เมืองหลวงของจังหวัดอิวาเตะที่มีอากาศค่อนข้างเหน็บหนาวเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในจังหวัดเดียวกัน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย -10 องศา โดยในระหว่างเดือนตุลาคม – มีนาคมจะเป็นช่วงที่มีหิมะตก และจะร้อนที่สุดในเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ในอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดคือ 30 องศา นั่นก็เพราะว่าเมืองโมริโอกะถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาถึง 3 ด้าน แถมยังมีแม่น้ำไหลผ่านเมืองอีกหลายสาย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ที่นี่มีอากาศหนาวเย็นได้อย่างไรล่ะ บรื๋อออออ~~~~~!!! หนาวจัง
OHAYO!! โมริโอกะ ชมซากุระเมืองหลวงแห่งป่าไม้และสายน้ำ
เมืองโมริโอกะตั้งอยู่ทางเหนือของที่ราบลุ่มน้ำคิตะคะมิที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของจังหวัดอิวาเตะ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งป่าไม้และสายน้ำ เพราะไม่เพียงแค่จะอยู่ในที่ราบลุ่มน้ำเท่านั้น แต่เมืองนี้ยังมีแม่น้ำอีกถึง 2 สายใหญ่ที่ไหลผ่าน อย่างแม่น้ำคิตะคะมิกะวะ และแม่น้ำนะกัตสึกาวะ แถมโมริโอกะยังถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงที่เต็มไปด้วยป่าไม้อยู่ถึง 3 ด้านอีกต่างหาก นั่นก็คือภูเขาโออุ ภูเขาอิวะเตะและภูเขาฮิเมคะมิ
เมืองโมริโอกะคือศูนย์กลางการขนส่งที่สะดวกสบายในจังหวัดอิวาเตะ แม้หลายคนจะค่อนขอดว่าที่นี่ไม่ค่อยมีจุดท่องเที่ยวให้มาเยือนมากนักแต่โมริโอกะกลับเป็นจุดชมซากุระที่สวยที่สุดในจังหวัด และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากกว่าเมืองอื่นๆ ในอิวาเตะเสียอย่างนั้น
สวนสาธารณะปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle Ruins Park)
สวนสาธารณะปราสาทโมริโอกะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองใกล้ๆ กับแม่น้ำคะตะคะมิกะวะ ที่มีแหล่งประวัติศาสตร์ศาสตร์อันน่าสนใจ รวมถึงบ้านเรือนและร้านค้าที่สร้างมาตั้งแต่ช่วงระหว่างศตวรรษที่19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 ทั้งนี้สวนสาธารณะปราสาทโมริโอกะยังถูกจัดให้เป็นสวนสวย 1 ใน 100 ของญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวสามารถมาชมทั้งความงามของดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และชมความคลาสสิกของใบไม้แดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงได้ และสำหรับผู้ที่สนอยากมาชมดอกซากุระที่นี่ ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ก็คือระหว่างกลางเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งที่นี่จะมีการจัดงานเทศกาลซากุระโมริโอกะ ภายในงานจะมีการตั้งโคมกระดาษมากมาย เพื่อให้สามารถเพลิดเพลินไปกับการชมซากุระในยามค่ำคืนนั่นเอง
ในอดีตสวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทขนาด 3 ชั้นอันสวยงาม และนับเป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับ 1ใน 3 ของภูมิภาคโทโฮกุที่สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่16 – 17เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยของตระกูลนันบุกับตระกูลโมริโอกะในช่วงสมัยเอโดะแต่เมื่อสิ้นยุคซามูไรปราสาทก็ได้ถูกทิ้งร้างและถูกทำลายไปตามระเบียบ กระทั่งปี 1906เศษซากของปราสาทก็ได้ถูกบูรณะขึ้นอีกครั้ง โดยการออกแบบขึ้นมาใหม่จากสถาปนิกนักจัดสวนชื่อดัง ยาซุเฮ นางาโโอกะอีกทั้งยังได้รับชื่อใหม่ว่าสวนสาธารณะอิวาเตะ แต่หลายคนก็ยังคงระลึกถึงที่นี่ในฐานะของอดีตปราสาทโมริโอกะอยู่เสมอ
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง จะเป็นช่วงที่สวนสาธารณะอิวาเตะได้รับความนิยมทั้งจากชาวเมืองและนักท่องเที่ยวมากที่สุด เนื่องจากได้ชื่อว่าเป็นจุดชมดอกซากุระที่สวยที่สุดในจังหวัดอิวาเตะ ส่วนในช่วงฤดูร้อน ด้วยร่มเงาที่หนาทึบของต้นไม้ภายในสวน จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหลบความร้อนยิ่งนัก และจากจุดนี้นักท่องเที่ยวยังจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองได้อย่างรอบทิศ รวมทั้งมองเห็นวิวของภูเขาที่โอบล้อมตัวเมืองเอาไว้ทั้ง 3 ด้านอย่างชัดเจนอีกด้วย และไม่เพียงแค่ที่กล่าวมาเพียงเท่านั้น แต่ภายในสวนยังมีอนุสรณ์ที่สลักบทกวีเอาไว้เป็นช่วงๆ พร้อมกับเส้นทางเดินทั่วสวนสาธารณะ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถชมกำแพงหินสวยๆ ที่ยังคงเหลือไว้ได้อย่างจุใจนั่นเอง
ซากุระหินแตก (Ishiwarizakura)
นอกจากสวนสาธารณะปราสาทโมริโอกะแล้ว โมริโอกะยังมีจุดชมซากุระอีกแห่งหนึ่งที่มัชรูมทราเวลขอแนะนำเป็นพิเศษ นั่นก็คือซากุระหินแตกที่อยู่ไม่ไกลจากสถานี JR Moiroka มากนัก โดยความพิเศษของที่นี่ก็คือต้นซากุระสายพันธุ์เอโดะฮิกันซาคุระที่มีอายุเก่าแก่ถึง 360 ปี ที่ปลูกมาตั้งแต่สมัยเอโดะและยังออกดอกอย่างสม่ำเสมอกระทั่งปัจจุบันนี้ แม้ว่าลำต้นของมันจะงอกออกมาจากหินแกรนิตขนาดใหญ่ก็ตาม ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่ามันแสดงถึงการมีชีวิตที่แข็งแกร่ง จนทำให้ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางธรรมชาติแห่งประเทศญี่ปุ่นโดยไร้เสียงคัดค้านแต่อย่างใด
ส่วนนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากมาชมซากุระสวยๆ ก็ไม่ยากเลย สามารถเดินทางจากสถานี Tokyo โดยรถไฟสายด่วนพิเศษ Tohohoku Shinkansen มาลงที่สถานี JR Morioka ได้เลย โดยใช้เวลาในการเดินทางเพียง 2.30 ชั่วโมง และหากต้องการไปชมชมซากุระที่สวนสาธารณะปราสาทโมริโอกะ ก็นั่งรถบัส Toshin Bus ออกมาจากสถานีแล้วไปลงที่ป้าย Morioka Joshi-mae ได้เลยค่ะ ส่วนการไปชมซากุระหินแตกก็ใช้เส้นทางเดียวกันแต่ให้ไปลงที่ป้าย Chuo- Dori Ichome แทน โดยทั้ง 2 แห่งใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 10 นาที