Mushroom Travel LINE
เราช่วยคุณได้
@mushroomtour
จันทร์ - เสาร์
9:00-22:00
อาทิตย์
9:00-18:00
Call Mushroom Travel
Call Center
02 105 6234
จอง 6 คนขึ้นไป
จอง 6 คนขึ้นไป
02 105 6244
Loading...

พาทัวร์ กระเช้าชินโฮทากะ กระเช้าสองชั้น ชมวิวเจแปนแอลป์

มารู้จักกับอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ได้ชมวิวเทือกเขาเจแปนแอลป์สวยๆ จากในเมือง ทาคายาม่า แห่งจังหวัดกิฟุ ที่นี่ก็คือ กระเช้าชินโฮทากะ (Shinhotaka Ropeway) ตั้งอยู่ในโซนโอคุฮิดะ (Okuhida) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กยอดฮิตที่สามารถมองเห็นวิวอันสวยงามของภูมิภาคโอคุฮิดะ รวมถึงยอดเขาโอคุโฮตาเกะดาเกะ (Oku-Hotakedake) ได้แบบ 360 องศา โดยไม่ต้องปีนเขาให้เหนื่อย! สำหรับใครที่กำลังวางแผนการเดินทาง วันนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล จะมาแชร์ให้ฟังว่า ถ้าอยากขึ้นกระเช้าชินโฮทากะ ต้องเดินทางยังไง? ขึ้นที่สถานีไหน? แต่ละจุดมีอะไรน่าสนใจบ้าง? พร้อมแล้วตามไปดูกันเลย !

ทำความรู้จัก กระเช้าชินโฮตากะ Shin-Hotaka Ropeway

กระเช้าชินโฮทากะ
Credit : shinhotaka-ropeway.jp

กระเช้าชินโฮทากะ (Shinhotaka Ropeway) เป็นแหล่งท่องเที่ยวของเมืองทาคายาม่า (Takayama) ในจังหวัดกิฟุ (Gifu) ประเทศญี่ปุ่น เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ.1970 โดยเป็นกระเช้ากอนโดร่า 2 ชั้น แห่งแรกและแห่งเดียวของญี่ปุ่น พาเราขึ้นไปยัง เทือกเขาโฮทากะ (Hotake Mountain) ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น โดยจุดสูงสุดคือ ยอดเขาโอคุโฮะทากะดาเกะ (Okuhotakadake) มีความสูงอยู่ที่ 3,190 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

สำหรับเส้นทางกระเช้าชินโฮทากะ ถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงแรกเป็นระยะทางสั้นๆ ประมาณ 200 เมตร ใช้เวลาประมาณ 4 นาที จากนั้นต้องลงไปขึ้นกระเช้าที่อีกสถานีหนึ่ง ช่วงที่ 2 ระยะทางจะยาวกว่า อยู่ที่ 800 เมตร ใช้เวลาประมาณ 7 นาที และสิ้นสุดที่สถานีปลายทางบนความสูงประมาณ 2,156 เมตร ด้านบนมีจุดชมวิวที่มองเห็นความสวยงามตระการตาของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ รายล้อมด้วยยอดเขาอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ยอดเขาชิโรอุมะดาเกะ (Shiroumadake), ยอดเขายาริกาตาเกะ (Yarigatake), ยอดเขาคาซากาตาเกะ (Kasagatake) นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร ร้านขายของฝาก ของที่ระลึก และสามารถออกไปเดินชมวิวด้านนอกได้ด้วย

วิธีเดินทางไป ชินโฮทากะ (กระเช้าลอยฟ้าหมายเลข 1)

จาก สถานีชินโฮทากะออนเซ็น ไปยัง สถานีนาเบไดระโคเก็น

1. สถานีชินโฮทากะออนเซ็น (Shinhotaka Onsen Station) : ความสูง 1,117 เมตร
กระเช้าชินโฮทากะ
Credit : shinhotaka-ropeway.jp

จุดเริ่มต้นของเราจะอยู่ที่ สถานีชินโฮทากะออนเซ็น ที่มีลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น พร้อมด้วยลิฟต์โดยสารและอุปกรณ์ช่วยขึ้นลงบันได ผู้ที่นั่งรถเข็นจึงสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก ปลอดภัย โดยกระเช้าจะออกทุกครึ่งชั่วโมง เวลา XX.00 น. และ XX.30 น. ระหว่างรอก็มีที่ให้เดินเล่น หรือนั่งทานอาหารด้วย

กระเช้าชินโฮทากะ
Credit : shinhotaka-ropeway.jp

1) ร้านกาแฟและอาหารว่าง “คาซากาตาเกะ”
ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของสถานีเลยค่ะ เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ข้าวแกงกะหรี่ โคร็อกเกะ นอกจากนี้ยังมีเมนูเด็ดขายดีอย่าง “ซอฟต์ครีมรสวาซาบิ” กินแล้วสดชื่นมาก ราคาไม่แพงด้วย สามารถมานั่งชิลระหว่างรอขึ้นกระเช้าได้

กระเช้าชินโฮทากะ
Credit : shinhotaka-ropeway.jp

2) ร้านค้าในสถานีชินโฮตากะออนเซ็น
บริเวณนี้มีของขายหลายอย่าง เป็นพวกของใช้ ของจุกจิก สินค้าท้องถิ่น เช่น สาเกฮิดะ ไวน์ชินชู สินค้าบางอย่างมีขายเฉพาะที่นี่เท่านั้น แต่ไฮไลต์เด็ดที่ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไปด้วยก็ต้องยกให้ของขึ้นชื่ออย่าง “เมชิโนะไซ (Meshinosai)” เห็ดหูหนูที่ปรุงรสด้วยปลาชิชาโมะ จะเดินดูก่อนแล้วค่อยแวะซื้อตอนขากลับก็ได้

2. สถานีนาเบไดระโคเก็น (Nabedaira Kogen) ที่ราบสูงนาเบไดระ : ความสูง 1,305 เมตร
กระเช้าชินโฮทากะ
Credit : shinhotaka-ropeway.jp

กระเช้าชินโฮทากะ สายแรกจะพาเรามาส่งยังสถานีนาเบไดระโคเก็น เป็นพื้นที่ธรรมชาติ บรรยากาศร่มรื่น ต้นไม้เยอะ จุดนี้รถยนต์ส่วนตัวสามารถเข้าถึงได้ แต่จะไม่มีรถบัสให้บริการ จากจุดนี้เราสามารถเดินเท้าต่อไปยังสถานีที่ 3 ในเวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น หรือจะแวะเที่ยวก่อนก็ได้

1) ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวชินโฮตากะ “ซังกากูคัง”
ที่ศูนย์นักท่องเที่ยวก็มีจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การปีนเขาต่างๆ ของแถบเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ พร้อมกิจกรรมมากมาย อย่างเช่น ไกด์วอล์ค ทัวร์สโนว์ชูส์ และกิจกรรมงานฝีมือ นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ อย่าง ห้องน้ำ ร้านขายอาหาร ร้านขายขนม เครื่องดื่ม มีที่นั่งทานสบายๆ แถมยังมีร้านขายของ รวมถึงอาร์ตแกลเลอรี่ให้ชมอีกด้วย

2) เส้นทางเดินป่าชมธรรมชาติ (Nature trail)
จุดนี้เพื่อนๆ สามารถเดินป่าชมธรรมชาติได้ ระยะทางไม่ไกลมากประมาณ 2.3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เส้นทางเดินง่าย แต่หน้าหนาวจะต้องใช้รองเท้าสำหรับเดินบนหิมะ เหมาะแก่การมาเดินแบบสบายๆ รับความสดชื่น พร้อมศึกษาและเพลิดเพลินไปกับต้นไม้นานาพรรณ

วิธีเดินทางไปชินโฮทากะ (กระเช้าลอยฟ้าหมายเลข 2)

จาก สถานีชิรากาบะไดระ ไปยัง สถานีนิชิโฮตากากูจิ

1. สถานีชิรากาบะไดระ (Shirakabadaira Station) : ความสูง 1,308 เมตร
Credit : shinhotaka-ropeway.jp

ถัดมาเราก็จะมาขึ้นกระเช้าสายที่ 2 กันที่ สถานีชิรากาบะไดระ กระเช้าออกทุกครึ่งชั่วโมงเช่นกัน เวลา XX.15 น. และ XX.45 น. บริเวณใกล้เคียงก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง บางคนก็นิยมขึ้นไปยอดเขาก่อน แล้วค่อยแวะเที่ยวตอนขากลับ

1) บ่อน้ำร้อนแช่เท้าของสถานีชิรากาบะไดระ
บ่อน้ำร้อนสำหรับแช่เท้า ตั้งอยู่ด้านหน้าของสถานีเลยค่ะ เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติที่วิวสวยมาก จากตรงนี้จะสามารถมองเห็นกระเช้าลอยฟ้าหมายเลข 2 ได้ แช่ไปชมวิวไป ผ่อนคลายสบายสุดๆ หรือจะซื้อขนมมานั่งทานด้วยก็ได้

Credit : shinhotaka-ropeway.jp

2) ร้านขนมปังแอลป์
ถึงไม่หิวแต่หลายคนก็อดแวะไม่ได้ เพราะกลิ่นขนมปังอบใหม่ๆ หอมฟุ้งจนต้องตามหาเลยว่ามาจากไหน ร้านนี้ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของสถานี มีขนมปังจำหน่ายหลายชนิด แต่สินค้าขายดีที่สุดคือ ครัวซองต์ ที่ทั้งกรอบ หอม อร่อยมาก แถมยังมี นมสด อีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน

3) มุมซื้อของพาโนรามา
เที่ยวที่นี่ไม่ต้องกลัวหิวเลยค่ะ เพราะที่สถานีนี้ก็มีจุดให้ได้ซื้อของกินเช่นกัน เป็นมุมซื้อของเล็กๆ จำหน่ายพวกเครื่องดื่ม อาหารว่าง ขนม ไอศกรีม เมนูแนะนำคือ โคร็อกเกะที่ทำจากเนื้อฮิดะ และขนมปังแกงกะหรี่ เป็นเมนูยอดนิยมที่ลองแล้วต้องติดใจ!

2. สถานีนิชิโฮตากากูจิ (Nishihotakaguchi) : ความสูง 2,156 เมตร

กระเช้าชินโฮทากะ สายที่ 2 จะพาเรามาส่งยังสถานีปลายทาง นั่นก็คือ สถานีนิชิโฮตากากูจิ ซึ่งเป็นสถานีที่ใหญ่ที่สุด มีถึง 5 ชั้น รวมชั้นดาดฟ้า โดยชั้น 3 จะเป็นร้านค้า ชั้น 4 เป็นโรงอาหาร ส่วนชั้นดาดฟ้าเป็นจุดชมวิว

Credit : shinhotaka-ropeway.jp

1) จุดชมวิว
จุดนี้ถือเป็นไฮไลต์ของทริป เป็นจุดชมวิวพาโนราม่าจากความสูง 2,156 เมตร วิวสวยมากจนได้รางวัล 2 ดาว จาก Michelin Green Guide Japan มองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาแบบ 360 องศา เห็นยอดเขานิชิโฮตากาดาเกะ ยอดเขายาริกาตาเกะ และยอดเขาคาซากาตาเกะ สวยงามจนอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้เลย

Credit : shinhotaka-ropeway.jp

2) ตู้จดหมายยามาบิโกะ
ตู้จดหมายที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น เพื่อนๆ สามารถซื้อโปสต์การ์ดและแสตมป์ได้ที่ร้านค้าชั้น 3 แล้วนำมาเขียนข้อความส่งหาตัวเองเพื่อเก็บเป็นที่ระลึก หรือส่งหาเพื่อน หาครอบครัวก็ได้ มีการรวบรวมและจัดส่งจดหมายตลอดทั้งปี รับรองถึงมือแน่นอน!

Credit : shinhotaka-ropeway.jp

3) Itadaki no Mori
โซนนี้เพิ่งปรับปรุงใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีที่เดินเล่น นั่งเล่น ชมวิว ถ่ายรูป สัมผัสธรรมชาติด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าบนเทือกเขาแอลป์ตอนเหนืออย่างใกล้ชิด มีมุมสวยๆ มากมาย เช่น ทางเดินแห่งยาริ ระเบียงกลางป่าที่มีรูปทรงคล้ายบูมเมอแรง และในอนาคตเขาก็จะเปิดเพิ่มอีกหลายมุมด้วย

Credit : shinhotaka-ropeway.jp

4) ร้านค้าในสถานีนิชิโฮตากากูจิ
ที่ชั้น 3 จะมีร้านขายของฝาก และของที่ระลึก มีขนมขบเคี้ยว โปสต์การ์ด หรืองานฝีมือต่างๆ ที่บางอย่างก็หาซื้อได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น ไหนๆ มาถึงแล้ว ก็อย่าพลาดที่จะซื้อของกลับเมืองไทย หรือซื้อของเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันด้วยนะคะ

เที่ยวชินโฮทากะ ช่วงไหนดี ?

กระเช้าชินโฮทากะ เปิดให้บริการทุกวัน ทุกฤดู ตลอดทั้งปี ยกเว้นวันที่อากาศเลวร้ายจริงๆ ในแต่ละช่วงจะมีความสวยงามไม่เหมือนกัน โดยแบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล ดังนี้

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
Credit : shinhotaka-ropeway.jp

ฤดูนี้บนยอดเขาจะยังมีหิมะสะสมอยู่ เพราะฉะนั้นใครมาเที่ยวช่วงนี้ก็เตรียมเสื้อผ้าและรองเท้าให้พร้อมนะคะ วิวสวยพอๆ กับตอนฤดูหนาวเลย แต่อากาศอุ่นขึ้น และสดใสกว่า กลางๆ ฤดูดอกไม้ก็จะเริ่มบาน เพิ่มสีสันให้น่ามองขึ้นไปอีก ในเดือนเมษายนมีบางวันที่อากาศอบอุ่น แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่สามารถปรับเปลี่ยนตามอุณหภูมิได้ เพื่อความสบายตัว

ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม )
Credit : shinhotaka-ropeway.jp

ข้อดีของการมาเที่ยวฤดูร้อนคือ อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าปลอดโปร่ง มองเห็นวิวได้อย่างชัดเจนแบบไม่มีเมฆหมอกมาบดบัง ถ่ายรูปออกมาก็สวย ดอกไม้บานสะพรั่ง ภูเขาเป็นสีเชียวชอุ่มสดใส และยังเป็นช่วงที่คนนิยมมาเดินป่ากันด้วย

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – ตุลาคม)
Credit : shinhotaka-ropeway.jp

ฤดูนี้เป็นอีกช่วงที่คนนิยมมาเที่ยวกันมาก เพราะอุณหภูมิจะเริ่มเย็น ทั้งยังได้มีวิวสวยๆ ให้ได้ชม ใบตามภูเขาจะค่อยๆ เปลี่ยนสี ไล่เฉดเหลือง ส้ม แดง สามารถเพลิดเพลินกับความสวยงามแบบนี้ได้ตลอดเส้นทางเลย

ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – มีนาคม)
Credit : shinhotaka-ropeway.jp

หากใครชอบท้าลมหนาว อยากสัมผัสหิมะ พี่เห็ดแนะนำให้มาช่วงนี้เลย เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะที่สุด เพราะวิวภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวสวยงามอลังการมาก บรรยากาศเหมือนอยู่ยุโรป แต่ช่วงนี้กระเช้าจะเปิดช้าและปิดเร็วกว่าฤดูอื่น ใครจะมาเที่ยวช่วงฤดูหนาวแนะนำให้ตรวจสอบเวลาเปิด-ปิดกระช้าให้ดีนะคะ

ข้อมูลเพิ่มเติม

อัตราค่าโดยสาร : ผู้ใหญ่ 3,300 เยน / เด็ก 1,650 เยน (รวม 2 ต่อ ไป-กลับ)
การเดินทาง :

รถไฟ
– JR โอซาก้า – ทากายามะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที ต่อรถบัสประจำทาง ทากายามะ – ชินโฮตากะ อีก 1 ชั่วโมง 40 นาที
– JR นาโกย่า – ทากายามะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ต่อรถบัสประจำทาง นาโกย่า – ทากายามะ อีก 2 ชั่วโมง 40 นาที
– JR ชินจูกุ – มัตสึโมตะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที ต่อรถบัสประจำทาง มัตสึโมตะ – ชินโฮตากะ อีก 2 ชั่วโมง 10 นาที

รถบัส
– รถบัสความเร็วสูง โอซาก้า (อุเมดะ) – ทากายามะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง 30 นาที
– รถบัสประจำทาง ทากายามะ – ชินโฮตากะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที
– รถบัสความเร็วสูง ชินจูกุ – ชินโฮตากะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง 10 นาที

แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/9oLD2mpaFogcvcZ89

Credit : shinhotaka-ropeway.jp

เห็นแบบนี้หลายคนคงอยากจะไปเที่ยว ชมวิวภูเขาสวยๆ ด้วยตัวเองกันแล้วใช่ไหมคะ นอกจากวิวจะสวยอลังการแล้ว การเดินทางไปยัง Shinhotaka Ropeway ก็สะดวกมาก มีรสบัสไปส่งถึงที่ ขึ้นกระเช้าก็ใช้เวลาแค่แป๊บเดียว ทั้งทริปนี้จะใช้เวลาแค่ 1.5 – 2 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ถ้าใครอยากแวะเที่ยวตามจุดต่างๆ นั่งจิบเครื่องดื่มชมวิวสวยๆ ก็อย่าลืมเผื่อเวลากันด้วยนะคะ 


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1. กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————

Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
[email protected]
Line id : @mushroomtravel

สินค้าที่เกี่ยวข้อง