วันแม่ปีนี้คิดออกกันหรือยังว่าจะพาแม่ไปเที่ยวที่ไหนกันดีนะ? จะพาไปชมเทศกาลดอกไม้หลากหลายชนิดเบ่งบานในช่วงเดือนพฤษภาคม? หรือจะชวนแม่บุกตะลุยโตเกียว เมืองหลวงของแฟชั่นสุดจี๊ดเสมือนหลุดไปอยู่วัยแรกแย้ม?
หลายๆ คนอาจสงสัยว่าเรารีบเตรียมทริปฉลองวันแม่เร็วไปรึเปล่า อาจจะใช่…สำหรับประเทศไทย เพราะกว่าจะถึงวันแม่ก็ 12 สิงหาคมโน่น แต่นี่ไม่ใช่ทริปที่เร็วไปนักสำหรับคนญี่ปุ่น เพราะวันแม่ในประเทศญี่ปุ่นห่างจากตอนนี้ไม่กี่อึดใจ นั่นคือ สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม หรือวันแม่ของประเทศญี่ปุ่นในปีนี้ คือ วันที่ 8 พฤษภาคมนั่นเอง แต่ก่อนที่จะมายึดเอาวันอาทิตย์ที่ 2 อย่างในปัจจุบัน เดิมสมัยโชวะ วันแม่ถูกกำหนดเป็นวันที่ 6 มีนาคม ซึ่งตรงกับวันฉลองพระราชสมภพของพระราชินีคาโอรุ มาโคโตะ (พระราชชนนีของจักรพรรดิอากิฮิโตะ) และต่อมาในยุคญี่ปุ่นสมัยใหม่ จึงมีการเปลี่ยนวันแม่ไปตามธรรมเนียมของชาวคริสเตียน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1949 หรือ ปีโชวะที่ 24 และยังถือว่าเป็นวันแม่ของอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลกอีกด้วย
สัญลักษณ์ประจำวันแม่แห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น คือ ดอกคาร์เนชั่น แต่ในปัจจุบันสามารถมอบดอกกุหลาบสีชมพูหรือดอกเยอบีร่า ก็ได้เช่นเดียวกัน และสำหรับวันแม่ของประเทศญี่ปุ่นมีประเพณีน่ารักๆ อย่าง การมอบของขวัญน่ารักๆ หรือ การ์ดสวยๆ ที่มีออกมาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมากให้เลือกซื้อตามร้านค้าต่างๆ รวมถึงบางที่จะมีแคตตาล็อกให้บรรดาลูกๆ ส่งของขวัญต่างๆ เพื่อส่งไปถึงผู้ให้กำเนิดตามวันและเวลาที่กำหนด ซึ่งเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาหรืออยู่คนละจังหวัด
หรือถ้าใครได้อยู่ใกล้ชิดคุณแม่ ซึ่งเป็นคนสำคัญของเดือนพฤษภาคมแล้วล่ะก็… คงไม่มีของขวัญใดจะดีไปกว่าการได้ใช้เวลาร่วมกันทั้งครอบครัวอีกแล้ว และช่วงปลายเมษายนถึงต้นพฤษภาคมเรียกได้ว่าเป็นช่วง Golden week วันหยุดยาวของญี่ปุ่น แม้ช่วงนี้จะมีทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวมากมายแห่กรูกันเข้ามา แต่ข้อดีสุดๆ ของช่วงนี้คือ ร้านต่างๆ มักมีโปรโมชั่นพิเศษ หรือ double point มาล่อตาหลอกใจนักช้อปทั้งมือโปรและมือสมัครเล่นให้ชวนควักกระเป๋าเสียยิ่งกระไร และสถานที่ที่ไม่ควรมองข้ามเลย คงหนีไม่พ้น โตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น เมืองที่เป็นหนึ่งเรื่องของแหล่งความเจริญสูงสุดแห่งหนึ่งของทวีปเอเชียและของโลก และเมืองโตเกียวยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เมืองเก่าแก่โบราณ วัดและศาลเจ้า รวมไปถึง สวนสวยงามที่ชมดอกซากุระบานแห่งปี และที่พลาดไม่ได้ คือ เป็นแหล่งช้อปปิ้งและแฟชั่นที่คนทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี อย่างเช่น ย่านชินจุกุ
แต่การจะชักชวนบรรดาแม่ๆ ไปเดินฮิปสเตอร์อยู่บนถนนแฟชั่นก็คงจะดูแปลกๆ ไปสักหน่อย แต่คงไม่แปลกเกินไปถ้าคุณลูกทั้งหลาย จะชวนคุณแม่ไปช้อปตลาดผ้า อุปกรณ์ DIY หรืองานเย็บ ปัก ถัก ร้อย ที่ นิปโปริ หรือ ชาวญี่ปุ่นรู้จักกันดีในชื่อ “Sen-I-Gai” ส่วนนักท่องเที่ยวมักรู้จักในชื่อ Nippori Fabric Town / Nippori Textile Town หรือ Nippori Fabric Street สรุปแล้วก็คือ ถนนหรือเมืองที่จำหน่ายผ้า เครื่องประดับตกแต่งผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บนั่นเอง อาจจะเรียกได้ว่า เป็น “พาหุรัด” แห่งโตเกียวเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมี gift shop ของแต่ละร้านที่จำหน่ายผลงาน DIY ตามแบบฉบับของตัวเองอีกเพียบ
ตลอดเส้นทางเกือบ 2 กิโลเมตรของตลาดผ้า ย่านนิปโปริแห่งนี้ เรียงรายไปด้วยร้านจำหน่ายสินค้าผ้าและอุปกรณ์งานฝีมือ ตั้งเรียงรายกันอยู่นับร้อยร้าน แต่ขอเตือนไว้นิดว่าตลาดแห่งนี้ร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดวันอาทิตย์ และควรพกเงินสดมาสำหรับการจับจ่าย ส่วนการเดินทางมาย่านนิปโปริก็ง่ายแสนง่าย เพราะบริเวณนี้มีสถานีรถไฟถึง 3 สถานีล้อมเอาไว้ คือ สถานีนิปโปริ (Nippori), สถานีอุงุอิซุ-ดานิ (Uguisu-dani) และสถานีมิกะวาชิมะ (Mikawashima)
โตเกียว เป็นเมืองที่สามารถเที่ยวได้ทั้งปี และยิ่งเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงเข้าฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้นานาพรรณนานาชนิดกำลังผลิบานให้ทุกคนได้ยลโฉมกันทั่วหน้าท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายกำลังดี ก็คงจะไม่แตกต่างกับความรักของแม่ที่เริ่มผลิบานตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่ากำลังมีเด็กตัวน้อยๆ อยู่ในท้องของเขา และเฝ้ารอวันที่เด็กคนนั้นจะออกมาลืมตาดูโลกภายนอกและเฝ้าดูการเติบโตของเด็กคนนั้นด้วยหัวใจ จะมีสิ่งหนึ่งที่อาจต่างกัน นั่นคือ ดอกไม้เมื่อผลิบานย่อมร่วงโรย แต่ความรักของแม่เมื่อเบ่งบานแล้วย่อมคงอยู่ตลอดไป