดกวงสีเป็นน้ำตกที่มีความใหญ่ และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในหลวงพระบาง น้ำตกมีจำนวนชั้นทั้งหมด 4 ชั้น เดินได้เรื่อยๆ ไม่เหนื่อยค่ะ ระหว่างทางมีน้องหมีให้ชมไปด้วยค่ะ น้ำตกแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองหลวงพระบางประมาณ 30 กิโลค่ะ
วิธีการไปน้ำตก
- ซื้อวันเดย์ทริปจากที่พัก ราคาประมาณ 70,000 กีบ (ไปรวมๆ กับแขกคนอื่น)
- เหมารถไปเองราคาประมาณ 250,000 – 300,000 กีบ ถ้ามาหลายคนจะคุ้มค่ะ
- เช่ารถแล้วขับไปเอง ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 130,000 กีบ/วัน ค่ะ ไม่รวมค่าน้ำมัน (ทริปนี้เราเติมน้ำมันไป 10,000 กีบค่ะ)
เวลาเปิด-ปิด 06.00 – 17.30 น. ค่าเข้า 10,000 กีบ
ซึ่งตอนที่ไปเรากับเพื่อนเลือกวิธีที่ 3 ค่ะ เพราะเรามีเวลาจำกัดเที่ยวแค่ครึ่งวัน เพราะช่วงบ่ายต้องเดินทางไปวังเวียงต่อ และเวลาที่เราออกเดินทางไปน้ำตกประมาณ 7.30 ค่ะ ทางที่ขับไปน้ำตกค่ะ ปกคลุมด้วยหมอก อย่าถามว่าหนาวมั้ย >> หน้าชา มือชาไปหมดค่ะ หึหึ ^^
ระหว่างทางเจอลุงๆ ป้าๆ ปั่นจักรยานกันมาเป็นทีม สุดยอดมากอ่าาา
ระหว่างทางผ่านหมู่บ้าน ส่วนใหญ่กำลังจับกลุ่มกันผิงไฟ แทบอยากจะจอดรถไปแจมจิมๆ หุหุ!!
ถึงทางเข้าน้ำตกแล้วค่ะ
เมื่อซื้อบัตรเข้าไปแล้วเลี้ยวขวาจะเป็นเส้นทางไปชมน้องหมีค่ะ ถ้าตรงไปเป็นเส้นทางชมธรรมชาติ แนะนำเลี้ยวขวาค่ะ
แวะถ่ายรูปตามทางไปเรื่อยๆ
ทางเดินไปน้ำตก
ถึงน้ำตกชั้นแรกแล้วค่ะ
ชั้นต่อมา
เส้นทางชมธรรมชาติ
และก่อนถึงน้ำตกจะเห็นแหล่งท่องเที่ยวหลายๆ จุดค่ะ สวนสตรอว์เบอร์รี่และมัลเบอร์รี่
สวนน้ำ (มีสวนน้ำด้วย!!! เพิ่งจะรู้)
สวนผีเสื้อ
จบจากหลวงพระบางแล้ว ตอนต่อไปเราจะไปต่อกันที่วังเวียงค่ะ
ประสบการณ์มาเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย แปะๆๆ !!
ระดับความสนุก: ✩✩✩✩✩
เครดิต: www.facebook.com/Dearying02
บทความแนะนำ ที่เกี่ยวข้อง
ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/
—————