ฮั่นแน่..รออัพเดตกันอยู่รึเปล่า วันนี้มัชรูมทราเวลจะพาคุณไปตามรอยซีรีส์กันที่ประเทศเกาหลีใต้ค่ะ ว้าวววว อินเทรนด์สุดๆ ไปเลยใช่ไหมคะ โดยเราจะไปตามหาโลเกชั่นสวยๆ ของซีรีส์ที่กำลังฮอตฮิตในแถบเอเชียรวมทั้งบ้านเราอยู่ในขณะนี้ อย่าง Moon Lovers : Scarlet Heart Ryeo ที่นอกจากจะมีเนื้อเรื่องที่สนุกเข้มข้นน่าติดตามทุกตอนแล้ว อีกสิ่งหนึ่งซึ่งหลายๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันก็คือ ซีรีส์เรื่องนี้มีวิวที่สวยโรแมนติกมากกก และเหมาะที่จะชวนคุณแฟนไปเที่ยวในช่วงส่งท้ายปลายปีนี้มากๆ ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าแต่ละฉาก แต่ละตอนนั้นเค้าไปถ่ายทำที่ไหนกันบ้าง
1. Pocheon Art Valley
นี่คือฉากแรกที่เปิดตัวในตอนแรกของเรื่อง Moon Lovers ซึ่งเป็นที่ที่นางเอกในยุคปัจจุบัน โกฮาจิน หญิงสาวที่ถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิททรยศ กำลังนั่งดื่มโซจูพร้อมกับคร่ำครวญชะตาชีวิตอันแสนรันทดของตัวเองให้กับคุณลุงไร้บ้านฟัง อีกทั้งที่นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการย้อนอดีตไปในยุคโครยอด้วยค่ะ
Pocheon Art Valley เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเมืองโพชอนภายในจังหวัดคยองกีค่ะ ซึ่งในอดีตที่นี่เคยเป็นเหมืองหินแกรนิตมาก่อน จากนั้นในปี 1990 จึงได้ถูกดัดแปลงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด ซึ่งโดดเด่นด้วยภูเขาหินแกรนิตที่ล้อมรอบทะเลสาบเอาไว้ โดยจุดที่ลึกที่สุดในทะเลสาบแห่งนี้คือ 20 เมตรค่ะ นอกจากนั้น Pocheon Art Valley ยังเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ที่น่าสนใจมากมาย ทั้งพิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์ โรงละครกลางแจ้ง สวนประติมากรรมและอื่น ที่สำคัญ Pocheon Art Valley ยังตั้งอยู่บนยอดภูเขาสูง จึงทำให้ที่นี่มีอากาศดีมากๆ
ระดับความอินเทรนด์: ✩✩✩✩✩
เวลาเปิด-ปิด: เดือนมีนาคม – ตุลาคม เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น. ส่วนเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. โดยในทุกๆ วันจันทร์จะปิดให้บริการในเวลา 19.00 น.
วิธีการเดินทาง: เดินประมาณ 200 เมตรจาก Pocheon Intercity Bus Terminal ไปยัง Sineup7-tong/Pocheon Chukhyup Office Bus Stop จากนั้นจึงขึ้นรถเมล์สาย 87-1 เพื่อไปลงที่ Cheonjusa Bus Stop แล้วเดินอีก 300 เมตรก็จะถึง Pocheon Art Valley แล้วค่ะ
แผนที่:
2. Baekje Cultural Land
สำหรับแห่งที่สองนี้ ถือเป็นสถานที่ถ่ายทำหลักๆ ของเรื่องเลยล่ะค่ะ เพราะที่นี่จะถูกเซ็ตให้เป็นวังหลวง ซึ่งฉากที่สามารถมองเห็นภาพรวมทั้งหมดของ Baekje Cultural Land จะเป็นช่วงหลังจากที่เจ้าชายวังโซฆ่าม้าเสร็จแล้ว จึงเดินหันหลังก้าวเข้าสู่ตัวพระราชวังที่ตั้งตระหง่านอย่างเงียบเหงาอยู่เบื้องหน้า
ทั้งนี้ Baekje Cultural Land เป็น Historical ธีมปาร์ค หรือหากจะให้แปลง่ายๆ ก็ประมาณสวนสนุกประวัติศาสตร์นั่นแหละค่ะ โดยตั้งอยู่ภายในเมืองพรูยอ จังหวัดชุงช็องใต้ ซึ่งที่นี่ถูกจำลองขึ้นให้เป็นพระราชวังของอาณาจักรแพ็กเจ ในช่วงยุคสามก๊กเกาหลี นั่นก็คือโกคูรยอ แพ็กเจ ชิลลา สำหรับผู้ที่มาเยือนที่นี่ โดย Baekje Cultural Land มีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นเป็นสง่า สามารถมองเห็นได้แม้ในระยะไกลก็คือ เจย์ดีไม้ 5 ชั้นของวัด Neungsa ที่ถูกเซ็ตให้เป็นบ้านของโหรชเวจีมงนั่นเองค่ะ นอกจากนั้นภายในพื้นที่ยังมีแหล่งความรู้ที่น่าสนใจอยู่อีกมากมาย ใครใคร่อยากรู้ประวัติศาสตร์เกาหลีเพื่อการดูซีรีส์ให้สนุกมากขึ้น ขอแนะนำเลยค่ะ
ระดับความอินเทรนด์: ✩✩✩✩✩
เวลาเปิด-ปิด: เดือนมีนาคม – ตุลาคม เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ส่วนเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. และปิดทำการทุกวันจันทร์ และวันปีใหม่
วิธีการเดินทาง: จากจุดจอดรถ Buyeo Intercity Bus Terminal ใช้เรียกรถแท็กซี่ไปส่งที่ Baekje Cultural Land จะสะดวกกว่า โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร
แผนที่:
3. Yoseonjeong Pavilion and Yoseonam Rock
อีกหนึ่งฉากที่หลายๆ คนประทับใจก็คือตอนที่แฮซูเอาสำรับอาหารขึ้นเขาไปให้เจ้าชายวังโซที่กำลังนั่งเหม่อมองทิวทัศน์ของวังหลวงที่ตั้งอยู่เบื้องล่างนั่นเองค่ะ ซึ่งฉากนี้แฮซูสามารถรับรู้ได้ถึงความเหงาขององค์ชาย 4 ดังนั้นหลังวางสำรับอาหารไว้แล้ว เธอจึงไม่ได้หนีไปไหน แต่นั่งคุยเป็นเพื่อนองค์ชายจนกระทั่งค่ำนั่นเอง
ศาลาโยซองจอง และหินโยซองนัม (Yoseonjeong Pavilion and Yoseonam Rock) ตั้งอยู่ในเมือง Yeongwol ภายในจังหวัดคังวอน ซึ่งที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวของประเทศเกาหลีใต้ที่สวยที่สุด เพราะเมื่อมองลงไปข้างล่างจะสามารถมองเห็นสายน้ำจากภูเขาเชียกซานที่ไหลไปรวมกับธารน้ำ Beopeungcheon ในหุบเขาได้อย่างชัดเจน
ระดับความอินเทรนด์: ✩✩✩✩✩
เวลาเปิด-ปิด: เดือนมีนาคม – ตุลาคม เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ส่วนเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
วิธีการเดินทาง: จากกรุงโซล นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปได้โดยรถบัส โดยขึ้นที่สถานี Dong Seoul Terminal ไปลงที่สถานีรถบัส Yeongwol Terminal จากนั้นจึงต่อรถบัสท้องถิ่นที่จะไป Beopheung แล้วลงที่ป้าย Yoseonjeong Pavilion ซึ่งมีรถบัสวิ่งให้บริการ 3 รอบต่อวัน (10:00, 13:40, 17:20)
แผนที่:
4. Unjusa Temple
ที่นี่นอกจากจะเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากที่พี่มยองฮีพาแฮซูมาขอพรกับกองหินแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นอาการตกหลุมขององค์ชาย 4 วังโซที่มีต่อแฮซูที่คนดูอย่างเราๆ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ในระหว่างที่หิมะแรกของปีกำลังตกลงมา โดยฉากนี้หลายๆ คนต่างหวีดร้องให้กับความโรแมนติกและความสวยงามของสถานที่ถ่ายทำมากๆ หากได้มาที่นี่กับแฟนในช่วงหิมะแรกของปี คงจะโรแมนติกไม่น้อย
Unjusa Temple เป็นวัดเก่าตั้งแต่สมัยอาณาจักรซิลลาซึ่งตั้งอยู่ในเมืองฮวาซุน แห่งจังหวัดช็อลลาใต้ ที่นี่มีจุดเด่นคือ เจดีย์หินโบราณ 9 ชั้น กลุ่มหิน Chilseong พระพุทธรูปหินที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ และเจดีย์หินอีก 2 หลัง ซึ่งเป็นเจดีย์ 7 ชั้นและ 5 ชั้น ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างภายในวัดแห่งนี้ล้วนแล้วแต่เก่าแก่และมีอายุมากกว่าร้อยปีทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตาม หากมีโอกาสได้มาเดินเที่ยวที่นี่กับแฟน โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวที่ใกล้จะถึงนี้ บรรยากาศก็คงจะโรแมนติกขึ้นอีกหลายเท่า
ระดับความอินเทรนด์: ✩✩✩✩✩
เวลาเปิด-ปิด: ช่วงฤดูร้อนเปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ส่วนฤดูหนาว 08.00-17.00 น.
วิธีการเดินทาง: จากสถานีรถบัส Gwangju Bus Terminal ให้ขึ้นถบัสสาย 318 หรือ 218 เพื่อเดินทางมายังตัววัด
แผนที่:
5. Wolhwawon Garden
จุดนี้ก็เป็นอีกแห่งที่น่าสนใจค่ะ ซึ่งฉากเด่นๆ ของที่นี่ก็คือตอนที่แฮซูนำสบู่มาถวายซินจอง แม่ขององค์ชาย 8 แล้วออกมาหาห้องน้ำ จนกระทั่งมาเจอองค์ชาย 4 ที่บริเวณทางเดิน และอีกฉากที่น่ารักมากๆ ก็คือ ตอนที่แฮซูจัดงานวันเกิดและร้องเพลง Happy Birthday ให้องค์ชาย 10 เป็นของขวัญนั่นเองค่ะ
Wolhwawon Garden ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกภายในสวนสาธารณะ Hyowon Park ของจังหวัดเคียงกี ที่ได้รับอิทธิมาจากมณฑลกวางตุ้งของจีน ทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นสวนที่สร้างตามแบบจีนได้สมบูรณ์และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่น่าแปลกใจหรอกค่ะ เพราะว่าคนงานก่อสร้างสวนแห่งนี้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นคนจีนทั้งนั้นเลย
ระดับความอินเทรนด์: ✩✩✩✩✩
เวลาเปิด-ปิด: 09.:00-18.00 น.
วิธีการเดินทาง: จากสถานีรถไฟ Suwon City Hall Station ให้เดินมาทางออกที่ 10 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 500 เมตร
แผนที่:
6. Bogildo Island Seyeonjeong Pavilion
สำหรับสถานที่แห่งนี้ก็ถือว่ามีอยู่ด้วยกันหลายฉากค่ะ ที่จำได้แม่นก็คือตอนที่แฮซูเจอกับเจ้าหญิงยอนฮวาครั้งแรก ขณะกำลังมององค์ชาย 8 ดื่มชาอยู่กับพี่มยองฮี ส่วนอีกฉากก็เป็นตอนที่องค์ชาย 13 มาเล่นดนตรีให้กับพี่มยองฮีฟัง และสุดท้ายอีกฉากที่จำได้แม่นก็คือ หลังจากที่แฮซูไปไหว้ขอพรถึงแม่เสร็จและกำลังเดินกลับตำหนักขององค์ชาย 8 ก็มองเห็นองค์ชาย 4 กำลังนั่งเศร้าอยู่คนเดียว
Seyeonjeong Pavilion ตั้งอยู่บนเกาะเกาะโบกิลโดแห่งจังหวัดช็อลลาใต้ โดยศาลาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดย Yun Seondo นักกวีกวีในช่วงกลางราชวงศ์โชซอน ที่ตัดสินใจที่จะเดินทางไปอยู่อย่างโดดเดี่ยว ณ เกาะเชจู หลังจากที่ได้ยินข่าวว่ากษัตริย์ทรงยอมจำนนต่อผู้รุกรานในช่วงสงคราม ที่จีนบุกเกาหลีในปี 1636 โดยในระหว่างทางของการเดินทางไปเชจู เค้าได้แวะมาที่เกาะโบกิลโดแห่งนี้ และด้วยความงามของธรรมชาติที่นี่ เค้าจึงได้ตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่แทน และสร้างศาลาแห่งนี้ขึ้นเพื่อให้เป็นบ้านเกิดของงานวรรณกรรมของเขานั่นเอง
ระดับความอินเทรนด์: ✩✩✩✩✩
เวลาเปิด-ปิด: ช่วงฤดูร้อนเปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ส่วนฤดูหนาว 08.00-17.00 น.
วิธีการเดินทาง: จาก Central City Terminal ให้นั่งรถบัสด่วนไปลงที่ Wando Bus Terminal จากนั้นจึงนั่งรถแท็กซี่ไปยังท่าเรือ Hwaheungpo โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนจะนั่งเรือข้ามฟากไปยังเกาะ Nohwado และข้ามสะพานไปยังเกาะโบกิลโด
แผนที่:
7. Saseongam Hermitage
แม้ฉากนี้อาจจะดูโหดร้ายไปสักนิด แต่ก็ต้องยอมรับว่าสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำนั้นโดดเด่นจริงๆ ค่ะ เรียกว่ามองเพียงแว๊บเดียวก็ติดตรึงใจไปเรียบร้อย ซึ่งฉากนี้จะเป็นตอนที่องค์ชาย 4 วังโซ ตามไปฆ่าพระที่วัดก่อนที่จะจุดไฟเผาและเดินจากมา ซึ่งจุดนี้เองค่ะที่เราจะมองเห็นวัดที่ติดอยู่หน้าเชิงผาซึ่งน่าไปเยือนเสียจริงๆ
อาศรม Saseongam ตั้งอยู่บนภูเขา Osan บนความสูง 531 เมตร ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของเมือง Gurye ในจังหวัดช็อลลาใต้ โดยที่นี่ถือเป็นเส้นทางยอดนิยมของนักปีนเขาก็ว่าได้ค่ะ เพราะเมื่อขึ้นไปถึงข้างบนแล้วมองลงมาจะเห็นวิวของแม่น้ำ Seomjin ตัวเมือง Gurye และยอดเขา Jirisan ที่ห่างออกไปได้อย่างชัดเจน ทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยที่สุดในเกาหลีใต้ นอกจากนั้นบริเวณรอบๆ ภูเขา Osan ยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าทึ่ง นับๆ ดูแล้วก็ประมาณ 12 แห่งเลยทีเดียวค่ะ
ระดับความอินเทรนด์: ✩✩✩✩✩
วิธีการเดินทาง: นั่งรถบัสท้องถิ่นจากเมือง Gurye ไปยังหมู่บ้าน Jugyeon จากนั้นจึงนั่งรถต่อไปยังเขตชุมชน Muncheok โดยรถบัสจะให้บริการ 16 เที่ยวต่อวัน และรถจะออกเดินทางทุกๆ 15 นาที
แผนที่:
8. Wiyangji Pond
ต้องบอกว่าวิวของที่นี่เห็นครั้งแรกเป็นต้องร้องว้าวเลยค่ะ คือทั้งสวย ทั้งโรแมนติก เป็นสถานที่ที่ใครก็ต้องกล่าวถึง เพราะนอกจากเราจะจิ้นไปกับเคมีของเจ้าชายวังโซและแฮซูที่มาเดินคุยกันกระหนุงกระหนิงที่นี่แล้ว ความสวยงามของสถานที่ยังทำให้เราอยากจะพาคุณแฟนมาสวีทวีดวิ้ว ณ ที่แห่งนี้ยิ่งนัก
สำหรับสถานที่แห่งนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักในเกาหลีใต้มากนัก นอกจากคนในท้องถิ่น แต่เชื่อว่าหลังจากที่ Moon Lovers จบลง สถานที่แห่งนี้จะต้องถูกโปรโมทให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวประจำชาติอย่างแน่นอน หลายคนสงสัยว่าที่นี่คืออะไรและอยู่ที่ไหนกันแน่ ที่นี่มีชื่อว่า Wiyangji Pond ค่ะ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมือง Milyang แห่งจังหวัดคย็องซังใต้ ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศเกาหลี ที่นี่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีนะคะ แต่ถ้าแนะนำ อยากให้มาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี กับช่วงฤดูหนาว จะสวยงามมากค่ะ
ระดับความอินเทรนด์: ✩✩✩✩✩
วิธีการเดินทาง: จากเมืองมิลยัง ให้ไปขึ้นรถบัสสาย 3 หรือ 4 ที่ Miryang Intercity Bus Terminal จากนั้นจึงไปลงที่ Beobwon-eup แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 7 นาที
แผนที่:
9. Ondal Tourist Park
ในเรื่อง Moon Lovers : Scarlet Heart Ryeo สถานที่หลักในการถ่ายทำฉากวังหลวง นอกจาก Baekje Cultural Land ก็มีที่ Ondal Tourist Park นี่แหละค่ะ โดยฉากที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือในตอนที่องค์ชาย 4 ต้องเป็นตัวแทนในการทำพิธีขอฝนนั่นเองค่ะ นอกจากนั้น ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของถ้ำ Ondal ถ้ำหินปูนที่มีอายุมากกว่า 400 ล้านปี ที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำฉากที่แฮซูนัดพบกับองค์ชาย 8 ซึ่งในเรื่อง Moon Lovers ถ้ำนี้จะเชื่อมระหว่างสระน้ำแห่งซงอักกับสระที่อยู่ในวังหลวงซึ่งแฮซูโผล่มาในตอนแรกนั่นแหละค่ะ
Ondal Tourist Park ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอุทยานแห่งชาติ Sobaeksan และวัด Guinsa ภายในเมืองดันยาง แห่งจังหวัดชุงช็องเหนือ โดยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดถึง 97,011 ตารางเมตร ซึ่งนอกจาก Moon Lovers แล้ว ที่นี่ยังเคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และซีรีส์อิงประวัติศาสตร์ยอดนิยมของเกาหลีมากมาย จนทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปโดยปริยาย ภายในก็จะเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายค่ะ ทั้งสวนสาธารณะ พื้นที่สำหรับการแสดงพื้นบ้าน ร้านอาหารท้องถิ่น และร้านค้าพื้นเมือง เป็นต้น
ระดับความอินเทรนด์: ✩✩✩✩✩
เวลาเปิด-ปิด: ช่วงฤดูร้อนเปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ส่วนฤดูหนาว 08.00-17.00 น.
วิธีการเดินทาง: นั่งรถ Danyang-Guinsa Bus จาก Danyang Intercity Bus Terminal แล้วไปลงที่ Ondalsanseong Bus Stop จากนั้นจึงเดินต่อไปอีก 30 เมตรก็จะถึง Ondal Tourist Park
แผนที่: