“มัชรูมทราเวล” ได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท วิษณุ-มานัส จำกัด จัดทริปพักผ่อน จำนวน 21 ท่าน เดินทางไปเกาหลี ในวันที่ 22-24 ต.ค. 2011 เพื่อพักผ่อน หลังจากทื่ทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมานาน
จากกรุงเทพฯ เราได้เหิรฟ้ามุ่งหน้าสู่สนามบินอินชอน ใช้เวลาประมาณ 5 ช.ม.ถึงเกาหลี เวลาประมาณ 9.00 น. เมื่อลงเครื่องปุ๊บ พวกเราก็ไปเที่ยว “หมู่บ้านฝรั่งเศส” สัมผัสบรรยากาศสไตล์ฝรั่งเศส มีตึกเป็นสีต่างๆ สดใส มีเอกลักษณ์เหมือนเมืองโพรวองซ์ ของฝรั่งเศส ตกแต่งด้วยดอกไม้มากมาย นอกจากนี้ ยังมีร้านขายไอศรีม ร้านค้าขายของที่ระลึก และขนมพื้นเมืองต่างๆ เราได้เดินเที่ยวชมรอบๆ หมู่บ้านสีลูกกวาดๆนี้ พร้อมถ่ายรูปเก็บภาพน่ารักๆ แล้วเราไปทานอาหารเที่ยง เมนูที่ชื่อว่า “ทัคคาลบี” หรือ ไก่บาร์บีคิวผัดซอสเกาหลี เป็นอาหารเลื่องชื่อแห่งเมืองซุนซอน โดยเขานำไก่บาร์บีคิว ข้าวเหนียว มันหวาน ผักต่างๆ ลงผัดรวมกับซอสแบบเกาหลี แล้วนำผักกาดเขียวมาห่อรับประทานเป็นคำๆ ทานกับกิมจิ ตกบ่าย นั่งเรือ Ferry เที่ยวชม “เกาะนามิ” ที่มีรูปร่างเหมือนใบไม้ที่ลอยอยู่ทางตอนเหนือของแม่น้าฮัน ทั่วทั้งเกาะใบไม้เป็นสีเหลืองและแดง สวยงามมาก มองเห็นวิวทิวทัศน์บนยอดเขา ดุจดั่งภาพวาดเกินที่จะบรรยาย อันเป็นไฮไลท์ของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี คนกวาดถนนเขาจะกวาดใบไม้ร่วงเป็นรูปหัวใจด้วย ช่างโรแมนติกจัง ที่นี่ มีฟาร์มนกกระจอกเทศให้เที่ยวชม หรือ ปั่นจักรยานหรือมอเตอร์ไบท์เที่ยวรอบเกาะได้ ก่อนไปทานอาหารเย็น เมนู ชาบู ชาบู หรือ สุกี้หม้อไฟสไตล์เกาหลี เราได้ไปแวะเที่ยวที่ “ป้อมฮวาซอง” เป็น ป้อมปราการอายุหว่า 200 ปี โดยกษัตริย์ซองโจ สร้างป้อมนี้เพื่อย้ายหลุมพระศพของพระบิดา Sado Seja จากภูเขา Beabongson ไปยังฮวาซอง เพื่อเสริมดวงฮ้วยจุ๋ยให้เป็นสิริมงคล คืนนี้พวกเราไปพัก โรงแรม 4 ดาว ชื่อ Sheung Hotel เป็นโรงแรมที่ใหญ่สุดในเมืองซูวอน สไตล์ชลบทๆ
22 ตค 2554 หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว พวกเราเดินทางไป “กิมจิแลนด์” เป็นโรงเรียนสอนทำอาหาร “กิมจิ” เพื่อเรียนรู้เคล็ดลับการทำกิมจิ พร้อมทั้งสนุกสนานกับการลองสวมชุด “ฮันบก” เป็นชุดประจำชาติของเกาหลี ถ่ายรูปกันสนุกสนาน ชุดฮันบกของผู้หญิงเหมือนชุดคลุมท้องเลย เพราะเขาออกแบบป้องกันทหารญี่ปุ่นข่มขื่นสาวเกาหลีในยุคสงคราม แล้วไปทานอาหารกลางวัน หมูย่างคาร์บี้เกาหลี เป็น หมูย่างที่ผ่านการหมักจนได้ที่ นำมาย่างบนเตาถ่านร้อนๆ สุกกำลังดี แล้วตัดชิ้นพอคำ ใช้ใบผักกาดหอมสดห่อเป็นคำๆ คล้ายเมี่ยงคำ แกล้มด้วยพริกเกาหลีเม็ดโตสีเขียวสด พร้อมข้าวสวยร้อนๆ และเหล้าโซจู อร่อยถูกใจพวกเรามากมาย บ่าย ไปเที่ยว เอเวอร์แลนด์ สวน สนุกใหญ่ของเกาหลี มีสวนสัตว์ และเครื่องเล่นต่างๆ ไฮล์อยู่ที่ เครื่องเล่น T-Express แม้จะต้องรอนาน 1 ชม.กว่าๆ ก็ยอมๆๆๆ เพราะเป็นรถไฟรางไม้ หวาดเสี่ยว สนุกสุดๆ เพียงนั่งหน่อยเดียวก็พอใจแล้วจ้า ดินเล่นกันจนเหนื่อย แล้วไปทานอาหารเย็น เมนูพุลโกกิ เป็นปลาหมึกสด และเนื้อหมูไสด์ชิ้นหมัก ลงกะทะร้อน พร้อมทานพริกแดงๆเผ็ด กินอิ่มแล้วไปพักที่ Hangagn Hotel 4 ดาว
23 ตค 2554 สถานที่แรกวันนี้ คือ ศูนย์โสม เพื่อฟังสรรพคุณของโสม ที่ถูกนำใช้เพื่อสุขภาพเป็นเวลานานากว่า 2,000 ปี ต่อด้วย “พระราชวังเคียงบก” เป็น พระราชวังสวยงามและเก่าแก่ของงกษัตริย์ ที่นี่ เหมือนพิพิธภัณฑ์ มีการแสดงการเกิด พิธีแต่งงาน การตาย โรงศพ เราได้ความรู้มากมายฟังเรื่องราวต่างๆ เที่ยง ไปทาน ไก่ตุ๋นโสม ไก่ เขาอายุเพียง 45 วันเอง เป็นไก่อ่อนๆ มีข้าวหอมใส่ในไก้แล้วต้มตุ๋นกับรากโสมที่มีอายุ 2 ปี มีกลิ่นหอมโสมกับไก่ อร่อย สดชื่นจัง หลังจากนั้น ไป Shop ที่ ตลาดทงแดมุน เหมือนตลาดประตูน้ำบ้านเราเลย เป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่ 3 ตึก แต่ใหญ่กว่าห้างที่ประตูน้ำ มีเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งนั้นแตกต่างกันไป และร้านเครื่องสำอางเกาหลี สนุกกับการช้อปๆๆๆ ก่อนเข้าโรงแรมเดิมที่ Hangagn Hotel ได้แวะทานดินเนอร์ ขาปูยักษ์ จนอิ่มพุงกาง นอนหลับเป็นตายเลย
24 ตค 2554 เช้า พวกเราไปเที่ยวชม “ฮ็อกเกตนามู“ เป็น ศูนย์สมุนไพรบำรุงตับ เมล็ดของพันธุ์ฮ๊อตเกตนี้ ชาวเกาหลีนิยมนำมารับประทานเพื่อช่วยดูแลตับให้สะอาดแข็งแรง ป้องกันโรคตับแข็ง ไม่ถูกทำลายจาการดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ บุหรี่ สารตกค้างจากอาหารและยา หลังจากนั้นไปเที่ยวชม “โซลทาวเวอร์” หอคอยเมืองสูงที่สุดในโลก สูงถึง 480 เมตร เหนือระดับนํ้าทะเล ณ เขานัมซานใจกลางเมืองหลวง ได้ชมวิวทิวทัศน์ของกรุงโซลและชานเมืองแบบรอบทิศ 360 องศา สวยจัง พอเที่ยง ไปทาน อาหารจีนแบบบุฟเฟ่ต์ บ่าย ช็อปปิ้งที่ ตลาดเมียงดง เหมือน กับสยามแสคว์บ้านเราเลย มีสินค้าแบรน์เนมต่างๆ เครื่องสำอาง เสื้อผ้า รองเท้า ลานตามากมาย แล้วแวะช็อปตบท้ายก่อนกลับกรุงเทพฯ ที่ Super Market มี 2 ชั้น ถือเป็นอีกแหล่งช็อปปิ้งที่สลายเงินวอนได้ง่ายดาย พวกเราได้ซื้อพวกม่าม่า ส่าหร่าย ขนม ลูกอม เป็นของกินทั้งนั้น แล้วเราก็บ้าย บาย เกาหลี เหิรฟ้าบินกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณ ห้าทุ่มครึ่ง ทริปนี้สนุกจัง พวกเรากะว่าจะไปเที่ยวต่อญี่ปุ่นกันปีหน้าล่ะกับ “มัชรูมทราเวล” หลังน้ำลดนะจ๊ะ