Mushroom Travel

NICE TO MEET TAIWAN

.. Nice to meet Taiwan

เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปลุยเดี่ยวที่ไต้หวันมาครับ เลยถือโอกาสมาทำรีวิวซะเลย ว่าที่ไต้หวันมีอะไรน่าสนใจบ้าง ( รีวิวนี้เน้นธรรมชาติล้วนๆ)

ตั๋วเครื่องบิน ตั๋วเครื่องบินได้ของ Tiger Airมาในราคา 5,1xx บาทครับ รวมโหลดไปกลับ 15Kg จองช่วงกลางปี ตอนนั้นหาข้อมูลไต้หวันอยู่แป๊บหนึ่งแล้วจองเลย เพราะคิดว่าราคามันถูกสุดๆ แล้ว (แน่นอนหลังจากนั้นมันก็ออกโปรฯ มาถูกกว่า เซ็งมาก)

ที่พัก ผมพักทั้งหมด 4 ที่ครับ เนื่องจากไปคนเดียว ส่วนใหญ่ก็จะพักที่ Hostel ยกเว้นวันที่ไป Sun Moon Lake กับ Alishan ที่จะพักโรงแรม โดยที่พักที่ผมไปมีตามนี้ครับ

แผนการเดินทาง (20-29 Nov)

จริงๆ บางวันจะไปเยอะกว่านี้ แต่ช่วงที่ไปไต้ฝุ่นเข้าไต้หวันพอดี ทำให้ Taipei และ Hualien ฝนตกบ่อย และฟ้าเน่ามาก ทำให้บางสถานที่ที่ไปไม่ได้ถ่ายรูปมา แพลนที่เห็นก็เลยเป็นแพลนเที่ยวหลบไต้ฝุ่น โชคดีที่วันหลังๆ ฟ้าเริ่มเปิดและไม่มีฝนแล้ว

แนะนำ Application สำหรับดูสภาพอากาศที่ชื่อว่า Taiwan Weather ของ Android ครับ ผมไม่แน่ใจว่า iOS มีหรือเปล่า เข้าใจว่า App นี้น่าจะเป็น App ของทางกรมอุตุของไต้หวันเลย สามารถดูพยากรณ์อากาศได้ละเอียดมากๆ ส่วนความแม่นยำ เนื่องจากไต้หวันช่วงไต้ฝุ่นเข้าอากาศแปรปรวนมาก ผมเลยแนะนำให้ดูแบบวันต่อวัน ความแม่นยำของกรมอุตุที่นี่ประมาณ 80% ครับ

20 – 21 Nov

ผมมาถึงไต้หวันประมาณเที่ยงคืนนิดๆ จำได้ว่าที่ ตม. นั้นคนมหาศาลมากต้องต่อคิวประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะผ่าน ตม. ออกมาได้ จากที่สังเกตคนที่มาเที่ยวไต้หวัน ถ้าไม่นับคนจีน ผมว่าคนญี่ปุ่นมาเที่ยวไต้หวันเยอะมาก รองลงมาคือเกาหลี ที่สำคัญคือหน้าตาดีมากกกกกกกกก หลังจากผ่าน ตม. ออกมา (ผมไม่โดนถามอะไรนะ) ก็ถึงเวลาหาที่นอน ที่ๆ ดีที่สุดจะอยู่ตรงขา Boarding ซึ่งจะมีที่นอนและที่ชาร์จแบตไว้ให้ด้วยสะดวกมาก ถ้าจะหาอะไรกินตรงด้านหน้าชั้นล่างที่จะไปคิวรถบัสมีมินิมาร์ทอยู่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง (น่าจะนะ)


ที่นอนครับสะดวกมาก แนะนำอีกอย่างคือที่นี่หนาวมาก หนาวที่สุดในทริปเลยครับ เตรียมเสื้อกันหนาวไปได้เลย ผมอยู่ที่นี่จนถึง 7 โมงเพื่อรอซื้อซิมครับ ที่ซื้อซิมที่นี่เปิด 7 โมงนิดๆ ก็สามารถซื้อได้แล้ว จากนั้นก็เตรียมตัวเข้าเมือง ผมเลือกที่จะเข้าเมืองโดย HSR ครับ

ผมต่อรถบัสจากสนามบินมาขึ้น HSR ที่สถานีเถาหยวนและขึ้นรถต่อไปลงที่ Main Station ค่าใช้จ่ายประมาณ 200 บาท ซึ่งดูจากเวลาที่ใช้แล้ว ถ้ามาครั้งหน้าเลือกขึ้นรถบัสต่อเดียวเลยจะสะดวกและถูกกว่าครับ หลังจากมาถึง Main Station แนะนำอย่างแรกเลยคือหา Easy Card แนะนำให้ซื้อจากตู้กดครับ เพราะถ้าซื้อที่ Information Service จะเป็นแบบ Refund ไม่ได้ครับ และก็เติมเงินไปเถอะ มันจ่ายได้ทุกอย่างจริงๆ และแนะนำอีกอย่าง เนื่องจาก Main Station มีทางออกเยอะมาก มันจะมีป้ายทางออกทั้งหมดแปะอยู่รอบๆ Main Station แนะนำให้ถ่ายรูปเก็บไว้เลย จะได้ไม่หลง (แต่เอาจริงๆ ถ้าอยู่แถวนั้นสัก 2 วัน ก็เริ่มจะคุ้นกับทางออกแล้วครับ)

พอมาถึง Taipei และเอาของไปเก็บที่ Hostel แล้วก็ได้เวลาเที่ยวแล้วครับ วันนี้อากาศแย่มาก ฝนตกปรอยๆ ทั้งวัน ฟ้าเน่า อุณหภูมิประมาณ 25 องศา ที่แรกที่จะไปคือวัด Longshan ไปขอพรเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนครับ

หลังจากอยู่ที่วัด Longshan จนถึงเที่ยง ผมก็ไปเดินหาของกินที่ Ximending ครับ ในทริปนี้ผมไม่ค่อยได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะกินพวกของกินเล่นซะมากกว่าครับ Ximending ให้อารมณ์สยามบ้านเราจริงๆ ครับ เต็มไปด้วยวัยรุ่น มีโฆษณาเกี่ยวกับเกมออนไลน์และเกมมือถือมากมายหลายเจ้ามาก มีวัยรุ่นแต่งคอสเพลย์มาแจกใบปลิวด้วย

Starbuck และ CoCo ตั้งอยู่ใกล้กันเลย ราคา Starbuck พอๆ กับที่ไทย ส่วน CoCo ถูกกว่าไทยนิดหน่อย รสชาติไม่ต่างกันมาก แฮมเบอร์เกอร์ชีสอร่อยยย 7-11 ที่นี่มีร้านกาแฟอยู่ข้างในแทบทุกร้านครับชื่อว่า City Cafe ใช้แก้วสีเดียวกับ Starbuck เลย มองผ่านๆ นี่ Starbuck ชัดๆ (ช่วงที่ไปจะใช้แก้วสีแดง) รสชาติก็ทั่วๆ ไป ไม่ได้ดีมาก วันไหนตื่นเช้าๆ ก็ได้กาแฟที่ 7-11 แหละช่วยไว้แทบทุกวันครับ หลังจากหาอะไรกินแล้วก็ไปต่อกันที่ Beitou แหล่งน้ำพุร้อนที่อยู่ใกล้ Taipei

ที่นี่ชื่อว่า Beitou Thermal Valley เดินทางสถานีไกลนิดนึง แต่ระหว่างทางก็จะมีสถานที่ให้แวะหลายที่ครับ เดินชิลล์ๆ มาได้เลย ไม่เสียค่าเข้า ผมเดินเล่นอยู่แถวนี้จนถึงช่วงเย็นเลยครับ ถึงแม้จะมีฝนนิดหน่อยแต่อากาศดีมากกพอจบวันก็กลับมาที่พักแล้วก็อาบน้ำนอนเลยครับ ตอนแรกพรุ่งนี้จะไป Hualien แต่หลังจากที่ดูพยากรณ์อากาศแล้ว วันพรุ่งนี้ฝนตกตลอดทั้งวัน ถ้าไปก็ไม่สนุกแน่ เลยเปลี่ยนแผนจะไปที่อื่นที่ไม่มีฝนแทน ซึ่งดูแล้วที่ Yangminshan ดีสุดในทริป เลยต้องเปลี่ยนแพลนไปเป็น Yangminshan แทนครับ

22 Nov – Yangminshan

เมื่อไปถึง Yangminshan ประมาณ 10 โมง สิ่งแรกที่เจอคือ “ฝน” สุดท้ายกว่าจะได้เริ่มเดินจริงๆ ก็เกือบ 11 โมง เส้นทางที่เดินขึ้นไปยอดเขาคือเส้น Main เลยครับ ซึ่งจะบอกว่าคิดผิดมาก ระยะทางจากข้างล่างถึงยอดเขาประมาณ 2.5 กิโลเมตร ทางชันมากมีแต่บันไดและบันได วันที่ไปฟ้าปิดมีแต่หมอกเต็มไปหมด ฝนตกปรอยๆ เหมือนเดิม ผมก็ไม่ได้เตรียมอะไรไปเลย เสื้อกันฝนก็ลืมไว้ที่ hostel ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงถึงจะขึ้นถึงยอดเขา
** ใครจะเดินขึ้นยอดเขาแนะนำให้ใช้เส้นทางจาก Xiaoyoukeng แทนเส้น Main ครับ ระยะทางใกล้กว่า มีจุดชมวิวด้วย ในวันฟ้าเปิดจะเห็น Taipei ทั้งเมืองเลยทีเดียว และที่สำคัญเดินสบายกว่ากันมากกก และสามารถเดินทาง Main Peak ไป East Peak และเดินต่อไปยังจุดอื่นๆ ได้สะดวกกว่าเส้น Main ด้วยครับ เพราะเส้น Main พอไปถึง Main Peak แล้วต้องเดินย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อไปยัง East Peak และจุดอื่นๆ ครับ

วิวระหว่างเดินเส้น Main จะเป็นป่าล้วนๆ ครับ ไม่ค่อยมีอะไร เส้น Main มีคนเดินขึ้นไม่เยอะ อาจจะเป็นเพราะวันนี้ฝนตกด้วย มีคนแก่เดินกันเยอะมากก จะว่าไปผู้สูงอายุที่ไต้หวันนี่ก็เยอะมากครับ แต่ก็แข็งแรงมากเช่นเดียวกัน เดินกันชิลล์ เปิดเพลงฟังสบายใจเลยทีเดียว ใกล้ถึงยอดแล้วววหันกลับไปมองไม่เห็นอะไรเลยย มีแต่หมอกๆๆๆ กับคนที่มาเป็นคู่เต็มไปหมด

ถึงยอดแล้วครับ วันนี้ฝนตกแต่คนก็ยังเยอะอยู่ดี ขนาดฝนตกคนก็ยังพยายามจะต้มกาแฟกินกัน นับถือเลยจริงๆ

ตรงนี้เป็นช่วงลงเขาแล้วครับ ผมลงเส้น Xiaoyoukeng เดินสบายกว่ามาก และทางก็โปร่งกว่า แทบไม่มีต้นไม้ใหญ่เลยครับ ถ้ามาวันที่ฟ้าโปร่งจะเป็นเส้นที่สวยมากๆๆๆ มีจุดชมวิวอยู่หลายแห่ง เสียดายวันที่ไปมีแต่หมอกลงเต็มไปหมด ถ้ามีโอกาสต้องกลับไปแก้มือแน่อน เส้นนี้มีระยะทางจากยอดเขาถึงทางเข้าประมาณ 1.6 กิโลเมตรเองครับ

หลังจากลงมาแล้วก็ไปรอรถเพื่อนั่งกลับไปไทเปครับ ต้องนั่งมินิบัสลงเขาไปก่อน และไปรอรถที่ท่ารถเพื่อกลับไป ไทเปอีกทีครับ รูปนี้ถ่ายจากทางเข้าเส้น Xiaoyoukeng หมอกจัดมาก ทางขวาที่เห็นลางๆ นั้นคือป้ายรถบัสครับ วันอาทิตย์คนเยอะมาก ถ้าเป็นไปได้แนะนำวันธรรมดาดีกว่าครับ ** รถบัสขับโหดมาก หาที่ยึดเหนี่ยวไว้ให้ดีๆ ใครชอบเมารถแนะนำเตรียมยาให้พร้อม

พอเข้าตัวเมืองไทเปน่าจะซักประมาณสี่โมง ที่ๆ จะไปต่อก็คืออนุสรณ์เจียงไคเช็คครับ พอดีวันนั้นมีการจัดงาน Event ของรถยี่ห้อหนึ่งทำให้ผมไม่ได้ถ่ายภาพลานกว้างๆ เลยครับ เสียดายเหมือนกัน

หลังจากเสร็จจากเจียงไคเช็คก็ไปต่อที่ตลาด Shilin Night Market ที่นี่ก็ของกินเล่นเยอะแยะครับ แต่ว่ามันจะซ้ำๆ กันไปหน่อย เพราะมันเหมือนจะเป็นแฟรนไชน์ (เอาจริงๆ Night Market ที่ไต้หวันแต่ละที่บรรยากาศไม่ต่างกันเท่าไหร่) ผมได้ลองกินสเต๊กที่ไต้หวัน ที่เขาจะเอาเส้นสปาเกตตีไว้ด้านล่างและเอาสเต๊กมาโปะ พร้อมด้วยไข่ดาวและซอส เสิร์ฟแบบกระทะร้อน ซึ่งผมว่ามันก็อร่อยระดับหนึ่งนะครับ รูปแทบไม่ได้ถ่ายเนื่องจากเดินกินตลอด

23 Nov – Sun Moon Lake

วันนี้ตื่นเช้าและ Check out ออกจาก Hostel ครับ อ้อ Hostel ของที่นี่ส่วนใหญ่พนักงานจะไม่อยู่ตลอด 24 ชั่วโมงนะครับ มีเวลาเข้า – ออกงานเหมือนกัน ที่ Flip Flop พนักงานจะมาทำงาน 9 โมง ถ้าเราต้องการ Check out ก่อนหรือหลังเวลาทำงาน มันจะมีกล่องให้หยอดกุญแจใส่ไว้ และออกไปได้เลยครับ

ผมใช้บริการ HSR อีกแล้วในการนั่งไปลง Taichung และต่อรถไป Sun Moon Lake แนะนำ HSR ถ้าไม่ได้ไปรอบเช้ามาก แนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าจะได้ส่วนลดเยอะครับ ยิ่งสายเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ส่วนลดเยอะขึ้น รถบัสตรงจาก HSR ไป Sun Moon Lake จำได้ว่ารอบแรกประมาณ 9 โมงนิดๆ ครับ ลองคำนวนเวลากันดู หลังจากถึง Sun Moon Lake ผมก็เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมและออกมาเที่ยวใน Sun Moon Lake กันเลย เราสามารถซื้อ Pass ได้ที่ Ticket Counter ใกล้ๆ กับ Visitor Center เลยครับ และถ้าใครจะไป Alishan ในวันต่อไป แนะนำให้ซื้อตั๋วไว้เลย ไม่งั้นมันจะเต็มและคุณอาจจะต้องไปทางอื่นแทน

น้ำสีสวยมาก วันนี้อากาศดีและแดดก็ดีเหมือนกัน ท่าเรือที่แนะนำคือ Ita thao ครับของกินเยอะ ถ้าพักที่นี่รับรองมีของกินตลอดเวลา แต่ผมพักที่ Shueishu เนื่องจากต้องการความสะดวกในการเดินทางต่อไป

หลังจากเที่ยวครบทุกท่าเรือแล้ว ต่อไปคือปั่นจักรยานครับ ที่ไต้หวันทางจักรยานคือ The Best มากครับ ถนนแทบทุกเส้นมีทางจักรยานหมด และที่ Sun Moon lake ก็มีเส้นทางจักรยานรอบทะเลสาบที่สวยมากๆ ครับ อันนี้เป็นร้านอาหารที่อยู่ตรงเส้นจักรยานครับ ตอนแรกผมคิดว่าจะปั่นรอบทะเลสาบ และพอเอาเข้าจริงๆ มันมีบางช่วงของทางที่ต้องเดินเท้าและเข็นจักรยานขึ้นไปเหมือนกัน ทำให้ผมล้มเลิกไปก่อน เนื่องจาก Yangminshan เมื่อวานยังทำพิษกับเท้าของผมอยู่ วันนี้ก็จบลงด้วยการซื้อของใน 7-11 กินแล้วก็ไปนอนพัก เนื่องจากร้านอาหารที่นี่ปิดเร็วมากกกกกกกกกกกกกกกกก หกโมงนิดๆ ก็ไม่มีของกินแล้ว

24 Nov – Sun Moon Lake – Alishan

ตื่นเช้ามาเรากลับไปแก้มือกันที่เส้นจักรยานใหม่ครับ เนื่องจากเมื่อวานยังไม่จุใจ อากาศตอนเช้าดีมากๆ เหมาะแก่การมานั่งชิลล์กินบรรยากาศมากๆ

พอสายนิดหน่อยผมก็เก็บของเพื่อไป Alishan ครับ รถมีแค่สองรอบคือ 8 และ 9 โมง ผมเกือบจะไม่ได้ขึ้นเพราะว่าไม่ได้จองตั๋วมาก่อนและรถเต็ม โชคดีที่คนขายตั๋วยอมขายตั๋วให้ (เพราะอะไรไม่แน่ใจเนื่องจากเขาคุยกันเป็นภาษาจีน) ** เส้นมินิบัส Sun Moon Lake – Alishan วิวสวยมากกกกก ถ้าคุณไม่อ้วกหรือหลับไปก่อนนะ เป็นเส้นทางที่เหมาะกับการขี่มอเตอร์ไซค์มากๆ รถไม่เยอะ วิวสวยสุดๆๆๆๆๆ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง มีจอดแวะพัก 2 ที่ ที่ละ 20 นาทีครับ

ในรูปถ้าเห็นสีแปลกๆ ไม่ต้องตกใจครับ ถ่ายจากกระจกรถ แสงมันสะท้อนจากกระเป๋าผมเอง อากาศข้างบนเย็นสบายดีครับ

อันนี้ที่แวะพักแห่งที่สองแล้วครับ รถจะขับผ่านเส้นอุทยาน Yushan แทบจะเป็นสวรรค์ของนักเดินเขาเลยครับ มีเส้นทางให้เลือกเดินเยอะมาก แต่ติดที่ว่าต้องเอารถส่วนตัวขึ้นมาแทน เพราะไม่มีรถประจำทางผ่านเท่าไหร่

ในที่สุดก็มาถึง Alishan ครับ วันนี้ที่นี่หมอกลงทำให้ไม่เห็นฟ้าเลย คิวรถบัสลงไป Chayi จะอยู่ตรง 7-11 เลยครับ สามารถเข้าไปซื้อตั๋วได้ที่ 7-11 เลยครับมี Counter บริการอยู่ ร้านอาหารก็เปิดถึงประมาณทุ่มสองทุ่มครับ ส่วนด้านบนเป็นสถานีรถไฟของที่นี่

ข้างใน Alishan อากาศดีมากครับ บรรยากาศก็ดี เดินเล่นชิลล์ๆ ได้เลย มีหลายเส้นทางให้เลือกเดิน ห้องน้ำหาง่ายมาก ช่วงที่ไปทัวร์จีนลงเยอะมาก แม้จะเสียบรรยากาศไปนิดหน่อยแต่ก็ยังคงน่าไปอยู่ครับ

รูปนี้ถ่ายแถวๆ ทางเข้าอุทยานเลยครับ บรรยากาศดีมาก ลมเย็น และรีสอร์ทด้านบนเปิดเพลงบรรเลงคลอเบาๆ ฟินสุดๆ ผมนั่งอยู่ตรงนี้เกือบชั่วโมงเลยครับ

กว่าจะเดินเสร็จก็เย็นมากแล้ว หลังจากนี้ก็ไปหาอะไรกินแล้วก็เข้าพักที่โรงแรม พรุ่งนี้ตอนเช้าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและกลับไทเปครับ

25 Nov – Alishan, Tamsui

ผมตื่นประมาณเกือบๆ ตีสี่ แต่งตัวและหยิบขาตั้งกล้องพร้อมไปรอรถไฟเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนเขา Alishan ข้างบนนั้นหนาวมากกกกกกกก พระอาทิตย์ขึ้นตอนเกือบๆ เจ็ดโมงครับ ระหว่างรอรอบตัวผมมีแต่คนจีน และภาษาญี่ปุ่นและเกาหลีดังมาพอสมควร และมีคนไทยบ้างเล็กน้อยครับ ข้างบนมีร้านขายอาหารเปิดหลายร้านครับ เมื่อชมพระอาทิตย์เสร็จก็สามารถซื้อกินได้ และถ้าใครไม่รีบก็สามารถเดินกลับ แทนที่จะขึ้นรถไฟกลับไปก้ได้ครับ ใช้เวลาไม่นานมาก ส่วนขากลับไทเปก็อย่างที่บอกไปครับ สามารถไปซื้อตั๋วรถที่ 7-11 ได้เลย คิวรถก็อยู่ข้างหน้าเลยครับ ดูเวลาได้ที่ป้ายสะดวกมากๆ

หลังจากมาถึงไทเป ปรากฎว่าฝนตกปรอยๆ อีกแล้ว ช่วงบ่ายเลยไปเดินเล่น Tamsui จนถึงมืดเลยครับ แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมาเท่าไหร่ ที่นี่เป็นแหล่งรวมวัยรุ่นอีกทีครับ มาเดินกันเยอะมาก ร้านข้างทางก็ให้อารมณ์ Night Market เลยครับ ร้าน Softcream เยอะมาก เข้าใจว่าเจ้าเดียวกัน ราคาไม่แพงด้วย รสชาติก็อร่อยดีครับ พรุ่งนี้จะไปที่ Hualien เช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยว Taroko ตามแพลนเดิม

26 Nov – Hualien

วันนี้ตื่นเช้ามากเพื่อจะนั่งรถไฟไป Hualien วันนี้หนาวมากกกกกก ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นอยู่ๆ อุณหภูมิก็ลดลงเกือบ 8 องศา ผมไปถึง Hualien ประมาณแปดโมงกว่าๆ เข้าไปหาอะไรกินที่ 7-11 แป๊บหนึ่งและเนื่องจากมันหนาวมาก และต้องขับมอเตอร์ไซค์ด้วย ทำให้ผมต้องซื้อถุงมือใน 7-11 มา ไม่งั้นขับรถไม่ไหวแน่ การเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ไต้หวันต้องมี “ใบขับขี่สากล” นะครับ ไม่งั้นจะไม่ให้เช่า ค่าเช่าวันที่ผมไปอยู่ที่วันละ 700 เหรียญฯแหนะ แพงมาก เพิ่งมาคิดได้ว่าเขาบอกราคาเผื่อต่อป่าววะ ไอ้เราก็ไม่ได้ต่อซักเหรียญ การขับมอเตอร์ไซค์ที่ไต้หวันมีเรื่องที่ต้องระวังคือการเลี้ยวซ้ายในสี่แยกใหญ่ๆ ซึ่งไม่สามารถทำได้เลย ต้องรอสัญญาณไฟเขียว 2 รอบ โดยรอบแรกเราจะต้องขับรถเข้าไปอยู่ในช่องจราจรของแยกที่อยู่ทางขวาของเรา และรอสัญญาณไฟเขียวอีกรอบเพื่อตรงไปยังแยกที่เราต้องการจะเลี้ยงซ้ายเข้าไปในตอนแรก ซึ่งแยกไหนจะต้องทำแบบนี้จะมีสัญลักษณ์บอกครับ

ใช้เวลาขับรถประมาณชั่วโมงนึ่งก็จะถึง Taroko ครับ เราสามารถขับรถเที่ยวได้เลย ถนนใน Taroko ดีมาก และเป็นเส้นทางที่สวยมากครับ เหมาะมากกับการขี่มอเตอร์ไซค์

ตรงนี้คือเส้นเดินป่า ประมาณ 5 กิโลครับ ผมลงมาถ่ายรูปเฉยๆ วันนี้เมฆเต็มไปหมดเลยครับ ไม่เจอฟ้าเลย แต่โชคดีที่ไม่มีฝนตกเลยครับ ถนนที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นการขับเลียบภูเขาไปเลยครับ บางช่วงจะเป็นอุโมงค์ตัดภูเขาเข้าไปเลย สวยมากๆ ยิ่งขี่มอเตอร์ไซค์จะสะดวกในการจอดแวะถ่ายรูปมากครับ

ศาลาด้านบนสามารถขึ้นไปนั่งพักชมวิวได้ครับ บรรยากาศดีสุดๆๆ

สะพานแขวนตอนลมแรงๆ นี่มีสั่นครับ หวาดเสียวดี

ตรงนี้เป็นเส้น Trail ที่น่าเดินมากๆ เสียดายที่เวลาไม่พอ เพราะทางค่อนข้างไกลครับ ไว้มีโอกาสจะกลับมาแก้ตัว ช่วงที่ไปน้ำแทบไม่มีเลย ไม่แน่ใจว่าน้ำมันก็มีแค่ประมาณนี้ทั้งปีหรือเปล่า

เมื่อเสร็จจาก Taroko แล้ว ตอนแรกตั้งใจว่าจะไป Katsuo Musuem แต่ระหว่างทางเจอชายหาดก็แวะซะหน่อย บรรยากาศดีมาก แล้วทั้งหาดมีผมคนเดียว ฟินสุดๆ (หาดนี้เหมือนเป็นของชาวบ้านแถวนี้นะครับ ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว พอดีขับรถผ่านแล้วเจอครับ)

อันนี้ถ่ายจากหาดที่คนมาเที่ยวเยอะๆ ครับ น้ำทะเลที่นี่สีสวยมากก และแน่นอนมีเส้นทางจักรยานให้ปั่นเลียบหาดด้วย ดีสุดๆ

สุดท้ายแล้ว Katsuo Museum ก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมไปวันธรรมดาด้วย ร้านอาหารข้างในก็ไม่เปิด เปิดแค่่ร้านขายของฝากก็เลยไม่ได้อะไรกลับมา หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟกลับไทเปครับ ** แนะนำว่าถ้ามาแบบ One day trip ให้จองตั๋วไปกลับเลยครับ ขนาดวันธรรมดาตั๋วยังเต็ม ผมต้องนั่งรอรถไฟรอบต่อไปเกือบชั่วโมง เพราะรอบที่จะไปเต็มแล้ว

27 Nov – Furlong, Bitou, Gold Museum, Jiufen Old Street

Fulong ที่นี่เด่นเรื่องปั่นจักรยานครับ เป็นเส้นทางปั่นที่สวยไม่แพ้ Sun Moon lake เลย เส้นทางการปั่นมีตั้งแต่ปั่นเลียบภูเขา เข้าอุโมงค์ เลียบทะเล วันไหนอากาศดีๆ จะสวยมากๆๆๆๆๆ ร้านเช่าจักรยานนี่มีตั้งแต่ออกมาจากสถานีรถไฟเลย อ้อ.. วิธีมาที่นี่ให้นั่งรถไฟจาก Main Station มาลงที่สถานี Fulong เลยครับ ร้านเช่าจักรยานรวมอยู่หน้าสถานีเลยครับ ออกมาก็เห็นร้านเช่าจักรยาน รอบๆ ก็มีร้านอาหาร 7-11 พร้อม ตอนไปอากาศกำลังเย็นสบายครับ

 

ปั่นเข้าอุโมงค์มาจะเจอทางออกแบบนี้ครับ อุโมงค์ยาวมาก 2 กิโลเมตรได้ มีที่ให้ถ่ายรูปเยอะแยะมากมาย

เสร็จจาก Fulong แล้ว ให้เราเดินไปที่ Visitor Center เพื่อไปขึ้นรถเส้น Golden Fulong ที่ด้านหน้า Visitor Center เลยครับ ไปลงป้าย Bitou เพื่อไปเดินเขากัน ลงรถบัสเสร็จให้เดินไปทางขวาเลยครับ จะเจอร้านกาแฟและโรงเรียน อิจฉาเด็กโรงเรียนนี้มากครับ อยู่ในจุดที่เรียกว่าดีสุดๆ ด้านหลังติดทะเลด้านหน้าติดภูเขา สวยมากๆ และที่เห็นเป็นซุ้มๆ อยู่บนเขาคือสุสานครับ ที่นี่สุสานจะเป็นแบบนี้ทั้งหมด และทำเลส่วนใหญ่จะอยู่บนเขาครับ พบเจอได้แทบทุกที่ของไต้หวัน บรรยากาศก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนสุสานบ้านเราด้วย

หลังจากที่เดินขึ้นมาเรื่อยๆ วิวก็จะเป็นแบบนี้เลยครับ อลังการมาก ยกให้เป็นที่ๆ วิวสวยที่สุดในทริปเลยครับ

เดินไปอีกนิดจะมีทางเดินลงมาที่ลานกว้างๆ เหมือนรูปด้านบนครับ ตรงนี้บรรยากาศนี่สุดๆ เหมือนเส้นทางนี้จะไม่ค่อยมีคนมาเดินเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนในพื้นที่ ทำให้วันนั้นตรงลานกว้างนี่ไม่มีคนเลยครับ เรียกได้ว่าอยู่ทั้งวันยังได้

เส้นทางนี้ใช้เวลาเดินประมาณชั่วโมงนิดๆ ก็จบแล้วครับ ด้านล่างก็จะเป็นท่าเรือ สามารถเดินย้อนกลับไปที่ป้ายรถบัสได้ใกล้ๆ

หลังจากรอรถบัสเสร็จก็ไปป้ายต่อไปคือ Gold Musuem ครับ แต่แนะนำว่าถ้ามีเวลาเหลือแนะนำให้นอนค้างแถวๆ ที่นี่ซักคืนครับ วิวทะเลสวยมากๆ และสามารถปั่นจักรยานได้ด้วย แม้ช่วงที่ไปมันกำลังทำทางอยู่ แต่รถก็ไม่ติดครับ เห็นนักปั่นมาปั่นกันมากมาย วิวมันสวยจริงๆ

Museum ที่นี่ขนาดไม่ใหญ่มากครับ จุดเด่นคือภาพด้านล่างเลยครับ ทองก้อนจริงๆ จับได้ ลูบคลำได้ ก้อนมันใหญ่จริงๆ มีร้านอาหารที่บรรยากาศดีอยู่หลายร้าน ใช้เวลาเที่ยวไม่นานมากครับทีนี่ และนั่งรถต่อไปยัง Jiufen Old Street

     

วันที่ไปมีทัศนศึกษาของนักเรียนญี่ปุ่นครับ มากันเยอะมาก ชุดเหมือนหลุดมากจากหนังสือการ์ตูนเลย ที่ Jiufen จะมีบรรยากาศคล้ายๆ ตลาดโบราณที่บ้านเรา แต่ว่าบรรยากาศดีกว่ามากครับ เพราะว่าบ้านเขาสร้างตามไหล่เขา ทำให้ดูดีกว่ามาก ที่ตลาดนี้จะเจอคนญี่ปุ่นเยอะมากๆ ผิดกับที่ Gold Musuem จะเจอคนเกาหลีเยอะกว่าครับ

Jiufen Tea House ครับ แลนมาร์คของที่นี่ สวยมากๆ ของกินที่นี่ก็เยอะครับ ร้านน่านั่งก็เยอะ บรรยากาศดี เสียดายมากที่ไม่ได้มาพักที่นี่ ครั้งหน้าถ้ามาต้องมาพักที่นี่คืนหนึ่งแน่นอนครับ

หลังจากที่เที่ยวเต็มที่แล้วก็ได้เวลากลับไทเปครับ โดยผมเลือกที่จะนั่งรถบัสไปต่อรถไฟเพื่อเข้าไทเปแทน โดยจะแวะที่สถานี Songshan เพื่อไปเดิน Raohe Night Market ครับ ผมแนะนำตลาดนี้นะถ้าใครจะมาไต้หวัน เพราะอาหารเยอะมาก แต่คนก็เยอะตาม เดินง่ายด้วยครับเป็นทางตรงยาวๆ จนสุดตลาดเลย แนะนำเลยครับ ผมมาเดินหาของกินสองวันเลย สถานี Songshan อยู่สุดสายสีน้ำเงินเลยครับ

28 Nov – Wula, Houtoug, Xianshan

วันนี้ตื่นเช้าา แผนคือจะไปเที่ยวที่ Wulai เป็นอีกแหล่งบ่อน้ำแร่ที่ขึ้นชื่อของไต้หวัน ก่อนไปลองหาข้อมูลเจอว่าเมื่อช่วงกลางปีเพิ่งโดนพายุถล่มไป คิดว่าผ่านมาหลายเดือนแล้วน่าจะเที่ยวได้แล้ว แต่สรุปยังเที่ยวไม่ได้ ถ้าใครมีเป้าหมายแค่ไปแช่น้ำแร่ สามารถไปได้ครับ รอบๆ ยังมีโรงแรมเปิดให้บริการอยู่ แต่ถ้าใครจะไปเที่ยว นั่งรถราง ขึ้นกระเช้าชมธรรมชาติ ปิดปรับปรุงหมดทุกอย่างครับ รถรางนี่รางยังแตกอยู่เลยครับ น่าจะปิดซ่อมอีกยาว ผมเลยเดินชมแค่รอบๆ แล้วก็กลับขึ้นรถเพื่อไป Houtong ครับ

ผมมาถึง Houtong เกือบเที่ยงครับ นั่ง Local Trian มา อารมณ์ประมาณรถไฟไทยบ้านเรา หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีเขาขนาบซ้ายขวา มีลำธารไหลผ่าน บรรยากาศดีมากๆ วันที่ไปคนเยอะมากๆ แมวมันคงรำคาญ หน้าตาเลยไม่รับแขกซักกะตัว จำนวนแมวมีไม่เยอะมากแต่อ้วนทุกตัว

บ้านแมวมีอยู่หลายจุดเหมือนกันครับ แต่ไม่เห็นมีแมวอยู่ซักตัว

หน้าตาแบบนี้แทบทุกตัว

ช่วงที่มาหมู่บ้านนี้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นกับเกาหลีเยอะจริงๆ (คนจีนเยอะทุกที่อยู่แล้ว) ร้านคาเฟ่ประมาณนี้มีหลายร้านอยู่ครับ เลือกเข้าได้เลย เพียงแต่ว่าจะไม่ได้เน้นแมวมากเท่าไหร่ เหมาะกับนั่งชมบรรยากาศ + มีแมวเป็นของแถมมากกว่าครับ

เสร็จจาก Houtong ก็ขึ้นรถไฟกลับไทเป เพื่อไปขึ้นเขา Xianshan ก่อน ตอนแรกกะว่าจะไปขึ้นกระเช้า Maokong แต่พอไปถึงก็เจอกับการเข้าคิวที่ยาววววมาก ถ้ารอก็ไม่น่าจะต่ำกว่าชั่วโมงครึ่งแน่นอน เลยเปลี่ยนแพลนไปขึ้นเขา Xianshan แทน เสียเวลาไปฟรีๆ 1 ชั่วโมง กว่าจะถึง Xianshan ก็เกือบห้าโมงแล้ว T_T เส้น Trail เขา Xianshan นั้นเป็นเส้นสั้นๆ แต่ชันมากครับ และไม่ต้องกลัวเปลี่ยว นักท่องเที่ยวเพียบครับ ขึ้นสักทุ่มสองทุ่มยังได้ มีไฟตามทางให้ไม่มืดจนเกินไป

29 Nov – MaoKong Gondola – Back to Bangkok

วันนี้ตื่นแต่เช้าครับ แพ็กของแล้วไป Check out พร้อมฝากกระเป๋าไว้ที่ Lobby ให้เรียบร้อบ กระเช้าเปิด 8.30 ใช้เวลาเดินทางจากที่พักเกือบๆ 40 นาที ไปถึงก็เปิดพอดี เริ่มมีคิวมาต่อกันแล้วด้วย ถ้ามาสายกว่านี้ก็เตรียมรอได้เลย โชคดีจริงๆ กระเช้าที่นี่ยาวมากกก วิวก็สวย เสียดายนิดหน่อยที่กระจกไม่ค่อยใส เวลาจะถ่ายรูปก็ต้องยื่นกล้องออกไปทางช่องลม แอบเสียวนิดๆ

พอถึงด้านบนแล้วรู้สึกมาเช้าไป ร้านต่างๆ ก็ยังไม่ค่อยเปิดเท่าไหร่ ด้านบนอากาศดีมากๆ ครับ จริงๆ ใครมาขึ้นกระเช้านี่ผมแนะนำให้มาครึ่งวันเป็นอย่างต่ำนะครับ เสียดายเหมือนกันที่ต้องรีบกลับสนามบิน ด้านบนมีร้านน้ำชากระจายอยู่ทั่วเลยครับ แต่ยังไม่เปิดสักร้าน ผมอยู่ด้านบนแค่ประมาณชั่วโมงเดียวแล้วก็นั่งกระเช้ากลับลงมาครับ ** แนะนำ กระเช้า Maokong สามารถใช้ Easy Card ได้นะครับ ไม่จำเป็นต้องซื้อบัตรก็ได้

หลังจากลงมาก็กลับไปเอาของที่ Hostel แล้วก็นั่งรถบัสไปสนามบิน เพื่อรอขึ้นเครื่องตอนสี่โมง เป็นอันจบทริปครับ

สรุป ทริปนี้ใช้งบประมาณไปประมาณ 26,xxx บาทครับ ถ้าให้แยกก็น่าจะได้ประมาณนี้

ทริปนี้เป็นทริปที่ประทับใจมาก เอาจริงๆ ได้เที่ยวเต็มวันประมาณ 8 วัน รู้สึกว่าแพลนมันแน่นไปแทบจะกลายเป็นชะโงกทัวร์อยู่แล้ว มีสถานที่หลายๆ ที่ที่อยากไปแต่ไม่ได้ไป เช่น เส้น Trail ที่ Hehuanshan น่าเดินมาก แต่ไม่มีรถขึ้นไป (เอาจริงๆ เช่ามอเตอร์ไซค์จาก Puli ขับขึ้นไปได้ แต่มันไปจะเบียดเวลาเที่ยวที่อื่นมากเกินไป สุดท้ายก็ต้องตัดออก) แนะนำว่าให้เผื่อเวลาแต่ละสถานที่ให้มากๆ เข้าไว้ครับ เพราะแต่ละที่ต้องใช้เวลาซึมซับนิดหนึ่ง 😉

ไต้หวันเป็นประเทศที่เหมาะกับการไป Slow Life สุดๆ จริงๆ ครับ ยิ่งหน้าหนาว ถ้าไม่นับสภาพอากาศที่คาดเดายากแล้ว ทุกอย่างคือดีงามจริงๆ อากาศดี บรรยากาศดี แม้แต่ในไทเปที่เป็นเมืองหลวง ผู้คนก็ยังดูไม่วุ่นวายเหมือนกรุงเทพ การเดินทางก็ง่ายมากครับ มีเว็บไซต์ดูเวลาให้พร้อม ทั้งรถไฟและรถบัส มี Visitor Center ให้บริการเกือบทุกสถานที่ที่ไปครับ ใครที่ยังไม่มีแพลนไปไหน แนะนำเลยครับ

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

 

NICE TO MEET TAIWAN was last modified: May 18th, 2022 by Editor.Mushroom Travel
Exit mobile version