เกาหลีใต้ คือหนึ่งในสารบบประเทศท่องเที่ยวโซนเอเชียที่ชาวไทยนิยมไปเยือนมากที่สุด ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ทั้งจากสาเหตุเกาหลีฟีเวอร์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่สาวๆ ชาวไทยต่างแห่แหนกันไปเกาหลีเพื่อพบกับโอปป้า หรืออาจจะเพราะว่าไม่ต้องขอวีซ่าให้ยุ่งยาก แถมยังพำนักอยู่ที่นู่นได้สูงสุดตั้ง 90 วันแน่ะ หรือเพราะว่าเกาหลีมีฤดูกาลต่างๆ ที่คล้ายกับญี่ปุ่น แต่ราคาถูกกว่ากันตั้งเยอะ และที่สำคัญอีกอย่างคือ เครื่องสำอางในเกาหลีนั้นราคาถูกมากหากเทียบกับในไทย
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สุดท้ายแล้วเกาหลีก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไทยนิยมเดินทางไปกันมากมายอยู่ดี ทั้งการไปกับทัวร์ที่แสนจะสะดวกสบาย เพราะแทบจะไม่ต้องเตรียมอะไรให้ยุ่งยาก เพียงมีพาสปอร์ต กระเป๋าเดินทาง และเงินสำหรับช้อปปิ้งอีกนิดหน่อย ก็เที่ยวเกาหลีได้ละ หรือจะเป็นการเดินทางด้วยตัวเอง สำหรับหนุ่มสาวที่ยังแสวงหาความท้าทายและประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ ดังนั้นวันนี้มัชรูมทราเวล จึงจะขอนำเสนอ 3 สถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลี ที่ใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวก็เที่ยวได้ครบ แถมไม่เหนื่อยด้วยนะ
เกาหลี วันเดียวเที่ยวได้มากกว่า 3 ที่!!
เกาะยออิโด (Yeouido)
หลังจากผ่านมื้อเช้ามาเรียบร้อย ในวันที่อากาศแสนจะสดใส และเย็นสบายในช่วงฤดูใบไม้ผลิของเกาหลี อากาศดีๆ ในช่วงเช้าแบบนี้ สถานที่ท่องเที่ยวแรกอันเป็นจุดเริ่มต้นที่แสนจะเพอร์เฟคก็คือ การไปสูดอากาศบริสุทธิ์ในสถานที่กลางแจ้งอย่างเกาะยออิโด เกาะกลางแม่น้ำขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโซลนั่นเอง โดยที่เป็นที่ตั้งของอาคาร National Assembly building ที่สำคัญของเกาหลี และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ด้วยซากุระหลายพันต้นบนเกาะจะเริ่มผลิดอกบานในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี กลายเป็นอุโมงค์ซากุระเส้นทางยุนจุงโนที่เรียงรายเป็นทางยาวกว่า 5 กิโลเมตร ในพื้นที่ด้านหลังอาคาร National Assembly building
นอกจากนั้นเกาะยออิโดยังเป็นสถานที่สำหรรับพักผ่อนหย่อนใจ ที่เต็มไปด้วยกีฬากลางแจ้งและกิจกรรมหลากหลายประเภท อีกทั้งในช่วงระหว่างวันที่ 12-20 เมษายน ของทุกปี ที่นี่ยังมีการจัดงานเทศกาล Yeouido Hangang Spring Flower Festival ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งภายในงานนอกจากจะมีการแสดงทางวัฒนธรรม นิทรรศการดอกไม้ และนิทรรศการภาพถ่ายแล้ว ในช่วงกลางคืนยังมีไฟสวยๆ ที่ตกแต่งบนต้นซากุระ และการแสดงพลุดอกไม้ไฟให้ได้ชมกันอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์ศิลปะลวงตา 3 มิติ (Trick Eye Museums)
หลังจากชมซากุระแสนสวยไปแล้วในช่วงเช้า ในช่วงบ่ายที่แดดอาจจะแรงขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง นักท่องเที่ยวอาจหาที่หลบแดดโดยย้ายร่างกายไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์กันสักหน่อย และไม่ต้องห่วงว่าการเที่ยวพิพิธภัณฑ์จะน่าเบื่อเสมอไปนะคะ เพราะที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะลวงตา 3 มิติ หรือ Trick Eye Museums พิพิธภัณฑ์ไม่ธรรมดาที่จะเปลี่ยนมุมมองของคุณจากพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ที่เคยเห็นมาอย่างสิ้นเชิงเลยล่ะค่ะ
Trick Eye Museums คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่แปลกและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยที่นี่ได้รวบรวมและจัดแสดงผลงานศิลปะภาพวาดลวงตาไว้มากกว่า 100 ชิ้น ภายใน 3 ฮอลล์ใหญ่ ด้วยธีมที่แตกต่างกันคือ ห้องแสดงภาพ ห้องตำนานกรีก และห้องซานโตรินี่ ซึ่งมีจุดเด่นคือภาพที่ติดอยู่บนฝาผนังหรือถูกตั้งบนพื้นนั้น ทั้งหมดถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยเทคนิคพิเศษในการสร้างภาพ 3 มิติ บวกกับทฤษฎีการหักเหของแสงและเงา รวมถึงการซ้อนภาพให้ดูมีการเคลื่อนไหวเหมือนจริงที่เรียกว่า Trompe l’oeil ซึ่งมาจากภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่าลวงตานั่นเอง นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่เข้าชมยังสามารถถ่ายภาพฮาๆ เก๋ๆ และเล่นสนุกกับงานศิลปะเหล่านี้ได้ โดยจะมีคำแนะนำเรื่องตำแหน่งการยืน การจัดวางท่าทางต่างๆ กำกับเอาไว้เพื่อให้เราสามารถสร้างภาพที่ดูเสมือนจริงได้ด้วย
ย่านฮงแด (Hongdae)
หลังจากสนุกสนานกับการถ่ายภาพตลกแบบอาร์ทๆ ที่ Trick Eye Museums พอบ่ายคล้อยแดดร่มลมตก ก็ออกจากพิพิธภัณฑ์แล้วเดินไปเที่ยวยังย่านฮงแดที่อยู่ใกล้ๆ ต่อได้เลย ซึ่งย่านฮงแดหรือบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยฮงอิกนี้ ล้วนเต็มไปด้วยศูนย์รวมความบันเทิงมากมาย ทั้งรายขายสินค้าแฟชั่นราคาถูก ร้านขายเครื่องสำอาง ร้านอาหาร คอฟฟี่ช็อป ผับ และบาร์ที่เต็มไปด้วยวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ แถมยังมีเกสต์เฮ้าส์ราคาถูกอีกมากมาย ใครอยากมาส่องหนุ่มส่องสาวเกาหลีน่ารักๆ ต้องไม่พลาดย่านนี้เลยค่ะ สามารถเที่ยวได้ทั้งคืนเลยล่ะ แต่ยังไงก็ต้องดูเวลานิดหนึ่งนะคะเพราะรถไฟจะเปิดให้บริการเพียงแค่ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น หากเที่ยวเพลินแล้วไม่ได้เช่าที่พักในย่านนี้ ก็อาจจะต้องเสียเงินรถค่าแท็กซี่กลับโรงแรมหลายบาทอยู่เหมือนกัน
ทั้งนี้ในช่วงเวลากลางวันของวันหยุดเสาร์อาทิตย์ บริเวณลานกว้างหน้ามหาวิทยาลัยฮงงิกจะมีตลาดนัดชิคๆ ให้ได้ช้อปปิ้งสินค้ากันด้วย โดยในวันเสาร์จะมีตลาดนัดชื่อ Free Market โดยเปิดให้ผู้ค้าภายนอกและนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งนี้นำสินค้าอันเป็นผลงานที่ตัวเองทำขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าแฮนด์เมดทั้งหลายมาวางขายกันอย่างคึกคัก ส่วน Hope Market ที่เปิดในวันอาทิตย์นั้นจะแตกต่างกับวันเสาร์ตรง เพราะเปิดให้เฉพาะนักศึกษาคณะศิลปะนำผลงานการออกแบบของตัวเองมาวางขาย ทั้งภาพวาด ภาพเขียน โปสการ์ด เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ
สำหรับ 3 สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับ 1 วันในเกาหลี คิดว่าน่าจะครบรสนะคะ เพราะทั้ง 3 แห่งนี้ล้วนมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ที่สำคัญคุณจะได้เปลี่ยนบรรยากาศไปเรื่อยๆ แถมยังได้ทำกิจกรรมที่หลากหลายอีกต่างหาก