ตามรอย Rogue One A Star Wars กับสถานที่ถ่ายทำจริงทั่วโลก!!
สิ้นสุดการรอคอยสำหรับแฟนๆ Star Wars จากทั่วโลก เพราะในวันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2559 นี้ Star Wars ภาคใหม่ก็จะเข้าโรงฉายให้ทุกคนได้ชมกันแล้ว สำหรับ Rogue One A Star Wars ซึ่งเป็นเรื่องราวของกลุ่มของนักต่อต้านที่ร่วมกลุ่มกันเพื่อทำภารกิจเสี่ยงตาย ด้วยการเข้าไปขโมยแบบแปลนของยาน Death Star หรือดาวมรณะ โดยเหตุการณ์ในเรื่องนี้จะเกิดขึ้นระหว่างภาค 3 (Revenge of the Sith) กับภาค 4 (A New Hope) โดยได้แยกออกมาเป็นเรื่องหลักอีกเรื่องนึง แต่ก็ยังคงอยู่ในจักรวาลเดียวกับ Star Wars นั่นเองค่ะ
แต่ก่อนที่ Rogue One A Star Wars จะเข้าฉาย และก่อนที่เราจะได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ไปพร้อมๆ กัน สำหรับหลายๆ คนที่ได้ดูทีเซอร์ไปแล้ว อาจจะสงสัยว่าฉากบางฉากที่เราเห็นในทีเซอร์นั้นดูสวยงามและเหมือนจริง จนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นฉากที่เซ็ตขึ้นในสตูดิโอ นั่นคือความเข้าใจที่ถูกต้องค่ะ เพราะหนังภาคนี้ไม่ได้ถ่ายทำแค่ในสตูดิโอเท่านั้น แต่ภาคนี้ทีมงานได้เดินทางไปหลากหลายแห่งทั่วโลก เพื่อหาโลเกชั่นสวยๆ สำหรับการถ่ายทำหลายฉากอยู่เหมือน ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้น วันนี้มัชรูมทราเวลจะขอเกาะติดและอัพเดทเทรนด์ให้ทราบก่อนใครเลยล่ะค่ะ
1. Mýrdalssandur Beach, Iceland
Mýrdalssandur Beach เป็นหาดทรายสีดำที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์ แม้ว่าคนส่วนใหญ่อาจจะรู้จักหาดทรายดำเรนิสฟายาร่ามากกว่าก็ตาม โดยหาดทรายดำนี้เกิดจากธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ในช่วงยุคน้ำแข็งสุดท้าย ซึ่งได้พัดพาเอาหินบะซอลต์ซึ่งเป็นลาวามายังที่นี่ และเมื่อมันเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วเมื่อไหลจากภูเขาไฟมากระทบผิวโลก จนทำให้เกิดหาดทรายสีดำแห่งนี้ล่ะค่ะ โดย Mýrdalssandur Beach ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองวิค (Vik) และจะปรากฏใน Star Wars ด้วยฉากของ Planet Eadu
ทั้งนี้เมืองวิค (Vik) เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใต้สุดของไอซ์แลนด์ โดยที่นี่ประชาการเพียงหลักไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น และเนื่องจากเมืองนั้นอยู่ใต้ธารน้ำแข็ง Myrdalsjokull บนภูเขาไฟ Katla ซึ่งมีโอกาสเกิดภูเขาไฟระเบิดที่ทำให้น้ำแข็งละลายท่วมเมืองได้ทุกเมื่อ ดังนั้นชาวเมืองจึงต้องมีการต้องฝึกการหลบภัยไปยังโบสถ์ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาอยู่ตลอดเวลา ถือเป็นการเตรียมภัยพิบัติที่พร้อมสรรพมากเลยล่ะค่ะสำหรับเมืองเล็กๆ แห่งนี้
แผนที่:
2. Laamu Atoll, Maldives
มัลดีฟส์ เกาะที่ได้รับฉายาว่าเป็น ไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย แห่งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งโลเกชั่นที่จะไปปรากฏใน Star Wars เช่นกันค่ะ โดยถูกเซ็ตให้เป็นฉากของ Planet Of Scarif ซึ่งถือเป็นฉากการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ในเรื่องเลยล่ะ โดยส่วนหนึ่งของฉากได้ถ่ายทำที่ Laamu Atoll, Berasdhoo Island และ Laamu Gan ของมัลดีฟส์ และอีกส่วนก็ได้ถ่ายทำใน Elstree Studios แห่งฮาร์ตฟอร์ดเชอร์ ประเทศอังกฤษ
ทั้งนี้มัลดีฟส์ถือเป็นเกาะในฝันของใครหลายๆ คน โดยมีลักษณะเป็นประเทศที่ประกอบไปด้วยหมู่เกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรอินเดีย ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย และทางตะวันตกของศรีลังกา แต่แม้ว่าประเทศแห่งนี้จะได้ชื่อว่ามีขนาดเล็กที่สุดในทวีปเอเชีย แต่ความสวยงามของที่นี่กลับยิ่งใหญ่มากมายนัก เพราะล้อมรอบไปด้วยท้องทะเลและท้องฟ้าสีคราม จึงเป็นเหมือนดั่งสรวงสรรค์บนมหาสมุทรก็ว่าได้ ที่สำคัญกิจกรรมในเกาะแห่งนี้ยังมีให้ร่วมสนุกอย่างเหลือเฟือ โดยเฉพาะการดำน้ำชมความงดงามของโลกใต้ท้องทะเล
แผนที่:
3. Canary Wharf Station, England
อีกหนึ่งจุดที่แฟนๆ Star Wars สามารถเข้าไปสัมผัสความยิ่งใหญ่อลังการของ Rogue One A Star Wars ในโลกแห่งความจริงก็คือที่นี่ค่ะ สถานีรถไฟใต้ดิน Canary Wharf Station แห่งกรุงลอนดอน ที่ปรากฏอยู่ในบางฉากของฐานอิมพีเรียล ซึ่งพวกเค้าจะถ่ายทำที่นี่หลังจากเที่ยงคืนจนถึงตี 4 ในเวลาที่ปิดสถานีไปแล้วนั่นเอง
Canary Wharf Station เป็นสถานีรถไฟใต้ดินลอนดอนในเส้นทางสาย Jubilee ที่วิ่งระหว่าง Canada Water และ North Greenwich ในลักษณะการก่อสร้างที่ดูคล้ายๆ กับยานอวกาศ โดยสถานีนี้ถือเป็นสถานีที่ได้รับความนิยมและติดอันดับสถานีที่คึกคักมากที่สุดบนรถไฟใต้ดินลอนดอน ด้วยสถิติตัวเลขผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านคนต่อปี
แผนที่:
4. Wadi Rum valley, Jordan
สำหรับสถานที่สุดท้ายที่มัชรูมทราเวลจะมาอัพเดทให้ได้ทราบกัน เป็นฉากของดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่เรียกว่า Jedha หรือหากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็ประมาณกรุงเยรูซาเล็มของ Star Wars นั่นแหละค่ะ เพราะสถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่แสวงบุญสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาในกองทัพ ซึ่งนอกจากจะถ่ายทำใน Wadi Rum valley แห่งประเทศจอร์แดนแล้ว ยังสลับการถ่ายทำใน inewood Studios ใกล้ๆ กรุงลอนดอนอีกด้วย
Wadi Rum เป็นหุบเขากลางทะเลทรายซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของหุบเขาแห่งดวงจันทร์ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ในอดีตเคยเป็นที่ที่เจ้าชาย Faisal Bin Hussein และ T.E. Lawrence เคยใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของพวกเขาในช่วงที่ชาวมุสลิมประท้วงต่อต้านจักรวรรดิออตโตมันในสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของประเทศจอร์แดนที่คนหลงใหลในทะเลทรายต่างอยากมาเยี่ยมชมมากที่สุด เพราะที่นี่มีทั้งความสวยงามที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ และความสะดวกสบายที่ถูกสร้างโดยชาวเบดูอิน ซึ่งพวกเขาเองก็มีอัธยาศัยดี เป็นมิตร และนิยมชมชอบการต้อนรับแขกที่มาเยือนอยู่แล้ว
แผนที่:
และหากยังไม่จุใจพอ หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว แฟนๆ Star Wars จะจับจองตั๋วเครื่องบิน หรือซื้อทัวร์ไปตามรอยภาพยนตร์เรื่องโปรดให้ถึงสถานที่จริง ก็จะยิ่งเพิ่มความฟินไปอีกหลายเท่าตัว