@MushroomTravel
ครั้งนี้มัชรูมทราเวลได้รับเกียรติจาก Guest สุดพิเศษ ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ เที่ยวฝรั่งเศส ไปชมความสวยงามของพระราชวังแวร์ซายส์ที่ถูกกล่าวถึงในละครดังแห่งปีอย่าง บุพเพสันนิวาส ตามไปดูกันว่า พระราชวังฝรั่งเศส แห่งนี้ จะสวยสมกับที่คุณพี่เล่าให้แม่การะเกดฟังแค่ไหน
เมื่อครั้นออข้า..ตามคุณพี่ไปยัง พระราชวังฝรั่งเศส
1 กันยายน จศ.1048
กำหนดให้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่ท้องพระโรงใหญ่พระราชวังแวร์ซายส์ ในห้องกระจก
ห้องกระจกเป็นหินอ่อน มีหน้าต่างบุด้วยกระจกเจียรไน สูงแต่พื้นจรดเพดานด้านละ 17 บาน
ระย้าแก้วเจียรไน จุดเทียนสว่างสไวห้อยย้อยจากเพดาน สวยงามแพรวพราวไปทั่วห้อง
หลังจากแม่หญิงการะเกดอ่านไดอารี่ของคุณพี่ ที่พรรณาถึงความสวยงามห้องกระจก
ออข้าเลยใคร่อยากพาทุกๆท่าน ตามรอยคุณพี่
ไปชม พระราชวังฝรั่งเศส ที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม อลังการ ไม่แพ้คำกล่าวของคุณพี่ค่ะ
ทริปนี้เป็นการเดินทางไป เที่ยวฝรั่งเศส จากเวนิส
เลยจะขออนุญาตข้ามรายละเอียดการเดินทางจากอิตาลี ตัดไปที่ปารีสแทนค่ะ
โดยหลังจากข้ามน้ำ ข้ามหุบเขา เราก็ถึงปารีสโดยสวัสดิภาพ
ตรงเข้าที่พัก ที่โรงแรม EST HOTEL
ใกล้กับสถานี Gare de l’Est และ Gare du Nord
ก่อนจะเดินทางไปยัง พระราชวังฝรั่งเศส ในวันรุ่งขึ้นค่ะ
Château de Versailles : พระราชวังแวร์ซาย
พระราชวังแวร์ซายได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อปี 1979 จากองค์การยูเนสโก
เป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่รวบรวมเอกลักษณ์แห่งศิลปกรรมของฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 17
จนมีคำกล่าวว่า “คราใดใครได้เยือนแวร์ซายส์ ครานั้นเขาได้เห็นโลกอันศิวิไลซ์ที่แท้จริงแล้ว”
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มีพระประสงค์ให้สร้างพระราชวังขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์
โดยใช้ระยะเวลาในการสร้างกว่า 30 ปี ด้วยเงินกว่า 500,000,000 ฟรังก์ และคนงานกว่า 30,000 คน
ภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ อาทิ โบสถ์ โรงละครโอเปร่า พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
ห้องเสวย ห้องสำราญ ห้องบรรทม และห้องกระจก รวมทั้งหมดกว่า 2,300 ห้อง
ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตา ทั้งรูปปั้น งานประติมากรรม งานแกะสลัก
เครื่องเคลือบ เครื่องเงิน เครื่องทอง หินอ่อน รวมถึงภาพเขียนที่มีชื่อเสียงอีกมากมายค่ะ
การเดินทาง :
นั่งสาย RER C มาลงสถานี Versailles Château Rive Gauche
(ประมาณ 45 นาทีจากสถานี Saint Michel) และเดินต่อประมาณ 10 นาทีค่ะ
**แนะนำให้ซื้อพาส เช่น Mobilis (day pass) สำหรับโซน 1-4
ที่ครอบคลุมหลากหลายโซนท่องเที่ยว และสะดวกในการใช้
เพราะถ้าซื้อตั๋วผิดอาจจะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วโดยสารปรับค่ะ
เราบังเอิญซื้อผิด เป็น RER แบบเดินทางเฉพาะในปารีส นั่งไปลงแวร์ซายส์
เลยโดนปรับกันไปคนละ 35 ยูโรเต็มๆ**
Opening Hours :
วันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 น. – 18.00 น.
(( ปิดทุกวันจันทร์ค่ะ ))
**แนะนำให้เช็คตารางเวลาเปิด-ปิดและวันหยุดจากเว็บไซด์ของพระราชวังอีกครั้ง ก่อนวางแผนเที่ยวค่ะ**
ราคาบัตร :
แนะนำตั๋วแบบ Passport 20 €
เป็นตั๋วแบบสามารถเข้าได้ทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นพระราชวัง น้ำพุ สวน the estate of trinon อาคารในบริเวณโดยรอบ และแกลลอรี่รถโค้ช รวมถึงนิทรรศการที่จัดแสดงชั่วคราว แถมยังมี audioguide (หูฟัง) ให้อีกด้วยค่ะ
สามารถจองออนไลน์ในเว็บของพระราชวัง หรือผ่านเคาน์เตอร์ และตู้คีออส ตรงก่อนถึงทางเข้าพระราชวังได้ค่ะ
((ช่องผ่านทางตู้คีออส จะรวดเร็ว แต่จะรับเฉพาะบัตรเครดิตค่ะ))
ภายในพระราชวังจะแบ่งเป็น 4 ส่วนหลักๆในการเข้าชมคือ
The Palace
The Gardens & The Park
The Estate of Trianon
The Royal Stables
เนื่องจากมีเวลา 2 วันในฝรั่งเศส ทำให้มีเวลาไม่มากที่จะเที่ยวชมพระราชวังทั้งหมด
เราเลยได้เข้าชมแค่ 2 ส่วนหลัก คือ The Palace กับ The Gardens ค่ะ
1.The Palace
แบ่งประตูทางเข้าเป็น 3 ทาง
คือ ประตูฝั่งซ้าย จะเป็นทางเข้าห้อง The Gallery of Great Battles
ประตูกลางจะเป็นห้องต่างๆของเหล่าราชวงค์
และประตูฝั่งขวาจะเป็นส่วนเยี่ยมชมหลัก เช่น โบสถ์ ห้องรับรองต่างๆ และห้องกระจกค่ะ
The Royal Chapel
โบสถ์หลวงของราชวงค์ฝรั่งเศสใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของเหล่าราชวงค์
และยังเป็นสถานที่จัดงานอภิสมรสระหว่างพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อ็องตัวแน็ต
ภายในโบสถ์มีความสูง 2 ชั้น ปูด้วยหินอ่อน
เพดานมีลักษณะโค้ง ที่ถูกตกแต่งด้วยภาพวาดอันวิจิตรงดงาม
โดยทุกชั้นจะมีหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่อยู่รายล้อม
The King’s State Apartments
แบ่งเป็น 7 ห้องเรียงติดต่อกัน คือ
-The Hercules Room
-The Hall of Plenty
-The Venus Room
-The Diana Room
-The Mars Room
-The Mercury Room
-The Apollo Room
ซึ่งในทั้งหมด 7 ห้อง เรามีความชื่นชอบห้อง The hercules room เป็นพิเศษ
เพราะความสวยงามของภาพวาดบนเพดานห้อง ที่มีชื่อภาพว่า Apotheosis of Hercules
เป็นภาพบนยอดเขาโอลิมปัส และเหล่าทวยเทพกว่า 142 องค์
ที่มารวมตัวกับเพื่อตอนรับชัยชนะของเฮอร์คิวลิสค่ะ
ส่วนห้องอื่นๆ ก็ถูกตกแต่งไปด้วยรายละเอียด ที่มีความงดงามไม่แพ้กันค่ะ
The King’s Apartments
จะเป็นส่วนของห้องบรรทมและห้องส่วนพระองค์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
ไม่ว่าจะเป็นแท่นบรรทม เก้าอี้ หรือนาฬิกา ก็ยังคงความหรูหรา สวยงามเช่นเดิม
และยังใช้อุปกรณ์ตกแต่งหรือเฟอร์นิเจอร์ ที่เป็นของจริงทั้งหมดอีกด้วยค่ะ
Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors
ห้องกระจก…ห้องที่มีชื่อเสียงที่สุดใน พระราชวังแวร์ซาย
มีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมกว่า 7 ล้านคนต่อปี
เป็นห้องที่คุณพี่กับคณะราชทูตสยามได้เข้าเฝ้า
และถวายเครื่องบรรณาการแก่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14
ภายในห้องมีความยาว 73 เมตร
ประดับประดาไปด้วยภาพวาด หินอ่อน และแชนเดอเลีย
สร้างขึ้นเพื่อยกย่องต่อความสำเร็จทางการเมือง เศรษฐกิจ และศิลปะของฝรั่งเศส
ความสำเร็จทางการเมือง
แสดงจากภาพวาด 30 ชิ้นบนเพดานโค้ง
ที่แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
ทางเศรษฐกิจ แสดงจากจำนวนกระจกกว่า 357 บาน
ที่ประดับในซุ้มหน้าต่างทั้ง 17 ซุ้ม
เป็นการยืนยันคุณภาพของกระจกฝรั่งเศส ที่ไม่แพ้กระจกจากเวนิส
ทางศิลปะ จากเสาหินอ่อนสีแดง ประดับด้วยทองสัมฤทธิ์
เป็นห้องที่ช่างงาม สมคำพรรณาของคุณพี่ยิ่งนัก
The Gallery of Great Battles
เข้าทางประตูหลักฝั่งซ้าย
ชั้นล่างจะเป็นร้านขายของฝาก ของที่ระลึก และร้านมาการอง Madame Laduree
ส่วนชั้นบนจะเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์
จัดแสดงผลงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จทางการทหารของฝรั่งเศส ร่วม 15 ทศวรรษ
ตั้งแต่สมัยพระเจ้าโคลวิส ไปจนถึงนโปเลียน
ผ่านภาพเขียนกว่า 30 ภาพ และรูปปั้นบุคคลสำคัญต่างๆที่ได้อุทิศตน ในสงครามของฝรั่งเศสค่ะ
โดยส่วนตัว เราชอบห้องนี้มากกว่าห้องกระจก
เพราะให้ความรู้สึกใหญ่โตมากกว่าห้องอื่นๆ
เหมือนกำลังนั่งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ หรือวาติกันมิวเซียม
หรืออาจจะเพราะคนไม่เบียดเสียด แออัดเท่าห้องกระจก
เลยทำให้มีโอกาสเดินชม นั่งชม ซึมซับบรรยากาศ พระราชวังฝรั่งเศส ได้อย่างเต็มที่ค่ะ
Royal family’s apartment
โซนสุดท้ายของ The Palace
จะเป็นส่วนของราชนิกูลหรือคนในราชวงค์
เข้าจากประตูกลางของพระราชวัง
โดยห้องทั้งหมดจะอยู่ชั้นล่างและเชื่อมไปยังสวนด้านหลัง
มีทั้งส่วนของห้องของ The Dauphin and the Dauphine
และห้องของ Louis XV’s daughters อาทิ Madame Adélaïde และ Madame Victoire
2.The Garden & The Park
อุทยานแวร์ซาย เริ่มตกแต่งในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15
โดยสถาปนิกแต่งสวนระดับโลกคือ André Le Nôtre
เป็นสวนที่งดงาม ยิ่งใหญ่ บนพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 14,820 เอเคอร์
ตกแต่งไปด้วยลวดลายวกวน ราวกับเขาวงกต
ประดับประดาไปด้วยต้นไม้ทรงเรขาคณิต น้ำพุ สระน้ำ คลอง จนถึงทะเลสาบจำลองขนาดใหญ่
รายล้อมไปด้วยประติมากรรมหินอ่อน และสัมฤทธิ์แบบต่างๆ
ทั้งรูปปั้นเทพเจ้าทั้งหลายตามตำนานกรีกโบราณ หรือรูปปั้นสัตว์ต่างๆที่ทรงพลัง
เป็นยังไงกันบ้างค่ะ
พระราชวังฝรั่งเศส งดงาม ยิ่งใหญ่ สมคำพรรณาตามบันทึกของคุณพี่หรือไม่ค่ะ
โดยส่วนตัวเราค่อนข้างประทับใจในโซนของ The Palace
ที่ยังคงความหรูหราภายในห้องต่างๆไว้ได้อย่างงดงาม
ส่วนโซนอุทยาน หากมองจากพระราชวังไปยัง Grand Canal
ขอใช้คำว่า “งดงามราวกับสวนสวรรค์” ก็ว่าได้ เพราะมันยิ่งใหญ่สุดลูกหูลูกตาจริงๆค่ะ
แต่ช่วงที่เราไปเป็นช่วงหน้าหนาว ทำให้ไม่ได้ความงามของต้นไม้และดอกไม้มากนัก
ภายในยังมีร้านค้า ร้านอาหาร รถรับส่ง และจักรยาน ไว้คอยบริการ
สามารถเที่ยวชมได้ทั้งวัน ไม่มีเบื่อค่ะ
สุดท้ายนี้…
ขอลากันด้วยภาพแลนด์มาร์คต่างๆของปารีสค่ะ
Tour Eiffel : หอไอเฟล
Cathédrale Notre-Dame de Paris : วิหารน็อทร์-ดาม
Musée du Louvre : พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
Arc de Triomphe : ประตูชัย
Basilique du Sacré-Cœur de Montmartre : โบสถ์พระหฤทัยแห่งมงมาทร์
ท้ายสุด…
สามารถเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดตามเราได้ที่
IG และ FB fanpage
we.need.more
À la prochaine.. แล้วพบกันใหม่ค่ะ
ขอบคุณ Guest สุดพิเศษ คุณ weneedmore สังกัด Pantip จากกระทู้ “[CR] เมื่อครั้นออข้า..ตามคุณพี่ไปยังพระราชวังฝรั่งเศส” ที่มามอบประสบการณ์ เที่ยวฝรั่งเศส พาชมพระราชวังแวร์ซายส์แบบจัดเต็ม! ได้รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ยย!!
ระดับความน่าไป : ✩✩✩✩✩
พูดคุยกับ Guest ได้ที่ : facebook.com/weneedmoreholidays