“มัชรูมทราเวล” จัดทริปพาคณะทัวร์ไปคลายร้อนต้อนรับวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์

“มัชรูมทราเวล” จัดทริปพาลูกทัวร์หนีร้อน ณ ประเทศเกาหลีใต้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในวันที่ 11-15 เมษายน 2556 จำนวน 30 ท่าน โดยเรานัดรวมพลพร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบิน EASTAR JET ในวันที่ 11 เมษายน 2556 เวลา 20.00 น. เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนถึงเวลาขึ้นเครื่องในเวลา 22.20 น. โดยเที่ยวบินที่ ZE6512

วันที่ 2 เราเดินทางถึงสนามบินอินชอนในเวลา 06.00 น. และออกไปสัมผัสอากาศหนาวที่จุดมุ่งหมายแรก เมืองชุนชอน เมืองแห่งทะเสสาบที่ตั้งอยู่ในจังหวัดคังวันโด และลงเรือข้ามฟากเพื่อไปยังเกาะนามิ เกาะชื่อดังที่เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่อง Winter Love Song ซึ่งนอกจากเราจะได้ถ่ายรูปคู่กับหุ่นขนาดเท่าตัวจริงของเบยองจุงแล้ว เรายังได้ชื่นชมทัศนียภาพที่สวยงามของเกาะท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย นับเป็นภาพที่โรแมนติกยิ่งนัก ส่วนมื้อเที่ยงมื้อแรกของชีวิตในเกาหลี เราได้ลิ้มลองอาหารขึ้นชื่ออย่างคาลบี้ หรือหมูย่างเกาหลี และออกเดินทางต่อโดยรถโค้ชมุ่งสู่อุทยานแห่งชาติโซรัคซาน หรือสวิสเซอร์แลนด์ของเกาหลีที่ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขา และแวะนมัสการพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ณ วัดชินฮันซา ซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรชิลล่า เห็นแบบนี้แล้วเราก็อดไม่ได้ที่จะขอถ่ายรูปเพื่อไปอวดเพื่อนๆ เสียหน่อย

ก่อนจะไปต่อที่ Teddy Bear Museum โดยสถานที่แห่งนี้มีกำลังจำลองสถานที่ต่างๆ ในแต่ละประเทศเกือบทั่วโลก และมีประชากรเป็นเหล่าตุ๊กตาหมีตัวน้อยๆ ไว้อย่างน่าดู ซึ่งเด็กๆ ดูจะตื่นเต้นมิใช่น้อย ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็เช่นเดียวกัน วิ่งถ่ายรูปน้องหมีกันจ้าละหวั่นจนดูเหมือนสงครามขนาดย่อมๆ โดยเราใช้เวลาอยู่กับบรรดาเหล่าน้องหมีทั้งหลายอยู่นาน จนถึงเวลาอันสมควรที่เราจะต้องโบกมือลาเพื่อหาอาหารเย็นปลอบประโลมท้องน้อยๆ ที่กำลังร้องหาอาหารอย่างหิวโหย ก่อนจะเข้าพักที่โรงแรม Seorak I Pak Hotel

วันที่ 3 เช้านี้เรามุ่งหน้าสู่กิมจิแลนด์เป็นที่แรก เพื่อชิมและชมวิธีการทำกิมจิ อาหารประจำชาติของชาวเกาหลี รวมทั้งขอทำตัวเป็นคนเกาหลีขนานแท้ด้วยการใส่ชุดประจำชาติ อย่างชุดฮันบกถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อย ก่อนจะแวะรับประทานอาหารเที่ยงเอาแรงไว้ก่อน เพราะโปรแกรมต่อไปของเรานั่นคือสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ สวนสนุกที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาหลีซึ่งความพิเศษของสวนสนุกแห่งนี้คือมันตั้งอยู่ภายในหุบเขา โดยงานนี้เราร่วมทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งการชมสัตว์ป่าหลากหลายชนิด และสนุกสนานกับเครื่องเล่นที่มีอยู่มากมาย จนแทบไม่อยากจากไปไหน ก่อนที่เราจะย้ายขบวนเพื่อไปชมโชว์ DRUM CAT SHOW ซึ่งเป็นการโชว์ตีกลองและเล่นเครื่องดนตรีสากลอย่างมหัศจรรย์โดยสาวๆ สุดเซ็กซี่ ที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศทั้งจากประเทศอังกฤษ และในเกาหลีเอง ซึ่งสร้างความตื่นเต้นและระทึกใจให้พวกเราเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหนุ่มๆ ในทริปที่ดูจะติดอกติดใจโปรแกรมนี้เป็นพิเศษ ก่อนที่เราจะรับประทานอาหารเย็นและเข้าพักผ่อนที่ YOIDO HOTEL

วันที่ 4 วันนี้เราได้มีโอกาสเที่ยวชมเมืองหลวงของเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เรามาเยือนดินแดนแห่งนี้ ซึ่งสถานที่แรกแน่นอนว่าต้องเป็นที่หอคอยกรุงโซล N Tower บนเนินเขานัมซาน ซึ่งที่นี่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ มากมาย แต่ที่เรียกความสนใจได้มากที่สุดก็เห็นจะเป็นการคล้องกุญแจของบรรดาคู่รักหลายๆ คู่ที่ดูจะตื่นเต้นกันมาก ส่วนคนโสดก็มีกิจกรรมน่ารักๆ อย่างการช้อปปิ้งตุ๊กตาที่ Teddy Bear Shop พอให้หายเซ็งไปได้บ้าง จากนั้นพวกเราจึงแวะไปซื้อโสมที่ศูนย์โสม ซึ่งที่นี่รัฐบาลเกาหลีใต้ให้การรับรองว่าที่นี่มีโสมที่มีคุณภาพดีที่สุด อีกทั้งโสมที่นี่ยังมีราคาถูกกว่าที่ไทยถึง 2 เท่าอีกต่างหาก จากนั้นเราจึงไปชมโรงงานอเมทิส หรือพลอยสีม่วง ที่มีชื่อเสียงของประเทศเกาหลี ซึ่งชาวเกาหลีเชื่อว่า ถ้ามีพลอยชนิดนี้ติดตัวเอาไว้จะทำให้มีโชคลาภและสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับชีวิต จากนั้นเราจึงเดินทางต่อไปที่ถนนซากุระแห่งกรุงโซล ซึ่งก็คือถนนยออิโดะ ที่มีต้นซากุระกว่า 1,400 ต้น ซึ่งในเดือนเมษายนในแต่ละปีที่นี่จะมีการจัดเทศกาลดอกซากุระซึ่งถือเป็นบรรยากาศที่โรแมนติเป็นอย่างมาก ช่วงบ่ายหลังจากที่เราทานอาหารกลางวันเป็นกิมจิชิเกหรือแกงกิมจิเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเดินช้อปปิ้งที่ฮงอิก วอล์กกิ้งสตรีท ซึ่งเป็นย่านที่อยู่ในแถบมหาวิทยาลัยฮงอิก ที่มีสินค้าแฮนด์เมดมาวางจำหน่ายมากมาย และแวะที่ Hello Kitty Cafe ร้านเบเกอรี่ขนาด 2 ชั้น ที่บรรยากาศและการตกแต่งภายในร้านเต็มไปด้วยด้วย Kitty จากนั้นเราจึงไปช้อปปิ้งกันต่อที่ย่านเมียงดงศูนย์รวมแฟชั่นของเกาหลี และต่อด้วยตลาดทงแดมุน

วันที่ 5 หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว เช้านี้เราได้ออกเดินทางไปที่คลองชองเกชอน ซึ่งเป็นคลองโบราณในสมัยราชวงศ์โชซอน ที่มีอายุกว่า 600 ปี โดยคลองแห่งนี้มีความยาวผ่านย่านใจกลางกรุงโซล และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงโซล จากนั้นเราจึงไปที่ร้านสมุนไพร ซึ่งสมุนไพรของที่นี่คือเมล็ดฮอกเกต ซึ่งช่วยในการล้างสารพิษที่ตกค้างหรือไขมันที่สะสมอยู่ภายในผนังของตับและไต ทำให้ตับและไตแข็งแรงขึ้น จากนั้นเราจึงทานอาหารกลางวัน ซึ่งมื้อนี้เรามีโอกาสได้ทาน Samgyetang หรือไก่ตุ๋นโสม เป็นอาหารวังในสมัยก่อน เป็นการตุ๋นไก่ทั้งตัว และยัดไส้ด้วยข้าวเหนียว รากโสม และพุทราแดง หลังจากนั้นเราจึงไปช้อปปิ้งของฝากที่ดิวตี้ฟรี และ Supermarketก่อนจะเดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยสายการบิน EASTAR JET เที่ยวบินที่ ZE511.

ต้องบอกว่าทริปนี้จบลงด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความประทับใจและพึงพอใจของพวกเราทุกคน อากาศหนาวในช่วงปลายฤดูหนาวของที่นี่ทำให้เราลืมอากาศร้อนอบอ้าวประหนึ่งว่ากำลังอยู่ในเตาอบที่บ้านเราไปจนหมดสิ้น นอกจากนั้นเรายังมีโอกาสได้เห็นดอกซากุระบานเป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งโอกาสเช่นนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งทริปที่น่าจดจำไปอีกนานเท่านาน