Guest ของมัชรูมทราเวล วันนี้ เป็นหญิงสาว ที่เธอมีนิยามของการเดินทางและการใช้ชีวิตที่น่าทึ่งมากๆ ซึ่งวันนี้เธอจะพาเราไปบุกป่าภูกระดึงกันค่ะ จะเป็นอย่างไรไปติดตามกันเลย
เรื่องราวระหว่างทางสำคัญกว่าจุดหมาย
มันสำคัญที่ว่าเราได้เก็บเกี่ยวอะไรบ้างระหว่างทาง
Freedom is from within.
I have fond memories of Journey.
บนโลกกลมๆ ที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้า สิ่งที่จะพอเก็บรักษาเอาไว้ได้คือ ความทรงจำ
เพราะเรื่องราวระหว่างทาง ทำให้ปลายทางเดียวกัน มีความทรงจำที่แตกต่าง
ปฏิเสธใจตัวเองไม่เก่ง
ปฏิเสธใจตัวเองทำไม่ไหว
ภูกระดึง ทริปเปิดป่า แบกเป้เอง มาคนเดียวเดินชิลล์ๆ
กลับมาถึงบ้านเมื่อตอน 7.00 น. ของวันที่ 3/10/2016 (ทริปนี้เดิน 50 กิโลเมตร) โชคดีมากฟ้าเปิด แสงสวย แถมมีทางช้างเผือก สวยจริงๆ ภูกระดึง 2 days 1 night เดินระห่ำมากครับเวลาน้อย
ทริปนี้เราตัดสินใจตอนบ่ายๆ ของวันศุกร์ 30 กันยายน 2016 เพราะพึ่งกลับจากเดินป่าระยะไกลมาเมื่อวันที่ 21-25 กันยายน 2016 ที่ จ.ตาก และขามีอาการบาดเจ็บจากน้ำกัดเท้า แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปภูกระดึง ทั้งๆ ที่ไม่เคยอยู่ในหัวเลย ไม่มีข้อมูลอะไร คิดจะไปก็ไปเลย เก็บของลงเป้ แล้วมาหาเอาตอนอยู่บนรถทัวร์ รอติดตามเรื่องราวนะคะ (ภาพไม่ได้แต่งสีจริง สภาพอากาศจริง) เรื่องค่าใช้จ่าย ถ้าแบกของเอง เอา tent ไปเอง ถุงนอน อาหาร ไปทำเอง ค่าใช้จ่ายไม่เกิน 1,200 บาท ค่ะ ข้อมูลหากมีผิดพลาด ขออภัยด้วย
สุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดก็จบด้วยความคิดถึง ทุกครั้งในการเดินทางมันมีความสุข มันดีต่อใจ ภาพละเอียดเหมือนได้ไปเดินเอง มาวัน สองวัน รีวิวเหมือนมาเที่ยว เป็นปี
ภูกระดึง เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 2 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นภูเขาหินทรายยอดตัด เป็นที่ราบขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 60ตารางกิโลเมตร มีความสูง 400-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตรจากระดับน้ำทะเล
สำหรับการเดินทางขึ้นภูกระดึงนั้น ทางอุทยานจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นได้ตั้งแต่เวลา 07.00-14.00 น. ของทุกวัน และหลังจากเวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ทางอุทยานจะไม่อนุญาตเพราะระยะทางในการเดินทางขึ้นเขาต้องใช้เวลาในการเดินเท้าประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งจะตรงกับเวลาพลบค่ำในระหว่างทาง ดังนั้นอาจจะทำให้เกิดความยากลำบาก อีกทั้งอาจได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าที่ออกหากินในเวลากลางคืนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จะเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภู ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี และจะทำการปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 กันยายนของทุกปีเช่นกัน เพื่อเป็นการฟื้นฟูในช่วงฤดูฝน
ตัดสินใจเร่งด่วน ทุกอย่างจึงเร่งด่วน หาตั๋วก่อนเลยเนื่องจากเป็นวันเปิดภูกระดึงวันแรก ตั๋วเต็มเกือบหมดแล้ว ขาไปจึงได้ของแอร์เมืองเลย 330+ค่าบริการ (เวลาขึ้นรถหมอชิต 2 เวลา 20.45 น. ถึงผานกเค้า ตีห้า) บอกว่าลงผานกเค้า ส่วนขากลับได้ของภูกระดึงทัวร์ -หมอชิต 2 347+ ค่าบริการ (เวลา 21.40 น. ถึงหมอชิต ตีห้า) ขึ้นที่เดิมคือผานกเค้า หรือใครไม่รีบ ไปซื้อตั๋วขากลับกับพี่แอ๋วได้ ซึ่งอยู่ติดกับร้านป้ากิม มีอะไรสงสัยถามพี่ตี๋ได้ค่ะ ขายข้าวอยู่ จากที่ได้ใช้บริการของทั้งสองเจ้า แนะนำให้ใช้บริการของแอร์เมืองเลยค่ะ ตรงเวลาและสะอาดกว่า
ถึงผานกเค้า 5.00 น. คนเยอะพอสมควร วันแรกมีคนขึ้นภู 500 กว่าคน วันที่ 2/19/2016 มี 35 คน
แวะทานข้าว ขนม น้ำ ซื้ออาหารกลางวันจากตรงนี้ได้ หรือร้านค้าฝั่งตรงข้ามก็มี หรือใครเอารถส่วนตัวไปจะมี 7 ด้านขวามือ ไม่ไกลนัก เราแบกน้ำไป 3 ลิตร ขนมนมเนย มาม่า ขนมปัง สารพัดจะขนไป ข้างบนแพงนะจะบอกให้ แต่ก็อย่าคิดมาก เขามีค่าขนส่ง
ตอนแรกกะหาคนหารค่ารถแดง แต่โชคดีโลกกลมเจอคุณภูกับ bobby ที่มาเดินวันแรกเหมือนกัน จึงไปรถส่วนตัวกับคุณ bobby การจัดเป้ เชจัดเหมือนไปเดินป่าปกติ ขนไปทั้งหมดที่จำเป็น หมวกควรมี เพราะแดดร้อนมาก หน้าไหม้เลย เสื้อกันหนาวอย่าลืม เพราะกลางคืนอากาศเย็น
ทานข้าวแล้วก็ออกเดินทาง กล่องละ 40 บาท
ใครไม่มีรถส่วนตัวไปหาคนหารได้อยู่ข้างร้านป้ากิมเลย คนละ30-50 บาทได้ อยู่ที่จำนวนคนนะ
เสียค่าจอดรถ จนท.จะให้บัตรมาเก็บเอาไว้แลกคืนตอนขากลับด้วย
เสียค่าเข้าคนละ 40 บาท ใครจะจองเต็นท์ ลูกหาบ ถุงนอน ต่างๆ นานา ติดต่อได้ค่ะ แต่เชไม่ได้ใช้บริการในจุดนี้ เพื่อนที่เจอก็ขนไปเองหมดแม้แต่อาหารก็เอาไปทำเอง
จะมีร้านขายของอยู่ด้านหลังที่ทำการ เชซื้อถุงกันทากมาคู่ละ 50 บาท เอามาใส่ถ่ายรูปสวยดี แต่…. อยู่ดีๆ ก็งานเข้ารองเท้าเดินป่าดันมาพัง หันซ้ายแลขวาเอาไงดีล่ะ ซื้อสตั๊ดดอยใส่ไปก่อนละกัน ในราคา 80 บาท
พร้อมแล้วก็ออกเดินทางคับ
แวะไหว้ศาลก่อน และอ่านป้ายต่างๆ
วานกลุ่มนี้ถ่ายรูปให้
ทางขึ้นภูเปิด 7.00 น.มาเริ่มเดินที่จุดบริการบ้านศรีฐาน เซ็นชื่อระบุจำนวนคนที่มา และให้บัตรที่ซื้อมาตรงนี้
เส้นทางพิชิตภูกระดึง แน่นอนว่าการเดินทางพิชิตภูกระดึงนั้นต้องผ่านเส้นทางที่ลำบากระยะทาง 8,800 เมตร แบ่งออกเป็นเส้นทางเดินขึ้นเขา 5,500 เมตร และเมื่อถึงหลังแปจะเป็นทางราบ ประมาณ 3,300 เมตร ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เส้นทางที่ว่านี้จะแบ่งออกเป็นช่วงๆ แต่ละช่วงจะเรียกกันว่าซำ สั้นบ้างยาวบ้าง ชันบ้าง เรียบบ้างสลับกันไป
จากที่ทำการอุทยานฯ บ้านศรีฐาน เราจะเจอ ปางกกค่า – ซำแฮก-ซำบอน-ซำกกอก- พร่านพรานแป-ซำกอซาง-ซำกกหว้า-ซำกกไผ่-ซำกกโดน-ซำแคร่-หลังแป
เริ่มเดินเวลา 7.20 น. ของวันที่ 1 ตุลาคม 2016 ซำแฮก เป็นช่วงแรกของการเดินทางขึ้นเขา ระยะทางจากที่ทำการไปยังเชิงเขา 700 เมตร
บรรยากาศระหว่างทาง ป่าสดสีเขียวดูแล้วสบายตา
เก็บภาพบรรยากาศไปเรื่อยๆ
เดินสบาย ๆ ใครเหนื่อยก็นั่งพัก การแต่งตัวอยากให้ใส่ขายาว เผื่อล้มจะได้ไม่เป็นแผล น้ำ ขนม ผ้าซับเหงื่อ อาหารกลางวัน ถ้าใครจะประหยัดงบควรมีติดตัวไป ถ้าใครชิลล์พกเงินไปอย่างเดียว มีขายหมด ของที่ลูกหาบแบกจะไปถึงช้า อะไรที่จะใช้ควรแยกออกมาแบกเอง
ใกล้จะถึงซำแฮกแล้ว
ซำ คือพื้นที่ที่มีน้ำซับหรือน้ำใต้ดินผุดขึ้นมาสู่ผิวดินหรือบริเวรหน้าผา ในสมัยก่อนคนเดินป่าก็จะแวะพักหรือดื่มน้ำตามซำต่างๆ และเรื่อยมาจนปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องหาน้ำในป่ากินแล้วสำหรับการเดินขึ้นภูกระดึง สิ่งที่ยังเหมือนเดิมก็คือซำเป็นที่ที่เราจะแวะพักเหนื่อยหรือหาอาหารและน้ำดื่มดื่มกัน เพราะตามซำต่างๆ ที่เราจะเดินขึ้นภูกระดึงจะมีร้านอาหารอยู่ แต่ก็ไม่ได้มีทุกซำนะ มีเป็นบางซำ
ถึงแล้วในเวลาอันรวดเร็ว ตอนนี้ bobby วิ่งแซงไปก่อน คุณภูของแบกหนักกำลังเดินตามคงอยู่ไม่ไกลจากเชมาก คุณลุงกับครอบครัวนั่งทานข้าวกันที่ซำแฮก (ครอบครัวนี้ชวนเชคุยช่วงซำแฮก ลุงมาหลายรอบแล้ว ฟังแกเล่าเรื่องต่างๆ ดูลุงมีความสุขมาก ขนาดเล่าว่าลุงเคยเป็นลมล้มพับตรงนี้นะ ยังหัวเราะกันสนุกสนาน)
ร้านอาหารบริเวณซำแฮก
เสาวรสก็มี
ห้องน้ำก็มี
ลูกหาบตัวน้อย
ระหว่างทางสวยจริงๆ แดดออกแล้วดีใจจริงๆ
มาดูราคาอาหารกัน
มันอร่อยต้องกิน (เชว่าเขาต้มนะ มันต้ม ไข่ต้มนะ ไม่ได้เผา)
ไล่ตามภาพเลย
เดินไปจะเจอลูกหาบแวะพักตามซำต่างๆ
เดินไปถ่ายรูปไปเพลินดี
อากาศเย็นสบายเดินเรื่อยๆ ไม่พักก็ได้
โปรดระมัดระวังเวลาขึ้นบันได
เชเองจะใครล่ะ ถึงแล้ว
เตรียมเดินทางต่อครับ ไปยังศูนย์บริการวังกวาง ณ ตรงนี้เห็นลูกหาบใช้รถเข็นแล้ว
ทางเดินโล่ง ถ้าแดดอกมีเกรียมมมม
มองอะไรก็สวยไปหมด ความรักมันบังตา
โป้งสองคนนี้
หงอนเงือกหรือหงอนนาค
มณเฑียรทอง ลงไปกลิ้งเกือกถ่ายรูป
ระวังช้างให้มาก ระวังช้าง ระวังช้างงงงงง
ถึงแล้ว ก็เข้าไปรายงานตัว ติดต่อสอบถาม
ดูก่อนว่าจะไปทางไหนดี
ใครไม่มีเต็นท์ ก็เช่าของอุทยาน ใครเอา tent ไปก็หาทำเลดีๆ กางตามใจชอบ
เรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วงมีมากมาย แทบจะมากองตรงหน้า กาแฟเย็น โจ๊ก หมูกระทะ สบายกว่าอยู่บ้านอีก
จัดที่พัก วางเป้ แล้วเตรียมตัวเดิน ข้าวยังไม่หิวเลย ข้าวเหนียวหมูที่เตรียมมายังอยู่เลย ขนมปังอีกเต็มเป้
จากศูนย์บริการวังกวาง จะไปลานพระพุทธเมตตา
เดินไปอย่ามัวแต่คุยหรือใส่หูฟัง ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไม่ทันได้วิ่งหนี
ลานพระศรีนครินทร์ หรือลานพระพุทธเมตตา ประดิษฐานพระพุทธรูปที่มีประวัติความเป็นมาว่า องค์พระพุทธเมตตา เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2463 โดยหลวงวิจิตร คุณสาร นายอำเภอวังสะพุงได้ร่วมกับราษฎร สร้างขึ้นเพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจและสร้างด้วยแรงศรัทธา ในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์และมหัศจรรย์แห่งนี้ ซึ่งแต่เดิมเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นไม่มีพระนาม
ต่อมาในปี พ.ศ.2526 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์องค์พระและบริเวณรอบๆ ด้วยหินอ่อน พร้อมทั้งเสด็จมาเบิกพระเนตรและสวมเกศรวมถึงพระราชพระนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพุทธเมตตา” ตราบจนถึงทุกวันนี้ เบื้องหน้าองค์พระพุทธรูปมีราวแขวนกระดิ่งที่มีคนเอากระดิ่งมาแขวนไว้จำนวนมาก และยังมีระฆังให้ตี
ไหว้พระแล้วก็ออกเดินไปสระอโนดาด อ่อ ลืมบอกไป คุณภูกับคุณ bobby หุงข้าวกลางวันกัน เราเลยออกมาก่อน โดยนัดหมายกันที่ผาหล่มสัก
บรรยากาศดีค่ะ
เจ้าของบ้าน
โคนหรือลูกสนสองใบ พักชมสิ่งที่น่าสนใจข้างทางแพร๊บ
1. ซ้าย ดอกเทียนก้ามกุ้ง 1.ขวา อั่ว 2.ซ้าย กระดุมเงิน 2. ขวา –
ล่าง หยาดน้ำค้าง
มณีเทวา กุง หญ้าบัว กระถินทุ่ง กระถินนา
สระอโนดาต เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ น้ำที่สระอโนดาตจะเย็น เป็นที่พักผ่อนของนักท่องเที่ยวในระหว่างการเดินเที่ยวชมผาหล่มสัก อยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ประมาณ 2,254 เมตร หากเดินจากลานกางเต็นท์ในเวลาประมาณ 14.00 น. แบบไม่เร็วมากนักถ่ายรูปเรื่อยๆ จะมาถึงสระอโนดาตประมาณ 15.00 น. พอดี เป็นที่พักกินข้าวเที่ยงได้ด้วย สระอโนดาตไปถึงผาหล่มสักระยะทางประมาณ 6,511 เมตร
ผาเหยียบเมฆ จุดชมวิวที่สวยงามจุดหนึ่งของภูกระดึง นักท่องเที่ยวนิยมชมวิวทั้งกลางวันและวิวพระอาทิตย์ตก ผาเหยียบเมฆแห่งนี้มีลานหินกว้างใหญ่ หากได้ชมทะเลหมอกที่นี่คงจะสวยน่าดู มีร้านค้าบริการ
ผาเหยียบเมฆ จากผาเหยียบเมฆจะมองเห็นภูเรือได้ชัดมากแห่งหนึ่ง ลานหินผาเหยียบเมฆมีหินรูปร่างแปลกๆ ที่นักท่องเที่ยวใช้เป็นที่นั่งชมวิว ถัดจากลานผาหินใหญ่ยังมีลานผาหินเล็กๆ เลียบไปตามแนวเขา ให้นักท่องเที่ยวนักพักผ่อนถ่ายรูปตามอัธยาศัย
ตอนแรกตั้งใจจะไปน้ำตก เดินเลยซอย เวงกำ มาโผล่ผาเหยียบเมฆ ที่นีก็ต้องเดินไปผาหล่มสักกันต่อค่ะไม่เป็นไร
ก้มถ่ายรูปที ทากก็ติดมาที ตัวสองตัว
แวะทานข้าว ร้านแรกสุด ทางนู้น
วันนี้ฟ้าเปิด เก็บภาพบรรยากาศมาให้ชม ไม่สวยเท่าไรสำหรับฝีมือถ่ายภาพ
ผาหล่มสัก อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นลานหินกว้างและมีสนต้นหนึ่งขึ้นอยู่ชิดริมผาใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปในอากาศทางทิศใต้ บริเวณผาหล่มสักนี้มองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสลับซับซ้อนในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ และเป็นจุดหนึ่งที่จะชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างชัดเจนที่สุด บรรดาช่างภาพ สื่อมวลชนนิยมไปถ่ายภาพ ณ จุดนี้กันมาก เพราะยามตะวันตกดินจะเกิดทัศนียภาพงดงามที่สุด
หลังจากทานข้าว ประมาณ 18.30 น. ก็เดินทางกลับที่จุดกาง tent ระหว่างทางช้างเผือกขึ้นสวยมาก กลับถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางเวลา 21.10 น. กลับมาถึงก็อาบน้ำนอนค่ะ วันแรกเดินไปทั้งสิ้น 38 กิโลเมตร เดินวนไปจ้า
ตื่นเช้าออกเดินแต่เช้า แวะไปบอกคุณภูก่อนว่าจะไปผานกแอ่น แกยังนอนไม่ตื่น
เจอระหว่างทาง ตกใจมากก สองตัว คิดว่าจะโดนช้างเหยียบเสียแล้ว ถัดมาต้นกุหลาบป่าสีขาว
ลานวัดพระแก้ว ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืนเด่นเป็นสง่ากลางลานหินกว้าง ใกล้ๆ กับองค์พระมีต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่มีคนนำเอากระดิ่งมาแขวนไว้เป็นจำนวนมาก ลานวัดพระแก้วอยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ประมาณ 1,378 เมตร ไปทางผานกแอ่น นักท่องเที่ยวที่ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นนิยมกลับทางลานวัดพระแก้วเพราะระยะทางไม่ต่างกันมาก
ผานกแอ่น สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกของแต่ละวัน เพราะผานกแอ่นเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นแห่งเดียวบนภูกระดึง ในช่วงเทศกาลมีนักท่องเที่ยวมากมายเดินมาชมผานกแอ่น เจ้าหน้าที่จะนำทางไปยังผานกแอ่น ออกเดินทางจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเวลา 5.00 น.ทุกวัน บางวันพระอาทิตย์ก็แกล้งขึ้นแบบแอบๆ ไม่ให้เราเห็นหากไปหลายวันควรจะไปที่ผานกแอ่นทุกวัน จะมีบางวันที่พระอาทิตย์ขึ้นสวยงามมาก ระยะทางจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูกระดึงไปผานกแอ่น ประมาณ 1,582 เมตร ไป-กลับก็ 3 กิโลเมตร หรือหากกลับทางลานวัดพระแก้วระยะทางขากลับจะเป็น 2,148 เมตร (เชเดินไปทางลานพระแก้วทั้งไปและกับ ไม่เจอใครเล้ยย สยองมากๆ)
แล้วก็เดินกลับที่พัก ทานอาหารเช้า เตรียมเดินทางต่อ
ไปป่ามาหลายที่ ไม่เคยเดินระแวงเท่านี้เลย สัตว์ชุมจริงๆ เสียวสันหลังวาบๆ แผนวันนี้ ในป่ามีแต่เรื่องตื่นเต้น เดินเส้น นต.โดยเริ่มจาก นต.วังกวาง เพ็ญพบใหม่ โผนพบ เพ็ญพบเก่า (2 ห้วยมารวมกัน นต.อยู่ทางขวามือมองไม่เห็นต้องเดินตามน้ำไป 300 ม. มีทางลงขวามือ) จากนั้นเดินกลับขึ้นมาเดินทวนน้ำไปถ้ำใหญ่ แล้วขึ้นเนินออกมาทางกลับที่ทำการผ่านองค์พระพุทธเมตตากลับที่พัก
ทางไปน้ำตกวังกวาง เจอสหายด้วย
น้ำตกวังกวาง เป็นน้ำตกที่ตกลงจากลานผาหินกว้าง หากน้ำมากจะสวย แต่เมื่อมาฤดูหนาวน้ำจะน้อยมาก จากลานกางเต็นท์เดินมาน้ำตกวังกวางระยะทาง 735 เมตร แล้วเดินต่อไปยังน้ำตกเพ็ญพบใหม่ได้ ระยะทางประมาณ 1,576 เมตร ไม่ผ่านลานพระศรีนครินทร์ ใต้ลานผาหินของน้ำตกมีโพรงขนาดใหญ่ เข้าไปได้ บริเวณน้ำตกส่วนใหญ่จะมีทากอาศัยอยู่เพราะความชื้นสูง
ไปต่อกันเลย น้ำตกเพ็ญพบใหม่ โผนพบ เพ็ญพบเก่า
เดินทางต่อค่ะ
น้ำตกเพ็ญพบใหม่ เป็นน้ำตกที่ตกลงมาจากผาหิน ระยะทางจากลานกางเต็นท์ 2,564 เมตร ตามเส้นทางลานพระศรีนครินทร์ หรือ 2,311 เมตร ตามเส้นทางน้ำตกวังกวาง ระหว่างทางเป็นป่าโปร่งมีสนประปราย บางช่วงเป็นทุ่งโล่ง ก่อนถึงน้ำตกจะมีลานกว้างๆ ต้นเมเปิล น้ำตกเพ็ญพบใหม่เป็นจุดสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมา ภูกระดึง ในฤดูหนาวใบเมเปิลจะเปลี่ยนเป็นสีแดงตามธรรมชาติ แต่บางครั้งใบที่เปลี่ยนสีแล้วจะร่วงเร็วกว่าที่คิด มีใบใหม่แตกออกมาสีเขียวอ่อนซะแล้ว
น้ำตกโผนพบ อยู่ห่างจากน้ำตกเพ็ญพบใหม่ 558 เมตร จากน้ำตกเพ็ญพบใหม่ ทางเดินจะชันเป็นช่วงสั้นๆ แล้วเดินเลียบลำธารไปเป็นน้ำตกที่มีลานหินกว้างใหญ่ มีแอ่งน้ำลงเล่นน้ำได้ มีความร่มรื่นจากเงาต้นไม้ใหญ่
ระหว่างทางไปน้ำตกเพ็ญพบ อยู่ห่างจากน้ำตกโผนพบประมาณ 342 เมตร จะมีลำธารที่ท้องธารเป็นหิน ทำให้น้ำใสมาก มีหลุมแอ่งใหญ่น้อยคล้าย สามพันโบกของจังหวัดอุบลราชธานี เส้นทางช่วงนี้ร่มรื่นย์มาก
น้ำตกโผนพบ
เปลี่ยนลงไปเดินในน้ำดีกว่า สวย
เดินย้อนไปเรื่อยไม่หลงหรอก
ดอกไข่ดาว
น้ำตกถ้ำใหญ่ ห่างจากน้ำตกเพ็ญพบประมาณ 1.4 กิโลเมตร เส้นทางเดินไปสู่น้ำตกจะดูใกล้นิดเดียวสำหรับคนชอบธรรมชาติ เพราะตลอดเส้นทางครอบคลุมไปด้วยป่าดิบเขาที่มีพรรณไม้ใหญ่และร่มครึ้มกว่าทุกเส้นทาง ในเส้นทางถ้ำใหญ่นี้มีทางเดินบางช่วงที่เลียบข้างลำห้วยเล็กๆ มีต้นเมเปิลอยู่เป็นระยะๆ หากช่วงต้นมกราคม เส้นทางนี้จะแดงฉานด้วยใบเมเปิลที่ร่วงหล่นเกลื่อนพื้นป่า ความสวยงามของน้ำตกถ้ำใหญ่จะแปลกตาด้วยโขดหินมหึมาวางทับซ้อนไม่เป็นระเบียบ ลำธารนี้ขนาบข้างด้วยต้นเมเปิล ยามเมเปิ้ลแดงร่วงหล่น ขัดสีให้ลำธารหินเขียวสวยงามมีสีสันและมีชีวิตชีวาขึ้นมามากนัก
เดินทางกลับแล้ว
บ้านพักของอุทยาน
หลังจากถึงที่ทำการก็ทานข้าว เก็บของ ลงจากภูก่อน 14.00 น. นะคะ ลงมาก็อาบน้ำแล้วนั่งรถออกไปขึ้นรถทัวร์ที่เดิมค่ะ หวังว่ารีวิวนี้คงจะมีประโยชน์สำหรับคนที่จะเดินทางไปเที่ยว และดีใจนะ สำหรับคนที่เจอเช แล้วเข้ามาทักทาย ถ่ายรูป พูดคุย
ประสบการณ์มาเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย แปะๆๆ !!
ระดับความสนุก: ✩✩✩✩✩
พูดคุยกับเกสต์ได้ที่: www.facebook.com/JoyPunisher
บทความแนะนำ ที่เกี่ยวข้อง
ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Likeและติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/
—————