@MushroomTravel
ครั้งนี้มัชรูมทราเวลได้รับเกียรติจาก Guest สุดพิเศษ ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ รีวิว อินเดีย เที่ยวแบบจัดเต็มถึง 17 วัน 16 คืน จะพาไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ตามไปดูกันค่ะ
รีวิว อินเดีย เดลี อักรา ทัชมาฮาล ชัยปุระ เลห์ ศรีนากา [17 วัน 16 คืน ร้อนสุดๆ หนาวโคตรๆ มันมั้ยจ้ะนายจ๋าา]
‘นมัสเต-จูเล-สวัสดี’ ค่ะ ได้เวลาลางานไปเที่ยวกันอีกแล้ว พอกลับมาเพื่อนๆ ก็ถามทันทีว่า ‘ไปทำอะไรที่อินเดียตั้ง 17 วัน?’
มองบนคิดนิดนึง เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าเราค่อยๆ มาอ่าน รีวิว อินเดีย ไปพร้อมๆ กันเลยนะคะ ทริปนี้เตรียมตัวทั้งกายและเงินกันเป็นปี
และแล้ววันเดินทางก็มาถึง จากการอ่านรีวิวของคนอื่นๆ มาเยอะ มีคนไปเลห์ ไปชัยปุระ อักรา นิวเดลีก็แยะ แต่ยังไม่ค่อยเห็นใครไปพร้อมกัน
เรากับสมาชิกรวม 6 คน จึงตกลงกันว่า ไหนๆ จะไปแล้ว มัดรวมกันไปเลย ทั้งกล้วยแขก ทั้งโรตี ไม่ใช่ๆ ทั้ง 2 บรรยากาศ
และแล้วผลก็ออกมาสมใจอยากจริงๆ หวานขมระทมกันไป ว่าแล้วไปเริ่มกันเลยค่ะ…ฮัดช่า!!
วันที่ 1 _ 19 พ.ค. 2561 … [บังจ๋าฉันมาแล้วจ้ะ : India]
เวลา 11.00 น. เรามาถึงสนามบิน Indira Gandhi แล้ว และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ถึงปุ๊บก็เที่ยวเลยค่ะ
เริ่มที่แรก ‘Red Fort’ เป็นป้อมปราการที่ถูกโอบล้อมด้วยกำแพงหินทรายสีแดงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมุนา สร้างขึ้นในช่วงการปกครองของเหล่าจักรพรรดิราชวงศ์โมกุล ในการเดินชมนั้น กำลังขาต้องแข็งแรง เพราะกว้างมากจริงๆ ค่าเข้า 500 รูปี แต่เดี๋ยวก่อน เพียงแค่ท่านยื่น Passport Thai เท่านั้น เราลดให้คุณทันที เหลือเพียงแค่ 30 รูปี เริ่ดมาก!!
[สถานที่เที่ยวในอินเดีย จะมีอัตราค่าเข้าพิเศษสำหรับประเทศในกลุ่มที่เรียกว่า BIMSTEC ซึ่งไทยก็เป็นประเทศนึงในนี้ เพราะฉะนั้นเวลาซื้อตั๋วให้ยื่น Passport Thaiเข้าไปด้วยราคาจะถูกมาก]
เดินกันจนไขมันละลายก็ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว เรามาทานกันที่ร้าน ‘Hot Chimney Restaurant’ อร่อยอยู่นะ
14.00 น. มาต่อที่ ‘Humayun’s Tomb’ เป็นที่บรรจุพระบรมศพของจักรพรรดิหุมายูงแห่งจักรวรรดิโมกุล
และที่นี่ยังเป็นสุสานหลวงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเดลีอีกด้วย เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะเห็นโลงหินอ่อนสีขาวตั้งอยู่ อันนี้เป็นโลงปลอมนะคะ
โลงพระศพจริงจะอยู่ในอุโมงค์ใต้พื้นนี้ลงไปอีก เราจะมองไม่เห็นไม่ต้องตกใจนะ
18.00 น. เรามาที่สถานีรถไฟ ‘Hazrat Nizamuddin Railway Station’
เพื่อเดินทางต่อไปยังเมือง Agra ขึ้นมาแล้วก็หยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อเลยค่ะ แอร์เบามาก
มาถึงเมือง Agra เวลา 20.30 น. เข้าพักที่ ‘Hotel Ajay International’ คืนแรกในอินเดียของเรา ปี้นๆๆ
วันที่ 2 _ 20 พ.ค. 2561 … [ปี้นๆ ปี้นๆ ปี้นๆ : Agra]
รีวิว อินเดีย วันนี้ เสียงบีบแตรยังคงตามมาปลุกเราในตอนเช้า นัดรถมารับไปเที่ยว 09.00 น. ผ่านไปชั่วโมงรถไม่มาค่ะ
ไม่ต้องกังวล ณ จุดนี้ เดินออกมาทำท่าเงอะงะเดี๋ยวรถ Tuktuk จะปรี่เข้ามาหาเราเอง
ได้รถแล้วเรามาที่ ‘Itmad-ud-Daula’ หรือมีอีกชื่อว่า เบบี้ ทัช (Baby Taj) สร้างขึ้นมาจากหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์
มีสวนภายในสุสานจากจุดนี้จะห็นวิวแม่น้ำยมุนาจากมุมสูงได้ นั่งมองดื่มด่ำบรรยากาศกำลังเพลินๆ ปู้ดด!! พี่ยามข้างๆ ตด โอ้ย!! วงแตก แยกย้ายค่ะ
ไปต่อกันที่ ‘Agra Fort’ เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นด้วยอิฐ โดยราชบุตรแห่งวงศ์ศิกวะ คนเยอะมากเวอร์วังอลังการ
ด้านในจะพบกับระเบียงทำจากหินอ่อน จากจุดนี้สามารถมองเห็น Taj Mahal อยู่ไกลๆ ได้ด้วย
ท้องร้องแล้ว เราเรียกรถ Tuktuk มาทานอาหารที่ร้าน ‘Rangrezz’ อาหารเรียบภายในพริบตา อร่อยหรือหิว
ขึ้นรถต่อ คุณลุงคนขับรถ Tuktuk พาไปดูร้านขายของเก่า ร้านขายผ้า คือไม่ได้อยากไป ปฏิเสธแล้ว เสียเวลามาก คุณลุงดื้อมาก
เรามาถึง Taj Mahal เกือบเย็น พอจ่ายเงินเท่านั้นแหละ คุณลุงวีนสุด เรียกร้องทิป เราจ่ายแค่เท่าที่ตกลงกันไว้แล้วเดินหนีเข้ามาด้านในเลย
เนื่องด้วยเวลามีน้อยเพราะเรามัวไปเสียเวลาไปกับคุณลุง พอซื้อตั๋วเสร็จเลยจ้างไกด์ไปด้วย มองไปทางเข้าหางแถวยาวมากๆ
ไกด์พาเข้าช่องพิเศษค่ะ เดินแทรกคิวไปเลยไม่ต้องต่อแถว ได้ยินเสียงผู้คนตะโกนตามหลังมางึมงำ น่าจะอวยพรให้โชคดีแปลไม่ออก แหะๆ
‘Taj Mahal’ เป็นสุสานหินอ่อนที่ถือว่าเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรัก และสถาปัตยกรรมเหนือกาลเวลา
สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโมกุล ผู้มีรักมั่นคงต่อพระมเหสีของพระองค์ที่สิ้นพระชนม์ไป ภายในห้ามถ่ายรูปนะคะ
เราออกมา 6 โมงเย็นพอดี อดดูพระอาทิตย์ตกเลย เพราะต้องรีบไปสถานีรถไฟต่อ
เรารีบนั่งรถกลับมาเอาของที่ฝากไว้กับโรงแรม จากจุดนี้สามารถเดินไปสถานีรถไฟ ‘Agra Railway Station’ ได้ไม่ไกลมากนัก
กำหนดการรถไฟออกทุ่มนึงรีบมาก และนี่คือเวลาตี 1 ใช่ค่ะ รถไฟเลทไป 6 ชั่วโมง ถ้าอยู่ Taj Mahal คงได้ดูพระอาทิตยตกไปแล้ว
รถไฟอินเดีย ฉันเพลียกับเธอนะ ฮือๆๆ
วันที่ 3 _ 21 พ.ค. 2561 … [ร้อนกว่านี้มีอีกมั้ย : Jaipur]
หลังจากนอนบนรถไฟตามสภาพ เราก็มาถึงเมือง Jaipur เวลาประมาณตี 5 ลงมาก็สลึมสลือเหมือนโดนป้ายยา
เรียกรถมาส่งที่โรงแรม ‘Rawla Mrignayani Palace’ พอพนักงานโรงแรมเดินเข้ามาต้อนรับเท่านั้นแหละค่ะ หายง่วงเลย อุ๊ปส์!!
พอเดินเข้ามาด้านใน ห้องพักสวยมาก รู้สึกตัวเองเหมือนเป็นเจ้าหญิงอาหรับเลย หน้าไม่ให้แต่พุงพอได้นะคะ
เรานัดรถมารับ 12.00 น. เริ่มที่ ‘Maharaniyon Ki Chhatriyan’ เป็นที่แรกสวยละลายเลยค่ะ ร้อนอะไรเบอร์นี้ เดินไปซับเหงื่อไป
มาต่อที่ ‘Step Well’ ลักษณะเป็นบ่อน้ำขั้นบันไดแบบโบราณ ดูสวยงามแปลกตา
ใกล้ๆกันคือ ‘พระราชวังแอมเบอร์’ ตกแต่งด้วยรายละเอียดบนผนังที่สวยงามปราณีต มีลวดลายอ่อนช้อย มีสวน ‘Char Bagh’ อยู่ภายในพระราชวัง
ถัดมาคือ ‘Nahargarh Fort’ เป็นป้อมปราการที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาของเทือกเขาอะระวัลลี
ขึ้นมาด้านบนเราจะได้เห็นวิวเมือง Jaipur ทั้งเมือง สวยมาก
18.00 น. เราแวะเดินเล่นที่ ‘Jal Mahal’ เป็นพระราชวังฤดูร้อน มีไว้สำหรับราชวงศ์ เพื่อใช้พักผ่อนคลายร้อน
ตั้งอยู่กลางทะเลสาบมันสกา (Man Sagar) บริเวณรอบๆ มีร้านขายของพื้นเมือง ของที่ระลึกให้เลือกซื้อด้วยในราคาไม่แพงมากนัก
กลับมาไปทานอาหารเย็นกันที่ร้าน ‘Heaven’s’ อยู่ภายในตัวเมือง เดินไม่ไกลจากที่พักอาหารอร่อยจริง คุณภาพคับถ้วยเกลี้ยงค่ะ แผล่บๆ
วันที่ 4 _ 22 พ.ค. 2561 … [ต้องมนต์ชัยปุระ : Jaipur]
ตื่นเช้ามากับแสงแดดอันเจิดจ้า เช้านี้ปาครีมกันแดดทิ้งไปเลยค่ะ โบกอะไรก็ละลาย เราออกมาเดินเล่นในเมืองกันท่ามกลางอุณภูมิ 42 องศา
ระหว่างเดินก็จะมีผู้คนเข้ามาทักทายเรามากหน้าหลายตา ชมสวยจังอย่างนั้นอย่างนี้ ฟังไปฟังมาอาจจะเผลอเดินตามเขาเข้าไปในร้านขายของนะคะ
พี่เล่นร่ายมนตร์มาขนาดนี้ สีสันก็ละลานตา แอบช้อปปิ้งไปเยอะอยู่เหมือนกัน แหะๆ เสียเงินแล้วออกมาเดินเพลินๆ
เราก็มาถึงด้านหน้าของ ‘Hawa Mahal’ ที่แปลว่า ‘พระราชวังแห่งสายลม’ เป็นพระราชวัง ตั้งอยู่กลางเมือง Jaipur เลย
ด้านหน้าอาคารจะมีมีลักษณะคล้ายรังผึ้ง ประกอบด้วยหน้าต่างขนาดเล็กๆ ตกแต่งด้วยลวดลายฉลุเป็นช่องลม
เขาบอกว่าลายฉลุนั้นมีไว้เพื่อให้นางในวังสามารถมองทะลุออกมาเห็นชีวิตภายนอกบนท้องถนนได้ โดยไม่มีใครสังเกตเห็นจากด้านนอก
ระหว่างทางเดินจะมีร้านขายของอยู่หลากหลาย ราคาไม่แพงมาก เรามาสะดุดตากับการขายน้ำแข็งมาก บอกได้เลยว่า So Cool จริงๆ
แล้วก็มาถึง ‘Jantar Mantar’ เป็นหอดูดาวที่รวบรวมเครื่องมือทางดาราศาสตร์ชิ้นสำคัญและทันสมัยที่สุดในยุคนั้นเอาไว้
สร้างโดยมหาราชาสะหวาย จัย สิงห์ ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างมาก
เดินๆ อยู่สายตาเหลือบไปเห็นแขกเป่าปี่เรียกงู ถ่ายรูปปุ๊บเรียกเก็บเงินปั๊บเลย ฉกไวกว่างูก็ตาแขกนี่แหละ
18.00 น. เรามาถึง ‘Jaipur International Airport’ เพื่อเตรียมขึ้นเครื่องไป New Delih
เมื่อมาถึงสนามบิน Indira Gandhi แล้วก็แยกย้ายกันหามุมสงบ คืนนี้เราจะนอนกันที่นี่เพื่อรอไฟลท์ไป Leh ในเช้าวันพรุ่งนี้ Zzzzz….
วันที่ 5 _ 23 พ.ค. 2561 … [อรุณสวัสดิ์ : Leh Ladakh]
เสียงปลุกในสนามบินวันนี้คือ ป้าดด!! คุณป้าที่นั่งข้างๆ เอียงตัวตดใส่ โดนอีกแล้วจ้ะ คนที่นี่เลือดลมดีจริงๆ ลุกค่ะ! ประมาณ 7 โมงเช้า
เราก็มาถึง ‘Leh Airport’ ระหว่างนั่งอยู่บนเครื่องบินก่อนลงวิวนอกหน้าต่างสวยมาก มือควานหากล้องแทบไม่ทัน จุดนี้ต้องพร้อมนะคะ
เราเรียก Taxi จากสนามบินให้มาส่งที่พักที่จองเอาไว้
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง ‘Sangto Green Guest House’ ห้องพักน่ารักมาก นอนชาร์จพลังกันก่อน
ช่วงบ่ายออกมาเดินเล่น ‘Leh Main Bazar’
ที่นี่จะมีร้านขายของต่างๆ ให้เลือกอย่างมากมาย น่าซื้อไปหมด
แวะทานอาหารเย็นที่ ‘Ladakhi Food’ เป็นข้าวกับแกงถั่ว เราแอบเติมน้ำพริกนรกที่เตรียมมาลงไปด้วยเล็กน้อย อร่อยเลิศ!!
วันที่ 6 _ 24 พ.ค. 2561 … [เย็นกายเย็นใจไปวัดกัน : Leh]
08.00 น. นัดรถมารับไปเที่ยวที่แรก ‘Shey Palace’ ที่นี่เป็นพระราชวังหลวงและพระอาราม สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16
เพื่อเป็นที่ประทับของกษัตริย์ และประดิษฐานพระพุทธรูปทองแดงที่สูงใหญ่ขนาดตึกสามชั้น ขึ้นมาถึงด้านบนมองลงไปวิวสวยมาก
มาต่อที่ ‘Thiksey Monastery’ เป็นวัดที่มีอายุยาวนานเก่าแก่มากกว่า 500 ปี สร้างขึ้นโดยมีพระราชวังโปทาลาในทิเบตเป็นต้นแบบ
ตั้งอยู่บนความสูงราว 3,600 เมตรของหุบเขาอินดัส อากาศเย็นเดินกันสบายๆ
ถัดมาคือ ‘Chemrey Gompa’ เมื่อเราเข้ามาวัดนี้นอกจากจะประทับใจกับการก่อสร้างที่มีการนำไม้มาประกอบและแกะสลักอย่างสวยงามแล้ว
ด้านในยังมีเหล่าลามะเด็กๆ ยืนส่งรอยยิ้มอันสดใสมาให้เราอีกด้วย น่ารักมากๆ เลยค่ะ
15.00 น. เรามาถึง ‘Hemis Gompa’ วัดนี้ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูปนะคะ ดูไปก็สั่นไป ด้านในหนาวมาก
ต่อมาคือ ‘Matho Gompa’ เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ค่อนข้างเงียบสงบ และที่สำคัญวิวสวยอีกแล้ว
ที่สุดท้ายของการเที่ยววันนี้ ‘Stok Palace’ ด้านหน้ามีลาเป็นพนักงานต้อนรับอยู่คอยเข้ามาแทะเสื้อตลอด
เดี๋ยวๆ เจ้าลาน้อยเสื้อขนเป็ดฉันไม่ใช่ของกินนะ
วันที่ 7 _ 25 พ.ค. 2561 … [วิวดั่งสวรรค์ หนทางดั่งนรก : Turtuk village]
รีวิว อินเดีย วันนี้ เราออกเดินทางกัน 08.00 น. คนขับรถของเราวันนี้ชื่อ ‘นิสาด’ ชายผู้มีรอยยิ้มตลอด ถามอะไรก็ยิ้มตลอด เลยส่งยิ้มสยามสวยๆ ตอบกลับไป
ถนนระหว่างการเดินทางนี่สุดยอดค่ะ ต้องกราบขอบคุณ ‘นิสาด’ เป็นอย่างมาก ขับรถใจเย็นจริงๆ
หลังจากโขยกเขยกไปมาประมาณ 8 ชั่วโมง เราก็มาถึง ‘Turtuk village’ แล้วเย้!
ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่น่ารักมาก สายน้ำ ภูเขา และท้องฟ้า อยู่รวมกันอย่างสวยงามลงตัว
เราเดินเล่นในหมู่บ้านสักพักก็ได้เวลาควักยาหอม ยาอม ยาดม ยาหม่อง ต้องนั่งรถต่อแล้วค่ะ
เรามาถึงทะเลทราย ‘Hunder Sand Dunes’ พระอาทิตย์กำลังจะตกพอดีเลย ยืนมองได้ไม่นานต้องรีบไปหาที่พักกันก่อน
คืนนี้เราพักที่ ‘Himalayan Guest House’ มีเจ้าอูฐน่ารักนอนหมอบรับแขกอยู่ด้านหน้า ใกล้ชิดกันมาก
พอถึงห้องเก็บของเสร็จแล้วรีบหลับอย่างไว ควักยาดมอีกรอบ เอิ่มมม…
วันที่ 8 _ 26 พ.ค. 2561 … [ท้องฟ้า ภูเขา ทะเลทราย : Nubra Valley]
ตื่นเช้ามาทานอาหารฟรีที่โรงแรม เป็นแป้งโรตีกับแกงถั่ว อีกแล้วครับท่าน
เติมพลังเรียบร้อยเราออกมาขี่อูฐเล่นกันหลังจากเมื่อวานมาถึงใกล้ค่ำ น้องอูฐเข้าบ้านนอนกันหมดแล้ว
ขี่อูฐสมใจอยากแล้ว ก็เดินทางต่อมายัง ‘Diskit Gompa’ ตั้งอยู่กลางหุบเขา Nubra เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดใน Ladakh
ด้านบนจะเห็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานท่ามกลางหุบเขา ตัดกับฟ้าสีสดใส ดูสวยงามแปลกตา
ระหว่างทางมองวิวไปเพลินๆ เราก็ถึงมาจุดหมายต่อไปแล้ว
แอ่นแอ๊น!! และนี่คือ ‘Pangong Lake’ ทะเลสาบน้ำเค็มที่สูงที่สุดในโลก งดงามมาก เรายืนตะลึงได้ไม่นานก็รีบวิ่งขึ้นรถเลย พี่ชายฉันหนาว
เราพักที่ ‘GALAXY CAMP’ ที่นี่มีอาหารเย็นและเช้าให้ ลักษณะที่พักเป็นกระโจมผ้าเต็นท์หนาๆ
ด้านในอาบน้ำไม่ได้นะคะ ถึงอาบได้ก็คงไม่อาบ หนาวมาก
วันที่ 9 _ 27 พ.ค. 2561 … [ตรึงตรา : Pangong Lake]
เช้านี้ ขนเป็ด ขนไก่ ขนห่าน ขนมาใส่หมด โอ้ย!! ขนลุก หนาวสุด ขนาดที่เรากำลังสั่นๆ
แสงอาทิตย์ก็ลอดเข้ามาในเต้นท์ หืม…สวย ลืมความหนาวไปเลย
เราเดินตามแสงนั้นออกมา มันช่างสวยงาม สงบนิ่ง ยิ่งใหญ่มาก ลมเย็นๆ แดดอุ่นๆ และเราตกหลุมรักที่นี่ซะแล้ว
เดินดื่มด่ำกับบรรยากาศสักพักก็ได้เวลาต้องไปต่อแล้ว เจ้าของที่พักพร้อมลูกสาวแก้มแดงของเขา ออกมาโบกมือลา
พร้อมส่งรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่นมาให้เรา มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ
ขณะความฟินกำลังบังเกิด ตื่นจ้ะ!! รถเคลื่อนตัวออกมาแล้ว ถนนหิมะ ถนนหิน ถนนทราย ถนนดินแดง จัดมาค่ะ ชุดใหญ่ไฟกระพริบ
หลังจากนั่งกระเด้งมาประมาณ 5 ชั่วโมง เราก็มาถึงที่พัก ‘Sangto Green Guest House’ เหมือนกลับมายานแม่ สุดแสนจะอบอุ่น
*Spoil สำหรับสายเมาที่หาร้านขายเบียร์ไม่เจอ เขาบอกที่นี่มีแค่ร้านเดียว อยู่ข้างซอยไปรษณีย์
เดินเข้ามาเกือบสุดทาง ร้านอยู่ด้านขวานะคะ คนเยอะมาก ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำ แหะๆ
วันที่ 10 _ 28 พ.ค. 2561 … [เดินเล่นเย็นๆใจ : Leh]
เช้านี้เจ้าของ Sangto Green แจ้งว่าห้องพักเต็ม เราต้องย้ายออกเพราะไม่ได้จองเอาไว้ เลยตกลงกันย้ายเข้ามาพักที่ใหม่ชื่อ ‘Tsaskan Hotel’
ที่พักนี้ตั้งอยู่ในเมือง สามารถเดินมา ‘Leh Main Bazar’ แหล่งช้อปปิ้งได้ใกล้ๆ
ในส่วนของวันนี้จึงเป็นการเดินเล่นชมเมืองแบบ สวยๆ เบาๆ
ช่วงเย็นเราแวะมากินอาหารกันที่ร้าน Mutton เป็นร้านขายเนื้อแกะย่าง เสียบไม้ มีแป้งให้กินคู่กัน ใครมาแนะนำเลยนะคะ อร่อยมาก ถูกด้วย
วันที่ 11 _ 29 พ.ค. 2561 … [ภูเขา สายน้ำ ความวุ่นวาย : Kargil]
เช้านี้เราเตรียมตัวเดินทางไปยังเมือง Kargil ออกเดินทางกัน 09.00 น. เส้นทางวันนี้ ถนนล้อมรอบไปด้วยภูเขาลูกใหญ่ๆ ดูสวยงามแปลกตามาก
รถมาหยุดที่ ‘Magnetic Hill’ ถ้าเราจอดรถตรงจุดที่เค้ากำหนดแล้วดับเครื่องยนต์ จะเห็นเหมือนกับว่ารถมันไหลขึ้นภูเขาได้เอง
ซึ่งมันเป็นภาพลวงตา ถนนจริงๆ มันเป็นทางลงเขา แต่มุมมองมันเหมือนกับขึ้นเขา ธรรมชาตินี่มหัศจรรย์จริงๆ
ไม่นานเราก็มาถึง ‘Confluence of Zanskar & Indus river’ ที่นี่เป็นจุดที่ ‘แม่น้ำสินธุ’ และ ‘แม่น้ำซันสการ์’ ไหลมาบรรจบกัน
ทำให้เห็นความแตกต่างของสีแม่น้ำเป็นสองโทนอย่างชัดเจน
แวะต่อที่ ‘Alchi gompa’ วัดนี้ด้านในมีพระขนาดใหญ่ แกะสลักจากไม้สวยงามมาก แต่ห้ามถ่ายรูปนะคะ เราเลยเก็บภาพบริเวณรอบๆ วัดมาฝาก
17.00 น. เรามาถึง ‘Mulbekh Gompa’ เข้ามาเราจะพบกับการแกะสลักหินบนหน้าผาเป็นภาพของ ‘พระศรีอริยเมตไตรย์’ อายุเก่าแก่กว่าพันปี
ตั้งตระหง่านอยู่ด้านในให้เราได้เคารพสักการะ
18.00 น. ถึงแล้ว ‘Kargil’ เมืองนี้มีสายน้ำไหลผ่านกลางหมู่บ้าน คึกคักมาก เหมือนเป็นจุดพักรถของคนที่ต้องการจะไป Srinagar
เราตระเวนหาที่พักกันนานมาก บางที่ไม่สะอาด บางที่แพงเกินไป จนมาได้ ‘Hotel Greenland Kargil’ ที่นี่โอเคสุด ณ จุดนี้
เก็บของเสร็จออกมาเดินเล่นตลาดกัน ร้านส่วนมากเริ่มทยอยปิดเนื่องจากค่ำแล้ว
เราได้ร้าน Mutton เนื้อแกะย่างเสียบไม้พร้อมแป้ง เป็นมื้อเย็นสำหรับวันนี้
วันที่ 12 _ 30 พ.ค. 2561 … [การเดินทางและเหตุการณ์ไม่คาดฝัน : Dras]
โบกมือลาเมือง Kargil เราออกเดินทางกัน 07.30 น. คนขับรถเราวันนี้ชื่อ ‘อาลี’ โลกสวย อันนี้ตั้งเอง ขับอยู่ดีๆ พี่แกก็จอด ชี้ให้ดูสายน้ำสวยงามมากนะ ขับมาเรื่อยๆ พี่ก็จอดอีก ดูทุ่งหญ้าสิ สวยมาก โอ้ย!! คุณพี่อาลีผู้วิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ เราเลยบอกพี่เค้าว่าไม่ต้องจอดแล้ว สวยจ้าสวย
09.00 น. มาแวะที่ค่ายทหาร ‘Kargil War Memorial’ เดินเข้ามาด้านในมีเฮลิคอปเตอร์บินโชว์ด้วย คิดในใจเหมือนมาเที่ยวงานวันเด็กเลย
ด้านในมีห้องจัดนิทรรศการแสดงการอาวุธในการรบของอินเดียกับปากีสถาน มีการติดรูปภาพถ่ายศพทหารด้วย คุณพี่อาลี น้องกลัว
10.00 น. เรามาถึงหมู่บ้าน Dras มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ถนนด้านหน้าของเรามีดินสไลด์ลงมาปิดถนนทำให้รถสัญจรไม่ได้ ต้องใช้เวลาเคลียร์ทางให้รอสักพัก
ระหว่างที่รอ เราเดินสำรวจหมู่บ้านเล็กๆ นี้กัน เดินไปเดินมาแอบมีสเน่ห์อยู่นะ หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่กลางหุบเขาอากาศเย็นสบาย
เดินเล่นจน 3 ชั่วโมงผ่านไป ในใจก็คิดเมื่อไหร่ทางจะเปิด เดินไปเดินมาปาเข้าไป 5 ชั่วโมงแล้ว
พี่อาลีเดินมาพร้อมแจ้งกับเราว่า ‘วันนี้ไม่สามารถเดินทางไปต่อได้ให้กลับมาพักที่เมือง Kargil ก่อน’ พวกเราเริ่มเครียด
เนื่องจากกำหนดวันกลับโดยการจองตั๋วเครื่องบินจาก Srinagar ไป New Delhi เอาไว้แล้ว ในตอนนี้ก็ได้แต่ลุ้นขอให้เคลียร์ทางให้ได้โดยเร็ว
ไม่งั้นแผนทั้งหมด ล่มค่ะ! และที่สำคัญเงินของเราก็ใกล้จะหมดด้วย บรรยากาศตอนนี้ ฮือ…..
ติดตามต่อได้ใน รีวิว ‘อินเดีย-เดลี-อักรา-ทัชมาฮาล-ชัยปุระ-เลห์-ศรีนากา’ [17 วัน 16 คืน ร้อนสุดๆ หนาวโคตรๆ มันมั้ยจ้ะนายจ๋าา] : ตอนจบ นะคะ
ขอบคุณ Guest สุดพิเศษ คุณ ฟันม้าพาเที่ยว สังกัด Pantip จากกระทู้ [CR] รีวิว ‘อินเดีย-เดลี-อักรา-ทัชมาฮาล-ชัยปุระ-เลห์-ศรีนากา’ [17 วัน 16 คืน ร้อนสุดๆ หนาวโคตรๆ มันมั้ยจ้ะนายจ๋าา] ที่มามอบประสบการณ์ รีวิว อินเดีย พาเที่ยวชมสถานที่สวยๆ ให้ชมแบบจัดเต็ม ได้รับเสียงปรบมือจากเราไปเลย!!
ระดับความน่าไป : ✩✩✩✩✩
พูดคุยกับ Guest ได้ที่ : www.facebook.com/funmahpahteaw