Guest ของ มัชรูมทราเวล วันนี้ จะพาเราไปตามรอยละครชื่อดังเรื่องล่าสุดของทางช่อง 3 อย่างเรื่อง นาคี ซึ่งเป็นเรื่องราวของ คำแก้ว สาวงามแห่งบ้านดอนไม้ป่ามีชาติกำเนิดที่ลึกลับ กายหยาบที่เจ้าแม่นาคี ใช้อาศัยอยู่หลังจากได้บำเพ็ญศีลมาเป็นเวลาเกือบพันปีตามคำสาปของเจ้าปู่ศรีสุทโธนาค เมื่อล่วงรู้ว่าหลานสาวหนีขึ้นมาบนโลกมนุษย์สมสู่กับไชยสิงห์ จนมีลูกชายหนึ่งคน นาคีกลัวเจ้าปู่รู้จึงเสกลูกชายให้เป็นปลาไหลเผือก แต่ลูกของนาคีกลับถูกมนุษย์จับไปกิน ทำให้นางโกรธแค้นข้ามภพข้ามชาติ เมื่อกลับมาอยู่ในร่างของคำแก้ว และได้พบรักกับทศพล ชายคนรักในอดีตชาติที่เคยมีสัญญาต่อกัน เจ้าแม่นาคีจึงทำทุกทางเพื่อให้ได้ครองรักกับชายคนรักอีกครั้ง
ตามรอยละคร “นาคี” | เทวาลัยท้ายหมู่บ้านดอนไม้ป่า
สืบเนื่องจากความสวยงามของสถานที่ถ่ายทำและบวกกับอาการติดละคร “นาคี” ที่ออกอากาศทางช่อง 3 จึงเป็นที่มาของรีวิวนี้ครับ ออกตัวก่อนว่าไม่มีความเชี่ยวชาญด้านโบราณสถาน หรือ โบราณคดีใดๆ เป็นการไปเที่ยวเพื่อสนองกิเลสล้วนๆ ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้เด้อครับ
ฉากเทวาลัยท้ายหมู่บ้านดอนไม้ป่าในละคร จะใช้โลเคชั่นหลักๆ ที่ปราสาทเมืองสิงห์ จ.กาญจนบุรีครับ ก่อนหน้านี้ได้หาข้อมูลการเดินทางเบื้องต้น พบว่าสามารถนั่งรถไฟไปลงสถานีรถไฟท่ากิเลนแล้วเดินเท้าต่ออีกนิดหน่อยได้
ความอยากไปขั้นสูงสุดได้ปะทุขึ้นเมื่อคืนวันที่ 15 ตุลาคม หลังจากดูตารางรถไฟพบว่ามีรถขบวนพิเศษสำหรับนำเที่ยว ขบวน 909 จากสถานีรถไฟกรุงเทพ ถึงสถานีรถไฟน้ำตก ซึ่งจะผ่านสถานีท่ากิเลนด้วย แต่เที่ยวพิเศษนี้จะมีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ก้มมองนาฬิกาเวลาประมาณ 3 ทุ่ม จึงลองโทรถาม 1690 เบอร์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยครับ
คำตอบที่ได้คือเที่ยวรถ 909 ของวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลานั้น “เหลือเพียง 2 ที่” ครับ ซึ่งการออกตั๋วต้องทำที่สถานีรถไฟเท่านั้น และสถานีที่ยังเปิดอยู่คือ สถานีกรุงเทพ (หรือหัวลำโพงนั่นเอง) ผมจึงรีบเดินทางไปยังสถานีรถไฟกรุงเทพ แล้วก็ทำการออกตั๋วเที่ยวขบวน 909 และกลับ 910 ในราคา 120 บาท (ชั้น 3 พัดลม) ได้ทันก่อนสถานีปิดและตั๋วหมดพอดี
ตัดภาพมาตอนเช้าเลยละกัน.. มาถึงสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลาประมาณ 6 โมง หลังจากตุนเสบียงแล้วก็เดินไปที่ชานชาลาที่ 9 เศษ 3 ส่วน 4 เพื่อไปฮอกวอตส์..
เย้ยยยย… ไม่ใช่ เดินไปที่ชานชาลาหมายเลขที่ 11 ต่างหากกกกก เพื่อขึ้นขบวนรถพิเศษสาย กรุงเทพ – น้ำตก ครับ ขบวนรถนี้จะออกเวลา 06.30 น. นะครับ ซึ่งวันที่เดินทางรถไฟออกตรงเวลาเป๊ะ มีเสียงเฮเบาๆ จากผู้โดยสารหลายท่านเลยทีเดียว
นั่งรถไฟดูวิวไปเรื่อยๆ ครับ เช้าๆ ลมเย็นสบาย จริงๆ เที่ยวนี้คนเต็มทั้งขบวน และมีการกำหนดหมายเลขตู้และที่นั่งไว้สำหรับทุกคน แต่บางคนไม่ได้ขึ้นจากต้นสาย เลยยังพอมีที่ว่างให้แชะภาพได้ครับ
รถไฟขบวน 909 เป็นขบวนพิเศษนำเที่ยวครับ ดังนั้นจึงมีการจอดแวะสถานที่ต่างๆ เพื่อให้ผู้โดยสารได้แวะเที่ยวด้วยเช่นกัน
จุดแรกที่รถหยุดคือสถานีรถไฟนครปฐม ซึ่งตั้งอยู่ใกล้องค์พระปฐมเจดีย์ รถไฟถึงที่นครปฐมเวลา 07.50 น. ครับ และเจ้าหน้าที่บนรถได้ประกาศให้เราลงไปเที่ยวได้ 40 นาที ก่อนที่ขบวนรถจะออกอีกครั้งในเวลา 08.30 น. ครับ
ตอนที่ไปถึงฝนลงเม็ดเบาๆ ครับ แต่ไม่หนักมาก ผมก็เลยเดินตรงจากสถานีรถไฟไปไหว้พระขอพรยังองค์พระปฐมเจดีย์ ก่อนเดินกลับมาแวะซื้อเสบียงตุนเพิ่มและออกเดินทางต่อครับ
จากนั้นเวลา 09.50 น. รถไฟได้มาจอดที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว จ.กาญจนบุรี ซึ่งที่จุดนี้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเรามีเวลา 25 นาทีในการลงไปถ่ายภาพกับสะพาน หรือแวะซื้อของฝากและของกินได้ครับ
ผมเลยเดินตามผู้คนไปยังบนสะพาน ระหว่างทางเจอนกคู่นึงเกาะอยู่ตรงไฟที่ใช้ส่องสะพาน กำลังสวีทกันอยู่เลย ทันใดนั้น.. เพลง “คู่คอง” ที่ใช้ประกอบละครนาคีท่อนนึงเลยดังขึ้นมาในหัวครับ
“บ่มีอีหยังมาพังทลาย ความฮักเฮาสองลงได้”
11:00 น. รถไฟพาผมมาถึงสถานีท่ากิเลนครับ เพื่อความชัวร์ หลังจากที่รถไฟออกจากสะพานข้ามแม่น้ำแคว ให้แจ้งหน้าที่บนรถไฟซักนิดนึงนะครับ ว่าเราจะขอลงที่ท่ากิเลน และไม่ได้กลับกับขบวนนำเที่ยวนี้ (ขบวน 910) เพราะปกติที่ท่ากิเลนจะไม่มีการจอดให้ลงเที่ยว แต่จะจอดแวะแค่แป๊บเดียว สถานีรถไฟท่ากิเลน เป็นสถานีเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก แต่มีห้องสุขา และร้านขายของเล็กๆ ไว้บริการครับ
ถึงแล้วครับ “หมู่บ้านดอนไม้ป่า” เอ้ยยย ไม่ใช่อีกแล้ว ><”
นี่เป็นภาพแรกหลังเดินออกจากสถานีท่ากิเลนครับ ก่อนเดินออกมาได้เช็คตารางรถไฟขากลับกรุงเทพ ซึ่งจะมีขบวน 258 จากสถานีน้ำตกถึงสถานีธนบุรี โดยขากลับจะไม่ได้เข้าจอดที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) นะครับ และรถจะมารับที่สถานีท่ากิเลนตอน 13.52 น. ครับ ซึ่งมีเวลาไปเที่ยวที่ปราสาทเมืองสิงห์ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ผมเลือกเดินจากสถานีรถไฟไปยังอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ครับ ลองดูระยะทางจาก Google Maps แจ้งว่าประมาณ 1.9 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างทางเป็นหมู่บ้านและชุมชน เดินได้สบายมาก ไม่น่ากลัว แถมมีต้นไม้บังแสงแดดตลอดทาง ที่น่าระวังหน่อยก็มีน้องหมาเจ้าถิ่นครับ เห่าผมทุกบ้านที่ผ่านเลย แต่ก็รอดมาได้ปลอดภัย แฮ่ๆ
เดินตรงจากสถานีรถไฟจะเจอแยกถนนใหญ่ ให้เลี้ยวขวาแล้วเดินต่อจะเจอป้ายคอยบอกทางไปปราสาทเมืองสิงห์ครับ ซึ่งพอเลี้ยวขวาแล้ว ปราสาทเมืองสิงห์จะอยู่ทางซ้ายมือครับ
ผมใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีครับ (ระหว่างทางก็เปิดเพลง “คู่คอง” ฟังเพื่อบิ้วทือารมณ์มาเรื่อยๆ) ก็จะมาถึงบริเวณทางเข้าอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์
ตรงนี้เราต้องแวะที่ป้อมทางซ้ายมือก่อน เพื่อซื้อบัตรเข้าชมอุทยานนะครับ โดยราคาผู้ใหญ่คนไทยคือ 20 บาทเท่านั้นเองครับ แต่หากใครขับรถมา จะคิดค่านำรถยนต์เข้าอีก 50 บาทต่อคันครับ
จากบริเวณประตูทางเข้าอุทยาน เดินตรงอย่างเดียวก็จะเจอปราสาทเมืองสิงห์ตรงหน้าเลยครับ สำหรับรถยนต์ให้เลี้ยวขวาไปตามทางเพื่อไปยังลานจอดรถและศูนย์อำนวยการ (มีร้านค้าและสุขาบริการครับ)
และนี่คือปราสาทเมืองสิงห์ หรือเทวาลัยร้างท้ายหมู่บ้านดอนไม้ป่า ที่คำแก้วมักจะมาเวลามีอาการไม่สบาย
ซึ่งผมก็ไม่พลาด สวมบททศพล มายืนรอคำแก้วที่จุดนี้เช่นกัน
ซึ่งตรงบริเวณเดียวกัน ด้านหน้าตัวปราสาท ก็เป็นอีกหนึ่งโลเคชั่นที่ใช้ถ่ายทำตอนที่คำแก้ววิ่งมายังเทวาลัย แล้วร่างเจ้าแม่นาคีก็ออกมาจากตัวคำแก้ว เพื่อทำให้ฝนตกลงมา พังพิธีของพวกหมออ่วมที่หมายจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของคำแก้ว
และนี่คือภาพสถานที่จริง ซึ่งตรงบริเวณกลางๆ ของภาพ จะเห็นว่ามีไฟสปอร์ตไลท์สำหรับส่องไปยังตัวปราสาทอยู่ แต่ในละครนั้น ทีมงานได้นำก้อนหินมาวางเพื่อบดบังไฟสปอร์ตไลท์ของอุทยานไว้ครับ
จุดต่อมาเป็นจุดที่ทศพลและคำแก้วพบกันครั้งแรกที่เทวาลัยท้ายหมู่บ้านครับ (ใน YouTube นาคี EP.1 ตอนที่ 6/9 ที่ทาง TV3 Official อัพโหลดไว้ครับ) ซึ่งจุดนี้คือบริเวณปีกด้านขวาของตัวปราสาท (เข้าไปในปราสาท แล้วกลับหลังหันมาทางเข้าอุทยาน จุดนี้จะอยู่ขวามือครับ)
และภาพสถานที่จริงครับ
ขยับมาทางฝั่งซ้ายของตัวปราสาทเมืองสิงห์บ้างครับ (เข้าไปในปราสาท แล้วกลับหลังหันมาทางเข้าอุทยาน จุดนี้จะอยู่ซ้ายมือครับ) จุดนี้ในละครจะใช้เป็นที่ตั้งเทวรูปเจ้าแม่นาคีครับ ดูได้จากฉากที่คำแก้ววิ่งเข้ามาในเทวาลัย แล้วเจอกับเทวรูปเจ้าแม่นาคีครับ
และนี่คือสถานที่จริงครับ ไม่มีเทวรูปนะครับ เป็นสิ่งที่ทีมงานเซ็ตฉากขึ้นมาครับ
ยังอยู่จุดเดิมนะครับ เพียงแต่มองจากอีกฝั่ง คราวนี้ลองหันหน้าเข้าเทวรูปเจ้าแม่นาคีดูบ้าง ในละครเหมือนจะสื่อว่าเทวรูปเจ้าแม่น่าจะอยู่ที่ใจกลางของเทวาลัย แต่ความจริงแล้วอยู่ที่ปีกซ้ายของปราสาทเมืองสิงห์นะครับ ส่วนตรงกลางของปราสาทเมืองสิงห์จะเป็นอะไรนั้น เดี๋ยวมาเฉลยครับ
และก็สถานที่จริงเช่นเคย
ที่ติดค้างไว้ คือบริเวณใจกลางของปราสาทเมืองสิงห์นะครับ เป็นประติมากรรมพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีครับ
สำหรับสถานที่ที่ถูกใช้ถ่ายละครที่ปราสาทเมืองสิงห์ หลักๆ ก็จะมีตามภาพข้างบนนะครับ แต่ที่อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ ยังมีโบราณสถานอีก 1 ที่ คือโบราณสถานหมายเลข 2 ครับ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน มีลักษณะคล้ายกัน แต่ขนาดเล็กกว่าโบราณสถานหมายเลข 1 หรือที่ใช้ถ่ายละคร โบราณสถานหมายเลข 2 จะเหลือแต่ฐานซะเป็นส่วนใหญ่ดังภาพครับ
นอกจากโบราณสถานสองแห่งแล้ว จริงๆ ยังมีหลุมขุดค้นโครงกระดูกอีกด้วย แต่ผมไม่ได้เดินไปดูครับ ><”
มาตามรอยละครทั้งที แถมภาพเจ้าแม่นาคีร่างที่ 0 ที่ผมเจอให้ละกันคร้าบ #เผ่นละ
หลังจากเที่ยวชมครบแล้ว ก็แวะทานข้าวเที่ยงที่ร้านค้าตรงใกล้ๆ ศูนย์อำนวยการครับ ซัดกะเพราหมูสับไข่ดาวไปหนึ่งจาน สนนราคา 40 บาท อิ่มท้องแล้วก็เตรียมตัวกลับ
ส่วนขากลับ ผมก็เดินกลับมาที่สถานีรถไฟท่ากิเลนเหมือนเดิม แล้วก็รับตั๋วรถไฟฟรีชั้น 3 เที่ยวขบวน 258 ซึ่งขากลับดีเลย์นิดหน่อยครับ ผมเลือกนั่งรถไฟมาลงสถานีนครปฐมแล้วต่อรถตู้มาที่ BTS บางหว้า แล้วก็กลับที่พักโดยสวัสดิภาพ แต่ถ้าใครจะนั่งสุดสาย รถไฟขบวน 258 จะจอดที่สถานีธนบุรีใกล้โรงพยาบาลศิริราชแทนครับ
ปิดท้ายด้วยภาพนี้ละกันครับ พร้อมเนื้อเพลงท่อนหนึ่งจากเพลงประกอบละคร “คู่คอง” ครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม ถ้าโอกาสเหมาะ อาจจะไปตามรอยนาคีต่อที่ปราสาทหินพนมรุ้งนะคร้าบ
ประสบการณ์มาเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย แปะๆๆ !!
ระดับความสนุก: ✩✩✩✩✩
เครดิต: เด็กชายโกริ http://pantip.com/topic/35708450