Guest ของ มัชรูมทราเวล วันนี้ ยังคงเป็นเรื่องราวของหญิงสาวยอดกตัญญูคนเดิม ผู้ที่ใช้นามปากกาว่า “ผู้หญิงมีพิษ” หลังจากที่ ตอนที่ 1 เธอได้มาบอกเล่าเก้าสิบเกี่ยวกับการเตรียมตัวไปเยือนฮาร์บิน เมืองที่มีอากาศหนาวสุดๆ ไปแล้ว ครั้งนี้ก็ถึงเวลาที่เธอจะพาเราไปตะลุย ฮาร์บิน + เซี่ยงไฮ้ กันแล้วล่ะค่ะ ไปติดตามกันเล้ยยย
โหด มัน ฮาาา-บิ้น: เซี่ยงไฮ้ – ฮาร์บิน เที่ยวเองได้ ไม่ยากเลย ตอนที่ 2
Day 3 :: Harbin
วันนี้เตรียมร่างกายพร้อมมาก เพราะต้องตะลุยเที่ยวทั้งวัน (แต่งตัวตามที่แนะนำไว้ในคอมเม้นท์ด้านบน) พ่อแม่ ป้าๆ ตื่นกันเช้ามาก ออกไปเดินถ่ายรูปเล่นด้านนอก ส่วนพวกเรายังนอนอุดอู้อยู่ในห้อง เราไม่ได้ซื้ออาหารเช้าของโรงแรมไว้ ก็เลยต้องออกไปกินข้างนอก เดินไปที่จงหยางสตรีท (Zhongyang Street) มี McDonald, KFC เปิดอยู่
กลับมาเจอกันที่โรงแรมตามเวลานัด มีรถตู้ ละไกด์มารอรับ เหมือนเป็นไกด์ฝึกหัด ไม่ค่อยคล่อง ไม่ค่อยอธิบายอะไรให้ฟัง สิ่งที่เรานึกภาพไว้คือ พาไปสถานที่ต่างๆ อธิบายประวัติให้ฟัง เอาเข้าจริง เหมือนมาเป็นล่ามแปลภาษาให้เรากับคนขับรถมากกว่า ว่าเราอยากไปไหนบ้าง กับประโยชน์อีกอย่างคือ คอยซื้อตั๋วเข้างานให้ ใครที่คิดไว้ว่าไกด์จะต้องเข้าไปในงานต่างๆ กับเราด้วยนั้นนนนน ผิดค่ะ !! นางแค่พาเราไปส่งด้านหน้าของงาน แล้วนัดหมายเวลามาขึ้นรถ คืออออออ… ชั้นเสียเงินค่าไกด์มา 90$ ประมาณ สามพันกว่าบาท เพื่ออะไร ใครจะมาแล้วอยากได้ไกด์ ลองชั่งน้ำหนักดู ว่าคุ้มมั้ยกับสามพันที่ต้องจ่ายไป .. สำหรับพวกเรา ไม่คุ้มค่ะ แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี อย่างน้อยก็มีคนช่วยแปลภาษาให้
ก่อนจะมาตะลุยฮาร์บิน เรามาแนะนำสถานที่จัดงานหลักก่อนดีกว่า Ice and Snow Festival มี Theme park ทั้งหมด 4 ที่หลัก
1. Harbin Ice and Snow World
Location: Sun Island
Ticket fee: 330 หยวน
อันนี้แนะนำเลย ถือเป็นไฮไลท์ ควรไปกลางคืน ประติมากรรมน้ำแข็ง กระทบกับแสงไฟ LED ยามค่ำคืน สวยมาก
2. Harbin International Snow Sculpture Art Expo
Location: Sun Island
Entrance fee: 240 หยวน
งานนี้เป็นสถานที่จัดโชว์แกะสลักหิมะ แนะนำให้ไปกลางวัน
3. Harbin International Ice and Snow Sculpture Festival
มีอีกชื่อว่า Harbin Ice Lantern Show
Location: Zhaolin Park
Ticket fee: 150 หยวน
เป็นงานแกะสลักน้ำแข็ง และโคมไฟ อยู่ใกล้โรงแรม Ibis เลย เดินถึง แต่ไกด์บอกว่างานเล็ก เมื่อเทียบกับ Harbin Ice and Snow World ใครพอมีเวลาลองเข้าไปเดินเล่นก็ได้นะ แนะนำเป็นช่วงกลางคืน แต่งานปิด 21.00 น.
4. Songhua River Ice and Snow Happy Valley
Location: Songhua River
เป็นลานกิจกรรม ปกติเป็นแม่น้ำ พอเข้าฤดูหนาว น้ำก็กลายเป็นน้ำแข็ง เหมือนสวนสนุกขนาดย่อม ไม่มีค่าเข้างาน แต่ถ้าจะเล่นเครื่องเล่นอะไร ก็ไปซื้อตั๋วเป็นชนิดไป ถ้าจะไปให้ครบ ต้องจัดการตารางเวลาให้ดี แต่เราไป Theme park แค่ 2 ที่ เพราะเวลาไม่เยอะ และค่าเข้าแต่ละที่แพงมาก
ข้อมูลจาก www.icefestivalharbin.com
กลับมาที่การท่องเที่ยวของเราต่อฮะ
พอไกด์มารับ ตามธรรมเนียมคือ พาไปโบสถ์ค่าาาาาา ถือเป็นแลนด์มาร์คของการมาฮาร์บิน เมื่อคืนเราก็มากันแล้วเนาะ ถ่ายรูปเวอร์ชั่นกลางวันอีกครั้งก็ได้
ไกด์เห็นเราไม่ค่อยถ่ายรูป เดินมาถามว่าไม่ชอบเหรอ พวกเราก็บอกว่าเปล่า เมื่อคืนเดินมาถ่ายกันแล้ว นางก็บอกว่า อ้าววววว ทำไมไม่บอกล่ะ จะได้ไม่ต้องมา โอเคค่ะ เราผิด ฮ่าๆ งั้นเคลื่อนทัพไปที่อื่นกันต่อ
Dragon Tower
ตอนที่เราไป มันปิดไม่ให้เข้าด้านใน วันหยุดยาวปีใหม่ของบ้านเค้า แต่ยังสามารถถ่ายรูปจากด้านนอกได้อยู่
โอ้เอ้ถ่ายรูปได้ซักพักใหญ่ ก็ขึ้นมาพักกันในรถ อากาศข้างนอกหนาวมาก เช้านี้มีหิมะตกโปรยๆ มานั่งวางแผนกันก่อน ว่าจะเอายังไงต่อสำหรับช่วงบ่าย เราไม่ได้ซื้อ One day trip เราซื้อไกด์ และรถ เพราะฉะนั้น ต้องวางแผนการเที่ยวกันเอง อยากไปไหนก็ได้ภายใน 8 ชั่วโมง ระยะทางนับจากตัวเมืองไม่เกิน 100 กิโลเมตร เอาเข้าจริง ก็อยู่แค่ในเมืองนี่แหละ
ก็มีปรึกษาไกด์ว่า Theme park ควรไปที่ไหนบ้าง เค้าก็เปิดรูปให้ดู แล้วก็แนะนำอีกที่นึง ที่ไม่ได้อยู่ใน Theme park เป็นคล้ายๆ สวนสนุก ในดินแดนหิมะ อ่ะ ตกลง ไปไหนไปกัน ก็แวะไปซื้อตั๋ว แล้วพาไปทานข้าว ตั๋วมี 2 ราคา ถ้า 320 หยวน จะรวมอาหารเที่ยง 1 มื้อ 300 หยวน ไม่มีอาหาร ตั๋วที่ไกด์ซื้อมาให้ อ่านไม่ออก มีแต่ภาษาจีน
บริเวณงาน
โซนของเล่น ก็มีเยอะพอสมควร
สนุกสุด ก็เห็นจะเป็น ปะป๊า มาม้า แอนด์เดอะแก๊งนี่แหละ
8 ชั่วโมง ผ่านไปอย่างรวดเร็ว บอกให้รถกลับมาส่งที่โรงแรม แล้วเดินไปหาอะไรทานที่ Zhongyang Street
ในห้าง EURO PLAZA มีอาหารให้เลือกเยอะ
ผลไม้ เคลือบด้วยน้ำเชื่อม หวานเจี๊ยบบบบบบ ใครมานี่ต้องลอง แต่ว่ามันหวานมากนะ หวานแบบ ว้านหวานนนนน
มาถึงของเด็ด ที่คนต่อแถวยาวมาก ไอติม .. ตอนเห็นนี่ตกใจมาก อากาศหนาวขนาดนี้ ยังมีกะจิตกะใจ จะกินอีกเหรอ แต่เห็นคิวแล้ว มันต้องมีอะไรดี เลยไปต่อคิว
มันดีมากอ่ะ ไอติมรสวานิลา สามารถวางขายข้างทาง แบบไม่ต้องแช่ตู้เย็น
ก่อนถึงแม่น้ำ เราจะผ่าน Harbin People Flood Control Success Memorial Tower
ทางเดินลง Songhua River Ice and Snow Happy Valley จะอยู่ด้านหลังอนุสาวรีย์
ช่วงฤดูหนาว แม่น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็งหมดเลย สามารถเดินลงไปเล่นได้ แต่ค่อนข้างลื่น ต้องเดินอย่างระมัดระวัง แล้วก็มีพวกของเล่น ลานไอซ์เสก็ต บานาน่าโบ๊ท ลากเลื่อน
นัดรถมารับที่โรงแรมประมาณ 4 โมงเย็น ระหว่างทางเดินกลับ ก็แวะถ่ายรูป บ้านเมืองเค้าสวย เป็นระเบียบ และสะอาดมาก ใครว่าประเทศจีนไม่น่าเที่ยว เมืองนี้ลบความทรงจำแย่ๆ ของประเทศจีนออกได้เกือบหมดเลย
มือ เท้า หู คอ อุ่น .. เดินเที่ยวได้ทั้งวัน
บ๊ายบายฮาร์บิน มีเวลาน้อยไปหน่อย เพราะถ้ากลับช้ากว่านี้ 1 วัน ตั๋วเครื่องบินแพงมาก ก็เลยต้องตัดใจ ไว้มีโอกาสจะกลับมาใหม่นะ
เราบินกลับไฟลท์ดึกสุด เลยจองที่พักที่เดิมคือ Joyful Star Hotel Pudong Airport WanXia ลงเครื่อง รับกระเป๋า แล้วเดินไปเคาน์เตอร์โรงแรมที่ Terminal 1 ตรงข้ามประตูทางออกที่ 5 แต่การผจญภัยยังไม่จบ เรายังเหลือเวลาที่เซี่ยงไฮ้อีก 3 วัน ตามไปเที่ยวกัน
Day 5 :: Shanghai
ติดต่อรถตู้ไว้ให้มารับไปโรงแรมที่เราจองไว้ที่ The Bund ระหว่างทางไปโรงแรม
เราพักที่โรงแรม Shanghai Fish Inn Bund ไปถึงโรงแรมก็ฝากกระเป๋าไว้ก่อน เพราะยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน พนักงานที่นี่บริการดี และใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมาก สามารถสอบถามเส้นทางท่องเที่ยวได้ ที่พักเราอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
สำหรับพาร์ทที่เซี่ยงไฮ้ ได้เพื่อนในทริปนี่แหละเป็นไกด์ให้ เนื่องจากว่าเพื่อนเคยมาที่นี่แล้ว และเพื่อนอีกคนก็เรียนอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ด้วย Jing An Temple นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงสถานี Jing An Temple (Line 2) วัดสวยมาก ค่าเข้าแพงมากเช่นกัน เลยตัดสินใจถ่ายรูปแค่ข้างหน้า
พิพิธภัณฑ์ผังเมือง
Ticket fee: 30 CNY
มีส่วนลดสำหรับบัตรนักศึกษา (สามารถใช้บัตรนักศึกษาของประเทศใดก็ได้ ที่บัตรมีภาษาอังกฤษ) Recommended มาดูเถอะ แล้วจะดูว่าทำไมเซี่ยงไฮ้เค้าถึงพัฒนาได้เร็วขนาดนี้ เข้าไปแล้วทึ่งมาก
นี่เป็นผังเมืองจำลองของนครเซี่ยงไฮ้
เดินขึ้นไปอีกชั้น เป็นส่วนของการฉายภาพ ด้วยเทคนิคสมัยใหม่ 360 องศา เหมือนอยู่บนยาน แล้วเหาะได้ เหมือนจริงมาก
จากนั้นเราเดินทางต่อไปยัง Yuyuan Garden (อวี้หยวน) นั่ง MRT ไปสถานี Yuyuan Garden (Line 10) อวี้หยวน เดิมเป็นบ้านขุนนาง แล้วต่อมาถูกอนุรักษ์ และเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว
เนื่องด้วยเป็นเทศกาลตรุษจีน คนเลยเยอะอย่างที่เห็น
เข้าไปด้านใน แทบจะต้องเดินไหลตามกันไป แต่สวยมาก แนะนำเลย มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เข้าชม มีร้านขายของที่ระลึก ต่อราคากันสนุกมาก
น่าจะเป็นช่วงที่ภาพยนตร์ไซอิ๋วจะกำลังเข้าฉายด้วย ก็มีการโปรโมทกันตามสถานที่ท่องเที่ยว
Day 6 :: Shanghai
วันนี้ฝนลงเม็ดปรอยๆ เรามีแพลนจะไปเที่ยว Qibao old street นั่งใต้ดินไปที่สถานี Qibao (Line 9 Exit 2)
เป็นย่านตลาดเก่า มีบ้านเรือน ร้านค้า และวัด ตั้งอยู่ริมคลอง ขายของกิน และของที่ระลึกเยอะมาก ด้านในมีวัด เสียค่าเข้าชม 5 CNY
บ่ายๆ ก็มาเดินช้อปปิ้งในเมือง ย่าน People’s square ถือว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ สถาปัตยกรรมหลากหลายแบบ และสวยงามมาก
Nanjing Road ตอนกลางคืน คนค่อนข้างพลุกพล่าน
เดินไปชมแสงสียามค่ำคืน สถาปัตยกรรม บริเวณ The bund
Day 7 :: Shanghai – Bangkok
วันนี้ตื่นเช้าหน่อย เพื่อเก็บสถานที่เที่ยวในเมืองให้ครบ ก่อนที่จะต้องกลับกรุงเทพ
Oriental pearl tower
จากนั้นเรานั่งใต้ดินไปสถานี Xiantiandi (Line 10) Xintiandi ตั้งอยู่ที่ย่านเมืองเก่า เป็นเหมือนถนนที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร และร้านกาแฟ รวมถึงร้านสำหรับช้อปปิ้งมากมาย ถือว่าเป็นหนึ่งใน first lifestyle center in China สมัยก่อนว่ากันว่าเป็นแหล่งเสื่อมโทรมเลยก็ว่าได้ แล้วรัฐบาลก็มาพลิกฟื้น ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นย่านที่มีค่าครองชีพสูงเป็นลำดับต้นๆ ในจีน การตกแต่งจะค่อนข้างคลาสสิก ใครชอบถ่ายรูปชิคๆ ฮิปสเตอร์ พลาดที่นี่ไม่ได้เลย
ช้อปปิ้งกันเต็มอิ่ม ก็กลับโรงแรมไปเอาของ เพื่อไปสนามบิน นัดรถตู้ให้มารับที่โรงแรม ยังไม่อยากกลับเล้ยยยย ไว้มีโอกาสมาใหม่แน่นอน การมาเซี่ยงไฮ้ ทำให้เราลบภาพประเทศจีนที่เก่าๆ คร่ำครึ โบราณ ห้องน้ำสกปรก ไปได้อย่างหมดสิ้น
ตามกำหนดการ จะต้องออกเดินทาง 21.45 น. แต่ 20.00 น. แล้ว เคาน์เตอร์เช็คอินก็ยังไม่เปิด รู้สึกผิดปกติเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกมาก เพราะยังไม่มีประกาศอะไรออกมา พาพ่อแม่ ป้าๆ ไปหาที่นั่งพัก 21.00 น. หน้าเคาน์เตอร์สายการบินเริ่มวุ่นวาย ผู้โดยสารทยอยเดินเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงยังไม่ได้เช็คอิน เราก็เป็นคนนึงที่เดินเข้าไป เจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่า ไฟลท์อาจจะดีเลย์ แต่ยังไม่รู้สาเหตุ และยังไม่รู้ว่าเลื่อนไปเป็นกี่โมง
ก็เริ่มใจไม่ดี เพราะว่าเรามี transit flight จากฮ่องกง กลับกรุงเทพ ทำได้แค่นั่งรอ จนมีประกาศให้มารับ Voucher ประมาณ 300 บาท เพื่อใช้ซื้ออาหาร และเครื่องดื่มภายในสนามบิน เนื่องจากเที่ยวบินดีเลย์แน่แล้ว ก็ผลัดกันเดินไปหาซื้ออะไรกิน เผื่อมีอะไรเปลี่ยนแปลง จะได้มีคน stand by อยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ ประมาณเกือบ 5 ทุ่ม ก็มีประกาศออกมาจากสายการบินว่า “Unstable Weather in Departure Station”
ก็ wechat ไปบอกเพื่อนที่อยู่เซี่ยงไฮ้ เพื่อนบอกว่าพายุเข้า น่าจะดีเลย์เกือบทุกเที่ยวบิน
หลังจากมีประกาศออกมา เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า น่าจะได้บินอีกทีตอนเช้าเลย ตอนนั้นเครียดเลย เพราะว่ามีไฟลท์ต่อกลับกรุงเทพ และพ่อแม่ ป้าๆ ก็มีไฟล์กลับจากกรุงเทพไปสุราษฎร์ฯ ตอนสายๆ ด้วย เดินไปคุยกับเจ้าหน้านี้ เค้าบอกว่า transit flight เค้าจะจัดการให้ ส่วนที่เหลือ ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่กรุงเทพ
เกือบเที่ยงคืนแล้ว สายการบินเตรียมที่พักไว้ให้ ก็ไปขึ้นรถบัส อย่างน้อยก็ได้นอนพักสบายๆ ดีกว่านั่งอยู่ที่สนามบิน
นั่งอยู่บนรถได้ซัก 20 นาที พ้นเขตสนามบินออกมาแล้ว อยู่ๆ รถบัสก็ยูเทิร์น เอะใจนิดนึง ยังแซวกันกับเพื่อนเลย สงสัยไปส่งกลับสนามบิน แล้วก็หัวเราะกัน อีกใจก็ยังคิดว่ายูเทิร์นไปอีกเส้น เพื่อไปส่งที่โรงแรม ไม่กี่อึดใจ ก็คิดได้ว่าเส้นทางคุ้นๆ เห็นป้าย Airport อยู่ลิบๆ เห่นโหลววววววว พากลับมาสนามบินทำไม T___T สรุปคือ เครื่องบินสามารถขึ้นบินได้แล้ว เลยมีประกาศกำหนดการเดินทางใหม่ เป็นตี 3 ก็เลยกลับมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่สนามบิน ทุกคนหมดสภาพ
ได้ขึ้นเครื่องปุ๊บ .. หลับเป็นตายเลยข่าาาาา เพลียมาก ถึงสนามบินฮ่องกงตอน เกือบ 7 โมง เปิดมือถือเช็คไฟลท์ ฮ่องกง – กรุงเทพ ที่เร็วที่สุดคือ 8 โมง ลงจากเครื่องบินมา มีเจ้าหน้าที่ของสายการบิน เขียนป้ายชื่อยืนรอรับอยู่แล้ว รีบวิ่งไปบอกว่า ขอกลับไฟลท์ที่เร็วที่สุดได้มั้ย เพราะว่ามี domestic flight ต่อที่กรุงเทพ เจ้าหน้าที่น่ารักมาก ขอพาสปอร์ต แล้วรีบไปจัดการให้
สรุปว่าพวกเราทั้งหมดได้กลับไฟลท์ที่เร็วที่สุด ใกล้เวลาเครื่องออก เจ้าหน้าที่ก็พาวิ่งไปขึ้นเครื่อง ขอบคุณเจ้าหน้าที่สายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ทุกคนที่ช่วยประสานงานในวันนั้นค่ะ
พอถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ยืนรอรับกระเป๋าที่สายพาน จนบอร์ดขึ้นว่า “Last bag” ก็ยังไม่มีกระเป๋าของพวกเรา โอ๊ยยยยยย ทำไมซวยซ้ำ ซวยซ้อน เจ้าหน้าที่เหมือนรู้ เชิญไปเคาน์เตอร์ Airline passenger service “ใช่รายชื่อผู้โดยสารมั้ยครับ กระเป๋าตกค้างอยู่ที่ฮ่องกง จะตามมาทีหลัง จะรอรับ หรือให้ส่งไปที่บ้านครับ”
เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางหน้า แต่เอาวะ อย่างน้อยก็กลับมาถึงประเทศไทยแล้ว ก็รีบทำเรื่อง เพราะว่าพ่อแม่ ป้าๆ ต้องบินกลับสุราษฎร์ตอนเที่ยง เจ้าหน้าที่ให้เอาแท็กกระเป๋ามาแยกว่าใบไหนจะส่งไปที่ใด ของพ่อแม่ ทางเจ้าหน้าที่จะฝากการบินไทยกลับไปสุราษฎร์ฯ ในวันรุ่งขึ้น ส่วนของลูกๆ เจ้าหน้าที่จัดส่งให้ถึงบ้าน ไม่รู้ช้าไปมั้ยกับคำขอบคุณ จำชื่อพี่ไม่ได้ แต่ฝากคำขอบคุณไว้ในรีวิวนี้เลยแล้วกัน ที่ช่วยประสานงานทุกอย่างให้ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
เหมือนจะจบทริปอย่างประทับใจ แต่มันยังไม่จบ ตรงที่เจ้าหน้าที่โทรกลับมาบอกตอนกลางคืนว่า “กระเป๋าของผู้โดยสาร มาถึงไทยไม่ครบนะครับ ไม่แน่ใจว่าตกค้างที่ฮ่องกง หรือตั้งแต่เซี่ยงไฮ้”
– T H E E N D –
ประสบการณ์มาเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย แปะๆๆ !!
ระดับความสนุก: ✩✩✩✩✩
เครดิต: ผู้หญิงมีพิษ
บทความแนะนำ ที่เกี่ยวข้อง
ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Likeและติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/
—————