ครั้งนี้มัชรูมทราเวลได้รับเกียรติจาก Guest สุดพิเศษ ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ เที่ยว ตุรกี 2018 ฟินไปกับสุดยอดที่เที่ยวไฮไลท์แห่งดินแดนสองทวีป มาดูกันว่า อีกหนึ่งเส้นทางในฝันของใครหลายๆ คนอย่างตุรกีว่าของจริงจะสวยแค่ไหน
Review ตุรกี 2018 – สวยกว่านี้ก็สวรรค์แล้ว!!!
Hello!! สวัสดีชาว pantip ทุกคนนะคะ
ตามธรรมเนียม.. ต้องขอออกตัวว่าเป็นกระทู้แรกหลังจากแอบอ่านเงียบๆมาหลายปี
จากที่เห็นชื่อกระทู้ก็คงไม่ต้องอธิบายมาก กระทู้นี้จะมารีวิวทริป Turkey หรือ ตุรกี 2018 นั่นเองงงงง
การ เที่ยวตุรกี ที่ผ่านมาดูเหมือนจะไม่ค่อยบูมมากนักถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ เนื่องจากข่าวการก่อการร้าย ต่างๆนานา
แต่ไม่นานมานี้เห็นทัวร์และรีวิวเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นใจว่า มันคงปลอดภัยแหละ..มั้ง
จขกท กับ เพื่อนก็ไม่รอช้า ที่จะไปตามรอยคนอื่นๆ
และทริปนี้ เราไปกัน 2 คน เที่ยวกันเอง หาข้อมูลเอง วางแผนเอง… ผู้หญิง 2 คน ท่ามกลางเมืองแขกจะเป็นยังไงน้า…
ทริปนี้ของเราเริ่มตั้งแต่ 10 -17 เมษาที่ผ่านมา โดยเราเริ่มเดินทางกันคืนวันที่ 10 ค่ะ
ข้อมูลเบื้องต้น
สายการบิน
เดินทางด้วย Kuwait Airways ไปกลับ Bangkok-Istanbul เคาะมาได้ราคาคนละ 18,850 บาท ถือว่าไม่แพง (ใช้โค้ดลด 400 บาท)
การเดินทางไป Turkey ราคาตั๋วจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 บวกลบ 3,000 ถ้าสูงกว่านี้ จขกท ว่าแพงไปละ
แต่ในส่วนเจ๊ Kuwait นั้นก็โลเลเหลือเกิน หลังการจองมีการปรับเวลาไปมาหลายรอบ
แต่สุดท้ายเราไปถึงไวกว่าเดิมคือวันที่ 11 ถือว่าโอเค ก็ปล่อยผ่านไป
ปล. เราจองผ่านเว็บ cheaptickets นะคะ
สกุลเงิน
ที่นี่ใช้สกุลเงิน รีล่า (1 รีล่าประมาณ 7-8 บาท) เป็นสกุลเงินท้องถิ่น แต่บางที่ก็รับ USD และ EUR งง ไหมคะ .. จขกท ก็งงตอนแรกๆ
สรุปที่แนะนำคือ แลก EUR หรือ USD ไป แล้วไปแลก รีล่า ที่นู่น สามารถแลกได้ตามตลาด จะได้ rate ที่ดีกว่าแลกไปจากไทยเยอะมาก แล้วไม่ต้องแลกหมดนะคะ เพราะบางทัวร์ก็รับเงิน EUR/ USD
อาหาร
ไม่มีรีวิวค่ะ เพราะไม่ค่อยได้กิน ฮ่าๆ ส่วนใหญ่อาหารจะมีเครื่องเทศเกือบทุกเมนู รสชาติไม่ค่อยถูกปาก กิน ฟาสต์ฟู้ด ตลอดถ้าหาเจอ บางวันไปทัวร์ท้องถิ่น เค้าพาไปกิน ก็กินขนมปังเอาค่ะ บางทีขนมปังก็ยังไม่ค่อยอร่อยเลย ถ้าใครจะไปแนะนำพกมาม่า หรือ น้ำพริก ไปด้วยจะดีมากๆ
ผู้คน
คนที่นี่เฟรนด์ลี่มากๆ แบบมากเกินไปบางที 555
การเดินๆอยู่แล้วมีคนเข้ามาทัก หรือถ่ายรูปด้วยนี่ปกติมากๆเลยนะคะ
จนวันหลังๆนี่ เรากับเพื่อนหลงตัวเองไปแล้ว เวลาคนมาขอให้ถ่ายรูปให้ก็นึกว่าเค้าจะมาถ่ายรูปด้วย 5555
แต่รวมๆแล้วน่ารักดีค่ะ ไม่ได้มีอันตรายใดๆ
Internet
ใช้ sim to Fly AIS ซื้อที่ไทยโลดดด ไปถึงนู่นใส่ซิม เปิดใช้งาน 4G ได้ตลอดเลยค่ะ สัญญาณดีไม่มีตก
การเดินทาง
การเดินทางในตุรกีนั้น ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก
ความยากคือ ที่เที่ยว Highlight แต่ละที่นางอยู่คนละเมืองกันหมดเลย
หลายๆคนเห็นแบบนี้เลยถอดใจไปซื้อทัวร์ดีกว่า .. จริงๆถ้ามีผู้สูงอายุ แนะนำว่าให้ไปกับทัวร์จะสะดวกที่สุด
แต่ถ้าสายลุย ยังพอเดินทางได้ เดินทางเอง จะประหยัดกว่า แล้วไม่ต้องทัวร์แบบชะโงกๆด้วยนะ
การเดินทางเราวนแบบ Istanbul > Izmir / Denizli > Cappadocia (Nevsehir)
จริงๆสามารถวนไป cappadocia ก่อนก็ได้ค่ะแล้วแต่ความสะดวก
ในทริปนี้มีทั้ง นั่ง taxi รถไฟ รถบัส เครื่องบิน จะอธิบายแบบละเอียดในแต่ละวันนะคะ
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อคน
ค่าตั๋วเครื่องบิน ไปกลับ ไทย-Istanbul 18,850 บาท
ค่าโรงแรม Istanbul 2 คืน 1,507.5 บาท
ค่าโรงแรม Cappadocia 3 คืน 3,422 บาท
ค่าตั๋วเครื่องบิน Istanbul – Izmir 896.5 บาท
ค่าตั๋วเครื่องบิน Cappadocia- Istanbul 1,239 บาท
ค่า pocket money รวมค่ากิน+ ค่าทัวร์+ค่าขึ้นบอลลูน+ ค่ารถ+ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ 11,040 บาท
ค่า sim AIS 899 บาท
รวมค่าเสียหายเบ็ดเสร็จทั้งหมด 37,854 บาท
*ย้ำว่ารวมค่าบอลลูนแล้วนะคะ
เพื่อไม่ให้ยืดเยื้อเราไปเริ่มทริป ตุรกี 2018 Day 1 กันเลยดีกว่า !!
Day 1 Istanbul – Grand Bazaar + Taksim Square
เราถึง Istanbul กันประมาณบ่ายสอง โรงแรมที่เราจอง คือ Emine sultan Hotel ซึ่งอยู่ละแวก Sultanahmet
ใครไปแนะนำให้พักละแวกนี้นะคะ เพราะเป็นใจกลางที่เที่ยวหลายๆที่และเดินทางไปที่อื่นๆสะดวกด้วยค่ะ
วิธีการเดินทาง คือ หลังจากออก สนามบิน เดินตามป้าย metro ที่นี่ใช้ตู้กดบัตรเหมือน bts บ้านเรา มีสอง options ให้เลือก
1. กดเป็นรายครั้ง ครั้งละ 5 รีล่า
2. บัตรเติมเงิน Istanbul Kart บัตรนี้แชร์กับเพื่อนได้ มีค่ามัดจำบัตร 6 รีล่า ที่เหลือเติมเงินเอา แต่ละรอบจะตัดเงินประมาณ 2-3 รีล่าต่อคน คุ้มกว่ามากค่ะ สามารถซื้อบัตรได้ที่ตู้เลย
อ้อ พอมาถึงสนามบินแนะนำให้แลกเงินเป็นรีล่า เล็กน้อยสำหรับค่ารถไฟด้วยนะคะ
หลังจากขึ้น metro ที่ airport ให้ไปลงสถานี Zeytinburnu (สถานีที่ 6) จากนั้นเปลี่ยนสายมาขึ้น tram ดูปลายทางไป Kabatas แล้วลง ที่สถานี Sultanahmet (ประมาณ 16 สถานี)
โรงแรมเดินจากสถานี tram Sultanahmet ประมาณ 10 นาที เดินตาม google map เลยค่ะ หาไม่ยาก หน้าตาโรงแรม มีเอกลักษณ์ประมาณนึง ตามรูปด้านล่าง
เราพักที่นี่กันสองคืน ห้องดีค่ะ คุ้มราคา วิวจากห้องอาหารตอนเช้ามองเห็น blue mosque เลยยยยย
หลังจากเช็คอิน เก็บของ เรียบร้อยก็เป็นเวลา 4 โมงเย็นได้ แพลนวันนี้เราเลยจะไปเดินตลาด Grand Bazaar และ Taksim Square กัน
รถ Tram บ้านเค้า ทันสมัยนะจ๊ะ ไม่ใช่เล่นๆ
บรรยากาศข้างทาง
Grand Bazaar เป็นตลาดนัดใหญ่ๆ ของ Istanbul นั่ง tram จากสถานี Sultanahmet มาลง Beyazit ประมาณ 10 นาทีก็ถึง
ที่นี่เหมือน จตุจักรบ้านเรา ส่วนใหญ่ขายพวกของฝาก เช่น พรม โคมไฟ ถ้วยชาม กะละมัง
พ่อค้าที่นี่ ชอบเจ๊าะแจ๊ะ เรียก ทักทาย แทบทุกร้าน ไม่ต้องตกใจนะคะ ปกติมากๆ แรกๆก็กลัว หลังๆชินค่ะ
เราแลกเงินรีล่ากันที่นี่ ร้านแลกเงินเยอะมากๆ เราแลกประมาณ 200 USD สำหรับกินและเดินทางตลอดทริปค่ะ
นี่แค่ทางเข้า ไม่อยากจะคิดว่าข้างในคนจะเยอะขนาดไหน
เยอะประมาณนี้แหละค่ะ โอ้โหหห คนเดินเยอะมากๆ เยอะทุกตรอกทุกซอย
ของฝากเอยอะไรเอย
ที่ Grand Bazaar เลื่องลือเรื่องความหลงค่ะ จขกท เดินกับเพื่อนแค่ 10 นาทีก็หลง 5555
ขนาดเตรียมตัวว่าจะไม่หลงแล้วนะคะ วิธีการแก้คือ google map หา สถานี tram เอาค่ะ อย่าพยายามเดินหาทางออกเอง
ยิ่งเดินยิ่งหลง อย่าหาว่าไม่เตือนนนน
สายถ่ายรูปอย่างเราเดินกันแค่ 20 นาทีค่ะ ไม่อินอย่างแรง ไม่รู้จะซื้ออะไร ถ่ายรูปมาก็มีแต่คน เลยออกมา Taksim square เลยดีกว่า
– Taksim Square –
วิธีการเดินทาง: ลง tram สถานี Kabatas สุดสาย แล้วเปลี่ยนเป็น metro นั่งมา 1 สถานี มีป้ายบอกตลอดค่ะว่าไป Taksim หาไม่ยาก
Taksim Square เป็น shopping street ที่คนเยอะๆ ร้านอาหารเยอะมาก
แต่เรามากิน Burger King กันค่า 55555 แต่ไม่ใช่ Burger King ธรรมดานะจ๊ะ
เพราะเป็น Burger King แบบ Rooftop กลางสี่แยก เอาซี้ !! ธรรมดาโลกไม่จำ
คนเยอะมากๆค่ะ ถ้าไม่บอกว่ามาตุรกีนี่นึกว่าอยู่จีน
เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอร้านอาหาร ร้านนั่งชิลมากมาย
มีร้องเพลงเปิดหมวก บรรยากาศชิลๆ
ป.ล. ผู้ชายที่นี่ 80% หน้าตาดีมากค่ะ คมเข้ม
ทริปนี้ไม่ค่อยอิ่มท้อง แต่น้องอิ่มตาอิ่มใจ ฮี่ๆๆ
หลังจากเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยจนเมื่อย เราก็นั่ง tram กลับโรงแรมกัน
วันนี้ถือว่าชิมราง Istanbul กลับไปนอนพักผ่อน พรุ่งนี้พร้อมลุยต่อ เย้
Day 2 Istanbul – Blue Mosque, Hagia Sophia, Topkapi Palace, Bosporus Cruise, Dolmabahce Palace/ Gata tower
อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะว่าทำไมวันนี้ตารางแน่นขนาดนี้
สามที่แรก อยู่ติดๆกันเลย สามารถเดินไปได้หมด แถม Blue Mosque กับ Topkapi ก็ดันปิดวันนี้อี๊กกกก
แนะนำให้เช็คไปก่อนนะคะ เค้ามีวันเปิดปิดของเค้าอยู่
ใครเคยเข้าไปด้านในมาแชร์หน่อยนะคะ ว่าเป็นยังไง
เก็บบรรยากาศวิวรอบๆ Blue Mosque และ Hagia Sophia ซึ่งเป็นโบสถ์ และ สุเหร่าต่างๆ มี tulip เต็มไปหมด สวยงามมมมม
สวยดีนะคะ แปลกตา แปลกใจ แต่วัยรุ่นไม่ค่อยอิน อิอิ เลยเดินดูรอบๆนอกไปแปปเดียว แล้วเดี๋ยวเราจะไปล่องเรือกันต่อ
จากนั้นเราก็นั่ง tram ไปลง Kabatas สถานีปลายทาง เพื่อจะไปล่องเรือกัน เย้ๆ
Bosphorus เป็นช่องแคบที่แบ่งทวีปยุโรปและเอเชีย
การล่องเรือที่นี่มีทัวร์หลายเจ้าค่ะ เรามาชึ้นฝั่ง Kabatas โดยเดินตามทางก็จะเจอ tour ตั้งอยู่ยิ่งใหญ่ ราคาคนละ 15 รีล่า ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง รอบสุดท้ายประมาณ 15.45 น.
ระหว่าง รอเวลาเรือ ออกเราก็มานั่งกินกาแฟ กินเค้กรอ วิวก็จะดีประมาณนี้ กรี๊ดดดด
พิกัดร้านอยู่หน้า Dolmabahce Palace เลยค่ะ
หน้าตา Dolmabahce Palace ที่มีบุญได้เห็นแค่รั้วค่ะ
15.45 ปิ๊งป่อง ถึงเวลาเรือออกจากท่า
เรือก็จะล่องไปเรื่อยๆ มีเสียงบรรยาภาษาอังกฤษให้ฟัง เพลินๆ วิวสวย ลมเย็น 10/10 ไปเลย
อะ มีรูปตัวเองบ้าง เดี๋ยวเค้าไม่เชื่อว่ามาจริงๆ (ถึงแม้จะหันหลังก็ตาม) 5555
สะพานที่เชื่อมระหว่างยุโรปและเอเชีย
หลังจากปริ่มไปกับการล่องเรือแล้ว สถานที่สุดท้ายใน istanbul คือ Galata tower
วิธีการเดินทาง tram station : Karakoy
Galata tower เป็นหอคอยสูงๆ ที่สามารถมองเห็นวิว istanbul ได้ 360 องศา
ค่าขึ้นคนละ 25 รีล่า เดินจาก สถานี tram ประมาณ 15 นาทีก็ถึงค่ะ แต่รอคิวนานประมาณครึ่งชั่วโมงได้
วิว Istanbul ที่มองลงมาจากด้านบน
ด้านบนหอคอย มีร้านอาหารและคาเฟ่ด้วยนะคะ แต่ไม่ค่อยมีคนนั่งเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะมาดูวิวซะมากกว่า
แต่ต้องบอกว่าทางเดินชมวิวนี่แคบและหวาดเสียวพอสมควร
แคบแบบเดินสวนกันไม่ค่อยได้ ต้องเดินเป็น one way ไปออกอีกทาง
หลังจากดื่มด่ำ Istanbul view จนอิ่ม เราก็เดินทางกลับโรงแรม พรุ่งนี้เช้าเราจะเดินทางออกจาก City ไปหาวิวธรรมชาติๆ กันแล้ววว ไฮไลท์เริ่มมา!!
Day 3 Pamukkale – Denizli
เที่ยว ตุรกี 2018 วันที่สามแล้วค่าาาาาา
เรา check-out ออกจากโรงแรมกันแต่เช้ามืดโดยมีรถมารับไปส่ง
เราสามารถแจ้งโรงแรมได้นะคะถ้าเราจะเดินทางไปสนามบิน ที่นี่เค้ามีรถ airport transfer รับหลายๆโรงแรม ไปส่งที่สนามบิน
ราคาแค่คนละ 25 รีล่า ไม่ต้องนั่งรถไฟให้ลำบาก
แพลนของเราวันนี้ คือเดินทางไปเมือง Denizli เพื่อไปขมความงามของ Pamukkale
หรือปราสาทปุยฝ้ายที่เกิดจากหินปูนจับตัวแข็งกลายเป็นแอ่งน้ำ อเมซิ่งงงง
แล้วคืนนี้เราจะนอนบนรถบัสกันเพื่อไป Cappadocia ต่อเลย non-stop มากๆ 55
วิธีการเดินทาง ไป Pamukkale
เรานั่งเครื่องบินไปลง Izmir > Taxi ไปสถานีรถบัส (บอกเค้าว่าไป Otoga) > รถบัสไปลงท่ารถ Denizli (รถบัสของบริษัทชื่อ Pamukkale) > รถตู้เล็กๆจากท่ารถ Denizli ไป Pamukkale > จบ!!
เอาจริงๆ เราควรนั่งเครื่องบินไปลงที่ Denizli ได้เลยจะสะดวกกว่ามาก แต่จขกท กับเพื่อนมีการเปลี่ยนแผนทีหลังเลยต้องลำบากประมาณนึง 555
จาก Izmir มา Denizli นั่งบัสประมาณ 3 ชั่วโมง แต่รถบัสที่นู่นเค้าไม่กะโหลกกะลานะคะ มีทีวี มีที่ชาร์จแบต นั่งสบายๆ คนละ 39 รีล่า
หลังจากถึงท่ารถ Denizli เราก็เอากระเป๋าเดินทางลงมาฝากที่ชั้นล่างสุด เปิด 24 ชั่วโมง
พร้อมกับซื้อตั๋วรถไป Cappadocia สำหรับคืนนี้รอบ 5 ทุ่ม มีบริษัทรถทัวร์หลายบริษัทค่ะ
เราซื้อของบริษัท Nevsehiriler ราคาคนละ 60 รีล่าค่ะ
หลังจากจัดการธุระเรียบร้อย เราก็จะเดินทางไป Pamukkale กันแล้วววว ตอนนี้เป็นเวลา 4 โมงเย็นกว่าๆ
รถตู้ไปส่ง Pamukkale
นั่งรถมาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง เอาจริงๆ 15 นาทีก็ถึงค่ะ แต่เข้าใจว่านางน่าจะเป็นรถประจำทาง
จอดรับทุก 5 นาที ที่นั่งบนรถเต็มแล้วก็ยังยืนได้ค่ะ 55555
Here we areee !! Pamukkale หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนานเราก็มาถึงกันซักที จากที่รถบัสจอดเราต้องเดินขึ้นเนินมานิดนึงนะคะ
เดินมาตามทางเลยค่ะ จะเห็นภูเขาขาวๆอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ไหนขอมาเห็นกับตาหน่อยซิจะสวยแค่ไหนเชียว
วิวด้านล่าง เมื่อมาถึงค่ะ ก็ยังงั้นๆอยู่
จะเดินขึ้นมาเราต้องถอดรองเท้าถือขึ้นมานะคะ แนะนำให้เอาถุงพลาสติกไปใส่
ค่าเข้าคนละ 15 รีล่าค่ะ
มาถึงตรงนี้เราก็ยัง มีความคิดว่า นี่เดินทางมาไกลเพื่อมาดูหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะ ???
เตรียมตัวเฟลละ อีกนิดนึงๆ
แต่พอเดินมาถึงด้านบนสุด เจอวิวนี้พร้อมกับ แสงอาทิตย์ที่กำลังจะตกคือแบบบบบ….
สวยยยยยยย สวยมากกกกกกกกกกกกก
ตอนพระอาทิตย์ลับไปแล้วก็ยังสวยยย คนละฟีลลิ่ง
ถ่ายรูปคู่กับเพื่อนซะหน่อยยยยยย
นอกจากนี้ด้านบนยังมีวิวสวยๆแบบนี้ด้วยนะคะ สวยงามตามท้องเรื่อง
เราอยู่ถ่ายรูปกันจนถึง 2 ทุ่มกว่าๆได้ อิ่มหนำสำราญใจ ก็ลงมาขึ้นรถด้านล่างกลับสถานีรถบัส พร้อมเดินทางต่ออีก 9 ชั่วโมง
ต่อไปเราจะเดินทางไป Goreme- Cappadocia กันแล้วค่ะ เชื่อว่าเป็นเมืองในฝันของใครหลายๆคน
สวยมากๆ สวยแบบน้ำตาจะไหล 555 รอติดตามชมกันนะคะ
Day 4-5-6 Cappadocia
ขอจับมัดรวมกันเลยนะคะ เพราะ 3 วันที่เหลือเราจะอยู่กันที่ Cappadocia
เรานั่งรถบัสมาถึงที่เมือง Goreme ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆใน Cappadocia กันตอน 8 โมงเช้า
ที่นี่แหละที่เป็น Highlight ของตุรกี วิวบอลลูนสวยๆ ก็คือที่นี่นั่นเองงงง
รถบัสจะมาจอดที่ท่ารถ Goreme ซึ่งโรงแรมต่างๆก็อยู่ละแวกนั้นหมดเลยค่ะ
วิวเป็นเอกลักษณ์ เกิดจากการแข็งตัวของลาวา โดนลมพัดไปมา กลายเป็นหินรูปร่างต่างๆ
คืนแรกเรานอนกันที่ Whisper Cave Hose
ส่วนอีกสองคืนที่เหลือนอน Mithra Cave hotel (โรงแรมนี้วิวหลักล้านเลยค่ะ recommend มากๆ ไม่แพงด้วยค่ะ)
วิวจากหน้าต่างห้องนอน
ลักษณะโรงแรมที่นี่จะเป็นหินๆ ถ้ำๆ หมดเลยค่ะ
ต้องเท้าความกลับไปก่อนว่า ตอนไป Pamukkale เราไปเจอทัวร์เจ้านึง ที่เข้ามาขายทัวร์ Goreme ให้เรา
คือโปรแกรมเป็นแบบนี้
วันที่ 1 – ขับรถ ATV ตอนเย็น
วันที่ 2 –ขึ้นบอลลูนตอนเช้า ต่อด้วย Red tour (ชมพวก Goreme Panoramic View, Open Air Museum, Monks Valley, Avanos Pottery Workshop)
วันที่ 3 –Green tour ไปดู Underground city, Red Valley, Pigeon Valley
ทั้งหมดนี้มีรถมารับส่งโรงแรม+ข้าวเที่ยง พร้อมไปส่งสนามบินวันสุดท้ายด้วย
ราคาทั้งหมด 160 EUR (ประมาณ 6,200 บาท) คือถูกมากกก ปกติขึ้นบอลลูนอย่างเดียวก็ 130-150 ยูโรแล้ว
นางเคลมว่า เป็น family business เลยได้ถูกขนาดนี้
ด้วยความงก+เคยอ่านรีวิวใน pantip เจอแบบนี้เป๊ะๆแล้วเชื่อถือได้ ก็เลยตกลงปลงใจเลยจ้า
มารู้ทีหลังว่า มีพี่คนไทยที่ซื้อจากเจ้านี้เหมือนกัน แต่โรงแรมแนะนำมาโดนไป 220 EUR (โรงแรมน่าจะบวกเพิ่ม)
และคนที่ขึ้นบอลลูนด้วยกันข้างๆ จ่ายเฉพาะค่าบอลลูนไป 130 EUR
คือถือว่านี่ได้มาถูกสุดๆ (ภูมิใจนิดหน่อย อิอิ)
โอเค พูดมาเยอะ ต่อไปจะลงรูปอวดความงามของเมืองนี้แบบรัวๆ
กิจกรรมแรกที่ทำเมื่อไปถึงคือขับ ATV ลุยๆๆๆ
วิวก็ไม่ได้สวยมากหรอกค่ะ แค่ประมาณนี้แค่นั้นเอง โฮกกกกกก
ระหว่างขี่ไป ก็มีชมพระอาทิตย์ตกซะหน่อยยยย
จบวันแรกที่ Cappadocia ไปแบบสกปรกๆ 555 ฝุ่นเยอะจริงอะไรจริง แต่วิวที่เห็นและความสนุกคือคุ้มมากๆ ค่ะ
เอาไปเล้ยยยย 5 ดาว !!
ระหว่างทางกลับโรงแรมก็จะมีร้านขายของ ร้านพรมอยู่ตลอดทาง
วันที่สองและสาม คือเราไปขึ้นบอลลูน และ green tour/ red tour กันค่ะ
วันที่สองและสาม ที่ Cappadocia
อย่างที่บอกไว้ด้านบนว่าเราจะไปขึ้นบอลลูน และไป Red tour/ Green tour กันค่ะ
โดยการขึ้นบอลลูนที่นี่ต้องขึ้นกับสภาพอากาศแต่ละวันเลยนะคะ
เราโชคดีมากๆที่ได้ขึ้นตามแพลนที่วางไว้
เวลาตี 5 รถตู้มารับเราที่โรงแรม พร้อมเดินทางออกไปขึ้นบอลลูนกันแล้วว
ก่อนขึ้นก็ต้องจุดไฟกันก่อนน
ราคาการขึ้นบอลลูนขึ้นกับจำนวนคนและระยะเวลาที่อยู่ข้างบน
ทัวร์แต่ละเจ้าราคาไม่เท่ากันค่ะ เจ้าเดียวกันบางทีก็ยังไม่เท่ากันเลย
เราสามารถไปซื้อที่ Goreme ได้เลยนะคะ แถวนั้นมีทัวร์ขายอยู่ข้างทางเยอะมากๆ
ต่อไปนี้ขอลงภาพวิวรัวๆ ให้ภาพเล่าเรื่องละกันนะคะ
หลังจากลงมาข้างล่างก็มีการกินแชมเปญฉลองกันนิดหน่อย เป็นธรรมเนียมค่ะ
ด้านล่างเป็นวิวจากระเบียงโรงแรม ตอนเช้าค่ะ สวยมากกก
และที่เหลือเป็นภาพจาก green tour และ red tour ค่ะ
Open Air Museum
พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับพรมของตุรกีค่ะ
เนื่องจากพรมเนี่ยเรียกได้ว่าเป็น เอกลักษณ์หนึ่งของชาวตุรกีเลยก็ว่าได้
สิ่งที่ต้องลองอีกอย่างถ้ามาตุรกี คือ Turkish tea ค่ะ ที่นี่ชาของเค้าก็ขึ้นชื่อเหมือนกัน
แต่เอาจริงๆรสชาติก็คือชาทั่วไป ฮ่าๆๆๆ กินให้รู้สึกว่าได้กินแล้วนะจ๊ะ ชาตุรกี
Underground city สมัยก่อนชาวบ้านจะขุดใต้ดินลงไปทำเป็นที่อยู่เพื่อหลับข้าศึกค่ะ
ภายในก็จะมีแบ่งเป็นห้องต่างๆ มีบันได ลึกลงไป 7 ชั้น
ที่ตุรกีมีเครื่องรางอย่างหนึ่งเรียกว่า Evil eye ไว้คอยป้องกันสิ่งชั่วร้าย
จะเห็นมีขายทั่วไป เป็นที่ระลึกต่างๆ
ในรูปนี้ถ่ายที่ Goreme Panorama view มีร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก
ไกด์แวะให้ระหว่างทางค่ะ
สุดท้ายนี้ จขกท อยากคอนเฟิร์มอีกทีว่าตุรกีนี่เที่ยวไม่ยากเลยค่ะ
เที่ยวเองได้ ปลอดภัย คนเฟรนด์ลี่ ค่าใช้จ่ายไม่แพงเลย
หากผิดพลาดหรือตกหล่นประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ขอบคุณ Guest สุดพิเศษ สมาชิกหมายเลข 4489125 สังกัด Pantip จากกระทู้ “[CR] Review ตุรกี 2018 – สวยกว่านี้ก็สวรรค์แล้ว!!!” ที่มามอบประสบการณ์ รีวิวเที่ยว ตุรกี 2018 แบบฉบับเที่ยวเอง สนุกครบรสจัดเต็มขนาดนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเลย!
ระดับความน่าไป : ✩✩✩✩✩