บทความนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล จะพาไป เที่ยวนอร์เวย์ หนึ่งในประเทศเมืองสวยในแถบสแกนดิเนเวีย ที่เต็มไปด้วยสุดยอดวิวธรรมชาติ ทั้งภูเขา ทะเล แถมยังสามารถชมแสงเหนือและพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ด้วย ใครเป็นสายลุยชอบเที่ยวธรรมชาติและได้เดินเล่นในบ้านเมืองบรรยากาศเรียบง่ายสุดคลาสสิกของยุโรป ตามมาดู 14 พิกัด ที่เที่ยวนอร์เวย์ ที่ไม่ควรพลาดกันเลย…!!
1. กรุงออสโล (Oslo)
เริ่มต้น เที่ยวนอร์เวย์ กันที่เมืองหลวงของประเทศอย่าง กรุงออสโล ศูนย์รวมความเจริญของประเทศในด้านต่างๆ นอกจากความสวยงามของสถาปัตยกรรมแบบเก่าและแบบใหม่ที่เราจะเห็นได้ในเมืองแล้ว ออสโลยังรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ทั้งทะเลสาบ ป่าเขา บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย และมีการควบคุมมลพิษอย่างเคร่งครัด ทำให้ที่นี่อากาศดี สดชื่น จนได้ชื่อว่าเป็น ปอดของยุโรป ในเมืองออสโลมีที่เที่ยวน่าสนใจมากมาย อย่างเช่น โอเปร่าเฮ้าส์ออสโล (Oslo Opera House) อาคารทรงเรขาคณิตที่มีความโมเดิร์น รวมถึงพิพิธภัณฑ์ต่างๆ
2. เมืองเบอร์เกน (Bergen)
เมืองเบอร์เกน เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากออสโล และยังเคยเป็นเมืองหลวงของนอร์เวย์ ในเมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของนอร์เวย์ก็คือ ย่านเมืองเก่า บริกเกน (Bryggen) ที่มีอาคารไม้โบราณสีสันสวยงามตั้งอยู่บริเวณท่าเรือ ในอดีตเคยเป็นโกดังสินค้า แต่ปัจจุบันได้ดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม รวมถึงที่เที่ยวอย่างพิพิธภัณฑ์และที่จัดแสดงผลงานศิลปะต่างๆ ลักษณะเป็นห้องแถวสูงประมาณ 2-3 ชั้น เป็นอาคารเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO สามารถมาเดินเล่นชมเมืองและวิวท่าเรือสวยๆ ได้แบบไม่มีเบื่อเลยค่ะ ใครมา ทัวร์นอร์เวย์ ต้องมาสัมผัสบรรยากาศย่านเมืองเก่ากันนะคะ
3. ยอดเขาฟลอยเอน (Mount Floyen)
ขึ้นไปชมวิวเมืองเบอร์เกนจากมุมสูงกันที่ ยอดเขาฟลอยเอน ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 320 เมตร ความพิเศษของการเดินทางขึ้นไปยังยอดเขาคือเราจะได้นั่ง รถรางไฟฟ้า ที่ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ มีหน้าต่างกระจกที่สามารถชมวิวได้ตลอดเส้นทาง เป็นรถรางชมวิวบนเขาที่เปิดให้บริการมายาวนาน ตั้งแต่ปี ค.ค. 1918 หรือ 100 กว่าปีมาแล้ว
4. รถไฟสายโรแมนติก ฟลัมส์บานา (Flamsbana)
รถไฟสายฟลัมส์บานา หนึ่งในเส้นทางรถไฟเก่าแก่ที่ได้ชื่อว่าโรแมนติกที่สุดในโลก เปิดให้บริการมาตั้งแต่ ค.ศ. 1940 เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของนอร์เวย์ ตลอดเส้นทางจะได้ชมทัศนียภาพธรรมชาติแสนสวย ทั้งหุบเขา ทะเลสาบ หมู่บ้านน่ารักๆ รวมถึงน้ำตก Kjosfossen ที่เกิดจากการละลายของหิมะ รถไฟหัวรถจักรโบราณจะแล่นไปเรื่อยๆ และในระหว่างเส้นทางก็จะมีการลอดอุโมงค์ที่เจาะผ่านภูเขา ซึ่งเป็นอุโมงค์ที่ใช้แรงงานคนในการขุดล้วนๆ จากนั้นรถไฟจะพานักท่องเที่ยวไปถึงสถานีสุดท้ายที่ เมืองไมร์ดาล (Myrdal) ซึ่งเป็นสถานีที่ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 867 เมตร
5. ซอก์งเนฟยอร์ด (Sognefjord)
ประเทศนอร์เวย์มีที่เที่ยวธรรมชาติที่เรียกว่า ฟยอร์ด (Fjord) อยู่มากมาย ซึ่งฟยอร์ดคืออ่าวเล็กๆ ที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งที่ผ่านกาลเวลามานานหลายร้อยปี จนเกิดการกัดเซาะกลายเป็นทางน้ำที่ไหลผ่านระหว่างเทือกเขาต่างๆ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จัดเป็นไฮไลท์ของประเทศในยุโรปตอนเหนืออย่างนอร์เวย์เลยล่ะค่ะ และถ้าใครมีโอกาสได้ไป ทัวร์นอร์เวย์ ต้องไม่พลาดไปชมความสวยงามของ ซอก์งเนฟยอร์ด แห่งเมืองฟลัม เป็นฟยอร์ดที่ยาวและลึกที่สุดในโลก มีความลึกถึง 1,300 เมตร และทอดยาวอยู่ระหว่างภูเขาเป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร มีทางแยกออกมาเป็น แนเรยฟยอร์ด (Naeroyfjord) ที่มีความยาวเพียง 18 กิโลเมตร การท่องเที่ยวในฟยอร์ดนอกจากการชมวิวจากบนหน้าผาแล้ว ยังสามารถล่องเรือเฟอร์รี่ชมวิวทิวทัศน์กันแบบเพลินๆ ได้ด้วย
6. เมืองทรอมโซ (Tromso)
ใครมีความฝันอยากไปล่าแสงเหนือ ถ้ามา เที่ยวนอร์เวย์ ต้องมาที่ เมืองทรอมโซ ที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลในเขตอาร์คติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) เป็นเมืองที่สามารถชมแสงเหนือได้ในช่วงฤดูหนาว และชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ในช่วงฤดูร้อน ในอดีตที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ และก็มีการขยายเศรษฐกิจจนเป็นเมืองใหญ่ แต่บรรยากาศในเมืองก็ยังคงเรียบง่ายและเงียบสงบ มีบ้านเมืองน่ารักๆ สีสันสดใส นอกจากการชมปรากฏการณ์ธรรมชาติแล้ว ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างการล่องเรือชมวาฬหลังค่อมอีกด้วย ส่วนที่เที่ยวน่าสนใจในเมืองก็มีทั้ง มหาวิหารอาร์คติก (Arctic Cathedral), สวนพฤกษศาสตร์อัลไพน์ (Tromso Arctic-Alpine) และอีกมากมาย
7. หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten)
อีกหนึ่งพิกัดยอดนิยมของการชมแสงเหนือในนอร์เวย์ก็คือ หมู่เกาะโลโฟเทน กลางทะเลนอร์วีเจียน ที่บรรยากาศสวยงามราวกับภาพวาด ลักษณะเป็นเกาะน้อยใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหิมะ มีหมู่บ้านชาวประมงกระจายตัวอยู่ตามจุดต่างๆ หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุด ได้แก่ Reine หมู่บ้านชาวประมงสีแดง, แฮมนอยด์ (Hamnoy) ที่วิวสวยงามมากๆ รวมถึง เอกัม (Eggum) หมู่บ้านเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลของเกาะ Vestvågøy, หมู่บ้านโอ (Å) ตั้งอยู่ที่ปลายด้านใต้ของ Moskenesøy กับหมู่เกาะโลโฟเทน และยังมีหมู่บ้านชาวประมงอีกมากมาย แต่ละที่วิวสวยสุดๆ แบบหาที่ไหนไม่ได้เลยค่ะ
8. ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด (Geirangerfjord)
ฟยอร์ดที่สวยงามที่สุดในนอร์เวย์ก็ต้องยกให้ ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด ที่ได้รับสมญานามว่า ราชินีแห่งฟยอร์ด ตั้งอยู่ใกล้กับ เมืองโอเลซุน (Alesund) ฟยอร์ดแห่งนี้มีความลึก 1,000 เมตร และยาวกว่า 15 กิโลเมตร วิวโดยรอบสวยงามอลังการ กิจกรรมที่พลาดไม่ได้ก็คือ การล่องเรือในแม่น้ำชมวิวสวยๆ ตลอดสองข้างทาง ยังมี น้ำตก Seven Sisters Waterfalls ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง 250 เมตร และขึ้นไปชมวิวที่ Geiranger Skywalk-Dalsnibba จุดชมวิวฟยอร์ดที่สูงที่สุดในยุโรป มีความสูงถึง 1,500 เมตร รับรองว่าได้ชมวิวธรรมชาติสวยจุใจแน่นอน
9. เมืองทรอนด์ไฮม์ (Trondheim)
เที่ยวนอร์เวย์ มากันที่เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศอย่าง เมืองทรอนด์ไฮม์ ที่สร้างขึ้นโดยชาวไวกิ้งเมื่อปี ค.ศ. 997 ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ มีที่เที่ยวมากมาย หนึ่งในจุดไฮไลท์ก็คือ Old Town Bridge สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำ Nidelva ที่ตลอดสองฝั่งของแม่น้ำเต็มไปด้วยอาคารสไตล์นอร์วีเจียนสีสันสดใส เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตของที่นี่เลยค่ะ
10. โทรลส์ทุงกา (Trolltunga)
ใครชอบท้าความสูงต้องไปที่ โทรลส์ทุงกา หน้าผาสุดหวาดเสียวลักษณะเป็นแผ่นหินที่ยื่นออกมาจากหน้าผา เป็นที่มาของชื่อในความหมายภาษาอังกฤษก็คือ Troll’s Tongue หรือ ลิ้นของโทรลล์ นั่นเอง จุดนี้มีความสูงถึง 1,100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นจุดชมวิวฟยอร์ดที่สวยงาม ด้านล่างเป็นทะเลสาบ Ringedalsvatnet ใครอยากไปพิชิตจุดนี้ จะเปิดเฉพาะช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกันยายนเท่านั้นนะคะ
11. ถนนข้ามทะเลแอตแลนติก (Atlantic Ocean Road)
ถนนข้ามทะเลแอตแลนติก เป็นเส้นทางเลียบมหาสมุทรแอตแลนติกที่เชื่อมต่อระหว่าง เมืองคริสเตียนซุนด์ (Kristiansund) และ เมืองโมลเด (Molde) มีระยะทางประมาณ 8-10 กิโลเมตร เป็นเส้นทางตัดผ่านเกาะน้อยใหญ่ ล้อมรอบด้วยวิวทะเลและภูเขาสวยๆ ตลอดเส้นทางจะมีความคดเคี้ยวและมีสะพานข้ามเกาะอยู่ 8 จุด ส่วนที่น่าสนใจที่สุดอยู่ที่สะพานโค้งที่ยาวประมาณ 260 เมตร เส้นทางนี้ใช้เวลาสร้างประมาณ 6 ปี กลายเป็นเส้นทางที่สวยงามที่สุด และมีจุดแวะชมวิวระหว่างทางได้ด้วย
12. ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่ นอร์ทเคป (North Cape)
มาถึงจุดชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่สวยงามที่สุดในนอร์เวย์ก็คือที่ นอร์ทเคป เป็นแหลมบนเกาะมาเกโรยา (Magerøya) ทางตอนเหนือของประเทศ และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 307 เมตร โดยปรากฎการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนเป็นช่วงที่จะมีแสงอาทิตย์ส่องสว่างตลอด 24 ชั่วโมง สามารถมาชมได้ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนกรกฎาคม
13. สวนประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์ (Vigeland Sculpture Park)
สายงานอาร์ทงานศิลป์ห้ามพลาดที่นี่เลยค่ะ สวนประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์ ในอุทยานฟรอกเนอร์ (Frogner Sculpture Park) แห่งเมืองออสโล เป็นสวนสาธารณะที่จัดแสดงผลงานของประติมากรชื่อดัง กุสตาฟ วิกเกอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประติมากรรมแกะสลักรูปมนุษย์ในอิริยาบถต่างๆ จากหินแกรนิต และหล่อรูปด้วยสำริดและทองแดง เวลาเข้าไปจะเห็นผลงานชิ้นเอกที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางอุทยาน เป็นผลงานที่มีชื่อว่า Monolitten ลักษณะเป็นเสาที่มีความสูงถึง 17 เมตร แสดงถึงวัฏจักรชีวิตมนุษย์ จัดเป็นสวนประติมากรรมใหญ่ที่สุดในโลก ใครมาที่นี่อาจจะต้องเผื่อเวลากันสักนิดนะคะ เพราะภายในสวนแห่งนี้จัดแสดงผลงานมากมายถึง 200 ชิ้น เดินเล่นถ่ายรูปกันอย่างจุใจเลยทีเดียว
14. ท่าเรือเอเคอร์บรูค (Aker Brygge)
ปิดท้าย เที่ยวนอร์เวย์ มาเดินเล่นในเมืองออสโล ชมบรรยากาศชิลๆ กันที่ ท่าเรือเอเคอร์บรูค เป็นแหล่งรวมความบันเทิงทั้งห้างสรรพสินค้า ย่านช้อปปิ้ง ร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ๆ รวมถึงบ้านเรือนหรูหรา ที่มีเรือยอร์ชจอดอยู่มากมาย ให้เราเนียนๆ ถ่ายรูปแบบเก๋ๆ ได้เลย ส่วนใครเป็นนักท่องราตรียิ่งพลาดไม่ได้ เพราะในย่านนี้มีผับบาร์ต่างๆ อีกทั้งยังสามารถมาผ่อนคลายไปกับบรรยากาศแสงสียามค่ำคืนได้ด้วย ถ้าอยากสัมผัสชีวิตคนเมืองออสโล แห่งนอร์เวย์ แนะนำให้มาเดินเล่นที่นี่ รับรองว่าฟิน
และนี่ก็คือ 14 ที่เที่ยวฮิตๆ ในนอร์เวย์ที่พี่เห็ดหยิบยกมาแนะนำ นอกจากนี้แล้วในประเทศนอร์เวย์ก็ยังมีที่เที่ยวสวยๆ อีกเพียบ ใครอยากไปสัมผัสสุดยอดธรรมชาติที่สวยงามแห่งหนึ่งในโลก ต้องไป ทัวร์นอร์เวย์ กันให้ได้สักครั้ง เชื่อว่าจะหลงรักสแกนดิเนเวียและประเทศแห่งดินแดนยุโรปตอนเหนือแห่งนี้มากขึ้นค่ะ